ตอนที่แล้วEp.336 - พลังรบที่เพิ่มพูน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.338 - แผนจัดตั้งกองทหาร

Ep.337 - มังกรคราม


2/4

Ep.337 - มังกรคราม

สองชั่วโมงหมดลงอย่างรวดเร็ว

ทุกคนต่างได้รับในสิ่งที่ตัวเองต้องการ

แน่นอนว่านั่นแลกมาด้วยหินคริสตัลจำนวนมากเช่นกัน

ฉูกับจ้าวเรียกรวมพลสมาชิกทีม

ฉูเทียนหัวก้าวมาข้างหน้าสองก้าว ตะเบ๊ะแสดงความเคารพ กล่าวรายงานเสียงดัง “สมาชิกทีมทั้งหมด 312 คนได้อยู่ที่นี่แล้ว ขอท่านผู้นำโปรดสั่งการ!”

ว่าจบ

ฉูเทียนหัวก็ถอยกลับมาสองก้าว

ยืนอยู่ข้างๆจ้าวหมิงในตำแหน่งเดียวกัน

เบื้องหลังรองผู้นำทั้งสอง คือสมาชิกในทีมมากกว่า 300 คน

ทั้งหมดยืนตัวตรง เรียงแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยมีแกนหลักเช่นเจียงหนาน จางเสี่ยวเฉียง ฉินมู่ ปันหลง และอีกกว่าสิบคนยืนอยู่ในแถวแรก ขณะที่คนอื่นๆต่อแถวกันเป็นกลุ่มเล็กๆ

ทุกคนมองมายังฮังอวี่เป็นสายตาเดียว ในแววตาสะท้อนไปด้วยความเคารพและเลื่อมใส

ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ฮังอวี่ได้สร้างชื่อเสียงให้แก่ตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า จนในที่สุดก็ได้มานั่งตำแหน่งผู้นำในที่นี้ ผู้คนกว่า 300 คนในไม่มีใครคัดค้านการรับตำแหน่งของเขา!

“ดี!”

ฮังอวี่มองไปรอบๆ

เขาพอใจกับทีมๆนี้มาก

ในบรรดาคนเหล่านี้ สองคนที่สำคัญที่สุดสำหรับฮังอวี่คือจ้าวหมิงและฉูเทียนหัว ซึ่งทั้งคู่แม้ว่าจะมีสถานะเท่าเทียมกัน แต่หน้าที่รับผิดชอบไม่เหมือนกัน

จ้าวหมิงรับผิดชอบด้านการเงินและบุคลากร!

ฉูเทียนหัวรับผิดชอบสั่งการการต่อสู้และการสร้างวินัย!

ฮังอวี่เชื่อในหลักการเสมอ ว่าการปล่อยให้คนทำในสิ่งที่ตนถนัด นั่นแหละคือทางเลือกที่ถูกต้องที่สุด!

หากปรารถนาในอำนาจมากเกินไป คิดแต่จะคว้าทุกอย่างมาไว้ในมือ สุดท้ายคุณก็ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง และบุคคลเช่นนี้ยากที่จะบรรลุสู่ความยิ่งใหญ่ได้

เขาคือผู้นำ

มีหน้าที่รับผิดชอบด้านกลยุทธ์และกำหนดทิศทางข้างหน้า

สำหรับเบื้องหลังของทีมอย่างการจัดบุคลากรและสร้างวินัย

เรื่องพวกนี้มอบให้มือซ้ายมือขวาอย่างจ้าวหมิงและฉูเทียนหัวจัดการ

คุณกำลังจะบอกว่าทุกวันนี้สมาชิกในทีมก็ไม่เลวอยู่แล้วใช่ไหม? นั่นก็เพราะคนส่วนใหญ่ได้รับการฝึกฝนจากฉูเทียนหัวมาบ้างแล้ว ดังนั้นเลยมีสภาพเป็นอย่างในตอนนี้ แต่สุดท้ายพวกเขายังมีวินัยเทียบไม่ได้กับทหาร

“ผมจะไม่เสียเวลามากมาย จุดประสงค์ที่เรียกทุกคนมารวมตัวกันในครั้งนี้ พวกคุณน่าจะพอทราบกันอยู่แล้ว”

ระหว่างกล่าว

ฮังอวี่นำสัญญาวิญญาณออกมา

“ทีมของเราจะทำสัญญาร่วมกัน นับจากนี้ไปพวกเราคือพันธมิตรและสหายร่วมรบอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปในโลกวิญญาณพวกเราคือหนึ่งเดียวกัน หากเจริญก็เจริญด้วยกัน ตายก็ตายด้วยกัน!”

ฝูงชนเมื่อได้ยินคำนี้

ทุกคนตื่นเต้นและเริ่มเร่าร้อน!

นี่ถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับพวกเขา!

หวังเอ๋อยืดคอขึ้นและร้องว่า “ฮ่ง เจ้านาย แล้วองค์กรของพวกเราจะชื่ออะไรดี? สนใจให้เปิ่นหวังใช้สมองอันชาญฉลาดตั้งชื่อที่ดูอลังการและมีความหมายสวยหรูให้ไหม?”

ระหว่างที่เจ้านายกำลังพูด

ผู้ใต้บังคับบัญชาควรขัดจังหวะหรือ?

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บังคับบัญชาที่เป็นแค่หมา!

อีกอย่าง เรื่องสำคัญแบบนี้ใครจะทำใจมอบหมายให้สุนัข?

ขืนข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ว่าชื่อขององค์กรแท้จริงแล้วเป็นสุนัขตั้งให้ แบบนี้ต่อให้ชื่อจะโดดเด่นสักแค่ไหน แต่ความน่าเกรงขามคงลดลงหลายส่วน!

ดูท่าจะต้องส่งสุนัขให้ฉูเทียนหัวจับไปฝึกวินัยอย่างถูกต้องบ้างแล้ว!

ไหนลองดูอีกคนซิว่าจะมีปฏิกิริยายังไง เสี่ยวไป๋เวลานี้กำลังงุนงง คาดว่าในสมองคงกำลังหมกมุ่นอยู่กับอนิเมะ ... ช่างเถอะ ไม่ถามดีกว่า ปล่อยเธอไว้อย่างนั้นแล้วกัน

“แน่นอน องค์กรหรือทีมของพวกเราต้องมีชื่อที่ทำให้ผู้คนจดจำ” ฮังอวี่กระแอม และเอ่ยว่า “ดังนั้น ตอนนี้ผมขอประกาศว่า ชื่อองค์กรของพวกเราคือ ‘มังกรคราม!’”

มังกรครามมีชื่อคล้ายคลึงกับสมาคมมังกรฟ้า

ขณะเดียวกัน คำว่ามังกรคือส่วนหนึ่งของชื่อ อาณาจักรมังกรโลกา

เมื่อรวมทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน

จึงกลายเป็นมังกรคราม

ฮังอวี่รู้สึกว่าชื่อนี้ไม่ดูอ่อนแอหรือก้าวร้าวมากเกินไป

หมาหวังเอ๋อพอได้ยิน

มันคิดว่าชื่อนี้ยังไม่ทรงพลังมากพอ

แต่ไม่ทันจะได้เปิดปาก มันก็ถูกถลึงมองด้วยสายตาของเจ้านาย

ฮัสกี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหยุดพูด ส่ายหางแล้วถอนหายใจ ในใจมันบ่นอุบว่าเจ้านายไม่มีศิลปะในการตั้งชื่อเอาซะเลย แบบนี้สู้ให้สุนัขตั้งชื่ออันแพรวพราวให้ดีกว่า

ถัดมาเป็นพิธีทำสัญญา

อำนาจผูกพันในสัญญาวิญญาณนั้นเทียบไม่ได้กับสัญญาอุปการะหรือสัญญาประเภทอื่นๆ แต่ตัวสัญญาสามารถทำได้อย่างกว้างขวาง เหมาะสำหรับใช้ในการก่อตั้งพันธมิตรหรือสร้างทีม

หลังทำสัญญาเสร็จสิ้น

สมาชิกในพันธสัญญาทุกคนจะกลายเป็นหุ้นส่วนกัน

พันธสัญญาจะนำมาซึ่งข้อจำกัดและข้อบังคับหลายประการ ตัวอย่างเช่นเมื่อสมาชิกในพันธสัญญาฆ่ากันเอง พวกเขาจะถูกสาปด้วยอำนาจของสัญญา คำสาปนี้รุนแรงยิ่งกว่าคำสาปวิญญาณโลหิตที่เกิดจากการฆ่าแกงกันเองในเผ่าพันธุ์เดียวกัน ก่อเอฟเฟกต์สถานะเชิงลบต่างๆ และจะคงอยู่อย่างยาวนาน

ในทางตรงกันข้าม พันธสัญญาจะนำมาซึ่งผลประโยชน์และความสะดวกหลายประการ เช่น เมื่อสมาชิกของพันธสัญญาสร้างทีมเพื่อฆ่ามอนสเตอร์หรือศัตรูร่วมกัน ประสิทธิภาพในการดูดซับแต้มวิญญาณก็จะสูงขึ้น

นอกเหนือไปจากนี้

จะเป็นรายละเอียดยิบย่อยของสัญญาที่สามารถปรับแต่งเองได้

สมาชิกในพันธสัญญาสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายระดับ ระดับสูงสุดอย่างเช่นผู้นำสามารถเขียนข้อบังคับบางอย่างลงในสัญญา เพื่อให้สมาชิกทุกคนปฏิบัติตามกฏของสัญญา ใครฝ่าฝืนจะถูกคำสาป

แน่นอน

คุณภาพของพันธสัญญานี้ยังไม่ค่อยเข้มแข็งนัก

บวกกับเลเวลของสัญญาวิญญาณที่ยังไม่สูง

ดังนั้นผลลัพธ์ที่ร้ายแรงที่สุดของการผิดสัญญาจึงไม่มีอะไรมากไปกว่าการถูกคำสาปวิญญาณ

แม้สิ่งนี้จะเทียบไม่ได้กับสัญญาสัตว์วิญญาณหรือสัญญาอุปการะ แต่หากได้ร่วมพันธสัญญากัน มันจะช่วยให้สามารถระบุตัวตนในฐานะสมาชิกขององค์กรได้

นี่คือสิ่งจำเป็นมาก

พันธสัญญาสามารถใช้เป็นกฏเกณฑ์และข้อบังคับขององค์กรได้

เจ้าสิ่งนี้สามารถควบคุมสมาชิกทุกคนอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยส่งเสริมการเติบโตอย่างเป็นระเบียบ

หลังจากทำพันธสัญญาเสร็จสิ้น

ฉูและจ้าวก็ยื่นสำเนาที่เตรียมไว้ให้ฮังอวี่

“นี่คือกรอบโครงสร้างองค์กรที่ร่างขึ้นจากพวกเราสองคนที่หารือร่วมกับสมาชิกทีม มันคือกฏขององค์กร แนวทางการให้รางวัลและการลงโทษ รวมไปถึงการชำระค่าธรรมเนียม”

ฮังอวี่กวาดตาอ่าน

อื้อหือ

ละเอียดมาก

แบ่งเป็นทั้งคำอธิบายในส่วนของ ‘ภาระผูกพันในองค์กร’ และ ‘ภาระผูกพันส่วนบุคคล’

ภาระผูกพันในองค์กรมีดังนี้ ‘สมาชิกในพันธสัญญาจะกลายเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร ทุกคนมีหน้าที่แบ่งปันข้อมูลและช่วยเหลือสมาชิกคนอื่นๆให้พัฒนา มีรางวัลสำหรับคนที่ทำผลงานได้ดี และลงโทษคนที่ทำผิด’

‘สมาชิกแต่ละคนจะได้รับการคุ้มครองจากองค์กร หากบุคคลใดถูกทำร้ายหรือถูกละเมิดผลประโยชน์โดยที่ตัวเองไม่ผิด ทางองค์กรมีหน้าทีแสวงหาความยุติธรรมให้กับพวกเขา’

แน่นอน

ที่กล่าวมาข้างต้น ตอนนี้ยังจำกัดไว้แค่เฉพาะในอาณาจักรมังกรโลกาเท่านั้น

ภาระผูกพันส่วนบุคคลมีประมาณนี้ ‘แต่ละคนต้องจ่ายค่าธรรมเนียมอย่างสม่ำเสมอ โดยจะมากน้อยขึ้นอยู่กับตำแหน่งของพวกเขา และหลังจากการสู้ศึกใหญ่ องค์กรจะริบสินครามไว้ 20% ส่วนที่เหลือแจกจ่ายตามผลงานของแต่ละคน’

องค์กรจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีส่วนสำรองเป็นของตัวเอง

เพราะเงินหรือทรัพยากรเหล่านั้นสามารถรับประกันการพัฒนาขององค์กรได้

ในช่วงแรกๆรายบุคคลต้องชำระค่าธรรมเนียมแก่องค์กรอย่างสม่ำเสมอ แต่เป็นจำนวนเงินที่น้อยมาก ผันผวนตามตำแหน่งของตัวเอง และทุกคนสามารถเลือกจ่ายได้หลังจบศึกใหญ่ โดยองค์กรจะคำนวณเองว่าสมควรหักส่วนแบ่งของคุณไปเท่าไหร่

นอกเหนือไปจากนี้

เมื่อสมาชิกคนใดคนหนึ่งกลายเป็นเจ้าของอุตสาหกรรมในโลกวิญญาณและสามารถสร้างรายได้

คนๆนั้นจะต้องส่งมอบรายได้ส่วนหนึ่งเข้าคลังขององค์กร

ในทางกลับกัน องค์กรมีภาระหน้าที่ในการปกป้องทรัพย์สินส่วนตัวของสมาชิก

ตัวอย่างเช่น

เมืองหุบเขาเดียวดายคือทรัพย์สินส่วนตัวของฮังอวี่

ดังนั้นทุกคนในองค์กรจะต้องช่วยเหลือเขายามมีเกิดศึกสงคราม

นอกเหนือจากนี้

สำเนาที่จัดร่างโดยฉูและจ้าว

ยังมีบอกถึงภาระหน้าที่ของผู้นำ รองผู้นำ หัวหน้าทีม และสมาชิกธรรมดาไว้อย่างละเอียด กล่าวได้ว่าสองคนนี้ทำการบ้านมาดีมากๆในช่วงสองวันที่ผ่านมา

ฮังอวี่พูดกับจ้าวหมิงและฉูเทียนหัว

หลังจากปรับเปลี่ยนรายละเอียดเล็กน้อย

สุดท้ายทั้งหมดก็ถูกเขียนลงในพันธสัญญา

การปราศจากกฏเกณฑ์จะไม่สามารถก้าวหน้าได้ ทว่าหากทุกคนปฏิบัติตามกรอบนี้ องค์กรก็จะสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างไม่มีปัญหา!

มังกรครามถือได้ว่าเป็น ‘บริษัทแห่งโลกวิญญาณ’

นอกจากนี้ยังสามารถเรียกว่าเป็นกิลด์หรือสโมสรก็ได้

บทบาทของฮังอวี่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคือตำแหน่งประธาน และเป็นคนเดียวที่ถือหุ้น  51% ของหุ้นบริษัท

ขณะที่ฉูและจ้าวถือหุ้นคนละ 20%

ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นแรงจูงใจพนักงานและแจกจ่ายให้กับเหล่าระดับกลาง ระดับสูง ตลอดจนแกนหลัก

สิ่งเหล่านี้ก็เขียนไว้ในพันธสัญญาเช่นกัน และพันธสัญญายังคงมีรายละเอียดบางประการที่ต้องหารือกันอย่างครบถ้วน เพื่อปรับปรุงให้เหมาะสมและสามารถนำไปปฏิบัติได้ในอนาคต

แต่สำหรับตอนนี้ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว!

นี่สมควรเป็นบริษัทในโลกวิญญาณแห่งแรกของเผ่าพันธุ์มนุษย์!

มังกรครามได้รับการก่อตั้งอย่างเป็นทางการ!