ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 25 ฝึกยิงธนู
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 27 โสมจิตวิญญาณปรากฏกาย

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 26 ประลองครั้งที่สอง


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 26 ประลองครั้งที่สอง

แปลโดย iPAT  

คลื่นความร้อนพุ่งสู่ท้องของหลี่ฉิงซาน เขารีบออกไปฝึกหมัดปีศาจวัวที่ลานบ้านทันที เพียงเมื่อคลื่นความร้อนหายไปอย่างสมบูรณ์ เขาจึงสามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอกและหยุดเคลื่อนไหว

ปกติแล้วเขาจะรู้สึกเหนื่อยหลังจากฝึกซ้อมเป็นเวลานาน แต่วันนี้เขาเต็มไปด้วยพลังงาน ดังคาด สุราหมักโสมมีประสิทธิภาพมากกว่าการกินเนื้อสัตว์เพียงอย่างเดียว

นอกจากนี้พลังปราณของเขาก็ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แม้มันอ่อนแอมากแต่มันก็ค่อยๆเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ

‘สุราหมักสมุนไพรที่ทำจากโสมธรรมดายังได้ผลดีถึงเพียงนี้ ข้าสงสัยว่ามันจะเป็นอย่างไรหากข้าใช้โสมจิตวิญญาณ’ เขาคิดถึงเรื่องนี้ แต่เมื่อเขาพิจารณาถึงความยากลำบากในการได้มารวมกับผลลัพธ์ที่จะตามมา เขาก็ทำได้เพียงยอมแพ้ในท้ายที่สุด

ในเวลาเพียงไม่กี่วัน นักล่าหลายคนถูกหามออกจากภูเขา ท่ามกลางคนเหล่านี้มีทั้งคนที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เห็นได้ชัดว่ากลุ่มคนเก็บโสมรับมือไม่ง่าย แม้หลี่ฉิงซานจะตกลงเข้าร่วมหมู่บ้านบังเหียนม้า แต่มันก็เป็นเพียงมาตรการในการจัดการกับสถานการณ์เท่านั้น เขาไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับข้อพิพาทระหว่างสองหมู่บ้าน

เพียงชั่วพริบตา มันก็เป็นวันที่สิบห้าเดือนแปดซึ่งเป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์ ในส่วนลึกของภูเขา ฮวงปิงหูมองใบหน้าที่เหนื่อยล้าของคนที่อยู่ด้านข้าง สองสามวันที่ผ่านมากลุ่มนักล่าเคลื่อนที่ผ่านภูเขาอย่างระมัดระวังขณะที่พวกเขากลายเป็นฝ่ายได้เปรียบในการต่อสู้ที่ยุ่งเหยิง

อย่างไรก็ตามมันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ กล่าวถึงเรื่องนี้ ฮวงปิงหูรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย หลังจากทั้งหมดโสมจิตวิญญาณเป็นสิ่งลี้ลับในตำนาน ไม่มีใครเคยเห็นมันกับตาของตนเองมาก่อน ดังนั้นการเสียสละทั้งหมดของพวกเขาอาจกลายเป็นไร้ความหมาย

ฮวงปิงหูถอนหายใจยาวก่อนจะออกคำสั่งให้กลุ่มนักล่าล่าถอยกลับหมู่บ้าน เสี่ยวเฮยเร่งกล่าว “ท่านหัวหน้า ท่านจะยอมแพ้ไม่ได้ ร่างกายของท่าน...”

ฮวงปิงหูกล่าวตัดบท “หมู่บ้านสำคัญที่สุด!”

วันนี้ไม่ได้เป็นเพียงวันไหว้พระจันทร์แต่มันยังเป็นเวลาสำหรับครอบครัวที่จะมารวมตัวกัน ยิ่งไปกว่านั้นฤดูหนาวก็ใกล้เข้ามาแล้ว หมู่บ้านต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล

…..

มุมหนึ่งของหมู่บ้านบังเหียนม้า ภายในลานบ้านของปู่จาง ฮวงปิงหูถามด้วยรอยยิ้ม “ปู่จาง เด็กนั่นเป็นอย่างไรบ้าง?”

“เขาเป็นนักยิงธนูโดยธรรมชาติ ในอนาคตความสามารถในการยิงธนูของเขาจะเหนือกว่าทั้งเจ้าและข้าอย่างแน่นอน แต่...”

“แต่อันใด?”

“จิตใจของเขาไม่ได้อยู่กับหมู่บ้านบังเหียนม้า แม้เราจะให้เขาเข้าร่วม มันก็ไร้ประโยชน์ เราพยายามล่าสุนัขเพื่อให้มันปกป้องภูเขา แต่เขาเป็นหมาป่าและเป็นหมาป่าเดียวดาย วันหนึ่งเขาจะออกเดินทาง!”

“หมาป่าเดียวดาย? นั่นเป็นเพราะเขาไม่รู้ว่าหมาป่าที่อยู่ลำพังง่ายต่อการล่าเพียงใด ขณะที่ฝูงหมาป่ายากต่อการกำหราบ ข้าจะไปหาเขา ข้าปฏิเสธที่จะเชื่อว่าตำแหน่งหัวหน้านักล่าจะไม่ทำให้เขาหวั่นไหว!”

“เจ้าตั้งใจจะให้เขาเป็นหัวหน้านักล่าจริงๆงั้นหรือ?”

“นั่นขึ้นอยู่กับความสามารถของเขา” ฮวงปิงหูยิ้ม

…..

“ฉิงซาน เจ้ามีความสุขกับที่นี่หรือไม่?” ฮวงปิงหูยิ้ม

“ขอบคุณสำหรับความห่วงใย ท่านหัวหน้า ข้าไปได้ดีกับที่นี่” ตั้งแต่ข่าวที่หลี่ฉิงซานฆ่าเจ็ดคนเก็บโสมกระจายออกไปทั่วหมู่บ้าน ทุกคุนยิ่งชื่นชอบและต้อนรับเขามากขึ้น อย่างไรก็ตามนี่ยังหมายความว่าเขากลายเป็นศัตรูของหมู่บ้านราชาโสมอย่างสมบูรณ์แล้ว คนเก็บโสมไม่ใช่คนมีเมตตา ดังนั้นหลี่ฉิงซานจึงต้องพึ่งพาหมู่บ้านบังเหียนม้าเพื่อความอยู่รอด

แต่เขาจะสามารถยอมรับเงื่อนไขเช่นนี้ได้จริงๆงั้นหรือ?

หลี่ฉิงซานกล่าว “ท่านหัวหน้า ข้าต้องการประลองกับท่านอีกครั้ง!”

สายตาแห่งความประหลาดใจของฮวงปิงหูสบกับสายตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของหลี่ฉิงซาน

ฮวงปิงหูกล่าว “เอาล่ะ มาดูผลการฝึกของเจ้าในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมากัน”

“ย่า!” หลี่ฉิงซานไม่ได้รอให้ฮวงปิงหูถอยออกไป ในวินาทีนั้นเขาพุ่งไปข้างหน้าและส่งหมัดตรงออกไปที่หน้าอกของฮวงปิงหูโดยไม่มีกลอุบายใดๆทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามมันกลับสัมผัสเพียงอากาศที่ว่างเปล่า

“ไม่เลว เด็กน้อย!” ฮวงปิงหูปัดแขนของหลี่ฉิงซานออกไป นั่นทำให้หลี่ฉิงซานเดินโซเซถอยหลังกลับไปสองสามก้าวและเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจบนใบหน้า

‘รุนแรงนัก!’ แม้ครั้งก่อนฮวงปิงหูจะไม่ได้ต่อสู้กับหลี่ฉิงซานโดยใช้พละกำลัง แต่หลี่ฉิงซานก็ประเมินว่าฮวงปิงหูไม่ควรมีพละกำลังถึงระดับนี้

หลี่ฉิงซานกล่าว “ลองรับท่านี้!” จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าโจมตี หมัดที่ทรงพลังของเขาบินตรงไปยังใบหน้าของฮวงปิงหู

ความประมาททำให้หลี่ฉิงซานสูญเสียความได้เปรียบ แต่มันก็ปลุกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขาให้ตื่นขึ้น ‘ข้าปฏิเสธที่จะเชื่อว่าเจ้าสามารถเอาชนะข้าในแง่ของพละกำลัง!’ พลังปราณไหลไปที่แขนของหลี่ฉิงซานและทำให้มันดูราวกับหนาขึ้น

ทักษะการต่อสู้ของเขาขึ้นอยู่กับพลังปราณในร่างกายและตอนนี้เขาก็กำลังปลดปล่อยความแข็งแกร่งทั้งหมดออกมา

“ปัง ปัง ปัง ปัง”

ทั้งสองแลกหมัดกันอย่างต่อเนื่องและทำให้เกิดเสียงดังราวกับสัตว์ร้ายสองตัวกำลังกัดกัน

ฮวงปิงหูเต็มไปด้วยประสบการณ์ ดังนั้นเขาจึงสามารถจับจังหวะของการต่อสู้และชกเข้าที่หน้าอกของหลี่ฉิงซาน

หลี่ฉิงซานไม่ได้พยายามปิดกั้นหรือหลบเลี่ยง เขาชกสวนไปที่ใบหน้าของฮวงปิงหูในเวลาเดียวกัน

ฮวงปิงหูคิดในใจ ‘ข้าฝึกฝนกำลังภายในอย่างขยันขันแข็งมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันทำให้หมัดของข้าสามารถฆ่าลูกวัวได้ในครั้งเดียว ต่อให้เจ้าบ่มเพาะร่างกายมาอย่างหนักหน่วง เจ้าก็ยังต้องได้รับบาดเจ็บไม่น้อย!’

สำหรับหมัดของหลี่ฉิงซาน ฮวงปิงหูเพิกเฉยต่อมันอย่างสมบูรณ์

ฮวงปิงหูรู้ว่าหมัดของเขาจะปะทะร่างของหลี่ฉิงซานก่อนและฝ่ายหลังจะอดทนรับไว้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง

ดังคาด หลี่ฉิงซานรับมันไว้ได้ แต่เขาฟื้นตัวทันทีราวกับไม่ได้รับผลกระทบใดๆทั้งสิ้น ฮวงปิงหูตกตะลึงแต่ยังสามารถม้วนตัวหลบหมัดของฝ่ายตรงข้ามแม้จะรู้สึกปวดแก้มเล็กน้อยก็ตาม

ฮวงปิงหูเร่งถาม “เจ้าสบายดีหรือไม่?” เขาเข้าใจพลังของตนเองดีที่สุด แม้หลี่ฉิงซานจะบ่มเพาะร่างกายและสามารถป้องกันแรงกระแทกจากหมัดของเขา แต่เด็กหนุ่มก็ไม่สามารถหยุดกำลังภายในที่อัดแน่นอยู่ในการโจมตีนั้น อย่างไรก็ตามมันกลับไม่ส่งผลกระทบต่อหลี่ฉิงซานแม้แต่น้อย

หลี่ฉิงซานลูบหน้าอกของตนเอง “เจ็บมาก!” กำลังภายในของฝ่ายตรงข้ามพยายามแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของเขา แต่พลังปราณของเขาทำให้มันไร้ผลทันที โดยพื้นฐานแล้วมันไม่สามารถสร้างความเสียหายใดๆ หลังจากนั้นเขาก็ฟื้นพลังทันทีและเกือบทำร้ายฝ่ายตรงข้าม

หากอธิบายตามสิ่งที่ฮวงปิงหูเข้าใจ นี่คือความแตกต่างเชิงคุณภาพระหว่างกำลังภายในกับพลังปราณที่แท้จริง

ฮวงปิงหูไม่รู้ว่าควรตอบสนองอย่างไร หมัดที่เขามั่นใจกลับได้รับการประเมินเพียงแค่คำว่าเจ็บมาก อย่างไรก็ตามผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนล้วนมีความเย่อหยิ่งในตนเองและต้องการเอาชนะผู้อื่น ดังนั้นเขาจึงตะโกนออกมาว่า “งั้นกินหมัดของข้าอีกสองสามหมัด!”

ทั้งสองเริ่มต่อสู้กันอีกครั้ง คราวนี้ฮวงปิงหูหยุดออมมือและใช้ทุกสิ่งที่เขามี เขาเร็วขึ้นมาก นี่ส่งผลให้หลี่ฉิงซานกลายเป็นกระสอบทรายให้เขาทุบตี

ในสายตาของคนทั่วไป ฮวงปิงหูอาจดูเป็นฝ่ายได้เปรียบ

อย่างไรก็ตามทั้งสองต่างมีความคิดที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง หลี่ฉิงซานรู้สึกเหมือนการเคลื่อนที่ของฮวงปิงหูค่อยๆช้าลง มันไม่ยากที่จะจับจังหวะเหมือนก่อนหน้า แม้หมัดของฮวงปิงหูจะปะทะร่างกายของเขาทุกครั้ง แต่ความเจ็บปวดกลับลดน้อยลงเรื่อยๆ ดังนั้นเขาจึงสามารถเพิกเฉยต่อการโจมตีเหล่านั้นและมุ่งเน้นไปที่การโต้กลับ เขาเหมือนหน้าผาหินท่ามกลางพายุ มันทั้งมั่นคงและไม่สั่นคลอน

ฮวงปิงหูรู้สึกประหลาดใจมากขึ้นเมื่อเขาโจมตีมากขึ้น ความเร็ว ปฏิกิริยา และความแข็งแกร่งของหลี่ฉิงซานกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เด็กหนุ่มดูแตกต่างจากก่อนหน้าราวกับเป็นคนละคน ในที่สุดฮวงปิงหูก็ไม่สามารถโจมตีจุดสำคัญของหลี่ฉิงซานได้อย่างง่ายดายอีกต่อไป สำหรับหมัดที่ปะทะตำแหน่งอื่น มันไร้ประโยชน์อย่างสมบูรณ์

ขณะที่การต่อสู้ดำเนินต่อไป การโจมตีของหลี่ฉิงซานก็เริ่มมีระเบียบมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการชกอย่างชาญฉลาดหนึ่งหรือสองหมัดเป็นครั้งคราว มันทำให้ฮวงปิงหูตกอยู่ในอันตรายทันที เขาต้องพึ่งพาประสบการณ์ที่สะสมมาตลอดชีวิตเพื่อรับมือเด็กหนุ่ม สายลมกรรโชกแรงพุ่งออกไปพร้อมกับหมัดของหลี่ฉิงซาน ทุกครั้งที่เขาชก ตราบเท่าที่มันตกลงบนพื้น ฝุ่นควันจะลอยคละคลุ้งขึ้นสู่อากาศ

ฉากที่แปลกประหลาดปรากฏขึ้น หนึ่งในสองถูกต่อยอย่างต่อเนื่อง แต่เขายิ่งสู้ยิ่งทำได้ดี อีกคนไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เขากลับอ่อนกำลังลงเมื่อเวลาผ่านไป

เหงื่อเริ่มไหลลงมาจากหน้าผากของฮวงปิงหู ขณะที่หลี่ฉิงซานยังสงบและไม่รู้สึกกระวนกระวายใจเหมือนก่อนหน้า

วัวเป็นสัตว์ที่มีความอดทนสูง ยิ่งเขาฝึกหมัดปีศาจวัวมากเท่าใด ความแตกต่างระหว่างมนุษย์ธรรมดากับบุรุษที่ครอบครองพลังเหนือธรรมชาติก็ยิ่งแสดงให้เห็นชัดเจนมากเท่านั้น

ฮวงปิงหูกระโดดถอยหลังและตะโกนออกไปว่า “พอแล้ว!”