ตอนที่แล้วEp.257 - กำจัดวัชพืชที่หยั่งรากลึก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.259 - ตูดยังคงสะอาด

Ep.258 - ดวลกับลิซ


1/2

Ep.258 - ดวลกับลิซ

ในเมืองเจียงเฉิง

ณ สวนทะเลสาบตะวันออก

เดิมที่นี่เป็นสวนสาธารณะที่ค่อนข้างเป็นที่นิยม

แต่เนื่องจากการปรากฏตัวของมอนสเตอร์ดุร้าย มันจึงค่อยๆถูกทิ้งร้างไป ตอนนี้รกทึบด้วยวัชพืชและต้นไม้ยักษ์ ตั้งตระหง่านเหมือนกับฉากในป่าดึกดำบรรพ์

และลึกเข้าไปใน ‘ป่าดึกดำบรรพ์’ มีอาคารหลังใหญ่ตั้งอยู่

อาคารหลังนี้เคยเป็นร้านน้ำชาในเครือหยุนหลงกรุ๊ป แต่ตอนนี้อยู่ในสภาพทรุโทรม คล้ายเป็นบ้านผีสิง

ฮัสกี้ก้มหน้าทำจมูกฟุดฟิดดมตามพื้น “ฮ่ง เจ้านาย มันอยู่ข้างในนั้น”

“นายแน่ใจนะว่ามันอยู่ที่นี่” ฮังอวี่เหลือบมองอาคารร้านน้ำชาที่ทรุดโทรม ซึ่งราวกับจะถูกทิ้งร้างมาเป็น 20 ปี ก่อนหันมาพยักหน้าให้กับสาวงามทั้งสอง “เข้าไปกันเถอะ”

“ถ้าพวกเรามั่นใจว่าลิซอยู่ที่นี่จริงๆ งั้นขอกำลังสนับสนุนกันดีกว่าไหม ฉันคิดว่าคนของสกายเน็ตน่าจะยินดีจัดการกับปัญหานี้” ซูหยุนปิงเสนอความคิดของตัวเอง “ฉันรู้ นายมั่นใจแต่จะดีกว่าถ้าพยายามเลี่ยงไม่เจอความเสี่ยง”

“อาจารย์ซู สกายเน็ตต้องคอยรักษาความปลอดภัยในเมือง แค่นี้พวกเขาก็มีงานยุ่งมากพอแล้ว” ฮังอวี่ทำท่าทีเหมือนพลเมืองดีมีคุณธรรมสูงส่ง “ดังนั้นเรื่องเล็กน้อยแค่นี้พวกเราจะไปรบกวนเขาได้อย่างไร!”

เรื่องเล็กน้อย?

นี่ใช่เรื่องเล็กน้อยหรือ?

ซูหยุนปิงไม่เชื่อว่า ฮังอวี่เป็นพลเมืองดีมีคุณธรรมสูงส่ง

จากความเข้าใจที่เธอมี บุคคลผู้นี้ไม่เคยทำอะไรที่ไม่ได้รับผลกำไร หากไม่ได้ประโยชน์ เกรงว่าเขาคงรายงานเรื่องนี้แก่ทางสกายเน็ตไปแล้ว สาเหตุที่บุกมาด้วยตัวเองคราวนี้ เป็นไปได้มากว่ามาเพราะกล่องวิญญาณอะไรนั่น

“เจ้าหมา”

“ล้อมสถานที่นี้เอาไว้”

หมาหวังเอ๋อปล่อยร่างแยกออกมา แต่ละตัวนำฝูงหมาป่าโลกวิญญาณเลเวล 3 4 กระจายกันออกไป ล้อมสถานที่นี้เอาไว้ในระยะไกล ไม่ปล่อยให้คนนอกเข้ามาในร้านน้ำชา

ฮังอวี่บุกเข้าไปดื้อๆไม่คิดหลบซ่อน

เพราะเขาเห็นแล้วว่าใกล้กับโรงน้ำชามีมอนสเตอร์นกที่คล้ายกับอีกาเกาะอยู่หลายตัว

นั่นไม่ใช่มอนสเตอร์จากโลกวิญญาณ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้เช่นกัน

แต่อันที่จริงแล้ว พวกมันคือดวงตาของลิซ และทุกตัวต่างมองมาทางฮังอวี่ ตั้งแต่ที่พวกเขาเข้ามาที่นี่

และเป็นอย่างที่คาดไว้จริงๆ

เมื่อฮังอวี่เดินเข้าไปใจกลางร้านน้ำชา

ร่างในชุดคลุมสีเทา ผมสีเงินเต็มตัว และผ้าคลุมสีดำกำลังนั่งรออยู่ที่นี่ สถานที่แห่งนี้คือรังของลิซ ตั้งแต่ศัตรูบุกมาถึงหน้าประตู มันก็เฝ้ารอไม่มีท่าทีที่จะหลบหนีใดๆ

“เจ้าหาที่นี่เจอจริงๆ”

ลิซจ้องมองมายังคนสามคนและหนึ่งสุนัข

เสียงแหบห้าวของมันแฝงไว้ด้วยความสับสนและประหลาดใจ

สถานที่แห่งนี้สมควรมิดชิด อีกทั้งมันยังหลบซ่อนตัวอย่างดี แล้วอีกฝ่ายหาเจอได้อย่างไร?

นี่ไม่ใช่ว่าลิซไม่คิดเก็บร่องรอยและกลิ่นอายทั้งหมดของตัวเอง แต่เป็นเพราะมันไม่มีเวลาทำอย่างนั้น การต่อสู้พึ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ฮังอวี่ก็พาคนบุกมาถึงหน้าประตู

มันไม่คาดหวังเลยว่ามนุษย์จะบุกมาเอาคืนเร็วขนาดนี้

ประมาทเกินไป!

“ถ้าฉันเป็นแก ตอนนี้ฉันจะเลือกรีบให้เร็วที่สุด”

น้ำเสียงฮังอวี่ฟังดูผ่อนคลายมาก คล้ายกำลังทักทายเพื่อนที่มาดื่มชา

เขาโบกมือขวา หอกยาวอันประณีตปรากฏขึ้น และตรงปลายหอกทอประกายกระแสไฟฟ้าจางๆ

ซูหยุนปิงเดินตามหลังฮังอวี่มาติดๆ ต้องขอบอกว่าตามปกติแล้วเธอเป็นผู้หญิงที่กล้าหาญมาก เพียงแต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่ยากเกินจะรับมือจริงๆ จึงไม่สามารถผ่อนคลายได้เหมือนกับฮังอวี่

“เมื่อวานที่พ่ายแพ้ในดินแดนของเจ้า ต้องขอบอกว่าข้าหวาดกลัวจริงๆ แต่ที่นี่คือถิ่นข้า ทำไมข้าต้องหนีด้วย?”

“เจ้าไม่มั่นใจเกินไปหน่อยหรือ? แค่สองคนกับหนึ่งภูติมายา แค่นี้คิดว่าจะกำจัดข้าได้?”

“กิ๊ กิ กิ เจ้าจะต้องตายเพราะความโอหังและอวดดีในครั้งนี้”

ลิซหัวเราะเสียงแหบแห้ง

นี่สุนัขถูกเมินงั้นหรือ?

เครื่องหมายคำถามปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหวังเอ๋อ

คิ้วของซูหยุนปิงขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เธอไม่อาจทำใจให้สงบได้ เตรียมปลดปล่อยสกิลของตัวเอง

ส่วนเสี่ยวไป๋ไม่หวาดกลัวสักนิด เพียงจ้องมองลิซด้วยดวงตากลมโต ปีกผีเสื้อโปร่งแสงคู่หนึ่งกางออกจากด้านหลัง ... สิ่งที่เป็นภัยร้ายต่อพี่ชาย เสี่ยวไป๋จะกำจัดมันให้หมด!

“ถิ่นของแก? เข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า?!” ฮังอวี่ไม่พอใจมากกับคำที่ลิซพูดไว้ “ทั้งเมืองเจียงเฉิงคือถิ่นของมนุษย์ แกก็แค่แอบลอบเข้ามา กล้าดียังไงมาพูดว่าเป็นที่ของตัวเอง!”

ลิซเอ่ยอย่างอย่างใจเย็น “ในสายตาข้า มนุษย์นั้นแสนอ่อนแอ ต่อให้ไม่พอใจก็ทำอะไรข้าไม่ได้”

ฮังอวี่ ซูหยุนปิงพอได้ยินคำนี้

ประกายแปลกๆวาบผ่านเข้ามาในดวงตาของทั้งสอง

ลิซตัวนี้ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างผิดไป

ตอนแรกฮังอวี่คาดการณ์ว่าลิซคงตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเสี่ยวไป๋ ที่บังเอิญไปเจอรอยแยกมิติเข้าแล้วหลุดเข้ามาในโลกจริงโดยไม่ตั้งใจ

แต่ตอนนี้พอฟังจากน้ำเสียงและทัศนคติของลิซ

ดูหเมือนว่ามันจะเป็นฝ่ายตัดสินใจเข้ามาในโลกมนุษย์ด้วยตัวเองซะมากกว่า

ลิซไม่เปิดโอกาสให้ ฮังอวี่สนทนาใดๆอีก

มนุษย์พวกนี้ต้องตาย!

มันต้องการฆ่าพวกเขาให้เร็วที่สุด จากนั้นถ่ายโอนวัสดุที่นี่ แล้วค้นหาที่อยู่ใหม่ กลบกลิ่นอายทั้งหมดเพื่อไม่ให้ถูกติดตามตัวอีก

เสียงร่ายมนต์ดังขึ้น

หวังเอ๋อร้องเตือนทันที “ฮ่ง เจ้านาย ระวังข้างล่าง มีอะไรบางอย่างกำลังถูกปลุกขึ้นมา!”

ไม่จำเป็นต้องให้หวังเอ๋อบอก

เพราะฮังอวี่ เสี่ยวไป๋ ซูหยุนปิง ทุกคนต่างสังเกตเห็นมัน

เห็นแค่เพียงโครงกระดูกนักเวทย์ที่มีดวงตาลุกวาวด้วยก้อนเปลวเพลิงอันเร่าร้อน ทั้งตัวมันปราศจากอุปกรณ์สวมใส่ใดๆ มีเพียงไม้เท้าเรียบๆในมือ ผุดขึ้นมาจากใจกลางร้านน้ำชา

“อัญเชิญมอนสเตอร์?”

“แถมยังมีจำนวนมาก!”

ซูหยุนปิงตื่นตกใจกับภาพตรงหน้า

ลิซตนนี้เชี่ยวชาญทั้งมรดกขั้น 2 และขั้น 3 ซึ่งหนึ่งในนั้นคือมรดกที่ขั้นต่อไปของคนเฝ้าสุสานที่เธอมี

อย่างไรก็ตาม

ดูเหมือนว่าพลังรบของลิซจะเหนือกว่าที่คาดไว้

เพราะแม้โครงกระดูกนักเวทย์เหล่านี้จะดูไม่แข็งแกร่งนัก อยู่แค่ในระดับสามัญเลเวล 7 8 ทั้งสิ้น แต่กลับมีจำนวนมากถึง 18 ตัว!

มอนสเตอร์ระดับสามัญ 18 ตัวมิใช่ภัยคุกคามเล็กน้อย!

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมอนสเตอร์ทั้งหมดเป็นสายเวทย์

นี่ไม่ใช่ภัยคุกคามธรรมดา แต่เป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่!

เนื่องจากพลังโจมตีของมอนสเตอร์นักเวทย์นั้นสูงมาก และหากถูกทั้ง 18 ตัวระดมยิงพร้อมกัน ฮังอวี่ก็มีโอกาสโดนสังหารได้ในวินาทีเดียว พลังรบของมันไม่ควรมองข้าม

ฮังอวี่เอ่ยปาก

“นั่นไม่ใช่มอนสเตอร์อัญเชิญ”

“แต่พวกมันเป็นโครงกระดูกที่ทำจากวัสดุล้ำค่า”

“นอกจากมรดกอย่าง ‘คนเฝ้าสุสาน’ ที่เป็นสกิลขั้น 1 แล้ว เจ้าหมอนี่ยังมีสกิลมรดกขั้นต่อไปอย่าง ‘คนเก็บศพ’ อีกด้วย”

“ถ้าสกิลของคนเฝ้าสุสานคือการอัญเชิญมอนสเตอร์ประเภทอันเดธจำนวนมาก สกิลขั้นต่อไปของคนเก็บศพก็คือการสร้างมอนสเตอร์ประเภทอันเดธได้เป็นจำนวนมาก”

โครงกระดูกนักเวทย์เหล่านี้ไม่ใช่มอนสเตอร์ที่เกิดจากการอัญเชิญ

แต่พวกมันทั้งหมดถูกสร้างขึ้นและเก็บไว้ที่นี่

ลิซเพียงปลุกพวกมันให้ตื่นขึ้นเท่านั้น

ระหว่างฮังอวี่อธิบาย ลิซเปิดใช้งานสกิลอื่น วงเวทย์อัญเชิญปรากฏขึ้นเบื้องหน้ามัน โครงกระดูกชั้นยอดขั้นโกลด์สามตัวถูกเรียกออกมา

ด้วยประการฉะนี้

จะเท่ากับว่ามีมอนสเตอร์โครงกระดูกอยู่เบื้องหน้ามากกว่า 20 ตัว

พลังรบพวกมันทั้งหมดมีเลเวล 7  8 มี 18 ตัวเป็นสายเวทย์ อีก 3 ตัวเป็นสายโจมตีประชิดชั้นยอดขั้นโกลด์ บวกกับลิซซึ่งเป็นระดับเจ้าถิ่นที่ครอบครองอย่างน้อยสิบสกิล

สถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะรับมือได้อย่างแน่นอน!

อย่างน้อยที่สุดต้องใช้พลรบสกายเน็ตราวๆ 200 คนขึ้นไปถึงจะสู้ได้

เหตุผลที่ลิซไม่ตัดสินใจหนี ครึ่งหนึ่งเพราะมันมั่นใจในพวกโครงกระดูกนักเวทย์ที่ตนเองสร้างขึ้น ส่วนอีกครึ่งคือที่นี่ไม่มีต้นไม้วิญญาณชั้นยอดขั้นโกลด์เลเวล 8

พลังรบโดยรวมของทั้งสองฝ่ายจึงสลับด้านกันกับในคราวที่แล้ว

ดังนั้นยังมีอะไรต้องกลัวอีก?

ลิซโบกไม้เท้าในมือ

โครงกระดูกนักเวทย์เริ่มร่ายคาถา

พวกมันเริ่มสร้างลูกไฟอันร้อนระอุในอากาศ

ภายใต้การโจมตีด้วยลูกไฟระลอกนี้ ย่อมสร้างดาเมจมหาศาล ซึ่งนั่นเพียงพอที่จะกลืนทั้งร่างของฮังอวี่ให้จมหายไป ตกตายในวินาทีเดียวอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

ด้วยแรงระเบิดของลูกไฟทั้ง 18 ลูก มันไม่มีที่ว่าให้หลบซ่อน!

ทั้งๆที่ในกลุ่มเป็นฮังเสี่ยวไป๋ที่แก่กล้าที่สุด

แต่ลิซกลับยังคงเลือกโจมตีฮังอวี่ก่อน

มันรู้สึกได้ว่าฮังอวี่คือเสาหลักที่แท้จริง ตราบใดที่คนผู้นี้ถูกกำจัด คนอื่นๆก็ไม่ใช่ปัญหา

ฮังอวี่ยังคงสุขุมตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้

อันที่จริง เขาคาดเดาไว้ก่อนแล้วว่าลิซจะต้องมีการเตรียมการประมาณนี้เอาไว้

ฮังอวี่คาดการณ์ความสามารถและมรดกของลิซไว้ตั้งแต่การต่อสู้ครั้งก่อน ซึ่งหากไม่มั่นใจว่าสามารถรับมือได้ เขาไม่มีทางกล้านำคนจำนวนน้อยมาที่นี่อย่างแน่นอน

โดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำใด

พลังงานที่มองไม่เห็นเข้าปกคลุมทั้งพื้นที่ในทันที

ซูหยุนปิงปลดปล่อยสกิลที่เตรียมเอาไว้

มิใช่ใดอื่น เป็นสกิลที่พึ่งเรียนรู้ - เขตแดนแห่งความเงียบ!

นี่คือสกิลควบคุมแบบวงกว้าง เป็นสกิลขั้น 2 ที่ค่อนข้างทรงพลัง!

ลูกไฟทั้ง 18 ลูกของโครงกระดูกนักเวทย์เดิมกำลังควบรวมกันแน่น ทว่าจู่ๆราวกับมีหม้อน้ำใหญ่ราดใส่พวกมัน ไฟทั้งหมดดับวูบในพริบตา

“นี่มันเขตแดนแห่งความเงียบ!”

ลิซคาดไม่ถึง ว่าซูหยุนปิงจะเรียนรู้สกิลขั้น 2 นี้เอาไว้ ต้องเข้าใจนะว่าเมื่อวานนี้ เธอไม่มีท่าทีว่าจะมีสกิลขั้น 2 เช่นนี้อยู่เลย อ๊าาา!

เขตแดนแห่งความเงียบเป็นสกิลยกระดับของโรงละครแห่งความเงียบ

ซึ่งผลของสกิลยังคงครอบคลุมเอฟเฟกต์ของโรงละครแห่งความเงียบเอาไว้เช่นกัน กล่าวคือ ครอบคลุมเสียง แรงสั่นสะเทือน กระแสลมภายในพื้นที่ และกลิ่นอายไม่ให้รั่วไหล เมื่อใช้ใส่มอนสเตอร์จากโลกวิญญาณ มันจะส่งผลอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เพียงสร้างความโกลาหลในพื้นที่ แต่ยังป้องกันไม่ให้เป็นการดึงดูดมอนสเตอร์ที่อยู่ใกล้เคียงเข้ามา

นอกจากนี้ สกิลดังกล่าวยังสามารถช่วยลดค่าคุณสมบัติของศัตรูในพื้นที่ได้เล็กน้อย

และยังมีเอฟเฟกต์ใบ้สกิลในเวลาสั้นๆ

เขตแดนแห่งความเงียบของซูหยุนปิงยังมีเลเวลแค่ 1 และตัวเธอเองยังไม่ถึงเลเวล 7 การต่อสู้กับมอนสเตอร์ชั้นยอดนั้นยังคงเป็นเรื่องยากก็จริง ทว่าค่าคุณสมับิตจิตวิญญาณของซูหยุนปิงค่อนข้างสูง ส่งผลให้มอนสเตอร์ระดับสามัญสามารถติดใบ้ได้อย่างไม่ยากเย็น

“ปิดล้อมแสงศักดิ์สิทธิ์!”

ฮังอวี่ถือโอกาสนี้เปิดใช้งานคัมภีร์สกิล

แสงมหึมาราวกับผ้าห่อศพขนาดใหญ่ตกลงจากฟากฟ้า โอบล้อมทั้งแปดทิศ

หากเขตแดนแห่งความเงียบของซูหยุนปิงมีผลทำให้แค่ลิซรู้สึกไม่พอใจและโกรธเล็กน้อยแล้วล่ะก็ เช่นนั้นสกิลปิดล้อมแสงศักดิ์สิทธิ์นี้ มันทำให้ลิซตกใจมาก

อย่างไรก็ตาม

สายไปเสียแล้ว

ถึงตอนนี้ คิดอยากหนีก็อย่าฝันว่าจะหลบพ้น!