ตอนที่ 25 ความสำคัญในการต่อสู้ระยะประชิด
หลังจากสองพี่น้องพูดคุยกันเสร็จ พวกเขามองหลิงอี้แบบปกติอีกครั้ง
และพวกเขาก็เลิกสนใจหลิงอี้
หลิงอี้เป็นคนฉลาดมีไหวพริบ เขาสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงของสองพี่น้องได้อย่างง่ายดาย
ก่อนหน้านี้พวกเขามีท่าทางสงสัยในตัวเขา แต่ตอนนี้พวกเขาทำเหมือนเขาคนแปลกหน้าแล้วไม่สนใจ
เขาไม่แน่ใจว่าทำไมทั้งสองคนถึงเปลี่ยนไปแบบนั้นแต่เขาพอจะเดาได้
'คงคิดว่าคนที่เรียกดาวเพลิงอยู่ที่อื่น แต่คงคิดไม่ถึงว่าฉันอยู่ที่นี่ใช่ไหม?!’
หลิงอี้มีความสุขมากเมื่อได้เห็นผลลัพธ์แบบนี้
เขาเลิกสนใจสองพี่น้องแล้วหันหลังเดินจากไป
ขณะที่เดินอยู่เขาก็มองเวลาที่เหลือ
[เวลาจุติที่เหลือ: 16นาที]
อีก16นาทีวงล้อรายวันจะปรากฏ ในช่วงเวลานี้เขาเลยออกไปเดินเล่น~
......
นอกจากไก่ต่อสู้แล้ว ยังมีมอนสเตอร์หญ้าน้อยอยู่ในป่าอีกมากมาย
นี่คือมอนสเตอร์ที่มักจะปลอมตัวเป็นหญ้าสีเขียวสดใสและจะยิงใบมีดโจมตีเมื่อเจอผู้เล่น
เป็นเรื่องง่ายมากที่ผู้เล่นจะเจอมอนสเตอร์ตัวนี้
แม้ว่ารูปร่างหน้าตาจะเหมือนวัชพืช แต่มันไม่ได้มีขนาดเล็กและสูงเกือบครึ่งลำตัวคน
นั่นจึงทำให้แยกแยะได้ด้วยตาเปล่า
เมื่อหลิงอี้เดินไปพื้นที่เปิดโล่งในป่า เขาก็เห็นคนห้าคนกำลังสู้กับหญ้าน้อยสามตัว
หญ้าน้อยสามตัวเรียงกันเป็นแถว พวกมันถูกตรึงไว้และเคลื่อนไหวไม่ได้
คมมีดสีเขียวพุ่งผ่านไปบริเวณรอบๆ “ฟิ้วฟิ้วฟิ้ว”
ทั้งห้าคนในสนามยุ่งเกินกว่าจะหลบการโจมตีแล้วโต้กลับ
พวกเขากำลังเสียเปรียบ
ข้างหลังพวกเขามีชายอ้วนหน้าตาดุร้ายยืนอยู่
ชายอ้วนตัวใหญ่สูงประมาณสองเมตรมองไปรอบๆราวกับว่ากำลังเฝ้าระวังรอบด้าน
ทันทีที่เขาเห็นหลิงอี้ ชายอ้วนก็ขมวดคิ้วแล้วโบกมือไล่ “ไปให้พ้น”
มอนสเตอร์หญ้าน้อยจะมีเลเวลไม่เกิน10
ตอนนี้หลิงอี้ไม่สามารถรับค่าประสบการณ์จากการฆ่ามันแล้ว
ดังนั้นเขาจึงไม่อยากเสียเวลาสู้กับพวกมัน
แค่เดินต่อไป
เมื่อเห็นว่าหลิงอี้ไม่สนใจคำเตือนและยังเดินต่อ ใบหน้าของชายอ้วนจึงมืดคล้ำทันที
“ไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือไง?”
เขาพูดด้วยเสียงเข้ม
ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่จึงไม่มีใครกล้าขัดคำพูดของเขาโดยเฉพาะคนที่อ่อนแอกว่า
ในวันที่สองนี้เขาได้เลื่อนเป็นเลเวล3แล้ว นั่นทำให้เขามั่นใจมากว่าเด็กที่อยู่ข้างหน้าไม่ใช่คู่มือเขาแน่นอน
ดังนั้นการที่เด็กหนุ่มไม่สนใจคำพูดของเขาจึงทำให้เขาโกรธมาก
หลิงอี้หยุดมองคนทั้งห้าที่ถูกกดขี่จากนั้นหันไปมองชายอ้วน
เขามองขึ้นลงสองสามครั้งแล้วยิ้มให้:
“แล้วจะให้ฉันไปทางไหน?”
“ทางนี้ไปไม่ได้ กลับไปทางเดิมซะ” ชายอ้วนตัวใหญ่พูดอย่างเย็นชาด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“ในป่านี้มีที่ไหนบ้างที่ผู้เล่นไปไม่ได้? นอกจากนี้ฉันไม่ได้ยุ่งกับการต่อสู้ของพวกนายด้วย”
“แกอยากมีเรื่องหรือไง?”
“?”
“ไปซะ! ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน!”
ชายอ้วนตัวใหญ่ตะโกนเสียงดังและกำลังเดินไปหาหลิงอี้
แต่หลังจากเดินไปสี่ก้าว เขาก็ไม่ได้เดินก้าวที่ห้าต่อ
'ผู้ชายคนนี้...ไม่กลัวฉัน?'
ชายอ้วนตัวใหญ่ชื่อจางหยวน แม้ว่าเขาจะตัวใหญ่แต่หัวใจเขาเล็กนิดเดียว
ในอดีตที่ผ่านมาไม่ว่าเขาจะทำอะไรทุกคนต่างกลัวเขาหมด
และคนที่ไม่กลัวเขาแบบนี้โดยพื้นฐานแล้วคือคนที่มั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเอง
ทุกครั้งที่ทะเลาะกับคนประเภทนี้เขามักจะเสียเปรียบ
'ผู้ชายคนนี้เป็นผู้เล่นเลเวล3ด้วยเหรอ?’
เขาจ้องเด็กหนุ่มที่อยู่ห่างออกไปสองสามเมตรอย่างไม่อยากเชื่อและตัดสินใจว่าจะลองเชิงดูก่อน
“นายเลเวลเท่าไหร่?”
เขายืนอยู่ที่เดิมเหมือนหุ่นยนต์และถามด้วยสีหน้านิ่งเฉย
หลิงอี้ “...”
เขาเลิกคิ้วมองด้วยสายตามองคนปัญญาอ่อนและพูดว่า “คิดว่าฉันจะบอกเหรอ?”
“ใช่”
จางหยวนพยักหน้าแล้วก้าวถอยหลังพูด “ช่างมันเถอะ”
ทัศนคติที่ของผู้ชายคนนี้ทำให้เขาไม่กล้าดูถูก
เขาไม่อยากมีเรื่องกับผู้เล่นที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่งเพราะเรื่องแค่นี้ - แน่นอนว่าคนปกติเขาก็ไม่ทำกัน
แต่หลิงอี้ไม่อยากปล่อยชายคนนี้ไป
เขาปิดเส้นทางเพื่อตัวเองแล้วบอกคนที่ผ่านทางมาว่าเป็นคนผิด ตอนนี้แค่พูดว่า‘ช่างมันเถอะ’แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้เหรอ?
“นายต้องขอโทษฉัน”
ขณะที่หลิงอี้พูด เขาก็เริ่มขยับตัวแล้วคิดว่าจะสู้ยังไง
ความเร็วคือพลัง
ด้วยแต้มความว่องไวที่สูงขนาดนี้ เขาจึงมั่นใจว่าสามารถชนะชายอ้วนที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างรวดเร็ว
“ขอโทษ?”
เมื่อจางหยวนได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขาจ้องไปที่หลิงอี้ด้วยสายตาดุร้าย
“เป็นไปไม่ได้! ฉันไม่...”
“งั้นก็เลิกพูดได้แล้ว”
หลิงอี้ขัดจังหวะคำพูดและเดินเข้าไปหา
พอเห็นแบบนั้นจางหยวนก็หัวเราะด้วยความโกรธ “ถ้าอย่างนั้นต้องคุยด้วยหมัด แล้วมาดูกันว่าหมัดของใครจะใหญ่กว่า!”
เขายกมือขวาขึ้นแล้วตะโกน‘บอลไฟ’ ลูกไฟสีส้มแดงที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง1.4เมตรปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ
ก่อนที่จางหยวนจะทำสิ่งต่อไป ร่างของหลิงอี้ก็มาปรากฏตรงหน้าเขา!
“อะไรกัน...”
ดวงตาของจางหยวนเบิกกว้าง ก่อนที่เขาจะได้พูดคำที่เหลือหมัดก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
หลังจากนั้น!
หมัดของหลิงอี้ชกหน้าของจางหยวนจนหน้ายุบ
จางหยวนกรีดร้องออกมาและหมดสติล้มลงไป!
เมื่อเสียง’ตุบ’จากการกระทบพื้นดังขึ้น ใบไม้ที่อยู่รอบด้านก็ปลิวออก
“เหอะ”
หลิงอี้ลูบมือตัวเองพร้อมขมวดคิ้ว
'ปวดนิดหน่อย’
บางที่อาจเป็นเพราะเขาเพิ่งต่อยครั้งแรกหรือไม่ได้ทุบตีใครมานานเลยทำให้ไม่ค่อยชิน
เมื่อมองชายอ้วนเลือดกำเดาไหลนอนอยู่บนพื้น หลิงอี้จึงไม่ทุบตีต่อและหันหลังเดินจากไป
ความขัดแย้งระหว่างผู้เล่นเป็นเรื่องธรรมดา
ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ได้เอาชีวิตทุกคนก็จะไม่สนใจ
เขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย
แต่
เหตุการณ์นี้ทำให้หลิงอี้รู้ถึงความจำเป็นของสกิลต่อสู้ระยะประชิดอีกครั้ง
[ดาวตก]ของเขาไม่ใช่แค่ดีเลย์อย่างเดียว แต่มันยังทำร้ายตัวเขาเองด้วย
เขาสามารถใช้มันฟาร์มมอนสเตอร์ได้ แต่ไม่เหมาะไว้ใช้สู้แบบตัวต่อตัว
“ฉันต้องหาสกิลระยะประชิด”
ถึงจะพูดแบบนั้นแต่หลิงอี้ต้องถอนหายใจเมื่อเห็นว่าตัวเองเหลือตำแหน่งดาวแค่4ตำแหน่ง
“มีตำแหน่งดาวน้อยเกินไป ยังไม่พอใช้เรียนสกิลอัญเชิญจักรพรรดิน้ำแข็งด้วยซ้ำ แล้วฉันจะใช้...”
คำพูดของเขาหยุดลงทันที
เขาจำได้ว่าตอนที่เขาถึงเลเวล10 ฟังก์ชันสนับสนุนผู้เล่นได้เปิดแล้ว