ตอนที่แล้วSN-ตอนที่ 3 มุ่งสู่แบล็ควอเตอร์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSN-ตอนที่ 5 การประเมินการต่อสู้

SN-ตอนที่ 4 แบล็ควอเตอร์และอันธพาล


สถาบันแบล็ควอเตอร์ ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา บริเวณที่ตั้งอยู่นี้ใกล้กับปล่องขนาดใหญ่ที่ขุดโดยตัวแปร A-Class เมื่อ 20 ปีที่แล้ว โดยสถาบันแบล็ควอเตอร์ได้ชื่อนี้มาจากน่านน้ำที่ดำคล้ำในปล่องภูเขาไฟ เหตุผลที่มันเป็นสีดำเช่นนี้ก็เพราะเศษเลือดและซากศพของสัตว์ประหลาดที่จมลงสู่พื้นมหาสมุทรเบื้องล่าง

หลุมอุกกาบาตเองก็กลายเป็นท่าเรือไปโดยธรรมชาติและทอดยาวไปสู่มหาสมุทรแอตแลนติก และ เมืองท่าเล็ก ๆ ที่มีชื่อว่า ฮาเว่น ก็ตั้งอยู่ตรงนั้น จากการสันนิษฐานดูเหมือนว่ามันจะเป็นแหล่งเสบียงหลักสำหรับผู้คนที่เข้าออกแบล็ควอเตอร์

โดยรวมแล้ว แบล็ควอเตอร์ ค่อนข้างโดดเดี่ยว และ เกือบจะน่าขนลุก

ดังนั้นการเดินทางไปยัง สถาบันแบล็ควอเตอร์ ประกอบไปด้วยการนั่งรถนานถึง 2 ชั่วโมง ตามมาด้วย เฮลิคอปเตอร์ที่ยาวนานอีก 1 ชั่วโมงที่บินผ่านป่าที่รกร้างและกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยพืชพรรณต่าง ๆ

ป่าเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากการปรากฏตัวของ สัตว์ประหลาด มันได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งโลก โดยบางพื้นที่เป็นเพราะผลกระทบจากการวางไข่ของพวกมัน สิ่งนี้ทำให้พวกเขาจำเป็นจะต้องชำระล้างพื้นที่เหล่านี้ออกและมันก็เป็นการยากเกินไปที่จะฟื้นฟูมันกลับมายังสภาพเดิม

“หากพวกแกพยายามที่จะหลบหนีออกจาก แบล็ควอเตอร์ พวก วาแลน ที่ซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่เหล่านี้จะขย้ำพวกแกจนเละอย่างไม่มีชิ้นดี”เจ้าหน้าที่เฟล็ทเชอร์ได้กล่าวขณะที่นั่งบนที่นั่งนักบิน สิ่งนี้มันทำให้การสังเกตุผ่านสายตาของทุกคนได้กลายเป็นคมชัดมากขึ้น

ใช่แล้ว แม้แต่ อัลดิช ก็ยังคิดเช่นนั้น สถานที่แห่งนี้มันเป็นสิ่งที่คุกคามมากกว่าการอยู่ในสถาบันแบล็ควอเตอร์เสียอีก

หลังจากเฮลิคอปเตอร์ลงจอด อัลดิช อดัม และ คนอีก 3 คนที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาการต่อสู้ ต่างก็ได้รับชุดยูนิฟอร์มของพวกเขา จากนั้นพวกเขาก็ถูกนำส่งไปยังห้องพักรวม นอกจากนี้ พวกเขายังได้รับคำสั่งให้มารวมตัวกันที่สนามฝึกภายในเวลาบ่ายสามโมงด้วยหากล่าช้าจะต้องเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่ร้ายแรง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หอพักสำหรับนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาการต่อสู้ มันได้ถูกแยกออกจากกันในค่ายทหารเล็ก ๆ ของพวกเขาเอง ซึ่งพื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยแมลงสาปจำนวนมากและระบบทำความร้อนหรือความเย็นก็ไม่ทำงาน เห็นได้ชัดว่านี่เป็นอาคารที่ตั้งใจจะรื้อถอนซึ่งได้รับการดัดแปลงใหม่ให้กลายเป็นที่พักสำหรับนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาการต่อสู้

เกี่ยวกับเรื่องนี้พวกเขาไม่สามารถบ่นอะไรได้

ราวกับว่ามันเป็นการย้ำเตือนเกี่ยวกับนักเรียนเหล่านี้ว่าทางสถาบันคิดยังไงกับพวกเขา โดยค่ายทหารของนักเรียนจริงสามารถมองเห็นได้จากทางหน้าต่างของพวกเขา และ มันเป็นอาคาร 3 ชั้นที่เหมาะสมด้วยการออกแบบทรงลูกบาศก์ที่ทันสมัยที่สุด มันดูค่อนข้างล้ำหน้าอย่างน่าประหลาดใจเมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่า แบล็ควอเตอร์ เป็นเพียงสถาบันศึกษาขนาดเล็ก

“อย่างน้อยพวกเราก็มีที่พักเป็นของตัวเอง!”อดัมกล่าวขณะที่มองดูกลุ่มนักเรียน 4 คนเดินเตร่ไปทั่วพื้นที่ค่ายทหารเล็ก ๆ อดัม เป็นเพียงคนเดียวที่ใช้ไม้ฟาดฟันแมลงสาปที่นี่อย่างขันแข็งทันทีที่พบพวกมัน

“เครื่องทำความร้อนใช้การไม่ได้ ทั้งที่ฤดูหนาวใกล้เข้ามาแล้ว”เจค นักเรียนอีกคนได้กล่าวออกมา “ทั้งที่พวกเขารู้ว่าพวกเราไม่มีพลังพิเศษ แต่พวกเขาก็ยังปฏิบัติกับเราเช่นนี้ เกรงว่าพวกเราคงจะแข็งตายก่อนจบการศึกษาเป็นแน่”

“เห้อ โชคดีที่ฉันเอาผ้าห่มมาเพิ่ม”อดัม ได้กล่าวออกมา “เอาเถอะ พวกเราจงเชื่อมั่น และ พวกเราจะผ่านมันไปด้วยกันให้ได้”

“นายดูมองโลกในแง่ดีจังนะ”เอเลเน่ เด็กสาวคนนึงที่เป็นส่วนนึงของกลุ่มได้กล่าวพูดออกมา

“แล้วจะให้ฉันทำยังไงเล่า?”อดัม ได้พูดขึ้น“สิ่งที่ฉันรู้แน่ชัดคือ ถ้าฉันไม่ได้มองโลกในแง่ดี ฉันคงกลายเป็นบ้าไปตั้งนานแล้ว หรือ บางทีฉันคงบ้าไปแล้ว เห้อ แม้แต่ตอนนี้ฉันเองก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเลย”

อัลดิช ส่วนใหญ่ยังคงยืนนิ่งและนิ่งเงียบเช่นเดียวกับ แฟรงค์ ซึ่งเป็นนักเรียนคนสุดท้ายของ โครงการพัฒนาการต่อสู้ที่เรียกว่า เดอะเฟรม แม้ว่า แฟรงค์ จะนิ่งเงียบแต่นั่นก็เพราะเกิดจากความกลัวจากนี้จะเห็นได้ชัดว่าเขากำลังสั่นเทาบางอย่าง แต่ อัลดิช กลับนิ่งเงียบ เป็นการสังเกตุ หรือที่เรียกว่าความสงบ

จากนั้นเสียงฝีเท้าก็ดังมาจากอีกฟากนึงของโถงทางเดิน โดย เสียงฝีเท้านี้ไม่ใช่เสียงของนักเรียนเดอะเฟรม สิ่งนี้มันทำให้ทุกคนดูตื่นตัว

“หืม นี่คือสถานที่ที่พวกนายอาศัยอยู่?”ชายร่างสูงที่มีผมดำสลวยอีกทั้งยังมีดวงตาสีเทาที่คมกริบได้เดินเข้ามา ดูเหมือนว่านักเรียนจากเครื่องแบบสีดำนี้จะแตกต่างจากเครื่องแบบของเจ้าหน้าที่ตรงที่พวกเขาไม่มีลายทางใต้ยอดคลื่นสีขาวบนหน้าอกของเครื่องแบบพวกเขา

ข้างหลังเขาก็มีนักเรียนอีก 3 คน เดินตามมา

“ขยะ แม้แต่สถานที่ก็เหมาะสมกับพวกขยะว่างั้นมั้ย!”ผู้ชายคนนั้นได้กล่าวพูดขณะที่เดินไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้มที่อวดดี เขาและสหายของเขาได้หัวเราะเยาะทางความคิด

ดูเหมือนว่านักเรียนเหล่านี้จะเป็นนักเรียนที่มีอำนาจ

อดัมที่ยืนอยู่หน้ากลุ่มเดอะเฟรมไม่ได้สะทกสะท้านอะไร แม้แต่ อัลดิช ก็ยังส่ายศีรษะ จากประสบการณ์ของเขา หากพวกเขายืนหยัดต่อสู้กับพวกอันธพาลเหล่านี้มันจะทำให้มีปัญหาตามมาอย่างไม่รู้จบ แต่ทว่า เขาก็สงสัยเหมือนกันว่า อดัม ที่เป็น ผู้ผิดปกติเหมือนกับเขาสามารถเอาชีวิตรอดภายใต้ความมั่นใจเช่นนี้ได้อย่างไร

“อะไร สถานที่แห่งนี้มันไปทำให้พวกนายไม่พอใจหรือยังไงกัน?”อดัมได้กล่าวออกมา

นักเรียนคนนึงได้เดินไปข้างหน้าอดัม จากนั้นใบหน้าของพวกเขาก็ห่างกันเพียงไม่กี่นิ้ว

เพียงพริบตาเดียว การเคลื่อนไหวที่พร่ามัวก็ได้ปรากฏขึ้น ตามมาด้วยเสียงแตกของแรงกระแทก

อดัมได้ล้มตัวลงไปข้างหลังทันที เขาได้จับใบหน้าของเขาเพื่อกลั้นเลือดที่ไหลออกมาจากทางจมูกและคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด เขาถูกโจมตีด้วยความเร็วที่เร็วเกินกว่าสายตามนุษย์จะรับรู้ได้

“ดูเหมือนว่าพวกแกจะยังไม่เข้าใจ”หัวหน้ากลุ่มนักเรียนได้กล่าวออกมา“เหตุผลที่พวกแกได้เข้าเรียนที่นี่ก็เพื่อเติมเต็มโควต้าที่หลากหลายเพื่อให้สถาบันการศึกษาได้รับทุนเพิ่มขึ้นเท่านั้น โดยรวมแล้ว พวกแกก็ยังคงเป็นขยะไร้ค่าในสังคมเหมือนเดิม เมื่อเทียบกับพวกเราที่มีอำนาจ พวกแกก็ไม่ต่างไปจากขี้ข้าของพวกเราหรอก”

“ดังนั้น อย่าได้ริอาจเทียบตนมาพูดคุยกับพวกเราอีก สิ่งที่พวกแกทำได้ก็คือทำตัวเหมือนกับสุนัขตัวน้อยที่เชื่อฟัง พูดก็พูดเถอะ พวกเราเองก็ไม่ได้จะมาเหยียบสถานที่สกปรกเช่นนี้มากเกินไปนักหรอก แต่พวกเราจะมาที่นี่ก็ต่อเมื่อพวกเราต้องการระบายอารมณ์เพียงเท่านั้น”

“หึ่ม คิดว่าพวกเราจะยอมแพ้เช่นนั้นรึไง?”อดัม ได้กล่าวพูดขณะที่ยืนตัวสั่น ทว่าเขาก็ถูกเตะเข้าไปที่ท้องอย่างรุนแรงจนกลิ้งถอยไปหลายเมตร จากนั้นเขาก็นิ่งเงียบไป ราวกับว่าเขากำลังพยายามสะกดข่มความเจ็บปวดของเขาเอาไว้

“หากพวกแกไม่ปฏิบัติตามก็จะมีจุดจบเหมือนกับเขา”หัวหน้านักเรียนได้ยิ้มออกมา“โอ้ใช่แล้ว บางทีฉันควรจะบอกพวกแกให้ชัดเจนตั้งแต่แรก ไม่เชื่อพวกแกลองไปครวญครางกล่าวโทษพวกเราต่อเจ้าหน้าที่เหล่านั้นดูบางทีเจ้าหน้าที่เหล่านั้นทั้งหมดคงจะหัวเราะเยาะพวกแก เพราะไม่มีใครให้ค่ากับพวกไร้ค่าเช่นพวกแกหรอก นอกจากนี้ ฉันจะทำให้พวกแกได้ตาสว่างมากยิ่งขึ้น ฉันคือลูกชายของหัวหน้าสถาบันการศึกษาแห่งนี้-พูดให้ถูกก็คือฉันมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรกับพวกแกก็ได้”

“โดยพื้นฐานแล้ว หากเราไม่เข่นฆ่าพวกแก ก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเรา เข้าใจมั้ย?”

นักเรียนทุกคนได้ตกอยู่ในความเงียบสงบ คราวนี้ พวกเขาได้นิ่งเงียบด้วยความกลัว ยกเว้นเพียง อัลดิช ที่ยืนอยู่ด้านหลัง โดยเขาได้ลดความสนใจในตัวเองให้เหลือน้อยที่สุด

“ถ้าเข้าใจแล้วก็ดี”หัวหน้านักเรียนกล่าว เขาได้กวาดตามองไปรอบ ๆ ห้อง โดยรอยยิ้มของเขาค่อนข้างเย็นชาราวกับว่าเขากำลังดื่มด่ำกับความกลัวที่กำลังก่อตัวขึ้น และ เมื่อดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ เอเลเน่ เขาก็พยักหน้ากับตัวเองขณะที่จ้องมองเธอราวกับพบเนื้อชิ้นดี

สิ่งนี้ทำให้ เอเลเน่ ได้สั่นกลัว

“สำหรับเธอ เธอเองก็มีหน้าตาไม่เลว เพียงแต่น่าเสียดายที่เป็นเพียงแค่คนไร้ค่า”หัวหน้านักเรียนได้กล่าว“พูดก็พูดเถอะ…ฉันเองก็ไม่รังเกียจที่จะเปิดใจรับผู้หญิงแบบเธอหรอกนะ หากเธออยากจะมาพักที่หอพักของพวกเรา ฉันก็ยินดีที่จะต้อนรับเป็นอย่างดีเลยล่ะ”

หัวหน้านักเรียนคนนี้ได้มองไปที่นาฬิกาของเขา “โอ้ การประเมินกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว”

รอยยิ้มที่ซาดิสต์ของเขาได้ฉีกกว้างขณะที่เขามองไปที่ทุกคนอย่างคาดหวัง “ฉันหวังเป็นอย่างสูงว่าจะได้พบพวกแกที่สนามฝึก”

ด้วยเหตุนี้ หัวหน้านักเรียนคนนี้จึงได้โบกมือลาอย่างไร้ความปราณีและเดินออกไปพร้อมกับพรรคพวกของเขา อัลดิช เป็นคนแรกที่เข้าไปดูอาการของอดัม เพราะ อัลดิช เป็นเพียงคนเดียวที่สงบนิ่งภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ได้

“ท้องของนายได้รับบาดเจ็บฟกช้ำคาดว่า 2-3 วันน่าจะหาย ส่วน จมูก รู้สึกยังไงบ้าง?”อัลดิช กล่าวถามขณะที่มองไปที่ อดัม

“อุ๊ก”อดัมได้อุทานออกมา เขายิ้มขณะที่มีรอยเลือดฝาด “ไม่เป็นไร เดิมหน้าตาขี้เหร่ก็เป็นบาปอยู่แล้ว แค่จมูกหักนิดหน่อยไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร”

อัลดิช อดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กน้อย

“ฮ่าฮ่า ฉันทำให้นายยิ้มได้! เห็นมั้ย?”อดัมได้กล่าวออกมา

“เงียบไปเลย”อัลดิช ได้กล่าวขณะที่เขากลอกตามองไปยังคนอื่น ๆ ภายในห้อง“ใครมีอุปกรณ์ปฐมพยาบาลมั่ง ถ้าไม่มี ฉันจะใช้ของตัวเอง”

“ฉันเอาชุดปฐมพยาบาลมาด้วย เดี๋ยวฉันไปเอามันมาให้”เอเลเน่ พูดขณะที่เธอรีบวิ่งไปที่ห้องของเธอ

“ฉันไม่ได้อยากจะลงเอยแบบนี้!”แฟรงค์ ผู้เงียบขรึมได้กล่าวพูดออกมา ในที่สุด เพราะความกลัวก็ทำให้เขากล้าที่จะพูด “โอกาสแรกที่ฉันได้รับ กลับกลายเป็นเช่นนี้ ฉันต้องออกจากโปรแกรมการฝึกนี้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ!”

“งั้นเหรอ?”อดัมได้ยืนขึ้นขณะที่อัลดิชได้ช่วยสนับสนุนเขา“นายคิดเช่นนั้นจริง?หลังจากนี้ล่ะจะคลานกลับเข้าสังคมให้ตัวเองถูกทำร้ายต่อไปงั้นหรือไม่?อย่าได้พูดบ้า ๆ ไปหน่อยเลย แม้แต่งานกวาดถนนและเปิดท่อระบายน้ำก็ยังไม่มีให้ทำด้วยซ้ำ เพราะที่นั่นล้วนมีผู้วิวัฒเป็นคนจัดการแล้ว”

“เกี่ยวกับโครงการพัฒนาการต่อสู้มันเป็นโอกาสเพียงโอกาสเดียวที่จะทำให้พวกเราลุกขึ้นมาได้ หลังจากที่ฉันเรียนจบ ฉันก็จะกลายเป็นฮีโร่ และ ฉันก็น่าจะหาเงินเพียงพอที่จะเลี้ยงปากท้องของตัวเองได้ นายเข้าใจที่ฉันพูดใช่มั้ย นายเองก็คิดเหมือนกันใช่มั้ย อัลดี้?”

“อืม”อัลดิช ได้ตอบกลับ เขารู้สึกแปลกเล็กน้อยที่ อดัม เรียกเขาว่า ‘อัลดี้’ ทว่า ไม่ใช่ว่าเขาไม่พอใจ แต่คำพูดของผู้ชายคนนี้อัดแน่นไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างแท้จริง มันทำให้ อัลดิช รู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นในตัวของเขา

สำหรับ อัลดิช ความมุ่งมั่นของเขามาจากแรงผลักดันในการแก้แค้น แต่ สำหรับ อดัม เขาดูเหมือนคนไร้บ้าน และ โครงการพัฒนาการต่อสู้ ก็เปรียบเสมือนตั๋วใบเดียวที่จะพาเขาลุกขึ้นมาจากข้างถนน และ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด เห็นได้ชัดว่าทั้งสองมีแรงผลักดันที่จะรั้งอยู่ในสถาบันการศึกษาแห่งนี้และเรียนให้จบ

เจค เองก็ดูเหมือนจะเป็นผู้ชายธรรมดา โดยเฉลี่ยแล้ว เขาก็ไม่คิดเรื่องที่จะออกจากสถาบันแห่งนี้

แต่ แฟรงค์ จิตใจของเขาอ่อนแอเกินไป เขาดูไม่เหมือนคนที่ถูกสังคมทำให้ตกที่นั่งลำบาก บางทีอาจเป็นเพราะ พ่อแม่ของเขามีอำนาจมากพอที่จะเลี้ยงดูเขา เพียงแต่น่าเสียดาย หลังจากมาที่นี่ เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่ไม่มีอะไรเลย

เขาดูเหมือนคนที่ได้รับการปกป้องจากพ่อแม่ ดังนั้นจึงคิดว่าสถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะสมสำหรับเขา

แต่ในทางใดทางนึง อัลดิช ก็อาจจะเป็นเช่นนี้เหมือนกัน ถ้าเกิดว่าพ่อแม่ของเขายังมีชีวิตอยู่

เกี่ยวกับ เอเลเน่ อัลดิช ก็มองไปที่ เธอด้วยความแปลกใจเหมือนกัน แม้ว่าเธอจะถูกคุกคามโดยหัวหน้านักเรียนกลุ่มนั้น และ มันทำให้เธอกลัว แต่เธอก็ดูกระฉับกระเฉง และ สามารถสงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว

และไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด อัลดิช ก็หวังว่าทุกคนจะมีความมุ่งมั่นมากพอที่จะก้าวผ่านขุมนรก 4 ปี ในสถาบันการศึกษาแห่งนี้ไปได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด