ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 48 ตอบแทนบุญคุณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 50 การมาถึงของนิกายถ้ำมังกร

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 49 ในร้านอาหาร


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 49 ในร้านอาหาร

แปลโดย iPAT  

ความทะเยอทะยานของหลี่ฉิงซานทำให้เย่ต้าฉวนตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์ เดิมทีเขาต้องการปกป้องหลี่ฉิงซานจากการคุกคามของป้อมวายุทมิฬและมันจะดีที่สุดหากเขาสามารถใช้งานเด็กหนุ่ม อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยคิดที่จะปราบปรามป้อมวายุทมิฬจริงๆ เขาอยากบอกให้หลี่ฉิงซานหยุดฝัน ‘เงินที่ข้าเก็บไม่ใช่เพื่อปราบโจรแต่เพื่อเติมเต็มกระเป๋าของข้าเอง เราเพียงข่มขู่ขุนนางและรับเงิน แล้วทุกคนจะได้รับส่วนแบ่ง!’

แต่เมื่อเย่ต้าฉวนเห็นความมุ่งมั่นในสายตาของหลี่ฉิงซาน เขาก็ไม่สามารถห้ามปราบเด็กหนุ่ม

เย่ต้าฉวนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะทุบโต๊ะ “เอาล่ะ! หากเจ้ามีความมุ่งมั่นเช่นนั้นจริงๆ ข้าก็จะเดิมพันกับเจ้า!”

“นายท่าน เราทำไม่ได้! เราไม่สามารถรุกรานคนเหล่านั้น!” ที่ปรึกษาผุดลุกขึ้นยืน

เย่ต้าฉวนกล่าว “หุบปาก! ข้าก็มีความกล้าในตัวเช่นกัน ข้าจะกลายเป็นคนบาปหากข้าไม่จัดการโจรชั่วเหล่านั้น!” เขากล่าวราวกับผู้ผดุงความยุติธรรมแต่ในใจลอบโอดครวญ ‘หลี่ฉิงซานจัดการโจรเกือบสามสิบคนกับนายน้อยของป้อมวายุทมิฬด้วยตัวเขาเพียงผู้เดียว หากข้าต้องการกวาดล้างป้อมวายุทมิฬที่มีสมาชิกเกือบสามร้อยคน ข้าต้องใช้เจ้าหน้าที่กี่คน?’

เจ้าเมืองเย่ผู้นี้ไม่คุ้นเคยกับยุทธภพหรือการสงคราม ในแง่นี้เขาค่อนข้างว่างเปล่า อย่างไรก็ตามเมื่อคนผู้หนึ่งหมกมุ่นกับความคิดของตนเองแล้ว พวกเขาจะไม่สนสิ่งใดอีกต่อไป

หากป้อมวายุทมิฬถูกทำลาย ผู้ใดจะกล้านินทาว่าเขาได้รับตำแหน่งมาเพราะใช้เส้นสาย ผู้ใดจะกล้าเพิกเฉยต่อการเรียกเก็บเงินของเขาอีก? หลังจากนั้นเขาจะให้น้องสาวของเขากดดันผู้ว่ามณฑลอีกเล็กน้อย บางทีเขาอาจได้เลื่อนตำแหน่งและไปจากเมืองที่ห่างไกลแห่งนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือป้อมวายุทมิฬเป็นโจรชั่วที่ปล้นสะดมประชาชนในพื้นที่มานานหลายปีแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงสะสมความมั่งคั่งไว้ค่อนข้างมาก บางทีพวกเขาอาจมีเงินถึงห้าพัน ไม่ หนึ่งหมื่นตำลึง

เมื่อคิดถึงเงินก้อนโต เจ้าเมืองเย่ก็ไม่สามารถรักษาภาพลักษณ์ของผู้ผดุงความยุติธรรมเอาไว้ได้อีกต่อไป น้ำลายเริ่มไหลออกมาจากปากของเขาโดยไม่รู้ตัว

…..

ในช่วงพลบค่ำ หลี่ฉิงซานอยู่ในร้านอาหารที่ดีที่สุดของเมืองชิงหยาง บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารชั้นเลิศ นี่ทำให้เย่ต้าฉวนรู้สึกปวดใจเล็กน้อย เขาเชิญบุคคลสำคัญของเมืองมารวมตัวกันที่นี่ มันเป็นงานเลี้ยงของเหล่าขุนนางและเศรษฐีที่ทรงอิทธิพล

เย่ต้าฉวนทำเช่นนี้ด้วยแนวคิดที่ว่าไม่ลงทุนก็ไม่ได้กำไร นี่เป็นการลงทุนครั้งใหญ่อย่างแน่นอน แต่ไม่ว่าเขาจะกล่าวสิ่งใด คนเหล่านี้ก็จะยิ้มแต่ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ

นั่นทำให้ใบหน้าของเย่ต้าฉวนดูค่อนข้างน่าเกลียด หลี่ฉิงซานยืนอยู่ข้างเจ้าเมืองเย่ราวกับเป็นผู้พิทักษ์ เมื่อเห็นใบหน้าบิดเบี้ยวของเย่ต้าฉวน หลี่ฉิงซานก็เผยรอยยิ้มกล่าว “ท่านเจ้าเมือง ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเงิน ไม่ใช่ว่าข้าจ่ายให้ท่านแล้วงั้นหรือ?”

หลังจากทั้งหมดเย่ต้าฉวนไม่สามารถนำเงินจำนวนมากของทางการออกมาใช้จ่าย ดังนั้นหลี่ฉิงซานจึงเป็นคนจ่ายค่าอาหาร เขาไม่ใช่คนใจแคบ ตราบเท่าที่เขาได้รับการปฏิบัติอย่างสุภาพและจริงใจ เขาก็จะทำตัวง่ายๆและไม่คิดเล็กคิดน้อย หลังจากทั้งหมดเขาให้ความสำคัญกับนิสัยมากกว่าความมั่งคั่ง

ในทางตรงข้ามหากบางคนแสดงท่าทางเย้ยหยันและพยายามข่มขู่เขา คนเหล่านั้นจะได้รับการตอบโต้ที่รุนแรงเช่นกัน

เย่ต้าฉวนกล่าวอย่างช้าๆ “เมื่อข้าเก็บเงินได้แล้ว ข้าจะจ่ายคืนให้เจ้าอย่างแน่นอน!” ในฐานะเจ้าเมือง เขาค่อนข้างอับอายกับเรื่องนี้ เขากลัวว่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะลอบนินทาและเย้ยหยันเขา

หลี่ฉิงซานโบกมือ “ท่านกำลังช่วยข้า เพราะฉะนั้นอย่าพูดเรื่องเงินอีก”

ที่ปรึกษายืนอยู่ชั้นล่างเพื่อต้อนรับเหล่าขุนนางที่พึ่งเดินทางมาถึง ทุกคนเข้ามาทักทายเย่ต้าฉวนอย่างสุภาพก่อนจะชำเลืองมองหลี่ฉิงซาน “เจ้าต้องเป็นเสือโคร่งที่โค่นโจรภูเขาเหล่านั้น ชื่อของเจ้าดังกังวานเหมือนฟ้าร้อง!”

ทุกคนตรวจสอบข้อมูลมาแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ว่าผู้ใดคือบุคคลสำคัญในวันนี้ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เย่ต้าฉวนแต่เป็นเด็กหนุ่มที่ฆ่าโจรภูเขาหลายสิบคนผู้นี้

พวกเขาไม่กลัวเย่ต้าฉวน พวกเขาไม่กลัวแม้แต่หลี่ฉิงซาน อย่างไรก็ตามเมื่อคนทั้งสองรวมตัวกัน มันค่อนข้างลำบากหากเหล่าขุนนางต้องการจัดการพวกเขา ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถดูหมิ่นเจ้าเมืองคนใหม่ได้อีกต่อไป

เสียงฝีเท้าอันหนักหน่วงดังไปทั่วอาคารก่อนที่คนผู้หนึ่งจะมาถึง ที่ปรึกษาส่งเสียงดังมาจากด้านล่าง “ผู้อาวุโสหลิวแห่งสำนักกำปั้นเหล็กมาถึงแล้ว!” สายตาของทุกคนรวมกันอยู่ที่บันได มีคนจำนวนไม่น้อยยืนขึ้น ความเคารพที่พวกเขาแสดงต่อหลิวหงไม่สามารถเปรียบเทียบกับความว่างเปล่าที่พวกเขาแสดงต่อเจ้าเมืองเย่

ราชสีห์เหล็กหลิวหงเดินขึ้นบันไดพร้อมกับศิษย์สองคนของเขา หนึ่งคือหวังเล่ย อีกหนึ่งคือหลี่หลง

เหล่าขุนนางต้อนรับพวกเขาอย่างอบอุ่น บางคนเรียกเขาว่าวีรบุรุษหลิว บางคนเรียกว่าน้องหลิว แม้แต่ศิษย์ของเขายังได้รับคำชมอย่างล้นหลาม

ขุนนางสองสามคนทำเช่นนั้นก่อนจะชำเลืองมองหลี่ฉิงซานราวกับต้องการกล่าวว่า “เจ้าอาจดุร้ายและแข็งแกร่ง แต่เจ้ายังไม่สามารถเปรียบเทียบกับเขา!” ในสายตาของพวกเขา มันยังมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างหลี่ฉิงซานกับบางคนที่มีชื่อเสียงมานานเช่นหลิวหงที่พวกเขาสามารถพึ่งพา

หลี่ฉิงซานไม่เคยคิดว่าบุคคลสำคัญที่เย่ต้าฉวนต้องการแนะนำให้เขารู้จักก็คือหลิวหง อย่างไรก็ตามเขาตระหนักถึงบางสิ่ง แม้จะไม่มีผู้ใดสนใจเย่ต้าฉวนอย่างจริงจัง แต่พวกเขาก็ยังต้องมางานเลี้ยงของเจ้าเมืองคนใหม่ มิฉะนั้นมันจะเป็นการหักหน้าผู้ว่ามณฑลที่ส่งเย่ต้าฉวนมาที่นี่

ขณะที่เย่ต้าฉวนกำลังลังเลว่าตนเองควรยืนขึ้นหรือไม่ หลี่ฉิงซานก็วางมือลงบนไหล่ของเขาเพื่อบอกให้เขานั่งอยู่ที่เดิม

ทันใดนั้นภาพที่น่าตกใจก็เกิดขึ้น หลิวหงแยกตัวออกจากกลุ่มและมายืนอยู่ด้านหน้าหลี่ฉิงซาน เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “วีรบุรุษหลี่ เราพบกันอีกแล้ว” ทัศนคติที่อบอุ่นของเขาทำให้ทุกคนสงสัยว่าเขายังเป็นราชสีห์เหล็กที่พวกเขารู้จักอยู่หรือไม่

หวังเล่ยโค้งคำนับหลี่ฉิงซานอย่างช้าๆ เขาไม่สามารถสร้างความขุ่นเคืองให้กับเด็กหนุ่มผู้นี้อีกต่อไป

เย่ต้าฉวนกำลังจะแนะนำหลี่ฉิงซาน เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ เขาก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน “พวกเจ้ารู้จักกันงั้นหรือ?”

หลิวหงตบไหล่หลี่หลง “เขามาจากหมู่บ้านเดียวกันกับศิษย์คนสุดท้ายของข้า พวกเขารู้จักกันตั้งแต่ยังเด็ก วันนี้ในเมืองชิงหยาง หลี่หลงก็พาเขาไปซื้อเสื้อผ้าที่เขาสวมอยู่ตอนนี้” ตั้งแต่หลิวหงมาถึง เขาก็เห็นหลี่ฉิงซานทันที เขายังเห็นการแต่งกายของเด็กหนุ่มที่เปลี่ยนแปลงไป หลี่ฉิงซานยืนอยู่ข้างหน้าต่างและดูสูงตระหง่านราวกับต้นสนบนหน้าผา เขาโดดเด่นกว่าคนทั่วไปและดึงดูดความสนใจได้ในทันที แม้จะมีความรู้สึกไม่พอใจหลี่ฉิงซานอยู่บ้าง แต่หลิวหงก็ยังลอบชื่นชมเด็กหนุ่ม ‘เป็นผู้เยาว์ที่กล้าหาญและโดดเด่นจริงๆ’

หลี่หลงมีพรสวรรค์ตามธรรมชาติ ดังนั้นเขาจึงสามารถเป็นศิษย์คนสุดท้ายของหลิวหงและได้รับความโปรดปรานมาก อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกับหลี่ฉิงซาน มันเหมือนพืชผักสวนครัวกับต้นสน ผู้ที่มีสายตาแหลมคมจะค้นพบหยกชั้นยอดชิ้นนี้ทันที ‘เหตุใดข้าไม่พบเขาตอนที่ข้าไปเยือนหมู่บ้านกระทิงหมอบ?’

ในเวลาที่หลิวหงรับหลี่หลงเป็นศิษย์ หลี่ฉิงซานยังอยู่ในดักแด้ เขาเปลี่ยนไปมากเพียงเมื่อเขาฝึกเคล็ดวิชาหมัดปีศาจวัว แต่พรสวรรค์ของเขาก็ไม่ได้เลวร้าย ด้วยการมีสติปัญญาโดยกำเนิด หากปรมาจารย์บางคนพบเห็น พวกเขาจะแย่งกันรับเขาเป็นศิษย์ขณะที่เขาจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก หากเขาไม่ได้เกิดผิดที่ผิดทางเช่นหมู่บ้านกระทิงหมอบ ชีวิตของเขาจะสดใสมาก

แม้ผู้ยิ่งใหญ่จะไม่กลัวการเกิดใหม่ในสถานะต่ำต้อย แต่ไม่มีผู้ใดปฏิเสธความสำคัญของสถานะแรกกำเนิด

หัวใจของเหล่าขุนนางจมดิ่งลง เดิมทีพวกเขาต้องการพึ่งพาพลังและอิทธิพลของหลิวหงเพื่อจัดการหลี่ฉิงซาน แต่พวกเขาไม่เคยคิดว่าหลิวหงจะคุ้ยเคยกับหลี่ฉิงซานมากยิ่งกว่าพวกเขา นอกจากนั้นเขายังปฏิบัติต่อเด็กหนุ่มอย่างคลุมเครือถึงความเท่าเทียม เมื่อพวกเขามองหลี่ฉิงซานอีกครั้ง ความระมัดระวังก็ปรากฏขึ้นในสายตาของพวกเขา

แต่เย่ต้าฉวนกลับรู้สึกมีความสุข “เป็นเช่นนั้น ฉิงซานช่วยข้าจากปากเสือ เมื่อข้าพบเขาอีกครั้งในวันนี้ ข้าจึงขอให้เขามาเป็นมือปราบ”

เดิมทีหลิวหงรู้สึกประหลาดใจว่าเหตุใดหลี่ฉิงซานจึงติดต่อเจ้าเมืองทันทีที่เขามาถึงเมืองชิงหยาง ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว  เขากล่าว “ดังนั้นฉิงซานก็เป็นวีรบุรุษหนุ่มที่ช่วยชีวิตท่านเจ้าเมืองจากเสือภูเขา ท่านเย่มีคนเก่งและฉลาดอยู่ข้างกาย มันเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่ท่านจะสร้างผลงานในเมืองชิงหยาง”

หลี่ฉิงซานไม่อ่อนน้อมถ่อมตนและไม่หยาบคาย เขากล่าว “ท่านกล่าวหนักเกินไป ผู้อาวุโสหลิว ข้าเพียงต้องการยืมพลังของท่านเย่และทำบางสิ่งเพื่อคนเมืองชิงหยาง ข้าต้องการกำจัดโรคร้ายออกจากเมือง”

หางตาของหลิวหงกระตุก เขาเพียงหัวเราะเบาๆและไม่กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้