ตอนที่แล้ววันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0073
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0075

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0074


บทที่ 26 การเดินทางสู่ท้องฟ้า (1)

* * *

ประหนึ่งสายน้ำล้นทะลักจากสันเขื่อน มวลแสงจำนวนมากท่วมท้นเข้ามาในการมองเห็นของฉัน เข้มข้นเสียจนยากจะลืมตา

บึ้ม!

ระหว่างกำลังเคลื่อนย้ายผ่านอุโมงค์ด้วยความเร็วสูง ทันทีที่ถูกส่งออกจากอุโมงค์ เสียงคล้ายระเบิดดังขึ้นข้างหูของฉัน

อากาศเย็นฉ่ำช่วยคลายความตึงบนผิวหนัง

ณ กึ่งกลางสันเขาที่หิมะละลายไปกว่าครึ่ง พื้นดินที่มีหญ้าแซมค่อนข้างเฉอะแฉะ

เมื่อหันหลังกลับ ฉันได้พบกับไบฟรอสต์

สภาพดูใหม่กว่าไบฟรอสต์ในถ้ำ หมายความว่าใครบางคนถือสิ่งนี้เป็นทรัพย์สินและคอยบำรุงรักษา

และฉันเข้าใจเหตุผลได้ในทันที

ทิวทัศน์ที่เห็นจากการมองผ่านวงกลมไบฟรอสต์คือคำตอบ

สันเขาค่อยๆ ลาดชันลงไปด้านล่าง จนกระทั่งถึงจุดหนึ่งก็กลายเป็นหน้าผา เกิดเป็นหุบเขาขึ้นที่นั่น

ปราสาทหลังหนึ่งถูกสร้างเพื่อเติมเต็มช่องว่างหุบเขา

สถาปัตยกรรมคล้ายสไตล์โกธิกของชาวโลก แตกต่างเล็กน้อยในเชิงรายละเอียด

ไม่ได้รู้สึกถึงความวิเศษ แต่มอบความงดงามและซับซ้อน ราวกับไม่ได้เกิดจากฝีมือของผู้คน

วิหารกลมกลืนเข้ากับหุบเขาที่มีหิมะปกคลุมครึ่งหนึ่ง จนถึงขั้นรู้สึกว่า เป็นสิ่งก่อสร้างที่บังเอิญเกิดจากธรรมชาติ

“…มหาวิหารเทวราชา”

“ที่นี่คือสาขาใหญ่? เป็นศูนย์กลางของวิหารทั่วทั้งทวีป?”

ลิลี่ส่ายหน้า

“ในอดีตอาจเคยเป็นศูนย์กลาง แต่สำหรับปัจจุบัน ปรากฏการณ์ ‘กำแพง’ รุนแรงขึ้นทุกขณะ ชนิดที่ต่อให้เดินทางด้วยไบฟรอสต์ก็ยังมีขีดจำกัด ส่งผลให้อิทธิพลของศาสนจักรเทวราชาครอบคลุมแค่บางพื้นที่”

ดูเหมือนว่าปรากฏการณ์ที่พลังเวทเอ่อล้นจากรอยแตกของโลก — กำแพง จะตัดขาดการแลกเปลี่ยนภายในทวีปโดยสิ้นเชิง

ลิลี่เล่าต่อ

“นอกจากนั้น… ข้าคิดว่าศาสนจักรเทวราชาก็คงไม่รู้ว่ามีไบฟรอสต์อยู่ที่ไหนบ้าง คงใช้แค่เฉพาะที่หาพบ”

“รู้วิธีการใช้ แต่ไม่รู้ตำแหน่ง?”

“เพราะทุกสิ่งที่สืบทอดจากยุคทองล้วนถูกตัดขาด”

“แล้วถ้าฉันเป็นคนหาพบล่ะ”

“ก็คงเป็นเรื่องดี เพราะเจ้ามีคำวิงวอน”

“สลักชื่อตัวเองลงไปได้ไหม?”

“…”

“เป็นมุกน่ะ”

“ข้าเชื่อว่าเจ้าจะทำจริงๆ”

ฉันก้มมองวิหารเทวราชาอีกครั้ง และเห็นเมฆก้อนเล็กๆ ลอยเหนือวิหาร

“เป็นโครงสร้างที่ดีมาก มนุษย์โลกช่างโง่เขลาที่มองว่าชาวต่างโลกเป็นคนเถื่อน”

“กำลังพูดถึงอะไร?”

“ไม่มีอะไร”

ฉันพูดถึงโลกอีกฝั่งน่ะ

ชาวโลกชอบเปรียบเทียบความห่างชั้นทางเทคโนโลยีกับต่างโลก

แต่ต่างโลกก็มีวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของตัวเอง แถมยังมีเสน่ห์

แน่นอน ฉันอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับวิหาร แต่นั่นยังไม่ใช่เป้าหมายในปัจจุบัน ไม่มีความจำเป็นต้องรีบร้อน

จึงหันหน้าไปอีกทางหนึ่ง

เกาะท้องฟ้าที่ลอยอยู่เหนือภูเขาหิมะ

นั่นคือเป้าหมายของฉัน

“หิมะไม่ได้ตกหนักอย่างที่คิด”

ฉันพยักหน้ารับคำพูดลิลี่

“โชคดีที่ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับหิมะถล่ม… เส้นทางก็ดูไม่ลำบากเท่าไร”

สันเขาทอดตัวเป็นแนวยาว จริงอยู่ ยอดเขาสูงที่สุดอยู่ค่อนข้างไกล แต่เราไม่จำเป็นต้องไปถึงตรงนั้น

“เดินทางอีกสักนิดแล้วค่อยพักผ่อน เตรียมความพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้… ต้องใช้เวลาเตรียมนานอยู่เหมือนกัน”

ฉันเชื่อว่าการพักผ่อนอีกเล็กน้อยคือสิ่งจำเป็น เพราะสูญเสียเรี่ยวแรงไปมากในการล่าปรสิต จึงต้องชดเชยให้เพียงพอ

ไม่จำเป็นต้องถามความเห็นจากลิลี่ เธอทำทุกสิ่งตามที่ฉันบอกอยู่แล้ว

ผ่านไปสักพัก เนื่องจากหาถ้ำไม่ได้ พวกเราจึงต้องเริ่มขุดดิน

จริงอยู่ แถวนี้อาจมีหิมะไม่มาก แต่ถ้าไม่ขุดหิมะออก ร่างกายจะเปียกชุ่มหลังจากตื่นนอน

พวกเรากางเต็นท์สำหรับสี่คน หนึ่งในข้อดีของกระเป๋าห้วงมิติก็คือ มันไม่มีข้อจำกัดด้านปริมาตร

เต็นท์สำหรับสี่คน — ฉันไม่เคยฝันว่าจะได้พกพามันออกผจญภัย

เสร็จมื้อเย็น พระอาทิตย์ตกดินพอดี ฉันล้างจานด้วยก้อนหิมะ

เงาของเกาะท้องฟ้าทอดยาวมาถึงตรงนี้ด้วย ประกอบกับภูมิประเทศแบบสันเขา กลางคืนจึงมาเยือนเร็วกว่าปรกติ

หลังจากก่อกองไฟ ฉันนั่งลงข้างกองไฟพลางแหงนมองยอดเขา

เมื่อเงยหน้าขึ้นไปอีก ฉันเห็นเกาะท้องฟ้า

การได้เห็นในระยะใกล้สร้างความประทับใจเป็นอย่างมาก ขนาดเทียบเท่าปราสาทหลังใหญ่เลยทีเดียว

หรือถ้าจะอธิบายให้เห็นภาพ ก็คงใหญ่ประมาณเรือบรรทุกเครื่องบินสองลำเรียงข้างกัน

จากที่นี่จะมองไม่เห็นโบราณสถาน มีเพียงหินแหลมๆ ที่ประกอบเข้าด้วยกันเป็นก้นเกาะ

“…”

ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกทึ่ง อาจเป็นเพราะเกาะกำลังปกคลุมท้องฟ้าส่วนใหญ่ ฉันจึงรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในตึก

“เจ้าไม่หนาวหรือ”

ลิลี่พูดขณะเดินออกจากเต็นท์

“ฉันต้องถามเธอมากกว่า ชุดของเธอบางกว่าฉัน”

ตัวเองหนาว แต่จงใจถามเพื่อกดดันฉัน?

“บ้านเกิดของข้าก็เป็นภูเขาหิมะแบบนี้ โดยเฉพาะปราสาทของตระกูล”

จากนั้น เธอเดินมานั่งข้างฉันพลางเงยหน้า

“…อัศวินแห่งท้องฟ้าจะลงมาจากเกาะท้องฟ้าเพื่อผดุงความยุติธรรม… ไม่นึกเลยว่าจะได้เห็นเกาะท้องฟ้าของจริง”

“งั้นก็แปลว่า ข้างบนมีอัศวินแห่งท้องฟ้า?”

ลิลี่ไตร่ตรองคำถามสักพัก

“ไม่รู้เหมือนกัน… แต่บนนั้นมีมังกร ถ้าจะมีอัศวินก็คงไม่แปลกอะไร”

ก็สมเหตุสมผล

“…เจ้ากลัวหรือ”

ลิลี่ถามฉัน ดูเหมือนว่าจะหมายถึงมังกร

“กลัวสิ”

“แต่ก็ยังจะขึ้นไป?”

“แค่กลัว แต่ไม่ได้มองว่าอันตราย”

ระดับความอันตรายต้องค่อยๆ ถูกประเมินไปทีละนิดในทุกก้าวที่เดิน

และตราบใดที่ยังไม่พบอันตราย ก็ต้องเดินต่อไปเรื่อยๆ

ฉันพุ่งเข้าหาทุกอุปสรรคด้วยหลักการนี้เสมอ

แน่นอน นี่อาจไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง แต่มันเป็นวิถีชีวิตของฉัน และฉันรอดมาได้ด้วยแนวคิดนี้

ก็เลยมั่นใจในวิธีการ แค่นั้นเอง

“ถ้าสัมผัสถึงอันตราย ฉันจะถอนตัวทันที การสำรวจไม่ได้เขียนเหมือนกับการฆ่าตัวตาย”

“อาฮะ…”

ลิลี่หันกลับไปมองท้องฟ้า มองไปทางหมู่ดาวที่ส่องแสงระยิบระยับเหมือนกับทุกคืน

“…ข้าก็ไม่ได้กังวลอะไร”

ฉันล้วงหยิบเข็มชี้ออกมา

สมบัติทองคำชิ้นถัดไปอยู่บนนั้น ส่วนจะเป็นอะไรนั้น ถ้าได้เห็นเดี๋ยวก็รู้เอง

เรียบเรียงความคิดสักพัก ฉันพยักหน้าพลางเงยศีรษะ

ทันใดนั้น บางสิ่งสะดุดตาฉันอย่างมาก

“…?”

ลิลี่เองก็หันไปมองทางเดียวกัน

แสงห้าสีจางๆ เริ่มแผ่ปกคลุมยอดเขา

ลักษณะการเคลื่อนไหวคล้ายผ้าม่านหนักๆ ที่ถูกลมพัด สีสันแห่งธรรมชาติกำลังแต่งแต้มท้องฟ้ายามค่ำคืน

ฉันรู้ว่านี่คืออะไร

“…ออโรร่า”

“น้ำตาแห่งภูเขา”

ฉันเรียกตามนิยามของโลก ส่วนลิลี่เรียกตามนิยามต่างโลก

ความแตกต่างตรงนี้ทำให้เรื่องราวมีเสน่ห์

“ภูเขาใหญ่ๆ มักมีพลังธรรมชาติเอ่อล้นขึ้นมาจากราก ในบางครั้งก็มากเกินกว่าที่ภูเขาจะรับไหว”

มีหลายครั้งที่ลิลี่รู้เรื่องภูเขาดีกว่าฉัน หนึ่งในนั้นคือสปริกแกน

“เนื่องจากผุดขึ้นจากยอดเขาสูง พลังธรรมชาติที่เอ่อล้นจึงผสานเข้ากับพลังเวทบนท้องฟ้า”

“อ้อ…”

เป็นภาพที่งดงามมาก ฉันจึงเอาแต่นั่งมอง ส่วนลิลี่ลุกขึ้นยืน

“เจ้าน่าจะชอบอันนี้นะ”

ลิลี่กำลังมองไปทางยอดเขา ฉันจึงมองตาม

“…?”

ออโรร่าเริ่มไหลไปตามผิวภูเขา

เป็นฉากที่ทำให้นึกถึงหิมะถล่ม

แต่หิมะถล่มคือภัยธรรมชาติซึ่งส่งเสียงอึกทึกและคุกคามชีวิต

ส่วนกระแสออโรร่าทั้งสงบนิ่งและงดงาม พวกมันทยอยไหลไปตามสันเขาอย่างไม่รีบร้อน

ทั้งที่เป็นปรากฏการณ์ใหญ่ แต่บรรยากาศกลับเงียบสงบ ต้นไม้โดยรอบที่ถูกออโรร่าปกคลุมต่างดื่มด่ำไปกับพลังแห่งชีวิต

ไม่นานก็ไหลมาถึงตัวฉัน และผ่านไปโดยไม่ที่ทำอันตราย

“เป็นยังไงบ้าง”

ถ้ามีเมฆที่ประกอบจากแสงระยิบระยับ และถ้าฉันลองเดินเข้าไป ความรู้สึกก็คงไม่ต่างกัน

โลกทั้งใบเต็มไปด้วยแสงระยิบระยับที่อ่อนโยน สิ่งเหล่านี้ค่อยๆ ไหลลงไปตามสันเขา

กลิ่นหอมที่คุ้นเคยปกคลุมทั่วร่าง

ความอ่อนเพลียถูกชะล้าง ดวงตาเริ่มสดใส สมรรถภาพร่างกายเพิ่มขึ้นราวสองเท่า หรืออาจจะสามเท่า จากสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด

พลังธรรมชาติที่นี่ เข้มข้นยิ่งกว่าโพรงในรากภูเขาเมื่อครั้งได้พบเซลฟีเสียอีก

“พวกเราเรียกว่าพรแห่งภูเขา เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ แม้แต่พืชผลที่ล้มตายก็ยังผงาดหัวกลับมาได้”

“เกิดขึ้นบ่อยไหม”

“บ่อยในช่วงนี้ของปี เป็นเหตุผลที่อาณาจักรเกษตรกรรมล้วนตั้งอยู่บนภูเขา”

อาณาจักรเกษตรกรรมล้วนตั้งอยู่บนภูเขา… ตรงข้ามกับสามัญสำนึกของโลกโดยสิ้นเชิง

คิดไม่ถึงว่า สิ่งที่ฉันเรียกมาตลอดว่าออโรร่า จะมีคุณสมบัติยอดเยี่ยมเช่นนี้ เมื่อก่อนทำได้แค่มองจากไกลๆ …

ทันใดนั้น ไอเดียหนึ่งผุดขึ้น

ฉันนำเมล็ดพันธุ์ป่าออกจากกระเป๋าเสื้อ

เมล็ดพันธุ์ป่ากำลังสั่นพ้อง

หากต้องการให้เมล็ดพันธุ์ป่าเจริญเติบโต จำเป็นต้องใช้พลังงานจำนวนมาก

ที่นี่คือภูเขาหิมะ ฉันมั่นใจว่าต้องมีรากภูเขา

แผนเดิมก็คือ ตามหารากภูเขาจุดที่มีพลังธรรมชาติเข้มข้นที่สุดเพื่อปลูกเมล็ดพันธุ์

ทว่า

“…ถ้าเป็นที่นี่ เมล็ดพันธุ์คงเติบโตในพริบตา”

ลำต้นต้องแข็งแรงกว่าการปลูกในรากภูเขาแน่นอน

ฉันเคยเห็นมาแล้ว ฉากที่สปริกแกนใช้พลังธรรมชาติเร่งการเจริญเติบโตของเมล็ดพันธุ์ป่า

สปริกแกนส่วนใหญ่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่นิสัยดีอะไร ฉันจึงไม่รู้ว่าพวกมันปลูกต้นไม้ในรากภูเขาไปทำไม

แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้ฉันได้ทราบว่า ลำต้นของมันสูงพอที่จะไปถึงเกาะลอยฟ้า

ฉันมองลิลี่พร้อมกับพูด

“ลิลี่”

“หือ?”

“ไว้ค่อยพักหลังจากขึ้นไปก็แล้วกัน”

“…เจ้าหมายความว่ายังไง?”

ฉันรีบเก็บเต็นท์และข้าวของยัดลงกระเป๋าห้วงมิติ

จากนั้นก็ใช้แขนข้างหนึ่งกอดลิลี่แน่น

“ไว้จะขอโทษทีหลังนะ”

“เกิดอะไรขึ้น! เจ้าคิดจะทำอะไร!”

อันที่จริง ฉันควรอธิบายให้เธอฟังก่อน

แต่ถ้าไม่อธิบาย การตอบสนองของลิลี่จะน่าสนใจมากกว่า

ฉันหมายถึง มันน่าสนุกดีน่ะ

ขณะโยนเมล็ดพันธุ์ลงพื้น ฉันเปล่งเสียง

“โมลดรันmoldran”

เป็นภาษาของนักแปรธาตุ มีไว้สำหรับเร่งเมล็ดพันธุ์ให้โต มักใช้กับสมุนไพรที่เติบโตช้า

สิ้นเสียงคำสั่งรูน ฉันสัมผัสได้ว่าเมล็ดพันธุ์สั่นไหวรุนแรงขึ้น

บิดาของเมล็ดพันธุ์ คือป่าที่ฉันช่วยชีวิตไว้

เจตจำนงของป่าย่อมถูกส่งต่อลงในเมล็ดพันธุ์

ฉันเชื่อว่ามันจะไม่ทำอันตรายกับฉัน

เหตุผลไม่ซับซ้อน เพราะหลังจากมอบให้ฉัน ป่ากำชับว่า ‘สบายใจได้’

แค่เชื่อใจก็พอแล้ว ฉันกับเขาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

ขณะคิดแบบนั้น ฉันล้วงมือจับดอกไม้ในกระเป๋า

* * *

เกาะท้องฟ้าเผยตัวมานานกว่าสิบวันแล้ว

ในช่วงแรก วิหารเทวราชาตกตะลึงอย่างมากเมื่อเห็นเกาะท้องฟ้าปรากฏขึ้นเหนือยอดเขา

เมื่อเห็นดารากรที่ขึ้นสวรรค์ทางทิศใต้ ยิงธนูมาทางยอดเขา ทุกคนเข้าใจว่านั่นคือคำสาปจากดารากร

และเชื่อว่านักบุญหญิงที่หนีออกจากวิหารโดยพลการ อาจได้รับอันตรายระหว่างทาง

แต่นั่นเป็นการคาดเดาที่ผิด

จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น ยกเว้นเรื่องที่เกาะท้องฟ้าสร้างบรรยากาศแย่ๆ ให้กับวิหาร

บิชอปตัดสินใจไม่ประมาท จึงส่งกองอัศวินคอยออกไปลาดตระเวน

สำหรับวันนี้ หน่วยอัศวินยี่สิบคนถูกส่งขึ้นมาสืบข่าวบนภูเขาหิมะ

“…หัวหน้า คิดว่ายังไงบ้าง”

หัวหน้าหน่วยจัดระเบียบชุดเกราะขนสัตว์พลาดแหงนหน้ามอง

น้ำตาภูเขากำลังหลั่งไหล

หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนยืนเชยชมทิวทัศน์ที่มันเห็นมากกว่าสิบครั้ง

“หัวหน้าก็เคยได้ยินใช่ไหม บนเกาะท้องฟ้ามีอัศวินผู้ผดุงความยุติธรรมอยู่”

“เคย”

“บางที อัศวินแห่งท้องฟ้าอาจจะลงมาประหารใครสักคนก็ได้”

หัวหน้าหน่วยไม่เถียง

ถึงจะไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่รู้จะโต้แย้งอย่างไร

มันตัดสินใจเล่าข้อเท็จจริงที่ทำให้บรรยากาศไม่ตึงเครียด

“ไม่ต้องกังวลไป ในเมื่อระฆังเอล โรคร่า เบลล่าดังขึ้นแล้ว การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้สามารถเกิดขึ้นได้ อย่าลืมว่าเพิ่งมีดารากรขึ้นสวรรค์ทางใต้ เกาะนี้ก็เป็นแค่หนึ่งในการเปลี่ยนแปลง หากเลือกมองในแง่ดี เกาะลอยฟ้าก็ไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวลอะไร”

ทันใดนั้น

ครืน!

ในจุดที่น้ำตาภูเขาเอ่อล้น

ที่นั่นไม่มีป่า และสปริกแกนประจำภูเขาก็มีนิสัยรักสงบ

ทว่า

ครืน!

“อ…อะ!”

คนในหน่วยต่างส่งเสียงอุทานเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า

มีวิธีใดระงับความตื่นตระหนกที่กำลังปะทุขึ้นในใจพวกเขาได้บ้าง?

คงไม่มี

นั่นคือสิ่งที่หัวหน้าหน่วยประเมิน

“…กลับกันเถอะ ต้องรีบประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน”

ใต้เกาะท้องฟ้า

เถาวัลย์ยักษ์กลุ่มใหญ่กำลังงอกเงยด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง

ส่วนปลายเถาเจาะจงพุ่งตรงไปทางเกาะท้องฟ้าอย่างชัดเจน

ราวกับมันมีความคิดเป็นของตัวเอง

บรรดาอัศวินผู้พิทักษ์ต่างมิอาจทำความเข้าใจกับภาพตรงหน้า

“ข้าแต่องค์เทพทั้งเก้า… นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน…”

______________________

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (3/4)

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด