เจียงหนานลุกขึ้นยืนได้แล้ว เธอรีบรักษาอาการบาดเจ็บ ยกโล่และขวานขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เธอมั่นใจในตัวฮังอวี่ -มั่นใจว่าเขาต้องคว้าชัยชนะมาได้!

ฮังอวี่ เสี่ยวไป๋ เจียงหนาน รวมไปถึงราชินีมดที่สามารถโจมตีทางจิต

โดนรุมถึงขนาดนี้ ต่อให้ขุนศึกมังกรปฐพีแข็งแกร่งมากมายแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร? มีพลังชีวิตสูงแล้วมันยังไง?

เจ้าหมอนี่บุกเข้ามาโจมตีแนวหลัง พยายามกวาดล้างนักเวทย์และผู้ใช้วิญญาณ แต่มันคงคาดไม่ถึงว่าก่อนที่ตนจะกำจัดแนวหลัง ปลดปล่อยสกิลคลื่นมังกรปฐพี ในวินาทีสุดท้ายจะถูกฉินมู่หยุดลง ทำให้กองกำลังมนุษย์สามารถลดการสูญเสียได้เป็นอย่างมาก

ในทางตรงกันข้าม กลับเป็นมันที่ต้องโดดเดี่ยวเพียงลำพัง

ปล่อยให้ตัวเองติดแหง่กอยู่ในแนวหลังของศัตรู

ซึ่งนั่นมองยังไงก็ไม่ใช่เรื่องดี เหอ เหอ เหอ!

และตอนนี้มันได้พลาดโอกาสสุดท้ายไปแล้ว

ขุนศึกมังกรปฐพีล้มเหลวในการฆ่าฮังอวี่ก่อนที่นักบวชมังกรทั้งสองจะถูกกำจัด

ตอนนี้มันไม่มีทางหนีพ้น ฮังอวี่รู้จักรูปแบบการต่อสู้และสกิลของขุนศึกมังกรปฐพีเป็นอย่างดี ภายใต้สถานการณ์ที่ได้รับการสนับสนุนจากเสี่ยวไป๋และเจียงหนาน หากระมัดระวังไม่พลาดท่า ยังไงก็สู้ได้

การต่อสู้ดำเนินต่อไปอย่างดุเดือด

และในที่สุดก็ถึงช่วงเวลาตัดสิน

เมื่อเวลาผ่านไป ความตึงเครียดก็ค่อยๆก่อตัวขึ้นในแนวหน้า

สัดส่วนของมอนสเตอร์ชั้นยอดที่อยู่ในแนวหลังของศัตรูเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อมดมังกรและพลหอกมังกรนั้นทรงพลังมาก

พ่อมดมังกรเป็นชนชั้นยอดขั้นซิลเวอร์ที่มีสกิลโจมตีระยะไกลจำนวนมาก

ส่วนพลหอกมังกร แม้จะเป็นแค่ชนชั้นยอดขั้นบรอนซ์ แต่พวกมันก็มีความแข็งแกร่งโดดเด่นในหมู่ชั้นยอดขั้นบรอนซ์ด้วยกัน ครอบครองความว่องไวและการโจมตีอันเฉียบคม ทำให้ทีมแทงค์ของจ้าวหมิงรู้สึกอึดอัดมาก

การโจมตีด้วยไฟ ระเบิด น้ำแข็ง ใบมีดสายลม ประทังมาจากทุกหนแห่ง

สุดท้ายแนวป้องกันถูกฉีกขาดออกจากกัน

ผู้คนเริ่มทยอยกันล้มตาย

เกิดช่องโหว่ในกองทัพมนุษย์

มอนสเตอร์พวกนี้ดุร้ายเกินไป!

แต่พวกเราจะถอยไม่ได้!

ไม่มีที่ให้หนี ถ้าถอยก็ตาย มีแต่ต้องฝืนล่องเรือต่อไปเท่านั้น!

“พวกมันรุกหนักเกินไป แบบนี้พวกเราทนต่อไปไม่ไหวแน่” จ้าวหมิงตะโกนเสียงดัง “เหล่าฉู เฉินหยู ถึงเวลาเดิมพันแล้วว่าพวกเราจะชนะหรือพ่ายแพ้!”

ฉูเทียนหัวและเฉินหยูพยักหน้าพร้อมกัน

หวังเอ๋อตะโกน “ฮ่ง ได้เวลาแล้ว!”

จ้าวหมิง เฉินหยู ฉูเทียนหัว ต่างหยิบม้วนคัมภีร์ออกมา

ดูเหมือนว่าฮังอวี่จะคาดการณ์ว่าต้องเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นก่อนออกจากโลกวิญญาณ เขาจึงขอให้ทั้งสามเตรียมตัวมา และตอนนี้ฮังอวี่เดาได้ถูกจริงๆ เดาถูกกระทั่งว่าสมควรเตรียมคัมภีร์สกิลแบบไหน และคัมภีร์ประเภทใดถึงจะมีบทบาทสำคัญในสถานการณ์เช่นนี้

พวกเขาทั้งสามสุดตัวในศึกนี้ และตามหาพวกมันมาได้จริงๆ

จ้าวหมิงเปิดใช้งานคัมภีร์ - เทคนิคฟื้นฟูแบบกลุ่ม!

นี่คือคัมภีร์สกิลสีเขียวที่มีผลมากถึง 30 คนในการใช้งานแต่ละครั้ง มันสามารถฟื้นฟูพลังชีวิตและพลังจิตได้อย่างรวดเร็ว ลดความตึงเครียดได้เป็นอย่างมาก สามารถคงอยู่ได้ยาวนานกว่า 100 วินาที

เฉินหยูเปิดใช้งานคัมภีร์ - เทคนิคประทานพรแบบกลุ่ม!

สกิลนี้สามารถครอบคลุมผู้คนได้หลายสิบคน ช่วยให้ขีดจำกัดพลังชีวิต พลังโจมตี พลังป้องกัน และความต้านทานธาตุ รวมไปถึงความต้านทานอาการผิดปกติให้สูงขึ้นเป็นอย่างมากในระยะเวลาหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม คัมภีร์ที่ฉูเทียนหัวเปิดใช้งานนั้นทรงพลังที่สุด - เสียงเห่าหอนจากนรก!

เดิมฮังอวี่ขอให้ฉูเทียนหัวเตรียมคัมภีร์ที่สร้างเอฟเฟกต์ประเภทมึนงงและความกลัว

ตัวอย่างเช่นเสียงหอนแห่งความตาย มันต้องใช้คัมภีร์สกิลอย่างน้อยเลเวล 8 และยิ่งคุณภาพดีเท่าไหร่ เลเวลก็ยิ่งสูงเท่านั้น คัมภีร์ดังกล่าวจะมีประโยชน์อย่างยิ่งในการต่อสู้แบบกลุ่ม

แต่ไม่นึกเลย

ว่าด้วยกองทัพที่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง

มันจะทำให้เขาได้รับคัมภีร์สกิลเสียงเห่าหอนจากนรกมาได้!

มันคือคัมภีร์สกิลสีเขียวใสเลเวล 9 ซึ่งถือได้ว่าเป็นเวอร์ชั่นอัพเกรดของสกิลเสียงหอนแห่งความตาย สามารถครอบคลุมพื้นที่เป็นรูปทรงพัดในระยะ 100 เมตร สร้างดาเมจแก่ทุกเป้าหมายในรัศมีอย่างมหาศาล และขณะเดียวกัน ส่งผลให้เกิดความหวาดกลัวและมึนงง เอฟเฟกต์ของมันทรงพลังมาก ต่อให้เป็นมอนสเตอร์ระดับเจ้าถิ่นก็ยังมีผล

ตัวตนของทั้งสามไม่ธรรมดา

แต่ละคนมีรากฐานที่มั่นคง

และนี่คือไพ่ตายที่ดีที่สุดที่พวกเขาเตรียมไว้สำหรับการต่อสู้ครั้งนี้!

ในขณะที่หัวหน้าของทั้งสามค่ายกรีดเลือดเพื่อเปิดใช้งานคัมภีร์ของพวกเขา พลรบคนอื่นๆที่เข้าร่วมสู้ก็พลอยฮึกเหิมไปด้วย หลายคนก็เริ่มงัดไพ่ตายในมือออกมาเช่นกัน บ้างก็ดื่มโพชั่นมนตรา บ้างก็ขว้างปาคัมภีร์สกิล

ในพริบตา

ภายใต้ผลกระทบของเสียงเห่าหอนจากนรก

พ่อมดมังกรสามตัว นักบวชมังกรตัวหนึ่ง และมอนสเตอร์ทั้งหมดถูกเอฟเฟกต์สกิล พวกมันโดนขัดจังหวะ ขณะเดียวกัน เอฟเฟกต์ของคัมภีร์สกิลต่างๆประทังเข้ามา โถมกลืนกินพวกมัน สร้างดาเมจมหาศาลในคราเดียว

“ฆ่า!”

จ้าวหมิง ฉูเทียนหัวนำพลรบทั้งหมอของกองทัพมนุษย์เข้าห้ำหั่นกับมอนสเตอร์ราวๆ 200 - 300 ตัวที่เหลือ

มนุษย์ในตอนนี้มิใช่ดั่งในอดีตอีกต่อไป!

ทุกคนผ่านประสบการณ์ต่อสู้มานานกว่าหนึ่งเดือน และนั่นมากพอแล้วที่จะเปลี่ยนแปลงให้พวกเขาเติบโตขึ้น!

ยิ่งไปกว่านั้น กองทัพมนุษย์เหล่านี้มิใช่คนธรรมดา แต่เป็นชนชั้นยอดในหมู่มวลมนุษย์ และจะกลายเป็นผู้บุกเบิกของเผ่าพันธุ์มนุษย์เพื่อเข้าสู่โลกวิญญาณอีกด้วย!

ศึกนี้มีความสำคัญมาก

ชัยชนะของพวกเขาคือตำนานบทใหม่สำหรับมนุษยชาติ!

พวกเขาจะเป็นคนกลุ่มแรกที่ผ่านหอคอยเขตแดน!

นั่นหมายความว่าอย่างไร? มันหมายถึงความรุ่งโรจน์! แสงจากทั่วทุกมุมโลกจะฉายมาที่พวกเขา!

แต่หากพ่ายแพ้ พวกเขาจะสูญเสียอย่างหนัก และต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5 - 6 วันถึงจะฟื้นคืนกลับมา ซึ่งมีแนวโน้มว่าการเปิดหอคอยเขตแดนต้องล่าช้าออกไป และระหว่างนั้นการสร้างตำนานคนแรกอาจถูกพรากไปโดยน้ำมือของคนอื่น

ดังนั้นศึกนี้ต้องชนะ!

ฝูงชนเปลี่ยนแรงกดดันเป็นความกล้า ตรงเข้าสังหารไม่หวาดกลัวความตาย

จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของพวกเขาฮึกเหิมถึงขีดสุด ไล่ล่ามอนสเตอร์ไม่มีถอยหนี!

อีกด้านหนึ่ง ฮังอวี่ เสี่ยวไป๋ เจียงหนาน และราชินีมดเข้าต่อสู้กับขุนศึกมังกรปฐพีอย่างดุเดือดมานานกว่า 10 นาที ระหว่างนี้เสี่ยวไป๋โดนโจมตีอย่างหนักซ้ำแล้วซ้ำเล่า ต้องขอบคุณเจียงหนานที่ช่วยรักษา จึงยังคงสถานการณ์มาได้ถึงจุดนี้

ต้องขอยอมรับว่าเจียงหนานกล้าหาญมาก

เธอกล้ารับการโจมตีจากคลื่นมังกรปฐพีได้หลายครั้งโดยไม่ย่อท้อ

มีสองครั้งที่เธอเกือบตาย แต่ก็ปีนป่ายลุกขึ้นมาอย่างอดทนและสู้ต่อไป โล่ในมือเธอพังไปนานแล้ว ขวานแห่งคำอธิษฐานก็หักบิ่น เกราะบนร่างแตกเป็นเสี่ยงๆ เอฟเฟกต์ของอุปกรณ์ลดลงเป็นอย่างมาก สถานการณ์ค่อนข้างอันตราย แต่เธอยังคงเข้มแข็งและยืนหยัดมาจนได้

ฮังอวี่รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง

เจียงหนานโตขึ้นแล้ว!

มิใช่ดอกไม้ในเรือนกระจกที่อ่อนแอและตกใจกลัวกับอีแค่ก็อบลินอีกต่อไป เวลานี้เธอกล้าเผชิญหน้ากระทั่ง BOSS กลายเป็นพลรบนักบวชที่มีคุณสมบัติเหมาะสม!

ฮังอวี่แทงหอกสุดท้าย

ในที่สุด ขุนศึกมังกรปฐพีก็ทนต่อไปไม่ไหว ล้มตัวลง

ไอเท็มสีเขียวใสห้าชิ้นดรอปในพริบตา

แต้มวิญญาณสีเขียวขนาดใหญ่กระจายเข้าหาคนหลายคนอย่างรวดเร็ว

ตายแล้ว!

ในที่สุด ขุนศึกมังกรปฐพีก็ตาย!

ศัตรูที่อันตรายที่สุดตายซักที!

ฮังอวี่รวบสินสงครามที่ได้มา แต่เขายังไม่มีเวลาทันได้พักหายใจ

เงากลุ่มใหญ่โฉบผ่านศีรษะเขา ปรากฏว่าการต่อสู้ดำเนินมานานเกินไป และมอนสเตอร์บนหอคอยสังเกตเห็น การ์กอยล์หินนับร้อยถลาลงมา เตรียมเข้าร่วมการต่อสู้

ขณะนี้ทุกคนหมดแรงเหมือนเชือกที่ใกล้ขาด

เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะมอนสเตอร์ชั้นยอดที่บินได้นับร้อยตัว!

“เร็วเข้า!”

“รีบกำจัดมอนสเตอร์บนพื้นตัวอื่นๆให้หมด!”

ฮังอวี่ เสี่ยวไป๋รีบรวบรวมสินสงครามบริเวณรอบๆและเข้าร่วมการต่อสู้กับเหล่าจ้าวและคนอื่นๆ กวาดล้างมอนสเตอร์ที่เหลือหลักสิบตัว และก่อนที่พวกการ์กอยล์จะเข้ามา ฮังอวี่ก็เปิดใช้งานแผ่นศิลาฟื้นคืนชีพใต้หอคอยเขตแดน

แสงสว่างเข้าปกคลุมทั่วป้อมปราการ

ในขณะนี้ ป้อมปราการถูกยึดครองโดยมนุษย์อย่างเป็นทางการ และอย่างน้อยแปดแผ่นศิลาผุดขึ้นมาในที่โล่ง ขณะเดียวกัน เหล่าการ์กอยหินบินเวียนวนอยู่ภายนอกไม่อาจเข้ามาได้ และสุดท้ายก็ยอมถอยไป

“พวกเราชนะ!”

“พวกเราชนะแล้ว!”

ดวงตาของฮังอวี่กวาดมองไปยังทุกคน

การต่อสู้ครั้งนี้ช่างน่าสลด สูญเสียสมาชิกไปมากกว่าหนึ่งในสาม

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้ดีกว่าที่ฮังอวี่คิดเอาไว้มาก

การเสียสละของทุกคนจะไม่สูญเปล่า คนที่ตายจะได้รับการชดเชย และในไม่ช้าพวกเขาจะตระหนักว่าแม้จะสูญเสียแต้มวิญญาณจำนวนมากในศึกนี้ แต่รางวัลคุ้มค่าอย่างแน่นอน