ตอนที่แล้วEp.320 - สตรีมสดโจมตีเมือง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.322 - ศึกระดับขุนนาง

Ep.321 - ปิดฟ้าข้ามทะเล


3/3

Ep.321 - ปิดฟ้าข้ามทะเล

ภายในเมืองหุบเขาเดียวดาย

มนุษย์จิ้งจอกระดับสูงกำลังรวมตัวกัน

โดยมีมนุษย์จิ้งจอกที่มีขนสีเทาและดวงตาสีเขียวยืนอยู่ตรงกลาง จ้องมองไปยังเผ่าพันธุ์ต่างถิ่นเบื้องหน้า

นี่คือลูกัน ขุนนางแห่งเมืองหุบเขาเดียวดาย ในฐานะผู้นำของ 18 กองโจรมนุษย์จิ้งจอก และในฐานะเจ้าเมืองหุบเขาเดียวดาย มันคือผู้มีอำนาจสูงสุดอย่างไม่ต้องสงสัย

และตอนนี้มันมาถึงเลเวล 11 แล้ว

อุปกรณ์คือชุดเซ็ทหมาป่าลาวาหินครบเซ็ท

ผิวกระบี่ในมือปกคลุมไปด้วยชั้นแสงสีฟ้าอ่อน

แต่ในฐานะขุนนาง รากฐานของลูกันยังไม่ถือว่ามั่นคง ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มันเป็นโจรเร่ร่อนไปทุกหนทุกแห่ง แม้จะสามารถรวบรวมมนุษย์จิ้งจอกที่มีสติปัญญามาได้ แต่ก็ยังไม่ถือว่าโดดเด่นในแคว้นเดียวดายแห่งนี้

จนถึงปีที่แล้ว

ก็อบลินหมีซึ่งเดิมยึดครองเมืองหุบเขาเดียวดายเกิดความขัดแย้งภายใน

เป็นผลให้ลูกันฉวยโอกาสลอบโจมตีและทำลายแผ่นศิลาฟื้นคืนชีพได้สำเร็จ

ในปีนี้ ลูกันกวาดล้างอันตรายที่ซ่อนเร้นของก็อบลินหมีได้อย่างหมดจด และกลายเป็นผู้นำในอาณาเขตนี้อย่างแท้จริง

แต่ระยะเวลายังถือว่าสั้นเกินไป

พลังรบของมนุษย์จิ้งจอกยังไม่แก่กล้านักในขณะนี้

ส่งผลให้ผลผลิตในอาณาเขตกว่า 70 - 80 เปอร์เซ็นต์ต้องส่งมอบให้แก่ขุนนางใหญ่

นี่ก็เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับการให้ขุนนางใหญ่รับรู้ถึงสถานะของมนุษย์จิ้งจอก ในขณะเดียวกันก็เพื่อให้ขุนนางใหญ่คุ้มครองเมืองหุบเขาเดียวดาย สั่งห้ามไม่ให้ขุนนางเล็กตนอื่นๆใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้เข้ายึดเมือง

แม้ผลผลิตส่วนใหญ่ของอาณาเขตจะถูกนำไปใช้เป็นเครื่องบรรณาการ แต่ส่วนที่เหลือก็ยังเพียงพอที่จะซื้อม้าสร้างทหาร พัฒนาอย่างช้าๆ พลังรบของ 18 จิ้งจอกค่อยๆแก่กล้าขึ้น จำนวนสมุนสายพันธุ์รองก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

ลูกันตั้งใจที่จะรวบรวมมนุษย์จิ้งจอกระดับสูงตนอื่นๆที่พลัดหลงในแคว้นเดียวดาย เพื่อที่ในอีกไม่กี่ปีเมืองหุบเขาเดียวดายจะได้แข็งแกร่งขึ้น จากนั้นออกเสะแสวงหาดินแดนและอาณาเขตที่กว้างใหญ่กว่านี้

แต่ใครจะทันคิดว่า

ในอาณาเขตของเมืองหุบเขาเดียวดาย

ขณะนี้มีกลุ่มชาวต่างถิ่นปรากฏขึ้นอย่างไม่ทราบที่มา

แม้ลูกันจะไม่ใช่ผู้มีความรู้กว้างขวาง แต่มันเป็นโจรมานานกว่าสิบปี เคยเผชิญหน้ากับเผ่าพันธุ์ในโลกวิญญาณมามากมาย แต่มันไม่เคยเห็นเผ่าพันธุ์เช่นเบื้องหน้านี้มาก่อน

อย่างแรกเลย

นี่คือเผ่าพันธุ์ที่ไม่เคยพบเจอ

อย่างที่สอง เผ่าพันธุ์นี้ดูเหมือนจะไม่มีพวกสายพันธุ์รอง

เกือบทั้งหมดล้วนเป็นสายพันธุ์ทรงภูมิปัญญา

นี่คือสิ่งที่หาได้ยากยิ่งในโลกวิญญาณ และชวนให้มันเกิดความสงสัย

“ท่านผู้นำ พวกมันดูไม่แข็งแกร่งเอาซะเลย” มนุษย์จิ้งจอกระดับสูงข้างๆลูกันพูดขึ้น “ออกไปฆ่าพวกมันให้หมดเลยดีไหม”

พวกต่างสายพันธุ์เริ่มโจมตีเมือง

แต่หลังจากพยายามหลายครั้งติดต่อกัน โดยแต่ละครั้งใช้กลยุทธ์ไม่เหมือนกัน ฝ่ายมนุษย์กลับล้มเหลว และต้องล่าถอยกลับไปเสียทุกครั้ง

สังเกตจากสภาพแพ้ยับเยินของอีกฝ่าย

ชาวต่างถิ่นเหล่านี้สมควรไม่เข้มแข็งเท่าพวกตน

“แต่ความจริงที่ว่าพวกเขาสามารถเอาชนะโอนุได้ นั่นหมายความว่าพลังรบของพวกเขาไม่ง่าย”

ลูกันคิดว่าชาวต่างถิ่นเบื้องล่างนั้นจงใจแสดงความอ่อนแอเพื่อดึงกำลังหลักของ มนุษย์จิ้งจอกออกไป ดังนั้นปฏิเสธคำแนะนำของลูกน้อง และตัดสินใจที่จะสังเกตสถานการณ์ต่อไปอีกพักหนึ่ง

ปิดตายเมือง

รักษาสภาพที่เป็นอยู่อย่างมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง

ไม่ว่าพวกเจ้ามีลูกไม้อะไรก็ตาม

จงอย่าได้ฝันว่าจะได้สั่นคลอนเมืองหุบเขาเดียวดาย!

ฮังอวี่พยายามโจมตีไปแล้วสี่ครั้ง

แม้จะบอกว่าสี่ครั้งไม่ประสบผลสำเร็จ แต่ก็ไม่ได้ประสบความสูญเสียมากนัก

ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะ กองทหารของเขาไม่ใช่พวกโง่เขลาอย่างสายพันธุ์รอง ทั้งหมดสามารถตอบสนองต่อคำสั่งได้อย่างทันท่วงที และพวกเขาได้รับโพชั่นและการรักษาทันทีที่บาดเจ็บ บวกกับการโจมตีแต่ละครั้งไม่ได้ตั้งใจจะโจมตีเมืองจริงๆ แต่แค่ดึงดูดความสนใจของพวกมนุษย์จิ้งจอกให้หลงกลก็เท่านั้น

ตอนนี้ดูเหมือนว่า

การดึงดูดความสนใจด้านนี้

จนถึงตอนนี้ผลลัพธ์ค่อนข้างน่าพอใจ!

มนุษย์จิ้งจอกไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของฮังอวี่

ฮังเสี่ยวไป๋บินมาแล้วเอ่ยว่า “อุโมงค์ถูกขุดเสร็จแล้ว”

ความสามารถของราชินีมดหน้าคนในเลเวล 8 เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก จำนวนทีมวิศวกรรมมดมีเกือบ 30 ตัว และคุณภาพสามารถเทียบได้กับพลรบ 4 - 5 ทีม

มดงานเกือบ 30 ตัวถูกปล่อยออกมาพร้อมกัน

ความเร็วในการก่อสร้างจึงเป็นไปอย่างรวดเร็ว!

การขุดอุโมงค์เป็นทางเลือกที่ดีในการสู้รบเชิงรุก

แต่นี่ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีขนาดนั้น มันไม่สามารถใช้ได้กับทุกสถานการณ์

มีบางเมืองตั้งอยู่ในน้ำหรือในอากาศ ซึ่งกลยุทธ์ขุดอุโมงค์บางครั้งก็ไม่มีประโยชน์

นอกจากนี้ เมืองขนาดใหญ่หรือเมืองระดับสูงเกือบทั้งหมดมีค่ายกลหรือกับดักสำหรับการโจมตีใต้ดิน ในกรณีนี้จึงยากที่จะขุดอุโมงค์

แต่แน่นอน

เมืองหุบเขาเดียวดายไม่มีมาตรการป้องกันในส่วนนี้

มนุษย์จิ้งจอกยังขาดความระมัดระวังในเรื่องดังกล่าว

ภายใต้การหลอกล่อถึงสี่ครั้งของฮังอวี่ สามารถดึงดูดความสนใจของพวกมันได้อย่างสิ้นเชิง

บวกกับเสี่ยวไป๋ที่ใช้สกิลเพื่อปกปิดร่องรอยของมดยักษ์ สร้างสภาพแวดล้อมการก่อสร้างที่เงียบเชียบ ด้วยประสิทธิภาพสูงของมดงานในเลเวล 8 เกือบสามสิบตัว ตอนนี้พวกมันสามารถสร้างอุโมงค์ที่หลีกเลี่ยงกับดักและค่ายกลบนพื้นได้อย่างสมบูรณ์ และสร้างทางเดินขนาดใหญ่และยาวเพื่อเข้าสู่ในเมืองหุบเขาเดียวดายได้โดยตรง

ฮังอวี่เปิดใช้งานสกิลตาเหยี่ยวซ้ำแล้วซ้ำเล่า

จนตอนนี้ได้เวลาเหมาะที่จะบุกแล้ว

ผู้นำมนุษย์จิ้งจอกและมนุษย์จิ้งจอกระดับสูงกว่า 7 - 8 ตัวกำลังยืนอยู่บนกำแพงเมืองเบื้องหน้า

ซึ่งปัจจุบันเจ้าถิ่นระดับสูงในเมืองหุบเขาเดียวดายจากทั้งสิ้น 18 ตน ตอนนี้เหลือเพียง 12 ตนเท่านั้น

ตอนนี้ มนุษย์จิ้งจอกระดับสูงกว่า 8 ตัวและกองทหารย่อยของพวกมันมารวมตัวกันที่ด้านหน้า

ซึ่งหมายความว่าด้านหลังต้องว่างเปล่า

ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว

ฮังอวี่หันไปพูดกับฉูและจ้าว “ทำตามแผนได้”

ฉูเทียนหัวและจ้าวหมิงได้กลายเป็นมือซ้ายและมือขวาของฮังอวี่ไปโดยปริยาย พวกเขารับฟังคำสั่งของฮังอวี่ หากมีพวกเขาคอยประสานงาน ฮังอวี่ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเลย

เหล่าจ้าวเคยเป็นถึงผู้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

เหล่าฉูตอนนี้ก็ยังคงเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ

ทั้งคู่ล้วนมีพรสวรรค์อันยอดเยี่ยม

“ควันพร้อม!”

“เตรียมเปิดใช้สกิลลวงตา!!”

“สร้างร่างเงาหุ่นเชิด!”

“ทุกหน่วยรีบดื่มโพชั่น!”

คำสั่งต่างๆถูกส่งผ่านออกไปอย่างเป็นระบบ

กลุ่มควันหรือแสงลวงตาถูกปลดปล่อยออกมาท่ามกลางฝูงชน ห่อหุ้มทุกคนในนั้นเอาไว้ บดบังร่างและตำแหน่งของพวกเขาอย่างสมบูรณ์

ผู้ใช้วิญญาณหลายสิบคนได้ปลดปล่อยร่างเงาหุ่นเชิด ในฐานะกองกำลังสำรอง ทำให้เกิดภาพลวงตาว่ากำลังเตรียมพร้อมโจมตีอีกครั้ง

และในขณะเดียวกัน

ทุกคนดื่มโพชั่นที่เตรียมไว้ล่วงหน้า

โพชั่นที่ว่าได้แก่ โพชั่นลมหายใจเต่า , โพชั่นซ่อนเร้น โรยผงขจัดกลิ่นอาย ฯลฯ

ฮังอวี่ เสี่ยวไป๋ หวังเอ๋อเป็นผู้นำตามด้วยคนอื่นๆ พวกเขาเข้าไปในอุโมงค์อย่างเป็นระเบียบ และรีบเข้าสู่เมืองหุบเขาเดียวดายจากใต้ดินด้วยความเร็วสูงสุด

พื้นที่อุโมงค์นั้นกว้างขวางมาก

และด้วยอัตราเร็วนี้

ภายในสี่ถึงห้านาทีก็จะสามารถเข้าสู่เมืองหุบเขาเดียวดายได้

นักข่าวเฉพาะกิจหลี่ยี่ได้รับอนุญาตให้ติดตามทีม เธอก้มตัววิ่งในอุโมงค์ ขณะเดียวกันคอยอธิบายด้วยความตื่นเต้น “พวกเรากำลังทำตามแผนของบอสฮัง เข้าโจมตีเมืองหุบเขาเดียวดายโดยลอดผ่านอุโมงค์ นี่มันบ้าจริงๆ! พวกมนุษย์จิ้งจอกยังหาพวกเราไม่เจอ พวกเรากำลังจะได้บุกเมืองในไม่ช้า!”

แบบนี้ก็ได้หรอ!?

ผู้ชมต่างตกตะลึง

คำอุทานมากมายไหลเต็มแพลตฟอร์มถ่ายทอดสด

พิธีกรสาวรู้สึกประหม่าจนเหงื่อตก “เธอควรหยุดพูด ถ้าถูกมนุษย์จิ้งจอกจับสังเกตได้ มันจะกลายเป็นหายนะ”

นี่มันบ้าเกินไป

ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

ผู้ชมหลายร้อยล้านคนที่รับชมการถ่ายทอดสดต่างรู้สึกราวกับหัวใจถูกบีบรัด

อาการนี้มันเหมือนกับกำลังดูหนังสยองขวัญในช่วงเวลาที่น่ากลัวที่สุด

ณ ตอนนี้

บนกำแพงเมืองในหุบเขาเดียวดาย

หมอกและแสงปกคลุมอยู่เบื้องหน้า

มนุษย์จิ้งจอกระดับสูงหลายตัวไม่ตะหงิดใจใดๆ

การใช้วิธีดังกล่าวเพื่อปกปิดการโจมตีในโลกวิญญาณเป็นเรื่องทั่วไป มันช่วยสร้างความสับสนแก่นักเวทย์กับนักธนูที่ปกป้องเมือง เพื่อให้การโจมตีส่วนใหญ่พลาดเป้า

กระนั้น

มนุษย์จิ้งจอกเหล่านี้ล้วนอ่อนแอ

ถึงใช้วิธีนี้ก็ไม่สามารถตีฝ่าประตูเมืองได้อยู่ดี

อย่างไรก็ตาม ลูกันเป็นตนเดียวที่แสดงท่าทีแคลงใจ มันสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายของชาวต่างถิ่นอ่อนลงและหายไป ... มีบางอย่างแปลกๆข้างในนั้น!

มันหยิบธนูขึ้นมา เล็งร่างข้างในหมอกหนา และยิงศรอันทรงพลังออกไป

ด้วยเทคนิคสังเกตการณ์

ลูกันสามารถระบุตำแหน่งของเป้าหมายได้อย่างชัดเจน

ศรแทงทะลุร่างนี้ไปอย่างง่ายดาย

แต่วินาทีถัดมา ร่างนั้นก็แตกเป็นเสี่ยงๆราวกับฟองสบู่

แค่ภาพลวงตา?

ลูกันยิงธนูอีกสองสามดอกอย่างรวดเร็ว

แต่ทุกเป้าหมายก็เป็นอย่างนี้

เมื่อตระหนักได้ถึงความไม่ชอบมาพากล สีหน้าของลูกันแปรเปลี่ยนไป มันร้องตะโกน “มีบางอย่างผิดปกติ!”