ตอนที่แล้วEp.314 - ท้าประลอง!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.316 - โจมตีเมืองหุบเขาเดียวดาย

Ep.315 - กวาดล้างในคลื่นเดียว


1/2

Ep.315 - กวาดล้างในคลื่นเดียว

อาวุธสีฟ้า!?

ดวงตาของโอนุร้อนวูบ

กระทั่งตัวมันก็ยังไม่มีอาวุธคุณภาพสีฟ้าในครอบครอง

หากมันสามารถดรอปอาวุธชิ้นนี้จากศัตรูได้ พลังรบของมันย่อมก้าวกระโดดอย่างแน่นอน!

การต่อสู้กำลังจะเริ่มต้นขึ้น

ฮังอวี่ดื่มโพชั่นฟื้นพลังชีวิตและพลังจิต

ร่างของโอนุสะท้อนแสงวาบ พุ่งเข้าเข่นฆ่าทันที ทิ่มแทงหอกนับสิบสายออกไป

ฮังอวี่เริ่มด้วยเปิดใช้งานสกิลจู่โจมมุมอับและหายตัวไป เว้นระยะการโจมตี อ้อมไปข้างหลังโอนุ จ้วงหอกด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง แทงหลังโอนุทำดาเมจ 15 หน่วย

ฐานค่าคุณสมบัติของฮังอวี่สูงอยู่แล้ว เมื่อบวกกับโบนัสของอุปกรณ์ดีๆในเลเวล 10 และเอฟเฟกต์ของสกิล ส่งผลให้แม้พละกำลังและความไวจะด้อยกว่าโอนุ แต่อีกฝ่ายก็ยังโดนโจมตีง่ายๆเพราะประมาท

เมื่อหอกแรกทิ่มแทง ความเร็วมือของเขายิ่งเพิ่มขึ้น

เปิดใช้งานโจมตีต่อเนื่อง!

เห็นแค่เพียงเงาหอกแปดสายแทงออกไปในวินาทีเดียว

ทุกการโจมตีแฝงไปด้วยพลังที่สามารถบดขยี้ทองให้แหลกเป็นก้อนกรวด เสี้ยวพริบตาครอบคลุมทั่วร่างโอนุ ส่งผลให้มันแทบไม่สามารถหลบหลีกการโจมตีทั้งหมดได้

แต่โอนุก็ไม่ใช่ตัวกินพืช เพราะเอาจริงๆความว่องไวของมันสูงกว่าฮังอวี่เล็กน้อย ดังนั้นปฏิกิริยาจึงเร็วกว่า ระเบิดกลิ่นอายอันคลุ้มคลั่งรุนแรง เปลี่ยนพวกมันเป็นปราณพลังงานกวาดออกไปทุกทิศทาง

แห่งหนใดที่มันพัดผ่าน หินก้อนแข็งๆถูกบดทำลายเป็นฝุ่นผง

เป็นกระบวนท่าที่ทรงพลังมาก!

คล้ายกับสกิลปราณโทสะคลั่ง

แต่รุนแรงยิ่งกว่า

นี่คือสกิลขั้นต่อไปของปราณโทสะคลั่ง - สกิลขั้น 3 ‘ปราณสงครามคลั่ง!’

ปราณสงครามคลั่งเมื่อเปิดใช้งานจะส่งผลระเบิดปราณออกรอบตัวเช่นเดียวกับปราณโทสะคลั่ง แต่มันมีพลังทำลายล้างที่แก่กล้ากว่า ซึ่งไม่เพียงสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อเป้าหมายในระยะเท่านั้น แต่ยังสามารถลบล้างเอฟเฟกต์มนตราทั้งหมดที่อยู่ในระดับไม่เกินขั้น 3 รวมไปถึงเอฟเฟกต์บัฟ!

นี่คือสกิลสายต่อสู้ที่สามารถใช้งานได้จริงและทรงพลังมาก!

พละกำลังของฮังอวี่และความว่องไวของฮังอวี่นั้นไม่ต่างจากโอนุมากนัก ในแง่อุปกรณ์แม้ฮังอวี่จะมีอาวุธสีฟ้า แต่อุปกรณ์ชิ้นอื่นของโอนุก็ดีกว่าของฮังอวี่เช่นกัน ดังนั้นจึงไม่แตกต่างกันมากนัก

สิ่งที่ต่างกันอย่างมีนัยสำคัญระหว่างทั้งสองคือค่าพลังชีวิต ค่าพลังจิต และสกิล!

พลังชีวิตของโอนุนั้นค่อนข้างเยอะ อีกทั้งยังมีสกิลขั้น 3 อีกหลายอย่าง

นี่คือข้อได้เปรียบที่ฮังอวี่ไม่มี

ท่ามกลางช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อนั้นเอง

ฮังอวี่ตัดสินใจหยุดการโจมตีอย่างเด็ดขาด ทั้งคนทั้งร่างทอแสงวาบ ถอยห่างออกมาสิบเมตรทันที ซึ่งเป็นระยะที่มากพอจะหลีกเลี่ยงการโจมตีจากปราณสงคราม อาจกล่าวได้ว่านี่คือการล่าถอยแบบกระชั้นชิด หากปฏิกิริยาของเขาเชื่องช้ากว่านี้ครึ่งจังหวะ ต่อให้ไม่ตายเกรงว่าคงพิการไปครึ่งร่าง

“เจ้าครอบครองสกิลบลิงค์อันแสนหายาก? แต่แล้วอย่างไร ด้วยพลังรบของเจ้า ไม่มีทางที่จะเอาชนะข้าได้!”

ระหว่างกล่าว

ดวงตาของโอนุเปลี่ยนเป็นสีแดง

บรรยากาศรอบตัวมันเดือดพล่าน ไอน้ำเดือดปุดๆลอยขึ้นจากตัว - สกิลขั้น 2 ‘คลุ้มคลั่งกระหายเลือด!’

ความว่องไว พละกำลัง พลังโจมตี ความเร็วในการเคลื่อนที่ อัตราเร็วในตอนพุ่งตัว ทั้งหมดพุ่งทะยานขึ้น!

มนุษย์จิ้งจอกตนนี้เริ่มเอาจริงแล้ว!

ฮังอวี่กล่าวอย่างสงบ “แกไม่คิดหรือว่ายังเร็วเกินไปที่จะพูดอะไรแบบนี้?”

เหมือนกับโอนุ

ฮังอวี่เปิดใช้งานคลุ้มคลั่งกระหายเลือดเวอร์ชั่นอัพเกรด

วินาทีถัดมา ร่างทั้งสองปะทะกัน

หลังเปิดใช้งานสกิลประจัญบานพร้อมกัน ทั้งคู่แลกเปลี่ยนกันมากกว่าสิบกระบวนท่า แห่งหนใดที่เคลื่อนผ่าน จะดินจะหินล้วนราบเป็นหน้ากลอง การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือดจนคนอื่นๆที่เฝ้ามองอ้าปากค้าง

รวดเร็วเกินไป!

สายตาของผู้รับชมส่วนใหญ่จับจังหวะการโจมตีไม่ทัน!

ฉากตรงหน้าทำให้ทุกคนสูดหายใจลึก

หลายคนสังเกตเห็นได้ จากพลังรบที่ปลดปล่อยออกมา คาดว่ามนุษย์จิ้งจอกตนนี้ น่าจะมีระดับใกล้เคียงกับเจ้าถิ่นขั้นโกลด์!

ทุกคนรู้ดีว่าพลังรบของฮังอวี่นั้นแข็งแกร่งมาก แต่พวกเขาไม่นึกเลยว่าจะแข็งแกร่งขนาดนี้!

แม้ฮังอวี่จะด้อยกว่าในแง่สกิล แต่เขาสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีที่มองว่าอาจสร้างดาเมจสูงได้ตลอดเวลาด้วยเอฟเฟกต์ของจู่โจมมุมอับ โจมตีลมกรด บลิงค์ สกิลต่างๆที่เพิ่มความคล่องแคล่ว รวมไปถึงความสามารถในการตัดสินใจล่วงหน้าของตน

ไดอาน่าคิดในใจ “ผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมฉูกับคนอื่นๆถึงดูมั่นใจนัก”

ในเวลานี้ คริสกับลุคฟื้นคืนชีพเสร็จแล้ว พวกเขายืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน เมื่อเห็นฉากที่ฮังอวี่ต่อสู้กับโออนุ ทั้งสองตกตะลึง

นี่ใช่ความสามารถของมนุษย์จริงๆน่ะหรือ?

ความว่องไวและพละกำลังของเขาร้ายกาจขนาดนี้ได้อย่างไร!

ลุคจำได้ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนเขาเคยเอ่ยปากขอท้าประลองกับฮังอวี่ ...

เวลานี้เขาแทบอดใจไม่ไหวที่จะตบหน้าตัวเอง : เชี่ยเถอะนี่มันน่าขายหน้าเกินไปแล้ว!

เจียงหนานตะโกน “ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม ก่อนหน้านี้พี่มหาเทพบอกไว้ว่าเขาจะหาโอกาสโจมตีครั้งใหญ่เพื่อสังหารมนุษย์จิ้งจอกหลายตัวในคราวเดียว พวกเราจะเข้าโจมตีในเวลานั้น”

จ้าวหมิงกล่าวเสริม “ปรับตำแหน่งทีมทันที รอรับคำสั่งโจมตี!”

โอนุต้องยอมรับว่าประสบการณ์ของฮังอวี่นั่นร้ายกาจมาก

บุคคลผู้นี้สามารถใช้สกิลได้อย่างเชี่ยวชาญและหลากหลาย อีกทั้งยังสามารถคาดเดาสกิลที่ตนปลดปล่อยออกมาซ้ำๆได้เสมอ ดังนั้นกะจังหวะใช้โจมตีลมกรดหรือบลิงค์เพื่อหลบหนีได้อย่างทันท่วงที หรือต่อให้อาศัยเพียงพลังรบอย่างเดียว ไม่ต้องใช้สกิลที่กล่าวมาข้างต้นนี้ หากมนุษย์จิ้งจอกตนอื่นเป็นผู้รับมือ เกรงว่าคงไม่มีใครพิชิตเขาลงได้

ทำไมน่ะหรือ?

เพราะยิ่งพลังชีวิตของฮังอวี่ลดลง

เอฟเฟกต์ของสกิลคลุ้มคลั่งกระหายเลือดก็ยิ่งทรงพลังมากขึ้น!

หากคำนวณจากอัตราเร็วของพลังชีวิตที่ค่อยๆลดลงตอนนี้

โอนุจะยังคงสามารถต่อสู้ต่อไปได้อีก 10 นาที

ส่วนฮังอวี่ แม้มีโพชั่นคอยเพิ่มเลือด แต่เขาคงสามารถฝืนอยู่ในสถานะนี้ได้เพียง 1 - 2 นาทีเท่านั้น หากถ่วงเวลาไปถึงตอนนั้นได้ สุดท้ายฮังอวี่ก็จะตาย

แม้โอนุจะคิดไว้แบบนั้น แต่ผลลัพธ์กลับต่างจากความตั้งใจของมันอย่างสิ้นเชิง!

สกิลคลุ้มคลั่งกระหายเลือดมีเอกลักษณ์เฉพาะ

นั่นคือยิ่งอัตราส่วนของพลังชีวิตลดลงมากเท่าใด เอฟเฟกต์ของสกิลก็จะยิ่งแก่กล้าขึ้นเท่านั้น

หากสัดส่วนพลังชีวิตลดลง 10% พลังของสกิลก็จะเพิ่มขึ้น 10%!

หากสัดส่วนพลังชีวิตลดลงถึง 50% พลังของสกิลก็จะเพิ่มขึ้น 50%!

หลังจากต่อสู้มาได้ 30 40 วินาที พลังชีวิตของฮังอวี่ได้ลดลงถึง 60% แล้ว เอฟเฟกต์จากสกิลคลุ้มคลั่งกระหายเลือดเริ่มแก่กล้าขึ้นเรื่อยๆ

ด้วยพละกำลังที่เพิ่มขึ้น ด้วยปฏิกิริยาที่ฉับไวยิ่งขึ้น และด้วยความเร็วที่มากขึ้น ส่งผลให้ฮังอวี่ค่อยๆตอบโต้โอนุได้อย่างทัดเทียม

และเมื่อสูญเสียพลังชีวิตเกิน 70%!

ฮังอวี่ก็เป็นฝ่ายสะกดโอนุได้อย่างสมบูรณ์

ทุกการโจมตีสามารถสร้างดาเมจอันน่าทึ่ง

ฮังอวี่รักษาพลังชีวิตของเขาให้คงไว้ที่ช่วง 30%

และเพื่อประหยัดค่าพลังจิต เขาจึงไม่ใช้สกิลโจมตีใดๆ ใช้เฉพาะโจมตีลมกรดกับบลิงค์เพื่อหลบหนีเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นการโจมตีธรรมดาที่สร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่องเพื่อดูดเลือดและลดทอนพลังชีวิตที่สูญเสียไปจากสกิล

บาดแผลของโอนุยิ่งมายิ่งมากขึ้น

พลังชีวิตของมันค่อยๆลดต่ำลงจนเหลือประมาณ 50-60%

ฮังอวี่เดาว่าโอนุน่าจะยังมีพลังชีวิตเหลืออยู่ประมาณ 300 หน่วย ดังนั้นเขาจึงปรับสัดส่วนพลังชีวิตของตัวเองอีกครั้ง ปล่อยให้ลดลงเหลือ 10-20% เพื่อที่เอฟเฟกต์ของสกิลจะได้ส่งผล 80-90%

โอนุโกรธมาก

มันไม่เคยเห็นการต่อสู้ที่ราวเล่นกับไฟเช่นนี้มาก่อน!

มันตัดสินใจที่จะสังหารฮังอวี่ให้ตายในลมหายใจเดียว!

ตอนนี้ศัตรูเบื้องหน้าเปราะบางราวกับแผ่นกระดาษ

โอนุปลดปล่อยปราณสงครามคลั่งออกมา ฮังอวี่บลิงค์หลบตามที่คาดไว้ มันเปิดใช้งานประจัญบานพุ่งเข้าทิ่มแทง แต่ก็ถูกฮังอวี่หลบไปอีกทางด้วยโจมตีลมกรด

“เสร็จล่ะ!”

โอนุค้นพบการกระทำอันเป็นแบบแผนของฮังอวี่แล้ว

หลังจากเห็นว่าเขาใช้สกิลหลบหลีกทั้งสองจนหมดสิ้น พริบตานั้นมันหยิบคัมภีร์สกิลออกมาและเตรียมขว้างไปยังทิศทางของฮังอวี่

คัมภีร์สกิลเลเวล 10 : ฝนเพลิง!

ฮังอวี่สัมผัสได้ถึงคลื่นความผันผวนจากพลังงานของคัมภีร์สกิล เขารู้ว่านี่คือสกิลโจมตีระยะไกล ด้วยพลังชีวิตในปัจจุบันของเขาบวกกับพื้นที่แคบในถ้ำ ย่อมไม่มีทางหลบเลี่ยงได้อย่างแน่นอน

ยังไงก็ตาม คัมภีร์สกิลต้องใช้เวลาเล็กน้อยในการปลดปล่อย

ฮังอวี่ใช้โอกาสนี้เปิดใช้งานเกราะผู้บัญชาการ

นี่คือสกิลจากเครื่องประดับชุดเซ็ทสีเขียวเลเวล 5 ของผู้บัญชาการมนุษย์หมูป่า แม้จะเก่าไปบ้าง แต่ก็มากพอที่จะช่วยป้องกันการโจมตีบางส่วน ต้านทานลูกไฟสองสามลูกที่ตกลงบนร่างเขา จากนั้นแหวนในมือซ้ายฮังอวี่พลันสว่างวาบ ปลดปล่อยเทคนิครักษาขั้นสูงร่ายใส่ตัวเอง

นี่คือแหวนสีฟ้าที่เขายืมมาจากเสี่ยวไป๋

ค่าสเตตัสของฮังอวี่นั้นไม่แย่ ดังนั้นยังพอใช้งานมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

และเป็นเพราะเทคนิครักษาที่ติดมากับแหวนนั่นเอง ที่ทำให้ฮังอวี่กล้าเล่นกับไฟเช่นนี้

เทคนิครักษาช่วยฟื้นฟูพลังชีวิตของฮังอวี่ได้เล็กน้อยก็จริง แต่มันมากพอที่จะชดเชยดาเมจที่ได้รับให้สามารถสู้ต่อไปได้

ฮังอวี่ใช้โอกาสนี้เปิดใช้งานสกิลปะทะเดือดใส่โอนุ คมหอกกระแทกเข้าที่หน้าอก ส่งมันปลิวออกไปไกลกว่าสิบเมตรทันที

“ดี ดีมาก บีบบังคับข้าได้ถึงขนาดนี้ เจ้าต้องตาย!”

โอนุที่กระเด็นกลับมาไม่อาจควบคุมสติอารมณ์ได้อีกต่อไป มันคิดไม่ถึงว่าไก่ที่อ่อนแอกลุ่มนี้จะมีฝีมือกว่าที่คาดไว้

แม้โอนุจะไม่หวาดกลัวฮังอวี่

แต่ต่อสู้เช่นนี้ต่อไปมันลำบากเกินไป

ดังนั้น โอนุตัดสินใจเลิกสู้ตัวต่อตัว หันไปสั่งการให้กองทัทพมนุษย์จิ้งจอกโจมตี

ต้องเผชิญหน้ากับโอนุที่พลังชีวิตยังเหลือ 50% และกองทัพมนุษย์จิ้งจอกที่วิ่งเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ  ทว่ารอยยิ้มกลับปรากฏขึ้นที่มุมปากฮังอวี่

เหนือใบหอกช่วงบน

บังเกิดคลื่นความผันผวนทางพลังงาน

และในเวลาไม่ถึงสองวินาที มันก็ควบรวมพลังจนถึงขีดสุด

โอนุสัมผัสได้ถึงอันตราย สีหน้าของมันแปรเปลี่ยนไป “ถอยกลับ!”

อย่างไรก็ตาม!

สายเกินไปแล้ว!

นับตั้งแต่วินาทีที่ฮังอวี่เปิดใช้งานสกิลนี้--

--ผลการต่อสู้ก็ได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว!