ตอนที่แล้ววันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0075
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0077

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0076


บทที่ 26 การเดินทางสู่ท้องฟ้า (3)

* * *

ลมกระโชกพัดผ่าน

เป็นลมผสมฝุ่นทราย ปรกติแล้วแทบไม่มีทางเกิดขึ้นในความสูงระดับนี้

ถึงฉันจะเคยเห็นซากโบราณสถานมาไม่มากนัก แต่ก็มั่นใจว่าที่นี่ทรุดโทรมเกินไป

แม้แต่โบราณสถานที่เคยสั่นระฆัง อย่างมากก็แค่รู้สึกกว่าเก่าแก่ ไม่ได้ทรุดโทรมจากการถูกดินฟ้าอากาศกัดกร่อน

“ทำไมที่นี่ถึงแตกต่าง?”

ลิลี่สงสัยเหมือนกับฉัน

“โบราณสถานที่เราเคยพบอาจจะเก่า แต่ไม่ได้เสียหายหนักขนาดนี้ ที่นี่มัน… เกือบจะพินาศโดยสมบูรณ์แล้ว”

ลิลี่พูดพลางมองไปทางปราสาทด้วยสายตากังวล

“ไม่ใช่เพราะฝีมือมังกรที่อาศัยอยู่ในปราสาทนั่นหรือ”

“หืม…”

คำพูดลิลี่มีเหตุผล ความแตกต่างเดียวระหว่างโบราณสถานที่พวกเราค้นพบมาจนถึงปัจจุบัน กับที่นี่ คือการมีและไม่มีมังกรตัวนั้น

แต่ฉันเห็นต่างเล็กน้อย

“ความแตกต่างอาจจะอยู่ตรงที่… แห่งอื่นกลายเป็นเมืองร้าง แต่ที่นี่ถูกทิ้งให้ร้าง”

โบราณสถานที่เคยพบก่อนหน้านี้ ทั้งหมดกลายเป็นเมืองร้าง ไม่ว่าจะมีจุดจบเช่นไร แต่พลเมืองไม่ได้ทิ้งเมืองของตัวเองไป

ในทางกลับกัน ที่นี่ถูกทิ้งให้ร้าง

เมืองที่มังกรเคยอาศัย

ด้วยเหตุผลบางประการ มังกรละทิ้งเมืองของพวกตน — เกาะท้องฟ้า

“ประเด็นสำคัญก็คือ ในตอนที่ทุกคนออกจากที่นี่ ใครบางคนยังยืนหยัดจนถึงที่สุด”

ตัวตนดังกล่าวกำลังอยู่ในปราสาทนั่น

ก้มมองหนังสือในมือ ลิลี่บอกว่ามันคือสมบัติของนักพยากรณ์

ขอเรียกว่าหนังสือพยากรณ์ก็แล้วกัน

คุณสมบัติของมัน เดาได้ไม่ยาก

มันคืออุปกรณ์สำหรับบันทึก ที่สามารถบันทึกสถานการณ์ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง และเล่นซ้ำได้ทุกเมื่อ

นี่คือจุดประสงค์หลักในการมาเยือนเกาะท้องฟ้าของฉัน

ทว่า

“ได้เห็นมังกรนั่นแล้ว… เราจะกลับลงไปเฉยๆ จริงหรือ?”

“ข้าอยากกลับ…”

ลิลี่ส่ายหน้า

“แต่ฉันอยากเข้าไป”

“อื้อ”

คล้ายลิลี่ทำใจได้นานแล้ว เธอค่อยๆ แหงนหน้ามองปราสาท

ประเด็นสำคัญพอๆ กับข้อเท็จจริงที่ว่า ในปราสาทมีมังกร คือการที่มังกรตัวนั้นยังหลงเหลืออยู่แม้ทุกคนจะจากไป

ก็เลยอยากรู้อยากเห็นเป็นพิเศษ

“เจ้าอาจเคยได้ยินมามากแล้ว แต่ข้าจะเล่าให้ฟังอีกครั้ง ในทุกนิทานและตำนาน มังกรเป็นศัตรูของวีรบุรุษเสมอ”

“ศัตรู?”

“เพราะในท้ายที่สุด มังกรจะโผล่มาขัดขวางวีรบุรุษที่กำลังล่าสมบัติ”

“โลกใบไหนก็เหมือนกันหมด”

“หมู่บ้านของเจ้าก็มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ?”

เพียบ

ตามธรรมเนียมของโลก มังกรมักเป็นลาสต์บอสเสมอ ไม่ว่าจะในเกมหรือภาพยนตร์แฟนตาซี

แต่ครั้งนี้ฉันคิดต่าง

มังกรที่ยังยืนหยัดเป็นคนสุดท้ายหลังจากทุกคนจากไป จะถูกวางบทบาทให้เป็นเช่นนั้นจริงหรือ?

ไม่มีหลักฐานรองรับ มีเพียงความเชื่อมั่นอันแรงกล้า

พวกเราเดินเข้าไปในปราสาทชั้นใน

ทิวทัศน์แตกต่างจากที่คิดโดยสิ้นเชิง

“…ที่นี่คือปราสาท?”

ฉันส่ายหน้า

เริ่มเอะใจมาตั้งแต่ข้างนอกแล้ว ยิ่งเข้ามาก็ยิ่งชัดเจน

ที่นี่ไม่ใช่ปราสาท

“กรุสมบัติ”

เหรียญทองกองสุมมากมาย ดาบระยิบระยับ มงกุฎ สร้อยคอ และแหวนจำนวนมากที่ยัดไว้ในกล่องไม้สีดำ

ที่นี่คือขุมทรัพย์ของทองคำ อัญมณี และเงินตราทุกชนิด

“…สุดยอด”

กองสมบัติปะปนกับซากปรักหักพังของอาคารที่ถูกทิ้งร้าง

คล้ายกับรวบรวมสิ่งของที่คนจำนวนมากทิ้งไว้ มารวมในจุดเดียว

ฉันแหงนหน้ามอง

เพดานด้านบนไม่ได้ถูกปิดอย่างมิดชิด มีลักษณะเป็นช่องว่างจากพื้นจรดเพดานชั้นบนสุด

ไม่มีร่องรอยการพังทลาย ราวกับถูกสร้างแบบนี้มาตั้งแต่ต้น

“…ทำไมถึงต้องสร้างแบบนี้”

“เพราะพวกเขาคือเผ่าพันธุ์ที่ไม่ต้องใช้บันได”

แม้จะจำแลงกายเป็นมนุษย์ได้ แต่ถ้าอยากใช้ชีวิตในร่างมังกรตลอดก็ทำได้เช่นกัน

เห็นได้ชัดว่าที่นี่ถูกสร้างเพื่อให้มังกรจริงๆ อาศัย มิใช่มังกรในร่างคน

แหงนมองขึ้นไป ฉันเห็นทางเข้าขนาดใหญ่บนระเบียงชั้นสอง

นั่นคือตำแหน่งที่มังกรตัวสุดท้ายอาศัยอยู่

ความกังวลของฉันคงอยู่เพียงไม่นาน

เป็นธรรมดาที่จะกังวลในสิ่งที่ไม่รู้จัก จึงไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง เพราะการปลดปล่อยความกังวลออกมาตรงๆ จะช่วยให้จัดการอารมณ์ได้ดีกว่า

นี่คือข้อเท็จจริงที่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์อันยาวนาน

ฉันขยับมืออย่างคล่องแคล่ว อัญมณีสีเขียวส่องแสงและกลายเป็นคันศรสีทองระยิบระยับ

ลูกธนูเชือกถูกยิงออกไป

เหมือนเช่นเคย ฉันตรวจสอบให้แน่ใจว่าส่วนตะขอเกี่ยวยึดแน่น

“ลิลี่ จะรออยู่ที่นี่ไหม? ถ้ากลัว เธอไม่ต้องตามไปก็ได้”

“ข้าจะตามไป”

ฉันรู้คำตอบอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน เรลิกซิน่าด้านหลังยืนปากสั่นสักพักก่อนจะส่ายหน้า

ฉันกับลิลี่ปืนขึ้นไปด้วยเชือก บนกำแพงมีช่องว่างมากมายให้เหยียบ การปีนจึงไม่ได้ยากเย็นอะไร

และเมื่อมาถึงด้านบนสุด

「กรร…….」

เสียงอันหนักแน่นดังขึ้น

「กรร…….」

ด้านหน้าเป็นทางเข้า ทางเข้าที่ใหญ่ขนาดให้รถบรรทุกยักษ์ผ่านเข้าออก

ด้านหลังทางเข้ามีร่างมังกรนอนอยู่

แต่ฉันไม่กล้าโผล่หน้าออกไปมอง เพราะไม่อยากโดน ‘เบรธ’ (Breath) จนกลายเป็นเนื้อรมควัน

“ธาม-ทัตซาTham-tatha”

ฉันหลับตาเปล่งเสียงเงียบงัน

“เห็นอะไรไหม”

ลิลี่ถามเสียงค่อย ฉันส่ายหน้าก่อนจะลืมตาอีกครั้ง

“ที่นี่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่น”

คิดไว้แล้วอยู่เหมือนกัน ความสูงระดับนี้แม้แต่นกก็ยังบินลำบาก ก็เลยเตรียมพร้อมไว้แล้ว

ฉันหยิบบางสิ่งที่สะท้อนแสงออกมา

“…เจ้าพกอุปกรณ์ของมือสังหารติดตัวด้วย?”

“มือสังหารใช้ของแบบนี้หรือ?”

“พวกตะวันออกชอบใช้กัน”

มือสังหารของต่างโลกนิยมใช้สิ่งนี้กันสินะ

แต่ในโลกของฉัน แค่ปืนกระบอกก็พอ

ขณะครุ่นคิด ฉันมองผ่านภาพสะท้อนบนกระจก

เป็นทิวทัศน์ที่ชวนให้นึกถึงลานจอดเฮลิคอปเตอร์ใหญ่ๆ หรือรันเวย์สั้นๆ น่าทึ่งมากที่สิ่งนี้ไม่ได้อยู่กลางแจ้ง

สุดปลายอีกฝั่งมีกำแพงใหญ่และประตูบานยักษ์

เป็นเรื่องดีที่ได้เห็นความเป็นอยู่ของมังกร

แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น

“…”

เมื่อเห็นฉันหยุดเคลื่อนไหว ลิลี่ถามด้วยสีหน้ากังวล

“มีอะไรหรือ? เจ้าเห็นอะไร”

“ลิลี่”

“หือ”

“ฉันสบตากับมัน…”

“…อะไรนะ”

“มังกรตัวนั้นกำลังมองมาทางกระจก… สายตาน่ากลัวมาก เหมือนกับเธอไม่มีผิด”

“…”

ใบหน้าลิลี่ขาวซีดจนดูเหมือนไม่มีเลือด

ฉันใช้มืออีกข้างปลดผ้าคลุมไหมสวรรค์ตรงเอว

ประกายไฟเริ่มลุกไหม้จากปากมังกร

ขณะฉันเตรียมนำมาผ้าคลุมมาคลุมร่าง

「จะไม่โผล่หัวออกมารึไง!」

ได้ยินเสียงคำราม ลิลี่ทำหน้าบิดเบี้ยวพร้อมกับใช้สองมือปิดหู

ส่วนฉันภูมิใจในตัวเองเล็กๆ ที่ไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากขนาดนั้น

「ไอ้พวกปุถุชนสมัยนี้… ไม่มีมีมารยาทต่อนิรันดร์ชนเอาเสียเลย! มารยาทน่ะ! เฮ้อ โลกหมุนไปไกลขนาดนี้แล้วหรือ ชิ… 」

“…ลิลี่”

“หือ”

“มีมังกรที่… ยึดมั่นหลักการของขงจื๊อด้วยหรือ?”

“ขงจื๊ออะไร? แนวคิดของพวกตะวันออกหรือ”

ฉันเงียบไปสักพัก

“ก็คงประมาณนั้น”

หลังจากพับเก็บกระจกสะท้อน ฉันไตร่ตรองเกี่ยวกับสถานการณ์

มังกรตัวนั้นมองเราเป็นอาหารหรือไม่?

คำตอบค่อนข้างชัดเจน ถ้ามันคิดแบบนั้นก็คงทำไปนานแล้ว

คำนึงจากคำพูดเมื่อครู่ อีกฝ่ายไม่น่าจะเป็นศัตรู

ระบุให้ชัดเจนก็คือ ฉันไม่สัมผัสถึงเจตนาร้าย การดิ้นรนเอาตัวรอดเป็นเวลานานทำให้สัญชาตญาณในแง่นี้เฉียบคมเป็นพิเศษ

ฉันกับลิลี่จ้องหน้ากัน ต่างคนต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง

อันที่จริง ฉันตัดสินใจได้แล้วว่าจะทำยังไงต่อ

เมื่อพวกเราเดินเข้าไปข้างใน

มังกรตัวใหญ่กำลังนอนหมอบท่ามกลางพื้นที่กว้างๆ

ร่างกายสีเทาขนาดมหึมาไม่ขยับเขยื้อน ดูราวกับเป็นภูเขาหินลูกใหญ่

กลิ่นไหม้จางๆ … กลิ่นของมังกรตัวนี้?

ฉันยังไม่ลืมช่วงเวลาที่มันสร้างประกายไฟจากปาก

อีกฝ่ายมีเกล็ด เขา และกล้ามเนื้อที่ทรงพลังใต้ผิวหนังสัตว์เลื้อยคลาน

เขาหักหนึ่งข้าง บนปีกที่กำลังพับมีรูโหว่

มันอยู่มานานแค่ไหนแล้ว?

บนร่างของสิ่งมีชีวิตที่มีระดับสูงสุด เต็มไปด้วยร่องรอยความเก่าแก่

มังกรที่มอบความรู้สึกสูงส่งแม้จะนอนอยู่เฉยๆ

โฉมวิญญาณที่ลิลี่เห็นจะน่าทึ่งเหมือนกันหรือไม่?

ใบหน้าลิลี่กำลังฉาบด้วยความกลัว ด้านหลังความกลัวมีความทึ่งผสมอยู่

「เหล่าเด็กน้อยจากยุคสมัยที่ทุกคนล้วนหลับตาในสภาพกึ่งตาย… เหตุผลที่พวกเจ้าก้าวเข้ามาในดินแดนที่ยังไม่เคยมีใครสำรวจคืออะไร? 」

“…?”

ฉันมองลิลี่

“ต้องตอบยังไง?”

“…ข้าไม่รู้”

ขณะลิลี่ส่ายหน้า มังกรส่งเสียงคำราม

「เด็กสมัยนี้… ไร้มารยาท… พวกเจ้าไม่รู้หรือว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับใคร? 」

ฉันแค่อยากจะทักทายให้ถูกกาลเทศะ แต่อีกฝ่ายใจร้อนชะมัด

ฉันไม่รู้วัฒนธรรมของต่างโลก ลิลี่ฉลาดในเรื่องนี้กว่าฉันมาก

แต่ดูเหมือนว่า ลิลี่ก็เพิ่งเคยเจอมังกรเป็นครั้งแรกเหมือนกัน

“ป…เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ปุถุชนอย่างข้าได้พบกับนิรันดร์ชน”

「นังหนูแวมไพร์มารยาทใช่ได้ อย่างน้อยก็รู้จักความนอบน้อม แต่กับเจ้า! หืม…? 」

ครืน!

มังกรยืดคอยาวๆ มาหาฉัน เสียงเกล็ดเสียดสีดังแผ่วเบา

「…มนุษย์? 」

ฉันพยักหน้ารับ

「ไม่ใช่ผู้ปกครองหรอกหรือ」

มังกรเผยสีหน้าสับสน

「ไม่สิ จากคำทำนาย… ต้องไม่ใช่มนุษย์… ผู้มาเยือนควรจะเป็นผู้สืบทอดของราชา…」

ฉันถามกลับ

“นี่ลุง… ทำไมถึงยังอยู่ที่นี่ล่ะ?”

“ลุง!?”

ครืน!

เมื่อมังกรคำราม มิติโดยรอบพลันสั่นสะเทือนราวกับจะพังทลาย

「เจ้านำมารยาทใส่หม้อต้มโทรลล์ไปแล้วหรือ!? 」

“ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องของนิรันดร์ชนสักเท่าไร ไม่ใช่ว่าไม่อยากมีมารยาท…”

「ไม่เกี่ยวกับนิรันดร์ชน! แต่เจ้าไม่เคารพผู้อาวุโส!」

“นั่นสินะ… ต้องขออภัยเป็นอย่างสูง ว่าแต่ทำไมท่านถึงอยู่ที่นี่”

มังกรก้มหน้าจ้องฉันสักพักก่อนจะตอบ

คล้ายกับกำลังนึกทบทวนความทรงจำเก่า

「ข้ากำลังรักษาสัญญาที่ให้ไว้สหายรัก」

“สัญญา?”

มังกรหันหัวกลับไปมองประตูด้านหลัง

「สหายรักฝากฝังให้ข้าคอยเฝ้าประตูนั่น จนกว่าผู้ที่มีคุณสมบัติจะมาเปิด」

“หลังประตูนั่นมีอะไร”

「ข้าก็ไม่ทราบ ไอ้เด็กเวร」

“ปกป้องมันทั้งที่ไม่รู้ว่าด้านหลังมีอะไร?”

「เพราะเป็นคำขอร้องจากสหาย」

“…เผ่าพันธุ์ของท่านทอดทิ้งที่นี่ไปหมดแล้วหรือ”

มังกรก้มหน้าจ้องฉันอีกครั้ง

สายตาที่เปี่ยมไปด้วยสัญชาตญาณของสัตว์ร้าย แค่มองครู่เดียวก็รู้ได้ทันที

มังกรเกิดมาพร้อมกับนิสัยก้าวร้าว

「…พวกเราคือนิรันดร์ชน เป็นเผ่าพันธุ์ที่ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง หลังจากยุคทองสิ้นสุดลง เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเราผิดหวังกับการเปลี่ยนแปลงในยุคสมัยถัดมามากแค่ไหน? 」

ฉันสัมผัสถึงบางสิ่งจากหัวใจมังกร

เมื่อผนวกกับเรื่องที่ประกายไฟกำลังเอ่อล้นจากปาก เดาได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายกำลังโกรธ

แต่เขากลับยับยั้งชั่งใจ

ทั้งที่เกิดมาพร้อมนิสัยก้าวร้าวและชื่นชอบความรุนแรง

「นั่นคือเหตุผลที่เผ่าพันธุ์ของข้าจากไป… พวกเราไม่ชอบยุคสมัยนี้」

“…แล้วทำไมท่านถึงยังอยู่”

「เพราะเป็นคำขอร้องของสหาย」

ดวงตามังกรสั่นเทาแผ่วเบา

“…แล้วเหตุใดท่านถึงระงับความโกรธ?”

มังกรจ้องฉันด้วยสีหน้าสงบนิ่ง

โดยทั่วไปแล้ว มังกรแสดงสีหน้าได้ไหม?

ฉันเองก็ไม่แน่ใจ แต่ดวงตาของอีกฝ่ายกำลังเผยความประหลาดใจ

「เพราะข้าไม่อยากเสียใจภายหลัง… เจ้าได้นิสัยช่างซักไซ้มาจากใคร? ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่า ตัวเองจะทนกับมนุษย์ได้นานแค่ไหน จึงพยายามท้าทายความยับยั้งชั่งใจ… เมื่ออยู่ต่อหน้านิรันดร์ชนอย่างข้า แม้แต่ลูกหลานดวงดาวก็ยังไม่กล้าเอ่ยปากซักไซ้」

เหตุผลที่มังกรตกตะลึง ดูเหมือนจะไม่ใช่เนื้อหาที่ฉันถาม แต่เป็นท่าทีเสียมารยาทของฉัน

「…แล้วเจ้ามาที่นี่ทำไม กลับไปเสียเถิด ไม่มีประโยชน์ที่เผ่าพันธุ์ที่ถูกทอดทิ้งจะอยู่ที่นี่」

ฉันมองไปทางด้านหลังมังกร — ประตูบานใหญ่

“ถ้าท่านบอกว่ากำลังปกป้องสิ่งนั้น หากมันถูกเปิดออก ท่านจะเป็นอิสระใช่ไหม”

「เจ้ากำลังตามหาสมบัติ? หากข้าหนุ่มกว่านี้สักหมื่นปี เจ้าได้กลายเป็นมนุษย์ถ่านแล้ว」

“แล้วสรุปว่า… ท่านจะเป็นอิสระหรือไม่”

「…」

ประตูถูกวาดด้วยลวดลายซับซ้อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็น

แต่นั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงที่ว่า

ฉันอ่านมันออก

* * *

มังกรคือผู้ปกครอง

เผ่าพันธุ์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อปกครองปุถุชน

เทพแห่งการรังสรรค์ที่ปัจจุบันร่วงหล่นและกลายเป็นผืนโลก สร้างมังกรให้เป็นเช่นนั้น

และมังกรก็ทำตามหน้าที่ดังกล่าวอย่างซื่อสัตย์เสมอมา

มังกรปกครองและข่มขวัญปุถุชนด้วยความหวาดกลัว ขณะเดียวกันก็ชี้นำด้วยปัญญาของนิรันดร์ชน

กล่าวคือ พวกมันเชื่อว่าตัวเองปกครองโลกอย่างถูกต้องมาตลอด

จนกระทั่งราชาปรากฏตัว และรวมโลกให้เป็นหนึ่งเดียว

มังกรที่เก่าแก่ที่สุด กลายเป็นสหายของราชา

ราชาผู้ทำให้เผ่าพันธุ์ซึ่งเคยห้ำหั่นอย่างดุเดือดมาหลายชั่วอายุคน ปรองดองและกลมเกลียวกัน

ราชาผู้นำความกระตือรือร้นมายังทุกสรรพสิ่ง ช่วยเติมเต็มไฟแห่งการเรียนรู้และพัฒนา มากกว่าจะต่อสู้กันอย่างไร้เหตุผล

ยุคทองคือยุคแห่งแสงสว่างอันเร่าร้อน

เหล่ามังกรเฒ่าชอบยุคนั้นมาก

มังกรจึงมิอาจทนอาศัยในโลกที่ยุคทองสิ้นสุดลง จึงทยอยไปจากโลก

ไปยังสถานที่ห่างไกล ซึ่งไม่รู้ว่าไกลแค่ไหน บางทีอาจอยู่ฝั่งตรงข้ามความมืดมิดที่ปกคลุมท้องฟ้ายามค่ำคืน

ทว่า มังกรผู้เป็นสหายของราชา กิโฮเต้ ไม่ได้ทำเช่นนั้น

เพราะคำขอร้องของสหาย

นับแต่นั้น มันรอคอยมาเนิ่นนาน

ความทรงจำแทบทั้งหมดเลือนรางจางหาย จนในหัวแทบจะเหลือเพียง ‘คำสัญญา’

ในท้ายที่สุด ระฆังดังกังวานไปทั่วโลก กิโฮเต้เชื่อว่าความอดทนอันยาวนานใกล้จะสิ้นสุดลง

กำลังจะมีใครบางคนมาเปิดประตู

มันแค่อยากเป็นอิสระ

— บ้านเกิดของมังกร มันอยากโบยบินไปบนท้องฟ้าอย่างอิสระ

แต่จนแล้วจนรอด ไม่มีผู้ปกครองคนใดมาเยือนสักที

กิโฮเต้รู้อยู่แก่ใจว่า สิ่งมีชีวิตในยุคนี้ สูญเสียความกระตือรือร้นและความเชื่อมั่นไปหมดแล้ว

ผู้ปกครองไม่แสวงหาบัลลังก์อีกต่อไป

ขณะคิดเช่นนั้น มนุษย์คนหนึ่งมาหากิโฮเต้

เผ่าที่พันธุ์เห็นแก่ตัวและน่ารังเกียจ

เผ่าพันธุ์ที่เทพทอดทิ้ง

หากมนุษย์คนนี้มาหามันก่อนที่สหายจะช่วยสอนให้รู้จักโลกมากขึ้น กิโฮเต้คงปฏิบัติกับมนุษย์ประหนึ่งมดปลวก

มนุษย์คนดังกล่าว กำลังเดินไปทางประตู

จากนั้นก็วางมือลง

และพ่นบางสิ่ง

“—เอล ลาดอน เบอร์นิก้าEL LA DON BERNIKA”

ภาษาของสหายเก่า

______________________

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (1/4)

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด