ตอนที่แล้วตอนที่ 9 ชีวิตคือการเรียนรู้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 11 โดนไล่ออกจากบ้าน

ตอนที่ 10 ศึกษาสัตว์ร้าย


“อัลเบอร์ตั้น! อัลเบอร์ตั้น! เปิดประตูสักทีสิวะ ไอ้หูหนวก!”

ทหารลีเจี้ยนชายหญิง 2 คนเริ่มทำหน้าซีดขณะยืนมองผู้บัญชาการกองพันกระหน่ำทุบประตูเสริมเหล็กไม่หยุด

มันรุนแรงมากเสียจนฝุ่นที่จับอยู่นั้นกระจุยกระจายออกไปทั่ว

ทหารคู่นี้ก็คือ 2 คนแรกที่เห็นมอนสเตอร์ประหลาดนั่นเอง แถมยังเห็นมันได้ชัดเจนที่สุดด้วย ไททัสก็เลยพาทั้งสองไปหาเมดิคัสเพื่อรักษาแผล จากนั้นก็เร่งตรงขึ้นมาที่ป้อมลีเจี้ยนประจำเมืองลีเรียทันที

ตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ตรงชั้นใต้ดินของป้อมซึ่งลึกจากพื้นลงไปหลายชั้น

อากาศที่นี่ค่อนข้างชื้นและเต็มไปด้วยฝุ่นละออง

หากว่ากันตามตรงแล้ว ไททัสเพิ่งจะเคาะประตูได้ไม่นานเอง แต่เพราะคนมันใจร้อนนี่นะ ทำไงได้

“เปิดประตูเดี๋ยวนี้อัลเบอร์ตั้น ก่อนที่ข้าจะเอาหนังสือโง่ๆ พวกนี้มาใช้เป็นเชื้อเพลิงแทน” ไททัสคำราม

ประตูแทบจะเปิดออกทันทีที่สิ้นเสียงของเขา เผยให้เห็นชายหนุ่มไว้เคราสวมชุดคลุมสีน้ำตาลไม่เรียบร้อยที่อยู่ภายใน

เคราของชายคนนี้ทิ่มลงและดูแหลมคมจนเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว

“เจ้าไม่กล้าหรอกไททัส ไอ้ลิงไร้การศึกษา!

หนังสือพวกนี้คือประวัติศาสตร์นับพันปีของกองพันลีเจี้ยนเชียวนะ!” เขาตะโกนกลับจนเคราแทบจะชี้ใส่ผู้บัญชาการ

ไททัสเพียงแค่ฮึมฮัมในลำคอ

“ดี ตื่นได้สักทีนะ” เขากล่าวก่อนจะผลักอัลเบอร์ตั้นที่มีร่างกายผอมแห้งออกให้พ้นทางและก้าวเข้าไปในห้อง

“ข้าก็ตื่นอยู่ตลอดแหละ” อัลเบอร์ตั้นแย้งขณะเกาเสื้ออย่างเคยชิน

“นี่มันกี่โมงแล้วเนี่ย?”

ไททัสส่ายหน้าและโบกมือให้ทหารทั้งสองตามเข้ามา

นี่เป็นห้องที่รกมากและมีฝุ่นเกาะอยู่ทั่วทุกแห่ง

กองหนังสือ แผ่นกระดาษ และคัมภีร์มากมายถูกวางอย่างระเกะระกะ

โต๊ะหลายตัวถูกนำมาเรียงกันอยู่กลางห้อง ในขณะที่ผนังเต็มไปด้วยชั้นวางหนังสือสูงจนติดเพดาน

พอเห็นสภาพห้อง ไททัสก็ตะโกนออกไปด้านนอกทันที

“ไปเรียกคนทำความสะอาดมา!”

ส่วนอัลเบอร์ตั้นก็ประท้วงไล่หลัง

“จะเข้ามาวุ่นวายทำไม เดี๋ยวมันก็รกอีกแถมทำให้ข้าเสียสมาธิด้วย... เหมือนกับเจ้านี่แหละ!”

ทั้งคู่ชอบกัดกันจนเกือบลืมว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย

“ทหารฝึกหัดเมียริน ทหารฝึกหัดดอนเนแลน นี่คืออัลเบอร์ตั้น ลอร์มาสเตอร์ของกองพันอบิสซี่แห่งลีเรีย

อัลเบอร์ตั้น เรามานี่เพื่อปรึกษาและระบุชนิดของมอนสเตอร์ที่เด็กสองคนนี้เห็น”

(TL: ลอร์มาสเตอร์ (Loremaster) – ผู้รับผิดชอบเรื่องความรู้และข้อมูลต่างๆ)

อัลเบอร์ตั้นชำเลืองมองทั้งสองอย่างสงสัย

“การออกสำรวจถูกสั่งห้ามมาหลายวันแล้วนี่?

พวกเจ้าเป็นทหารยามรักษาการณ์หน้าด่านแต่กลับไม่รู้จักมอนสเตอร์ที่อยู่แถวนั้นเนี่ยนะ?

เราหละหลวมถึงขั้นลืมสอนทหารใหม่แล้วเหรอว่ากิ้งก่าหนามมันหน้าตาเป็นยังไง?

“หากเป็นแบบนั้นจริง คนที่ต้องรับผิดชอบเรื่องหลักสูตรการสอนมันก็เจ้าอยู่ดีนั่นแหละ ลอร์มาสเตอร์อัลเบอร์ตั้น” ไททัสเอ่ยพลางถอนหายใจ

“เราต้องการให้เจ้าหาข้อมูลเกี่ยวกับมอนสเตอร์มดตัวนึง”

ลอร์มาสเตอร์ชะงักทันที

“นี่เจ้ากำลังพูดถึง... ฟอร์มิซิดี้ใช่มั้ย?”

“ถูกต้อง”

สายตาของอัลเบอร์ตั้นมองไล่ไปตามชั้นหนังสือขณะที่สมองเริ่มประมวลผล

เขาเดินไปหยิบบันไดตรงมุมห้อง เลื่อนมันไปยังชั้นหนังสือแห่งนึง และเริ่มปีนขึ้นไปอย่างระมัดระวัง

เมื่อขึ้นถึงชั้นที่เจ็ด เขาก็ดึงหนังสือออกมาก่อนจะค่อยๆ ปีนลงด้วยความยากลำบาก

ตุบ!

หนังสือเล่มยักษ์ถูกจับโยนลงบนโต๊ะและทำให้ฝุ่นฟุ้งไปหมด

ทหารฝึกหัดทั้งสองเห็นชื่อ ‘ฟอร์มิซิดี้’ สีทองที่ถูกสลักตรงหน้าปกได้อย่างชัดเจน

---------------

สนับสนุนผลงานอย่างถูกต้องได้ที่ MyNovel และ Thai-Novel

---------------

ขณะที่อัลเบอร์ตั้นกำลังง่วนอยู่นั้น เมียรินก็หันมาถามผู้บัญชาการของเธอด้วยความลังเล

“ท่านผู้การ ข้าทราบดีนะคะว่าเรามักจะไม่ได้เห็นมอนสเตอร์มดในพื้นที่แถบนั้น แต่มันก็แต่มดตัวเดียว ทำไมพวกท่านถึง...?”

ดอนเนแลนเองก็หันมาฟังเช่นกัน

ไททัสกระแอมเล็กน้อย

“มดตัวเดียวคือมอนสเตอร์ที่อ่อนแอ แต่ตามปกติแล้วเจ้าคงไม่มีทางได้สู้กับมันแบบตัวต่อตัวหรอก

พวกมันจะมากันหลายร้อยหลายพันตัว หรืออาจจะเป็นแสนตัวเลยก็ได้

มดคือมอนสเตอร์ที่ทำงานเข้าขากันได้ดีกว่ามอนสเตอร์ชนิดไหนๆ

พวกมันไร้ซึ่งความกลัว ไม่รู้สึกเจ็บปวด และหิวโซแทบตลอดเวลา

โคโลนี่มดสามารถกวาดพื้นที่ในดันเจี้ยนได้เป็นแถบๆ จำนวนของพวกมันจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หากเข้ามาทำรังในช่วงชั้นที่หนึ่งหรือสอง มีความเป็นไปได้สูงที่พวกมันจะขึ้นมาบนพื้นผิวเพื่อหาอาหารเพิ่ม

การที่โคโลนี่มดขยายอาณาเขตขึ้นมาข้างบนนั้นถือเป็นมหันตภัยร้างแรง

เคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาแล้วถึง 2 ครั้งในอดีต แต่ละครั้งจบลงด้วยการที่อาณาจักรถูกทำลายไปพร้อมกับพวกมัน”

“ในกรณีเหล่านั้น...” ลอร์มาสเตอร์เริ่มหันไปพูดกับทหารทั้งสอง

“ผู้คนตอบสนองได้ช้ามากขณะที่พวกมดนั้นเป็นนักขุดตัวฉกาจ

พวกมันไม่ได้ออกมาจากทางเข้าดันเจี้ยน โอ้ว ไม่เลย... มันดันโผล่ขึ้นมาจากบ้านเรือน ชั้นใต้ดิน และคุกใต้ปราสาท

ตอนนี้พวกมันอาจกำลังขุดขึ้นมาทักทายเราอยู่ก็เป็นได้นะ”

อัลเบอร์ตั้นหัวเราะแห้งๆ เมื่อเห็นทั้งคู่จ้องมองที่ผนังด้วยความหวาดระแวง

“เอาล่ะ ลองอธิบายลักษณะของมันให้ข้าฟังหน่อย”

พลทหารทั้งสองเล่าสิ่งที่ตัวเองเห็นทันที จากนั้นอัลเบอร์ตั้นจึงเริ่มพลิกหน้าหนังสือขณะพึมพำไปเรื่อย

ทั้งสองยังเห็นอีกว่าหนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยข้อมูลและภาพตัวอย่างแบบละเอียดของมอนสเตอร์จำพวกมด

“เมื่อกี้พวกเจ้าบอกว่าตาของมันใหญ่สินะ? แปลกมาก

อย่างน้อยเราก็รู้แล้วว่าไม่ใช่สายพันธุ์ดอรีลัส” อัลเบอร์ตั้นพึมพำ

ดอนเนแลนหันไปหาผู้บัญชาการด้วยสีหน้าใฝ่รู้

“...มดดอรีลัสน่ะสายตาเกือบบอดสนิท” ไททัสเริ่มอธิบาย

“แต่ราชินีดอรีลัสสามารถวางไข่ได้ล้านฟองต่อเดือน จำนวนของพวกมันอาจเพิ่มสูงถึง 50 ล้านตัว

พวกมันยังเป็นมอนสเตอร์เร่ร่อนที่ย้ายถิ่นฐานบ่อยๆ และแน่นอนว่าทุกที่ที่ผ่านไม่มีอะไรเหลือรอด

ลองนึกภาพพวกมันปะทุออกจากพื้นหรือผนังเพื่อรุมทึ้งพวกเจ้าสิ

เยอะแบบนั้นจะตาบอดหรือไม่บอดมันก็ค่าเท่ากัน จริงไหม?”

“พ่นกรดเพื่อล่อตะขาบกรงเล็บออกมาสินะ?” อัลเบอร์ตั้นพูดตัด

เขาขมวดคิ้วพร้อมกับใช้นิ้วเคาะหน้าหนังสือไปมา

“นี่มัน... ไม่ธรรมดาเลย”

“เจออะไรเข้าแล้วเหรอ ลอร์มาสเตอร์?” ไททัสถาม

“จากลักษณะสีและการพ่นกรดที่เป็นเอกลักษณ์ เราพอจะมั่นใจได้ว่ามอนสเตอร์ตัวนี้อยู่ในกลุ่มสายพันธุ์ฟอร์มิก้า

ดูจากขนาดที่บอก มันน่าจะเป็นตัวอ่อนมดงาน แต่มีจุดที่แปลกประหลาดอยู่ด้วย

เจ้าตัวนี้มันกลายพันธุ์ตาของตัวเองซึ่งเป็นเรื่องที่มอนสเตอร์มดไม่ทำกัน

การหลบหนีและล่อมอนสเตอร์ตัวอื่นออกมาสู้แทนก็เป็นอีกอย่างที่แสดงถึงสติปัญญา”

ไททัสพยักหน้า

“ข้าเองก็เห็นด้วย ตัวอ่อนมดงานทั่วไปจะมีค่าความหลักแหลมอยู่ที่ 3-4 แต้มเท่านั้น แล้วเจ้าได้รู้อะไรอีก?”

“เราอาจจะโชคดีมากเลยก็ได้นะ ท่านผู้การ”

“โชคดียังไง?”

“ท่านก็บอกเองนี่ว่าปกติเราไม่มีทางเห็นมดแค่ตัวเดียวหรอก

เรายังรู้ด้วยว่ามดส่วนใหญ่จะไม่มาทำรังอยู่บนช่วงชั้นที่หนึ่ง ดังนั้นเจ้าตัวอ่อนนี่จะโผล่มาจากไหนได้อีกล่ะ?

ข้าขอเดาว่ารังของพวกมันคงโดนบุกปล้น เป็นรังที่ยังใหม่และอ่อนแอเกินกว่าจะต้านทานไหว

ผลก็คือมีไข่และตัวอ่อนบางส่วนถูกนำออกมายังช่วงชั้นที่หนึ่ง และเจ้าตัวอ่อนนี่ก็ฟักออกมาพอดี”

“งั้นเราก็ได้รับสัญญาณเตือนก่อนที่มันจะสายเกินไปสินะ” ไททัสเปรย

“ถูกต้อง มีความเป็นไปได้ว่าตัวราชินีอาจถือกำเนิดและมีอายุไม่ถึง 2 เดือน แต่สิ่งที่ข้าสงสัยมากกว่าก็คือทำไม ‘ตัวอ่อนมดงาน’ ซึ่งถือเป็นมอนสเตอร์ที่อ่อนแอที่สุดในดันเจี้ยนถึงอยู่รอดมาได้นานขนาดนี้?

จากข้อมูลที่พวกเจ้าบอก เราพอคาดคะเนได้ว่ามันต้องกลายพันธุ์ดวงตามาแล้วอย่างน้อยหนึ่งหรืออาจจะสองครั้ง

มันไปเอาไบโอแมสมาจากไหนกัน? และทำไมถึงแสดงระดับสติปัญญาที่สูงกว่าปกติ?

นั่นล่ะท่านผู้การ คือปริศนาที่ใหญ่ที่สุด”

“ข้าเห็นด้วย” ไททัสตอบ

“แต่การที่เราสามารถโจมตีโคโลนี่ได้ถือเป็นเรื่องที่ข้ากังวลมากกว่าเรื่องตัวอ่อนตัวเดียว

เราต้องจัดกำลังพลสำรวจเพื่อกำจัดพวกมันให้เร็วที่สุด

คลื่นถาโถมใกล้เข้ามาแล้วด้วย... นับเป็นจังหวะที่ไม่ดีเลย”

อัลเบอร์ตั้นสะดุ้งหน่อยๆ

“ดูเหมือนเราจะรับมือฝ่ายเดียวไม่ไหวนะ ท่านผู้การ”

“ก็จริง” ไททัสเห็นด้วย

“กองทหารลีเจี้ยนจะมุ่งหน้าเข้าสู่ดันเจี้ยนเดี๋ยวนี้เลย ในขณะที่เจ้ากับข้าต้องไปเข้าเฝ้าเสด็จอาของเจ้า”

“เห้อ~”

อัลเบอร์ตั้นถอนหายใจแบบเซ็งๆ และเป็นจังหวะเดียวกับที่เหล่าคนทำความสะอาดพุ่งเข้ามาและเริ่มเก็บกวาดทุกอย่างในห้อง

“เห้ออออออ~”

---------------

อัพเดทข่าวสารล่าสุดและติดตามแฟนเพจนักแปลได้ที่: EP:IC Translation

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด