ตอนที่แล้วบทที่ 774 เคยถูกจับรึยัง?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 776 ความเศร้าของคนประเภทนี้

บทที่ 775 รองคณบดีผู้ยิ่งใหญ่(ตอนฟรี)


บทที่ 775 รองคณบดีผู้ยิ่งใหญ่

ในที่สุดครูสาวและแฟนหนุ่มที่เป็นลูกชายรองคณบดีก็ถูกพาตัวออกไปในสภาพที่มีผ้าห่อน้ำแข็งประคบหน้า ทั้งสองรู้แค่ว่าถูกตบหน้า มีอาการเจ็บปวดและมึนงงเล็กน้อย และไม่คิดว่าเป็นอะไรร้ายแรงจึงไม่ได้จริงจังกับมัน

เมื่อเทียบกับความเจ็บปวดบนใบหน้าแล้ว การถูกตบหน้าในที่สาธารณะต่อหน้าคนมากมายเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาอับอายและเจ็บใจมากที่สุด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับลูกชายของรองคณบดี จะมีสักกี่คนที่กล้าทำกับเขาแบบนี้ เรื่องนี้เป็นความอัปยศอดสูอย่างยิ่งสำหรับเขา!

ระหว่างทางไปสถานีตำรวจ ครูสาวยังคงโวยวายอยู่ในรถ “ดูสิที่รัก ฉันยังรู้สึกเจ็บแก้มตรงที่โดนตบอยู่เลย รู้สึกเหมือนฟันจะโยกหน่อยๆด้วย! ที่รัก คุณต้องจัดการเรื่องนี้ให้เด็ดขาดเลยนะ! อย่าปล่อยให้ไอ้สารเลวนั่นมันรอดไปได้ ฉันอยากให้มันไปนอนอยู่ในคุกตลอดชีวิต!”

“ต้องรอดูผลการสอบสวนก่อน!”

ลูกชายคณบดีที่เอามือปิดหน้าพูดเสียงอู้อี้

“ทำไมจะต้องรอด้วยล่ะคะ! คุณก็เรียกพ่อของคุณมาเลย แล้วมาดูกันว่าจะมีใครกล้าไม่ไว้หน้าพ่อคุณบ้าง!” จู่ๆครูสาวก็พูดอย่างฉุนเฉียว “ที่รัก ถ้าคุณจะใจร้ายปล่อยให้คนที่ตบตีแฟนคุณลอยนวล คุณก็ลองคิดถึงหน้าคุณดู คุณเองก็โดนมันตบเหมือนกัน ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป คุณจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?!”

“หุบปาก!”

ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว และอดไม่ได้ที่จะตะคอกออกมา “พอสักที! จะทำยังไงฉันรู้ดีอยู่แก่ใจ ไม่ต้องมาสอนฉัน! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอทำตัวไร้เหตุผล ทั้งฉันและเธอจะมาเจอกับปัญหาบ้าๆแบบนี้ได้ยังไง? เธอยังมีหน้ามาพูดแบบนี้กับฉันอีกเหรอ?!”

“ฉัน... ฉัน...”

ครูสาวตกตะลึงและได้แต่อ้ำๆอึ้งๆอยู่ครู่หนึ่ง เธอมองไปที่แฟนหนุ่มของเธอด้วยแววตาที่มีน้ำตาเอ่อคลอ เธอกะพริบตาสองสามครั้งแล้วเอนหัวลงซบไหล่ของแฟนหนุ่มก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน

“ที่รักคะ ที่ฉันโมโหไม่ใช่แค่เพราะฉันโดนตบนะ แต่เป็นเพราะไอ้บ้านั่นมันไม่ไว้หน้าคุณเลย ทั้งๆที่ฉันก็บอกไปแล้วว่าคุณเป็นใคร แบบนี้จะไม่ให้ฉันโมโหได้ยังไง... ที่รัก คุณจะโกรธฉันจริงๆน่ะเหรอ?”

หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง ครูสาวก็ลดเสียงของเธอลงและกระซิบที่ข้างหูของแฟนหนุ่ม “ถ้าคุณจัดการเรื่องนี้ได้ คืนนี้คุณจะได้ทำทุกอย่างตามใจต้องการเลย!”

“จริงเหรอ?!” เมื่อนายน้อยซู ลูกชายรองคณบดีได้ยินประโยคนี้ ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นทันที

“แต่เราจะทำแบบนั้นได้ เรื่องนี้จะต้องจบลงด้วยดี คุณจะต้องทำให้คนพวกนั้นเข้าไปอยู่ในคุกให้หมด!” ครูสาวพูดอย่างอ่อนหวาน

“ไม่ต้องห่วง ฉันโทรหาพ่อแล้ว พ่อมาถึงเมื่อไหร่ ทุกอย่างจะเป็นอย่างที่เธอพอใจแน่นอน!” นายน้อยซูกล่าวทันที

“จริงเหรอ! เยี่ยมไปเลย!”

ครูสาวตื่นเต้นดีใจมาก เธอกำลังจะหัวเราะ แต่ก็ต้องหยุดชะงักทันทีเพราะความเจ็บปวดจากการขยับหน้า ใบหน้าของเธอเวลานี้เหมือนกับลิงในสวนสัตว์ ไม่เหลือภาพลักษณ์ของความเป็นครูเลย

ในเวลานี้ จี้เฟิง เหอหงเหว่ยและโจวเฟยเฟยได้มาถึงสถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุดด้วยความสบายใจ พวกเขาพูดคุยและหัวเราะกันโดยไม่ได้มีความกังวลใดๆ

แต่เนื่องจากพยานผู้เห็นเหตุการณ์คนอื่นๆยังมาไม่ถึง พวกเขาจึงนั่งรออยู่ในห้องสำนักงาน โดยมีตำรวจ 2 คนคอยคุ้มกัน หนึ่งในนั้นรินน้ำชาให้พวกเขา ส่วนบอดี้การ์ดทั้งสองคนของเหอหงเหว่ย ถูกนำตัวไปที่สำนักงานอื่น เนื่องจากพวกเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้โดยตรง ดังนั้นพวกเขาจึงแค่ตอบคำถามง่ายๆไม่กี่ข้อเท่านั้น

“จี้เฟิง นายจะจัดการยังไงกับผู้หญิงคนนั้นและแฟนของเธอ?” เหอหงเหว่ยถามด้วยรอยยิ้ม

“ทำไมถึงถามผมแบบนั้นล่ะ? ผมไม่ใช่ตำรวจ แล้วผมจะไปจัดการกับพวกเขาได้ยังไง!” จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและยิ้ม “แต่ผมแค่สงสัย ลูกชายของรองคณบดีนี่ยิ่งใหญ่มากเลยเหรอ? หรือว่าครอบครัวของเขาทำธุรกิจธนาคาร?!”

“ในเมื่อเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้แล้ว จะไปตรวจสอบข้อมูลหน่อยมั้ยล่ะ?”เหอหงเหว่ยถามด้วยรอยยิ้ม

“ก็คิดอยู่เหมือนกัน... แต่ตอนนี้เราควรจัดการเรื่องหน้าก่อน” จี้เฟิงยิ้ม

ผ่านไปครู่หนึ่ง ตำรวจหนุ่มก็เดินเข้ามา เขาเหลือบมองทั้งสามคนที่มีท่าทีสบายๆเหมือนมานั่งคุยเล่นที่อยู่ตรงหน้าเขา และทันใดนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นอยู่ในใจ อิทธิพลของสามคนนี้ยิ่งใหญ่จนน่ากลัว ทำไมครูและนักเรียนพวกนั้นถึงได้ไปยั่วโมโหคนระดับนี้ได้นะ! ช่างรนหาที่ตายจริงๆ!

“คุณชายจี้ คุณชายเหอ ผมต้องขอโทษที่ทำให้พวกคุณต้องลำบากและเสียเวลามาให้ปากคำที่นี่!” ตำรวจหนุ่มก้าวเข้ามาและพูดด้วยรอยยิ้มเกรงใจ

จี้เฟิงสะดุ้งเล็กน้อย เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ “คุณรู้จักผมด้วยเหรอ?”

“แน่นอน ตอนที่โรงงานยาเถิงเฟยเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการ ผมได้ไปงานตัดริบบิ้นกับบอสใหญ่และก็ได้พบกับคุณชายจี้ในเวลานั้น” ตำรวจหนุ่มหัวเราะ

“อย่างนี้นี่เอง!” จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อย

“อ้อ! สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น เราได้ดูบันทึกวิดีโอของกล้องวงจรปิดแล้วนะครับ แม้ว่าอีกฝ่ายจะผิด แต่ดูเหมือนว่าคุณชายจี้จะทำร้ายคนไปหลายคน มันเลยค่อนข้าง...” ตำรวจหนุ่มยิ้มแห้งๆ และมีท่าทีลังเล

จี้เฟิงรู้ดีว่าที่อีกฝ่ายมีท่าทีลังเลและเข้ามาบอกกล่าวด้วยความกระตือรือร้นแบบนี้ เพราะเขาคือคนที่นายกเทศมนตรีหลี่ส่งมา แต่เขาก็ยึดตามหลักความถูกต้องและใช้กฎหมายอย่างเป็นกลาง และนี่ก็คือสิ่งที่จี้เฟิงจะไม่ล้ำเส้น ดังนั้นจี้เฟิงจึงไม่ได้รู้สึกแย่ต่อตำรวจคนนี้

หลังจากที่ฟังคำพูดของตำรวจ เขาก็ถามอย่างไม่ใส่ใจว่า “แล้วคุณจะดำเนินการยังไงต่อ?”

“มันขึ้นอยู่กับว่าอีกฝ่ายจะเรียกร้องอะไร” ตำรวจพูดด้วยรอยยิ้ม “อย่างไรก็ตาม ผมเพิ่งตรวจสอบอาการบาดเจ็บของนักเรียนและครูทั้งสองคนแล้ว เบื้องต้นไม่ได้พบว่ามีความรุนแรงแต่อย่างใด ถือได้ว่าเป็นการทะเลาะวิวาทธรรมดา อย่างมากที่สุดคุณก็แค่ถูกปรับ!”

“ครูสองคน? ลูกชายรองคณบดีก็เป็นครูเหมือนกันเหรอ?” จี้เฟิงถามด้วยความประหลาดใจ “ตอนนี้สภาพโรงเรียนเป็นยังไงบ้าง ทำไมแม้แต่หมาแมวก็มาเป็นครูได้ นักเรียนพวกนั้นจะน่าสงสารเกินไปแล้ว!”

ตำรวจได้แต่หัวเราะอย่างขมขื่น เขาไม่สามารถตอบคำถามแบบนี้ได้ หัวหน้าได้เตือนเขาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าตราบใดที่มันไม่ได้เป็นการละเมิดหลักการ ไม่ว่าพวกลูกคุณหนูเหล่านี้จะทำอะไร ก็ปล่อยให้พวกเขาทำ และจะดีที่สุดหากตอบสนองพวกเขาจนพึงพอใจ เพราะถ้าพวกเขาไม่พอใจ ก็ไม่มีใครช่วยอะไรเขาได้แล้ว

“ค่าปรับน่ะ ถ้าต้องจ่าย มันต้องจ่ายเท่าไหร่เหรอ?” จี้เฟิงถาม

“ตามบทลงโทษ จะต้องจ่ายประมาณสองพันหยวน!” ตำรวจพูด “คุณชายจี้ สำหรับจำนวนเงินเล็กน้อยแค่นี้ ทางเราสามารถจ่ายให้คุณได้ คุณชายจี้จะได้ไม่ต้องลำบากโอนหรือเขียนเช็คเพราะมันอาจจะมีค่าธรรมเนียมนิดหน่อย

เล็กน้อย? ค่าธรรมเนียม?

จี้เฟิงแทบจะกัดลิ้นตัวเอง เขาโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่ต้องทำแบบนั้นหรอกครับ ถึงแม้ว่าผมจะรู้สึกลำบากใจที่ต้องควักเงินสองพันหยวนเพื่อจ่ายค่าปรับ แต่เรื่องที่ควรต้องจ่ายผมก็จะไม่ผิดสัญญาอย่างแน่นอน อ้อ..จ่ายเงินสดนะ!”

เอาจริงดิ?! เงินตั้งสองพันหยวนเลยนะ! มันกลายเป็นจำนวนเงินเล็กน้อยตั้งแต่เมื่อไหร่?

ในกรณีนี้ หากตีเป็นมูลค่าทรัพย์สินในปัจจุบันของจี้เฟิง เงินสองพันหยวนถือได้ว่าเป็นแค่เงินค่าขนม แต่เนื่องจากตัวตนข้างในของเขาก็เป็นเพียงแค่เด็กธรรมดา เขาไม่เคยคิดว่าเงินจำนวนมากขนาดนี้เป็นแค่ค่าขนม เพราะเงินสองพันหยวนก็เพียงพอแล้วสำหรับเขาและแม่ของเขาที่จะใช้ชีวิตได้เกือบครึ่งปี!

อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องนี้ จี้เฟิงจะไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเหล่านี้จ่ายค่าปรับในนามของเขา

ตำรวจวัยกลางคนหัวเราะเพราะคิดว่าเป็นมุกตลกของจี้เฟิง “ครับดีแล้วครับ ถ้ามีเงินสดก็จะสะดวกกว่ามาก!”

เหอหงเหว่ยที่นั่งอยู่ข้างๆได้แต่ยิ้มและไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่มองจี้เฟิงอยู่เงียบๆ โจวเฟยเฟยก็ทำเช่นเดียวกัน เธอมองไปที่จี้เฟิงด้วยความสงสัย

เธอพบว่าจี้เฟิงมีอะไรที่พิเศษและแตกต่างจากคนอื่นมาก เขาดูเป็นคนที่ระมัดระวังในการใช้เงินอย่างจริงจัง อันที่จริงต้องบอกว่าค่อนข้างจะขี้เหนียว... รู้หรือไม่ว่า สำหรับคนระดับโจวเฟยเฟยและเหอหงเหว่ย ค่าใช้จ่ายวันหนึ่งอาจมากกว่า 20,000 หยวนด้วยซ้ำ แต่จี้เฟิงกลับใส่ใจกับเงิน 2,000 หยวน และไม่มีความเย่อหยิ่งเหมือนอย่างเวลาที่พวกชนชั้นสูงใช้เงินกว้านซื้อทุกอย่างที่ต้องการอะไรแบบนั้นเลย

แม้แต่ในด้านของความรุนแรง เขาก็ดูไม่เหมือนกับลูกผู้มีอิทธิพลหรือลูกของชนชั้นสูงเหล่านั้นเลย

หากเป็นลูกหลานตระกูลผู้ดีอื่นๆ หากต้องมาเผชิญเรื่องในวันนี้ แม้แต่ลูกคุณหนูที่มีใจรักความเป็นธรรมก็ยังต้องโบกมือและปล่อยให้บอดี้การ์ดส่วนตัวจัดการครูสาวและพรรคพวกคนอื่นๆของเธอทันที หรือไม่ก็แค่โทรเรียกเส้นสายทางตำรวจและให้ตำรวจนำตัวคนพวกนี้ไปจัดการก็เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม จี้เฟิงกลับทำตามอารมณ์ไปตรงๆ เขาโกรธจัดและต่อยทุกคนด้วยหมัดและลูกเตะของเขาเอง แถมเขาก็ไม่ได้เป็นกังวลเลยว่าจะมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดี!

ช่างเป็นผู้ชายที่น่าสนใจจริงๆ!

แม้ว่าเหอหงเหว่ยและโจวเฟยเฟยต่างก็เคยรับมือกับจี้เฟิงมาก่อน แต่ในเวลานั้นจี้เฟิงเป็นคนที่สงบนิ่ง มั่นคงและดูฉลาดมาก แต่จี้เฟิงในเวลานี้ไม่มีภาพลักษณ์แบบนั้นเหลืออยู่เลย เขากลายเป็นเพียงชายหนุ่มที่บ้าพลังทำตามอารมณ์ เขาชกต่อยอย่างไม่ลังเลและไม่คิดถึงผลที่จะตามมาเลย!

อย่างไรก็ตาม จี้เฟิงในแบบนี้ดูเหมือนจะเป็นตัวของตัวเองมากกว่า และมีแนวโน้มที่จะทำให้พวกเขารู้สึกดีกับจี้เฟิงในรูปแบบนี้มากกว่า

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโจวเฟยเฟย เธอรู้สึกว่าจี้เฟิงในเวลานี้เป็นบุคคลธรรมดาที่เข้าถึงง่าย เขาคือชายหนุ่มที่มีเลือดเนื้อ มีความรู้สึกอย่างคนทั่วๆไป ไม่ใช่คุณชายผู้เย็นชาแห่งตระกูลจี้

“แล้วครูผู้หญิงคนนั้นล่ะ?”

“มันก็ขึ้นอยู่กับว่าทั้งสองฝ่ายจะเจรจาการอย่างไร ในตอนที่เราดูบันทึกวิดีโอของกล้องวงจรปิด มันเป็นความจริงที่ว่าพนักงานเสิร์ฟไม่ได้เป็นฝ่ายผิดแต่เพียงฝ่ายเดียว ดังนั้นคำขอของครูผู้หญิงที่เรียกร้องให้อีกฝ่ายชดเชยเต็มจำนวนจึงเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลอย่างแน่นอน!” ตำรวจหนุ่มกล่าว

จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า “ดีแล้ว ให้เธอซักเสื้อของตัวเองแล้วลืมเรื่องนี้ไปซะ! ส่วนพนักงานเสิร์ฟ ถ้าวันนี้ไม่มีอะไรแล้ว ก็ให้เธอกลับไปก่อน เธอจะได้ไปทำงานต่อ!”

“ส่วนเรื่องค่าชดเชย...” ดวงตาของจี้เฟิงเป็นประกายอย่างเย็นชา “ครูหญิงนั่นตบพนักงานเสิร์ฟ.. เรื่องนี้จะดำเนินการยังไง?”

“เรื่องนี้ก็ต้องมีการเจรจาจากทั้งสองฝ่ายเช่นกัน หากเจรจาไม่สำเร็จ ก็ไปคุยกันต่อในศาล สุดท้ายแล้วแม้ว่าพนักงานเสิร์ฟจะถูกทำร้ายร่างกายก็จริง แต่ก็ไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงใดๆ ดังนั้นจึงไม่มีความรับผิดชอบทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่ถ้าเธอจะขอค่าชดเชย ก็ได้แต่ทางแพ่งเท่านั้น!” ตำรวจกล่าว

“เข้าใจแล้ว!” ผลที่ได้ก็ไม่ต่างจากที่จี้เฟิงคาดไว้นัก ถ้าใช้เส้นทางกฎหมายตามปกติ เธอจะได้รับค่าชดเชยจากศาลเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม จี้เฟิงไม่คิดที่จะปล่อยครูผู้หญิงคนนี้ไปง่ายๆ

“ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!”

จู่ๆเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

ทันทีหลังจากนั้นตำรวจนายหนึ่งก็ผลักประตูเขาเดินเข้ามาและไปกระซิบที่หูของตำรวจหนุ่มสองสามคำ

“เอ่อ.. คุณชายจี้ คุณชายเหอ แล้วก็คุณหนูโจว ผมต้องขอโทษจริงๆ พอดีว่าพ่อของครูผู้ชายมาที่นี่ และตอนนี้เขากำลังเอะอะโวยวายเสียงดัง!” ตำรวจหนุ่มกล่าว

จี้เฟิงชำเลืองมองเขาอย่างมีเลศนัยและพูดเบาๆว่า “ไม่เป็นไร งั้นเราก็ไปดูกันเถอะ รองคณบดีมาทั้งที ถ้าไม่ไปต้อนรับมันจะเป็นการเสียมารยาท!”

......จบบทที่ 775 ~

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด