ตอนที่แล้วบทที่ 761 - 762 ( 1แถม1 )
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 764 โทรศัพท์ข่มขู่

บทที่ 763 ความเป็นไปได้หลายประการ(ตอนฟรี)  


บทที่ 763 ความเป็นไปได้หลายประการ

“แค่กๆ!” จี้เฟิงยกมือขวาขึ้นมาปิดบังเสียงกระแอมไอเบาๆของเขา “เปล่า ผมไม่ได้ถ่อมตัว จริงๆแล้วผมก็แค่คนที่มองภาพรวมว่าควรจะทำอย่างไร สุดท้ายแล้วก็ต้องพึ่งพาทหารบนกระดาน นั่นก็คือคุณและผู้อำนวยการหยาง เพราะถ้าปล่อยให้ผมลงมือทำเองคนเดียว ได้พาโรงงานลงนรกแน่!”

“คิกคิก...” ซูหยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เธอเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเมื่อเธอเห็นท่าทางที่เขินอายเล็กน้อยของจี้เฟิงเธอถึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกจั๊กจี้หัวใจจนต้องหัวเราะออกมา

“อ่ะ.. เอาเป็นว่า ผมกลับก่อนแล้วกันนะ!” จี้เฟิงพูดตะกุกตะกัก “ถ้ามีอะไรก็โทรหาผมได้ตลอดนะ!”

“คุณจะไปแล้วเหรอ?” ซูหยวนถาม

“อื้ม จะกลับแล้ว!” จี้เฟิงหัวเราะ แต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ที่ทำให้จี้เฟิงเห็นร่องรอยความผิดหวังในดวงตาคู่งามของซูหยวน มันทำให้หัวใจของจี้เฟิงเต้นแรงขึ้นมาทันที เขารีบหลบสายตาและไม่กล้าหันไปมองหน้าของซูหยวนอีกเลย

อันที่จริง ด้วยตัวตนของเขา จี้เฟิงไม่อยากจะอยู่ที่โรงงานผลิตยานานเกินไป เขาเพิ่งรับตำแหน่งที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของโรงงานผลิตยา ซึ่งก็ไม่ต่างจากพวกคุณชายบ้านรวยบางคนที่มักจะเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ให้กับบริษัทใหญ่ๆสักแห่ง ซึ่งแท้จริงแล้วบริษัทก็เป็นของบุคคลนั้น และเป็นเพียงการหลอกลวงผู้คนทางอ้อมเท่านั้น

จี้เฟิงก็หลีกเลี่ยงปัญหาด้วยวิธีนี้เช่นกัน ดังนั้นหากเป็นเวลาปกติ เขาจะไม่อยู่ที่โรงงานผลิตยานานเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าคนงาน เขาจะไม่ค่อยปรากฏตัวให้เห็น เพราะซูหยวนและหยางเต๋อจ้าวมักจะเรียกเขาว่าบอสและประธาน และเมื่อเวลาผ่านไปทุกคนก็จะรู้ว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นเจ้าของโรงงาน

ที่สำคัญกว่านั้น ท่าทีของซูหยวนในวันนี้ดูเหมือนจะผิดปกติเล็กน้อย ซึ่งทำให้จี้เฟิงรู้สึกแปลกๆ

“อ๊ะ! หิมะตกแล้ว!” ซูหยวนพูดอย่างร่าเริง

จี้เฟิงเงยหน้าขึ้นและพบว่าเกล็ดหิมะเล็กๆตกลงมาจากฟ้าอย่างช้าๆและเงียบเชียบ

“นี่เป็นหิมะแรกของปีเลยใช่มั้ยเนี่ย?” ซูหยวนดูมีความสุขมาก เธอแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ผมหยักเป็นลอนสีแดงมะฮอกกานีพลิ้วไหวเล็กน้อยที่ตามการเคลื่อนไหวของเธอ ซูหยวนในเวลานี้สวมเสื้อโค้ทสีขาวแสดงให้เห็นถึงเสน่ห์ของผู้หญิงที่โตเต็มไวแต่ยังคงมีชีวิตชีวาและร่าเริงเหมือนกับเด็กสาว

“ฉันชอบหิมะมากที่สุด!”

ซูหยวนค่อยๆเหยียดมือของเธอออกและหมุนรอบตัวเองอย่างช้าๆ “ตอนเด็กๆ ฉันอาศัยอยู่ทางใต้ มันเลยเป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นหิมะ แต่พอฉันได้มาเรียนมหาวิทยาลัยที่เจียงโจว ฉันก็ได้สัมผัสกับหิมะเป็นครั้งแรก มันตื่นตาตื่นใจอย่างบอกไม่ถูก จะว่าไปฉันก็ไม่ได้เห็นหิมะตกหนักมาหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่าปีนี้จะตกเยอะรึเปล่า!”

“ก็น่าจะตกเยอะนะ!” จี้เฟิงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ปีที่แล้วก็ตกหนักไม่ใช่เหรอ? ผมจำได้ว่าปีที่แล้วก็ตกไม่น้อยเลยนะ!”

“จริงเหรอ?”

ซูหยวนส่ายหัวเล็กน้อยและพูดอย่างไม่พอใจ “ฤดูหนาวที่แล้วช่างน่าหงุดหงิดจริงๆ ฉันยุ่งตลอดทั้งวัน ยุ่งจนไม่มีอารมณ์มาสนว่าหิมะจะตกหรือเปล่า แต่ปีนี้ต่างไปจากเดิม เพราะนอกจากฉันจะได้เห็นหิมะแรกแล้ว ก็ยังมีคุณอยู่ข้างๆฉันด้วย!”

หัวใจของจี้เฟิงเต้นแรงขึ้นทันที แต่ใบหน้าของเขายังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มจางๆ “ข้างนอกนี้ลมแรง รีบเข้าไปข้างในเถอะ ผมจะกลับแล้ว”

“คุณกลับไปเถอะค่ะ ฉันจะยืนดูหิมะต่ออีกหน่อย!” ซูหยวนพูดด้วยรอยยิ้มหวาน “อีกอย่าง ฉันอยากยืนส่งคุณตรงนี้ด้วย!”

“ฮ่าฮ่า...” จี้เฟิงหัวเราะอย่างเซ่อๆ และหลังจากที่กล่าวลาซูหยวนอีกสองสามคำ เขาก็เดินไปที่ลานจอดรถใกล้ๆ

ในขณะที่กำลังเดินไปที่รถ จี้เฟิงก็ลอบถอนหายใจเบาๆ พลางคิดว่าที่ซูหยวนดูมีท่าทีลังเล นั่นเป็นเพราะเธอคิดมากเกินไป ตราบใดที่เธอมั่นใจ และได้รับการสนับสนุนจากเขา เธอจะใช้ความสามารถออกมาได้อย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับตอนที่ทำการโปรโมตคังหยวนสลิมมิ่งคราวก่อน

ส่วนอะไรบางอย่างที่ติดค้างในใจของเธอในเวลานี้ จี้เฟิงรู้สึกว่ายังไม่ควรพูดถึงเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นอาจยิ่งทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้

………………..

เมื่อเห็นจี้เฟิงโบกมือให้เธอแล้วเข้าไปในรถ ซูหยวนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มหวานและยกมือเล็กๆที่ขาวราวกับหิมะขึ้นและโบกมือพร้อมกับกล่าวลาจี้เฟิง “ขับรถระวังๆนะคะ หิมะตกถนนลื่นมันจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย...”

จี้เฟิงพยักหน้าโดยที่ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเพียงแค่สตาร์ทรถและขับออกจากโรงงานผลิตยาไป

“เขาไปแล้ว...” ซูหยวนยิ้มอย่างขมขื่น “สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องจากไปอยู่ดี ยังไงเขาก็เป็นแฟนของคนอื่น ไม่ใช่...”

“แต่ก็เอาเถอะ อย่างน้อยได้เห็นหิมะแรกตกแบบนี้ ก็ถือเป็นเรื่องดีๆเรื่องหนึ่งล่ะนะ!” ซูหยวนหัวเราะคิกคัก และกางแขนออกอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม เธอเงยหน้าขึ้นมองดูท้องฟ้าที่มีเกล็ดหิมะร่วงหล่นลงมาอย่างช้าๆ ดวงตาที่สวยงามของเธอมีร่องรอยแห่งความทรงจำ ซูหยวนในเวลานี้เหมือนกับคนที่พยายามปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระจากอะไรบางอย่าง

หลังจากเวลาผ่านไปพักใหญ่ๆ เธอกลับมามีสติอีกครั้งและบ่นกับตัวเองว่า “ฉันจะพิสูจน์ตัวเองให้คุณเห็น และจะทำให้คนที่ทรยศต่อคุณต้องเสียใจอย่างสุดซึ้ง! ฉันจะทำให้ได้!”

พูดจบซูหยวนก็หันหลังและเดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อทำงานต่อ ในฐานะผู้จัดการทั่วไปของโรงงานเซียว ดูเหมือนว่าบุคลิกของซูหยวนจะเป็นคนที่ร่าเริงมีชีวิตชีวาและมีเสน่ห์ แต่มันก็เหมือนเป็นเพียงแค่ภาพที่เธอสร้างขึ้น และพร้อมที่จะหายไปได้ตลอดเวลา....

………………..

บีเอ็มดับบลิวเอ็กซ์หกกำลังแล่นอยู่บนถนนวงแหวนรอบนอกด้วยความเร็วกลางๆ จี้เฟิงลดกระจกหน้าต่างลง เกล็ดหิมะตกลงมาเป็นระยะ และบางส่วนก็ตกลงมาบนใบหน้าของจี้เฟิงทำให้เขารู้สึกเย็นเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม ในหัวใจของจี้เฟิงยังคงมีเรื่องของซูหยวนวนเวียนอยู่ ดูเหมือนว่าซูหยวนในวันนี้จะผิดปกติไปมาก เธอแตกต่างจากที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิงราวกับเป็นคนละคนกัน!

เป็นแบบนี้ตั้งแต่ตอนไหน?

จี้เฟิงครุ่นคิดอยู่ในใจ ท่าทีของซูหยวนที่มีต่อเขามันไม่ใช่สัญญาณที่ดีนัก เหมือนกับว่าจะมีเรื่องส่วนตัวผสมปนเปอยู่ไม่มากก็น้อย และหากยังแยกแยะไม่ได้อยู่แบบนี้ เมื่อเวลาผ่านไปปัญหาบางอย่างอาจจะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อจี้เฟิงมาคิดดูดีๆอีกครั้ง เขาก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและยิ้ม

‘นี่ฉันหลงตัวเองเกินไปหรือเปล่านะ?’

‘ซูหยวนจะมาคิดอะไรกับฉันได้ยังไง อาจเป็นเพราะเหตุการณ์ในวันนี้เลยทำให้อารมณ์ของซูหยวนอ่อนไหวเกินไป หรือแววตาและท่าทางเหล่านี้อาจเป็นคำขอบคุณในสไตล์ของเธอก็ได้ และมันก็ไม่ใช่เรื่องพิเศษอะไรเลย’

“ครอบครัวของซูหยวน...” จี้เฟิงรู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันที ในบรรดาคนที่เขารู้จัก ดูเหมือนว่าซูหยวนจะไม่เคยพูดถึงครอบครัวของเธอเลย คนอื่นๆจะพูดถึงครอบครัวของตัวเองบ้าง ไม่มากก็น้อย เป็นเรื่องปกติเวลาที่มีการสนทนากัน

ตัวอย่างเช่น เวลาที่คนเราพูดถึงบางสิ่งบางอย่างหรือพูดคุยหัวข้อร่วมกัน หลายครั้งมักจะมีคนพูดว่า “บ้านฉันเป็นอย่างไร” หรือ “เกิดอะไรขึ้นบ้างที่บ้านเกิดของฉัน” ตราบใดที่ทุกคนยังคุยกันอยู่ ก็ไม่ยากที่จะได้ยินเรื่องที่บ้านหรือเรื่องในครอบครัวของคนๆนั้น

อย่างไรก็ตาม จี้เฟิงไม่เคยได้ยินซูหยวนพูดถึงครอบครัวของเธอเลย นอกจากเรื่องทางใต้ที่เธอเพิ่งพูดเมื่อกี้นี้ นอกจากนั้นเธอก็ไม่เคยเอ่ยถึงเลย ส่วนสำเนียงของเธอก็ไม่สามารถบอกได้เลยว่าบ้านเกิดของเธออยู่ที่ไหน ภาษาจีนของเธอดีมาก อย่างน้อยก็ทำให้จี้เฟิงรู้สึกว่าคำพูดของเธอชัดถ้อยชัดคำกว่าสำเนียงของเขาเสียอีก

จี้เฟิงจำได้อย่างชัดเจน เวลาปกติที่ทำงานร่วมกันหรือการพูดคุยหลังเสร็จงาน นอกจากเรื่องงานแล้วซูหยวนไม่ค่อยพูดถึงเรื่องอื่นเท่าไหร่นัก ถึงแม้ว่าเธอจะพูดถึงอดีต แต่เธอก็พูดแต่เรื่องงานที่เธอเคยทำ

ยกตัวอย่างเช่น ในตอนที่เธอเป็นเซลล์ขายยาให้กับโรงพยาบาล บางครั้งเธอต้องใช้เทคนิคเอาตัวรอดและแก้ปัญหาเวลาที่เจอพวกลามกหื่นกามในแผนกจัดซื้อของโรงพยาบาล บางครั้งก็พูดถึงประสบการณ์ต่างๆในการทำงาน แต่นอกเหนือจากนั้น แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆในชีวิต จี้เฟิงก็ไม่เคยได้ยินจากปากของเธอเลย

พอมาคิดดูดีๆ จี้เฟิงรู้สึกว่าเขาจะประมาทเกินไปในเรื่องนี้ ซูหยวนไม่เคยพูดถึงครอบครัวและเหตุการณ์ในอดีตของเธอเลย แม้แต่ชีวิตปกติในปัจจุบันก็ตาม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นคนที่ระวังตัวเข้าขั้นระแวงเลยทีเดียว หรือเธออาจเป็นคนที่มีปมด้อย

ที่เธอไม่พูดถึงอดีตและครอบครัวของเธอเลย อาจเป็นเพราะกลัวว่าคนอื่นจะคิดหรือทำสิ่งใดที่เป็นการทำร้ายเธอหลังจากรู้เรื่องนี้ นี่คือการระมัดระวังตัวในรูปแบบหนึ่ง

อาจเป็นเพราะครอบครัวของเธอยากจนมาก หรืออาจมีเรื่องที่ถ้าเธอเล่าให้คนอื่นฟัง มันจะทำให้เธอรู้สึกเขินอายที่จะพูดออกไป ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะไม่พูด และนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้ซูหยวนรู้สึกว่ามันเป็นปมด้อยและทำให้เธอมีความนับถือตนเองต่ำ

อย่างไรก็ตาม ในความเห็นของจี้เฟิง เขารู้สึกว่าความเป็นไปได้ทั้งสองนี้ไม่น่าจะใช่ เพราะเมื่อพิจารณาจากคำพูดและพฤติกรรมตามปกติของซูหยวนแล้ว แม้ว่าเธอจะเป็นคนระมัดระวังสูงและเหมือนจะมีเกาะป้องกันตัวเองอยู่ตลอดเวลา แต่มันก็เป็นเรื่องปกติ ลองนึกภาพดูว่าผู้หญิงคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตโดยเจอกับพวกวิปริตลามกหื่นกามอยู่เสมอ หากเธอไม่สามารถที่จะปกป้องตัวเองได้ เธอคงจะถูกกลืนกินไปในสังคมที่ชั่วร้ายและมีชีวิตไม่เป็นผู้เป็นคนไปนานแล้ว จะมาเป็นผู้จัดการทั่วไปของโรงงานเซียวฟามาซูติคอลอย่างทุกวันนี้ได้อย่างไร?

ดังนั้นจี้เฟิงจึงเชื่อว่า ไม่ใช่เพราะซูหยวนต้องการป้องกันตัวเองจากปมด้อยในอดีตมากเกินไป ถึงทำให้เธอไม่พูดถึงครอบครัวของเธอ ไม่ว่าคนๆหนึ่งจะระมัดระวังตัวเองมากแค่ไหน แต่เวลาคุยกับคนรู้จัก ก็ต้องอดไม่ได้ที่จะพูดเรื่องของตัวเอง เรื่องของครอบครัวตัวเองหรือประสบการณ์พิเศษที่จำได้อย่างแม่นยำ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นพฤติกรรมที่ออกมาจากจิตใต้สำนึกของผู้คน และไม่สามารถป้องกันได้ด้วยความระมัดระวัง

เว้นแต่จะเป็นสายลับพิเศษที่ได้รับการฝึกฝนและมีจิตวิทยาระดับสูง และอยู่ในการปฏิบัติภารกิจ หรือไม่ก็เป็นเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ

แต่เห็นได้ชัดว่าซูหยวนไม่ใช่คนแบบนั้น ดังนั้นจี้เฟิงจึงตัดความเป็นไปได้นี้ออกทันที

ดังนั้นก็เหลือความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง?

จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่

ซูหยวนไม่ใช่คนที่มีความนับถือตนเองต่ำ เพราะเวลาที่เธอต้องรับมือกับคนอื่น แม้ว่าคำพูดของเธอจะค่อนข้างเจียมเนื้อเจียมตัว แต่ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความมั่นใจ จากการสังเกตของจี้เฟิง นอกเหนือจากทักษะการขายของเธอแล้ว เธอมักจะใช้ความมั่นใจของเธอเพื่อพิชิตใจผู้อื่นและทำให้ผู้อื่นเชื่อในตัวเธอ

แล้วคนแบบนี้จะเป็นคนที่มีความนับถือตนเองต่ำได้อย่างไร?

มันเป็นแค่เรื่องตลก!

และเนื่องจากความเป็นไปได้ทั้งสองอย่างนี้ถูกตัดออกไป จึงเหลือเพียงความเป็นไปได้สุดท้าย ... ครอบครัวของซูหยวนและสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอในอดีตเป็นช่วงเวลาที่ไม่พึงประสงค์อย่างยิ่งสำหรับเธอ มันเป็นประสบการณ์อันเจ็บปวดที่เธอไม่ต้องการ ไม่อยากจะคิดถึงและไม่อยากเล่าให้คนนอกฟัง

มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวและคำอธิบายก็สมเหตุสมผลมาก เพราะนอกจากสาเหตุนี้จี้เฟิงก็นึกไม่ออกแล้วว่าทำไมซูหยวนถึงไม่พูดเรื่องครอบครัวของตัวเองกับคนนอกเลย...

...จบบทที่ 763~❤️

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด