ตอนที่แล้วบทที่ 5: พ่อบ้านฝู
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 7: เหมือนจะเมตตา

บทที่ 6: ถูกโบย


พวกเขาไม่ได้ต้องรอนานเกินไป  หลังจากเวลาผ่านไปได้สิบห้านาทีก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่เรือนกลาง

ร่างหนึ่งได้เดินเข้ามาและพ่อบ้านฝูก็พูดด้วยน้ำเสียงต่ำในทันทีว่า “เรียนนายท่าน  คุณชายทั้งสองรออยู่ด้านในแล้วขอรับ”

ใบหน้าของเย่เซิงซีดเผือด  เขารู้สึกกังวลใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้  เพราะคนที่เข้ามาก็คือเย่หวางเหย่  จอมยุทธ์ที่เก่งที่สุดของต้าฉินและเป็นชายผู้บัญชาการกองทหารกว่าหนึ่งล้านคน

แม้แต่ไอ้เย่ชิงที่ทำตัวไม่สนกฎเกณฑ์และไม่เคยกลัวอะไรเลยยังต้องเปลี่ยนท่าทีจากเหลาะแหละเป็นยืดตัวขึ้นตรงแสดงท่าทางเคร่งขรึมซุกซ่อนมืออันสั่นเทาของตนเองเอาไว้

ทุกคนในหวางฝู่ตระกูลเย่ล้วนกลัวเย่หวางเหย่  แม้แต่พวกผู้หญิงที่แต่งเข้ามาก็ยังทั้งรักทั้งเคารพและทั้งหวาดกลัวผสมกันไปด้วย

เย่หวางเหย่สวมผ้าคลุมและสวมมงกุฎสีม่วง-ทองไว้บนหัว  ผมของเขาเปลี่ยนเป็นสีเทาเล็กน้อย  เขาเดินตรงไปที่เก้าอี้ตำแหน่งประมุขแล้วนั่งลง

ทั้งเย่เซิงและเย่ชิงต่างคุกเข่าลงคำนับทันที “คารวะท่านพ่อ”

เย่หวางเหย่แค่นเสียงตอบด้วยความเย็นชา  เขาเอามือวางไว้บนที่วางแขน  นิ้วที่ขาวเรียวยาวราวหยกเหมือนของผู้หญิงที่ไม่มีรอยตำหนิใด ๆ นั้นเมื่อจับลงบนที่วางแขนกลับให้ความรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างตกอยู่ในการควบคุมของกำมือนี้หมดแล้ว

เย่หวางเหย่ที่นั่งสูงจ้องมองลงไปที่เย่เซิงและเย่ชิงที่ยืนขึ้นแล้ว  แรงกดดันที่มองไม่เห็นปกคลุมเด็กหนุ่มทั้งสองกดหัวทั้งคู่ทำให้ได้แต่ต้องก้มหัวลงไม่กล้าเงยหน้าและไม่กล้าสบตาพ่อของตัวเอง

นี่คือเย่หวางเหย่  จอมยุทธ์อันดับหนึ่งของต้าฉิน  ระดับการฝึกของเขานั้นเข้าถึงจุดสูงสุดไปแล้ว

“เย่เซิง  ไปตรงนั้น” เย่หวางเหย่ชี้นิ้วบอกให้เย่เซิงไปยืนข้าง ๆ พ่อบ้านฝู

เย่เซิงเดินไปเงียบ ๆ อย่างเชื่อฟัง

ตอนนี้ที่กลางห้องก็มีแค่เย่ชิงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่  แววตาของมันฉายแววความตื่นตระหนกออกมาอย่างไม่อาจปิดบัง  ลางสังหรณ์ไม่ดีปะทุกขึ้นมาอย่างเต็มที่

“เจ้าคิดว่าข้าควรลงโทษเจ้าอย่างไรดี?” เย่หวางเหย่ถามอย่างเย็นชาขณะที่สายตาก็ยังจับจ้องไปที่ไอ้เย่ชิง

มันถึงกับคุกเข่าลงกับพื้นอีกครั้งทันทีด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทาพลางพูดว่า “ทะ ๆ ๆ ท่านพ่อ  ละ ลูกรู้ว่าลูกผิด  ลูกผิดเองขอรับ  ลูกไม่ควรลงมือรุนแรงถึงขั้นนั้นขอรับ”

ท่าทีของเย่หวางเหย่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง  เขาชี้ไปที่เย่ชิงและกล่าวว่า “เจ้าทำความผิดร้ายแรงข้าไม่อาจปล่อยเจ้าไปได้โดยมิได้ลงโทษ  ออกไปรับโทษโบยไม้พายทัพหนึ่งร้อยไม้เสีย”

ใบหน้าของไอ้เย่ชิงถึงกับแข็งทื่อ  ไม้พายทัพหนึ่งร้อยไม้?  นั่นแปลว่ามันจะไม่ได้โดนคนรับใช้กาก ๆ โบยแต่ต้องโดนทหารใต้บังคับบัญชาของเย่หวางเหย่โบย  และหากว่าผู้โบยเป็นทหารก็แปลว่าคนเหล่านั้นย่อมลงมืออย่างไม่มีการยำเกรงอิทธิพลของแม่มันอย่างแน่นอน  และหลังจากที่โดนเข้าไปครบร้อยไม้แล้ว  หากมันไม่ตายไปซะก่อนล่ะก็อย่างน้อย ๆ แก้มก้นของมันคงต้องแหลกไปครึ่งหนึ่งเลยมั้ง

“ทำไม?  เจ้าไม่พอใจหรืออย่างไร?” เย่หวางเหย่ถามอย่างเย็นชา

ไอ้เย่ชิงมันก็กัดฟันพูดว่า “ไม่ใช่ว่าลูกไม่พอใจ  เพียงแต่ลูกไม่เข้าใจ  แม้ลูกจะลงมือหนักเกินไปก็จริงอยู่  แต่พี่สิบสองเองก็มีความผิดด้วยเช่นเดียวกันนะขอรับ”

เย่เซิงถึงกับขมวดคิ้ว  เพราะจริง ๆ แล้วในเรื่องนี้เขาเป็นเหยื่อล้วน ๆ ทุก ๆ กระบวนการ  แล้วจะมาบอกว่าเขาผิดได้ยังไงอีก?

“พวกเจ้าพี่น้องสร้างเรื่องโกลาหลขึ้นในบ้านถึงขนาดนี้  แน่นอนว่าไม่มีใครหนีพ้น  เจ้าไปรับโทษไม้พายทัพได้แล้ว” เย่หวางเหย่ตอบเรียบ ๆ และน้ำเสียงของเขาก็เย็นชามากจนทำให้ทุกคนต้องตัวสั่น

เย่เซิงที่ได้ยินคำพูดของคนเป็นพ่อก็ถึงกับสันหลังเย็นวาบแถมเหงือยังแตกพลักจนเปียกหลังไปหมด  เพราะเขาเองก็ต้องโดนลงโทษด้วย

ตามที่คาดไว้  หลังจากที่ไอ้เย่ชิงมันกัดฟันกรอด ๆ ออกไปรับโทษ  คราวนี้ก็ถึงตาของเย่เซิงบ้าง  เย่หวางเหย่หันกลับมามองที่เขา

“ข้าได้ย้ำเตือนเจ้าไปหลายต่อหลายรอบแล้วว่าห้ามข้องเกี่ยวกับวรยุทธ์ใด ๆ ทั้งสิ้น  แล้วเหตุใดเจ้าจึงยังไปที่สนามฝึกซ้อมกับเย่ชิงอีก?” เย่หวางเหย่ถามเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เย่เซิงก้มหน้าลงและตอบว่า “ท่านพ่อ  ลูกผิดไปแล้วขอรับ”

เขารู้ตัวดีว่าโต้เถียงกับเย่หวางเหย่ไปมันก็ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร  เขานั้นไม่ได้ผิดอะไรเลยแต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไร  มีแต่ต้องเอ่ยปากยอมรับผิดออกไปเท่านั้น

เย่หวางเหย่พึมพำอย่างพอใจและกล่าวว่า “เย่ชิงได้ก่อความผิดใหญ่  ส่วนตัวเจ้าก่อความผิดเล็กน้อย  ข้าสั่งลงโทษเย่ชิงรับไม้พายทัพหนึ่งร้อยไม้  ส่วนตัวเจ้ารับไปห้าสิบไม้  ตระกูลเย่ของข้ากฎเกณฑ์ต้องเข้มงวดและทุก ๆ คนในตระกูลต้องปฏิบัติตาม  เจ้าเป็นเพียงลูกนางสนมหากไปขัดแย้งกับเย่ชิงก็ต้องถูกลงโทษ  นอกจากนี้เจ้าเองก็อายุสิบหกปีแล้ว  เป็นผู้ใหญ่ตามกฎหมายของต้าฉิงเรา  แล้วเจ้ามีแผนการอย่างไร?”

เย่เซิงก้มหัวลงและตอบว่า “ลูกต้องการออกจากหวางฝู่เพื่อศึกษาเล่าเรียนและสร้างชื่อเสียงขอรับ”

เย่หวางเหย่ขมวดคิ้ว “รีบร้อนอยากออกไปข้างนอกถึงเพียงนี้เลย?”

เย่เซิงพยักหน้าเบา ๆ เพราะสำหรับเขาแล้วไอ้หวางฝู่ตระกูลเย่แห่งนี้มันต่ำตมจนเกินจะทนไหว  เขาไม่อยากจะอยู่ในที่บัดซบแบบนี้อีกต่อไปแม้แต่วินาทีเดียว  และเขายังต้องพัฒนาตันเถียนดาวโลกของตัวเองด้วยต่อไปเรื่อย ๆ ด้วย  ถ้าไม่ออกจากบ้านล่ะก็การจะทำสิ่งนั้นให้สำเร็จได้มันจะยากเย็นแสนเข็ญเป็นอย่างมาก

แค่จะฝึกยุทธ์ในบ้านยังต้องโดนโบยเลย  แล้วเกิดว่าโดนจับได้ว่าเป็นโฮ่วเทียนหนึ่งชั้นฟ้าแล้วนี่ไม่โดยเอาถึงตายเลยเชียวเหรอ

และเย่เซิงก็มั่นใจมาก ๆ ว่ามันต้องเป็นอย่างนั้นจริง ๆ แน่  เพราะว่าไอ้เย่หวางเหย่ตรงหน้านี้มันเคยทุบตีลูกชายตัวเองจนตกตายไปจริง ๆ แล้วคนหนึ่ง  นั่นคือพี่ชายคนที่สามของเย่เซิง

พี่สามนั้นก็เหมือน ๆ กับเย่เซิงคือถูกห้ามเรียนวรยุทธ์โดยสิ้นเชิง  แต่เนื่องจากตำแหน่งของแม่เขานั้นสูงส่งเป็นเป็นถึงนายหญิงสาม  ดังนั้นเขาจึงแอบฝึกวรยุทธ์  แต่พอโดนเย่หวางเหย่จับได้มันก็สั่งให้คนของมันทุบตีพี่สามจนตกตายต่อหน้าต่อตาคนทั้งครอบครัว

แม่ของพี่สามนั้นโกรธแค้นเรื่องนี้อย่างหนักจนถึงกับเป็นลมล้มพับไปเลย  หลังจากนั้นนางได้ย้ายออกจากหวางฝู่ตระกูลเย่ไปอาศัยอยู่ใกล้ ๆ กับวัดภูหานซาน  สวดมนต์ท่องพระไตรปิฎกอยู่ทุกวี่วันด้วยความเกลียดชังต่อเย่หวางเหย่ถึงแก่นกระดู

เย่เซิงน้อยนั้นเกิดทันได้เห็นฉากนี้  และแม่ของเขาได้เอามือป้องตาเขาไม่ให้ได้เห็น  หลังจากนั้นนางก็ย้ำกับเขาซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่ให้เขาเข้าไปยุ่งกับวรยุทธ์  ไม่งั้นล่ะก็ด้วยความที่นางเคยเป็นถึงสตรีศักดิ์สิทธิ์ของนิกายสังสารวัฏ  แม้จะถูกทำลายการบำเพ็ญเพียรจนหมดสิ้นแต่นางก็ยังคงเหลือความรู้มากมายที่สามารถสอนเขาได้อย่างเกินพอ

แต่เพื่อเห็นแก่ชีวิตของเย่เซิงแล้วนางเลยไม่เคยสอนเย่เซิงเลยแม้แต่คำเดียว

“เรียนท่านพ่อ  การเรียนที่บ้านแตกต่างจากการเรียนที่สถานศึกษา  ลูกนั้นรู้จุดยืนของตัวเองในตระกูลดีและไม่อยากที่จะไปแข่งขันด้วย  ลูกแค่ต้องการรำเรียนอยู่เงียบ ๆ คนเดียวแล้วสร้างผลงานให้ท่านแม่ที่ล่วงลับไปแล้วได้ภาคภูมิใจขอรับ” เย่เซิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล

“แค่หนังสือในบ้านเจ้ายังอ่านไม่จบ  แล้วยังกล้าอยากออกไปเรียนที่สถานศึกษาอีก?” เย่หวางเหย่ขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินเย่เซิงพูดถึงแม่ตัวเอง  และเป็นครั้งแรกที่สีหน้าของไอ้เย่หวางเหย่เปลี่ยนไปอย่างหนักตั้งแต่ที่มันเดินเข้าห้องโถงมา  มันรีบปฏิเสธคำขอของเย่เซิงในทันที

“ทราบแล้วขอรับ” เย่เซิงยอมแพ้  ดูท่าวิธีนี้จะใช้ไม่ได้ผลว่ะ

“ก่อนอื่นจงอ่านหนังสือในบ้านให้หมดก่อน  ส่วนการเรียนในสถานศึกษานั้นมีแต่พวกยากจนเท่านั้นถึงจะไป  หวางฝู่ของข้าแห่งนี้มีหนังสือมากมายยิ่งว่าในสถานศึกษาเหล่านั้น  หากเจ้าไม่มีอะไรทำก็ไปหาอ่านเสีย” เย่หวางเหย่สงบลงเมื่อเห็นว่าเย่เซิงเชื่อฟังและมีมารยาทดี  ดังนั้นมันเลยผ่อนคลายน้ำเสียงและยอมอนุญาติให้เย่เซิงเข้าไปใช้ห้องสมุดของบ้านได้

“ขอบคุณขอรับ” เย่เซิงกล่าวพลางเสแสร้งแกล้งทำเป็นซาบซึ้ง

“ออกไปรับโทษของเจ้าซะไป  หลังจากนี้อย่าไปใกล้สถานที่ฝึกวรยุทธ์อีก  หากจับได้ครั้งหน้าข้าจะหักแขนหักขาเจ้าทิ้ง” เย่หวางเหย่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและห่างเหิน

“ขอรับท่านพ่อ” เย่เซิงตอบอย่างเชื่อฟัง

เย่หวางเหย่โบกมือและหลับตาลง

เย่เซิงคารวะเย่หวางเหย่เสร็จแล้วก็ไปคารวะให้พ่อบ้านฝูก่อนที่จะเดินออกไปเงียบ ๆ เขาทำทุกสิ่งอย่างมีมารยาทครบถ้วนไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย

เมื่อพ่อบ้านฝูเห็นสิ่งที่เย่เซิงทำก็เกิดประกายขึ้นในดวงตาและต้องการจะพูดอะไรบางอย่างออกมา  แต่สุดท้ายก็เงียบไม่ยอมพูด

...

หลังจากที่เขาเดินออกจากห้องโถงใหญ่ได้ไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนเหมือนหมาและเสียงเนื้อที่โดนทุบตี

ปั้ง!  ปั้ง!  ปั้ง!  ปั้ง!

เสียงฟาดอันหนักหน่วงดังขึ้นมาเมื่อไม้พายฟาดกระทบกับร่างกายของไอ้เย่ชิง  ทั้ง ๆ ที่มันเป็นถึงจอมยุทธ์โฮ่วเทียนหกชั้นฟ้าแล้วแท้ ๆ แต่มันก็ยังต้องกรีดร้องโหยหวนออกมาด้วยความเจ็บปวดยิ่งกว่าหมาร้อง

ใบหน้าของเย่เซิงขุ่นมัว  เขาสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของลานกว้างนี้แล้ว

เขาค่อย ๆ เดินไปและเห็นว่ามีกระดานขนาดใหญ่สองแผ่นอยู่ตรงพื้นที่โล่ง  แผ่นหนึ่งมีไอ้เย่ชิงนอนให้โดนฟาดอยู่แล้ว  ทหารที่ลงไม้นั้นฟาดลงไปครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยสีหน้าเคร่งขรึมไม่เปลี่ยน

“เย่เซิง!  รอก่อนเถอะ!  ข้าต้องมาทนทุกข์ทรมานมากเพราะไอ้ขยะอย่างเจ้าแท้ ๆ!” เมื่อเห็นเย่เซิงเดินเข้ามาไอ้เย่ชิงเริ่มตะโกนแหกปาก  ก้นของมันมีแต่รอยฟกช้ำเลือดท่วมเต็มไปหมด  ในใจของมันมีแต่ความเคียดแค้นเกาะกินอย่างหนักขนาดที่ว่าอยากรีบ ๆ ลุกออกมากัดคอเย่เซิ่งให้ตาย ๆ ไปซะ

แต่เย่เซิงกลับไม่สนใจมันเลยซักนิดเดียว  เขาเดินเงียบ ๆ ไปที่อีกกระดานหนึ่งแล้วนอนคว่ำลงไป  ทหารก็ได้เข้ามาดึงกางเกงเขาออกให้เหลือแต่ชั้นในแล้วเริ่มลงไม้

ปั้ง!

ดวงตาของเย่เซิงเบิกกว้างร่างกายสั่นเทาทันทีที่ไม้แรกหวดลงมา  แก้มก้นปรากฏรอบประทับสีแดงแปร๊ด  ความเจ็บปวดที่ระเบิดขึ้นมานั้นลงลึกไปถึงกระดูก  ดูท่าแล้วทหารพวกนี้มันไม่ปราณีเลย  มันเล่นลงไม้เล็งแต่ตรงที่ต้องเจ็บที่สุดล้วน ๆ และเขาก็ทำอะไรไม่ได้อีกนอกจากกัดฟันแน่น

ปั้ง!  ปั้ง!  ปั้ง!  ปั้ง!

ทีละไม้ ๆ ค่อย ๆ ฟาดลงไปเรื่อย ๆ จนครบห้าสิบไม้  เย่งเซิ่งนั้นหมดแรงจะอั้นในที่สุด  ก้นของเขาเลือดท่วมใบหน้าซีเผือด  ปากก็มีเลือดไหลออกมาเรียกได้ว่าบาดเจ็บสาหัส

อีกกระดานหนึ่งนั้นไอ้เย่ชิงมันต้องประสบกับชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่า  มันโดนไปร้อยไม้เต็ม ๆ ทำให้ทั้งหลังและก้นเลือดท่วม  มันเจ็บปวดมากจนเป็นลมไปนานแล้ว

“คุณชายทั้งสองอย่าได้ถือสาพวกข้าเลยนะ” ทหารพูดเบา ๆ หลังจากลงไม้เสร็จจากนั้นก็รีบเก็บของทุกอย่างแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด