ตอนที่แล้วตอนที่ 24 ผลเก็บเกี่ยว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 26 ฟังก์ชันสนับสนุน

ตอนที่ 25 ความสำคัญในการต่อสู้ระยะประชิด


หลังจากสองพี่น้องพูดคุยกันเสร็จ พวกเขามองหลิงอี้แบบปกติอีกครั้ง

และพวกเขาก็เลิกสนใจหลิงอี้

หลิงอี้เป็นคนฉลาดมีไหวพริบ เขาสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงของสองพี่น้องได้อย่างง่ายดาย

ก่อนหน้านี้พวกเขามีท่าทางสงสัยในตัวเขา แต่ตอนนี้พวกเขาทำเหมือนเขาคนแปลกหน้าแล้วไม่สนใจ

เขาไม่แน่ใจว่าทำไมทั้งสองคนถึงเปลี่ยนไปแบบนั้นแต่เขาพอจะเดาได้

'คงคิดว่าคนที่เรียกดาวเพลิงอยู่ที่อื่น แต่คงคิดไม่ถึงว่าฉันอยู่ที่นี่ใช่ไหม?!’

หลิงอี้มีความสุขมากเมื่อได้เห็นผลลัพธ์แบบนี้

เขาเลิกสนใจสองพี่น้องแล้วหันหลังเดินจากไป

ขณะที่เดินอยู่เขาก็มองเวลาที่เหลือ

[เวลาจุติที่เหลือ: 16นาที]

อีก16นาทีวงล้อรายวันจะปรากฏ ในช่วงเวลานี้เขาเลยออกไปเดินเล่น~

......

นอกจากไก่ต่อสู้แล้ว ยังมีมอนสเตอร์หญ้าน้อยอยู่ในป่าอีกมากมาย

นี่คือมอนสเตอร์ที่มักจะปลอมตัวเป็นหญ้าสีเขียวสดใสและจะยิงใบมีดโจมตีเมื่อเจอผู้เล่น

เป็นเรื่องง่ายมากที่ผู้เล่นจะเจอมอนสเตอร์ตัวนี้

แม้ว่ารูปร่างหน้าตาจะเหมือนวัชพืช แต่มันไม่ได้มีขนาดเล็กและสูงเกือบครึ่งลำตัวคน

นั่นจึงทำให้แยกแยะได้ด้วยตาเปล่า

เมื่อหลิงอี้เดินไปพื้นที่เปิดโล่งในป่า เขาก็เห็นคนห้าคนกำลังสู้กับหญ้าน้อยสามตัว

หญ้าน้อยสามตัวเรียงกันเป็นแถว พวกมันถูกตรึงไว้และเคลื่อนไหวไม่ได้

คมมีดสีเขียวพุ่งผ่านไปบริเวณรอบๆ “ฟิ้วฟิ้วฟิ้ว”

ทั้งห้าคนในสนามยุ่งเกินกว่าจะหลบการโจมตีแล้วโต้กลับ

พวกเขากำลังเสียเปรียบ

ข้างหลังพวกเขามีชายอ้วนหน้าตาดุร้ายยืนอยู่

ชายอ้วนตัวใหญ่สูงประมาณสองเมตรมองไปรอบๆราวกับว่ากำลังเฝ้าระวังรอบด้าน

ทันทีที่เขาเห็นหลิงอี้ ชายอ้วนก็ขมวดคิ้วแล้วโบกมือไล่ “ไปให้พ้น”

มอนสเตอร์หญ้าน้อยจะมีเลเวลไม่เกิน10

ตอนนี้หลิงอี้ไม่สามารถรับค่าประสบการณ์จากการฆ่ามันแล้ว

ดังนั้นเขาจึงไม่อยากเสียเวลาสู้กับพวกมัน

แค่เดินต่อไป

เมื่อเห็นว่าหลิงอี้ไม่สนใจคำเตือนและยังเดินต่อ ใบหน้าของชายอ้วนจึงมืดคล้ำทันที

“ไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือไง?”

เขาพูดด้วยเสียงเข้ม

ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่จึงไม่มีใครกล้าขัดคำพูดของเขาโดยเฉพาะคนที่อ่อนแอกว่า

ในวันที่สองนี้เขาได้เลื่อนเป็นเลเวล3แล้ว นั่นทำให้เขามั่นใจมากว่าเด็กที่อยู่ข้างหน้าไม่ใช่คู่มือเขาแน่นอน

ดังนั้นการที่เด็กหนุ่มไม่สนใจคำพูดของเขาจึงทำให้เขาโกรธมาก

หลิงอี้หยุดมองคนทั้งห้าที่ถูกกดขี่จากนั้นหันไปมองชายอ้วน

เขามองขึ้นลงสองสามครั้งแล้วยิ้มให้:

“แล้วจะให้ฉันไปทางไหน?”

“ทางนี้ไปไม่ได้ กลับไปทางเดิมซะ” ชายอ้วนตัวใหญ่พูดอย่างเย็นชาด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

“ในป่านี้มีที่ไหนบ้างที่ผู้เล่นไปไม่ได้? นอกจากนี้ฉันไม่ได้ยุ่งกับการต่อสู้ของพวกนายด้วย”

“แกอยากมีเรื่องหรือไง?”

“?”

“ไปซะ! ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน!”

ชายอ้วนตัวใหญ่ตะโกนเสียงดังและกำลังเดินไปหาหลิงอี้

แต่หลังจากเดินไปสี่ก้าว เขาก็ไม่ได้เดินก้าวที่ห้าต่อ

'ผู้ชายคนนี้...ไม่กลัวฉัน?'

ชายอ้วนตัวใหญ่ชื่อจางหยวน แม้ว่าเขาจะตัวใหญ่แต่หัวใจเขาเล็กนิดเดียว

ในอดีตที่ผ่านมาไม่ว่าเขาจะทำอะไรทุกคนต่างกลัวเขาหมด

และคนที่ไม่กลัวเขาแบบนี้โดยพื้นฐานแล้วคือคนที่มั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเอง

ทุกครั้งที่ทะเลาะกับคนประเภทนี้เขามักจะเสียเปรียบ

'ผู้ชายคนนี้เป็นผู้เล่นเลเวล3ด้วยเหรอ?’

เขาจ้องเด็กหนุ่มที่อยู่ห่างออกไปสองสามเมตรอย่างไม่อยากเชื่อและตัดสินใจว่าจะลองเชิงดูก่อน

“นายเลเวลเท่าไหร่?”

เขายืนอยู่ที่เดิมเหมือนหุ่นยนต์และถามด้วยสีหน้านิ่งเฉย

หลิงอี้ “...”

เขาเลิกคิ้วมองด้วยสายตามองคนปัญญาอ่อนและพูดว่า “คิดว่าฉันจะบอกเหรอ?”

“ใช่”

จางหยวนพยักหน้าแล้วก้าวถอยหลังพูด “ช่างมันเถอะ”

ทัศนคติที่ของผู้ชายคนนี้ทำให้เขาไม่กล้าดูถูก

เขาไม่อยากมีเรื่องกับผู้เล่นที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่งเพราะเรื่องแค่นี้ - แน่นอนว่าคนปกติเขาก็ไม่ทำกัน

แต่หลิงอี้ไม่อยากปล่อยชายคนนี้ไป

เขาปิดเส้นทางเพื่อตัวเองแล้วบอกคนที่ผ่านทางมาว่าเป็นคนผิด ตอนนี้แค่พูดว่า‘ช่างมันเถอะ’แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้เหรอ?

“นายต้องขอโทษฉัน”

ขณะที่หลิงอี้พูด เขาก็เริ่มขยับตัวแล้วคิดว่าจะสู้ยังไง

ความเร็วคือพลัง

ด้วยแต้มความว่องไวที่สูงขนาดนี้ เขาจึงมั่นใจว่าสามารถชนะชายอ้วนที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างรวดเร็ว

“ขอโทษ?”

เมื่อจางหยวนได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขาจ้องไปที่หลิงอี้ด้วยสายตาดุร้าย

“เป็นไปไม่ได้! ฉันไม่...”

“งั้นก็เลิกพูดได้แล้ว”

หลิงอี้ขัดจังหวะคำพูดและเดินเข้าไปหา

พอเห็นแบบนั้นจางหยวนก็หัวเราะด้วยความโกรธ “ถ้าอย่างนั้นต้องคุยด้วยหมัด แล้วมาดูกันว่าหมัดของใครจะใหญ่กว่า!”

เขายกมือขวาขึ้นแล้วตะโกน‘บอลไฟ’ ลูกไฟสีส้มแดงที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง1.4เมตรปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ

ก่อนที่จางหยวนจะทำสิ่งต่อไป ร่างของหลิงอี้ก็มาปรากฏตรงหน้าเขา!

“อะไรกัน...”

ดวงตาของจางหยวนเบิกกว้าง ก่อนที่เขาจะได้พูดคำที่เหลือหมัดก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว

หลังจากนั้น!

หมัดของหลิงอี้ชกหน้าของจางหยวนจนหน้ายุบ

จางหยวนกรีดร้องออกมาและหมดสติล้มลงไป!

เมื่อเสียง’ตุบ’จากการกระทบพื้นดังขึ้น ใบไม้ที่อยู่รอบด้านก็ปลิวออก

“เหอะ”

หลิงอี้ลูบมือตัวเองพร้อมขมวดคิ้ว

'ปวดนิดหน่อย’

บางที่อาจเป็นเพราะเขาเพิ่งต่อยครั้งแรกหรือไม่ได้ทุบตีใครมานานเลยทำให้ไม่ค่อยชิน

เมื่อมองชายอ้วนเลือดกำเดาไหลนอนอยู่บนพื้น หลิงอี้จึงไม่ทุบตีต่อและหันหลังเดินจากไป

ความขัดแย้งระหว่างผู้เล่นเป็นเรื่องธรรมดา

ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ได้เอาชีวิตทุกคนก็จะไม่สนใจ

เขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย

แต่

เหตุการณ์นี้ทำให้หลิงอี้รู้ถึงความจำเป็นของสกิลต่อสู้ระยะประชิดอีกครั้ง

[ดาวตก]ของเขาไม่ใช่แค่ดีเลย์อย่างเดียว แต่มันยังทำร้ายตัวเขาเองด้วย

เขาสามารถใช้มันฟาร์มมอนสเตอร์ได้ แต่ไม่เหมาะไว้ใช้สู้แบบตัวต่อตัว

“ฉันต้องหาสกิลระยะประชิด”

ถึงจะพูดแบบนั้นแต่หลิงอี้ต้องถอนหายใจเมื่อเห็นว่าตัวเองเหลือตำแหน่งดาวแค่4ตำแหน่ง

“มีตำแหน่งดาวน้อยเกินไป ยังไม่พอใช้เรียนสกิลอัญเชิญจักรพรรดิน้ำแข็งด้วยซ้ำ แล้วฉันจะใช้...”

คำพูดของเขาหยุดลงทันที

เขาจำได้ว่าตอนที่เขาถึงเลเวล10 ฟังก์ชันสนับสนุนผู้เล่นได้เปิดแล้ว