ตอนที่แล้วMDB ตอนที่ 178 การเปิดห้องโถงเยี่ยมชมครั้งที่สาม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMDB ตอนที่ 180 คามเคารพได้หยั่งรากลึก

MDB ตอนที่ 179 เย่หยู่โจวแสนอึดอัด


เมื่อปัญหาของเธอได้รับการแก้ไข เหอฉิงก็ก้าวถอยหลังอย่างมีความสุข

ในขณะเดียวกันเฒ่าเทียนยิ้มเยาะอยู่ข้างในและรำพึงว่า 'ภัณฑารักษ์ไล่เจ้าไปให้พ้นทาง มีเพียงเด็กสาวไร้เดียงสาอย่างเจ้าเท่านั้นแหละที่จะเชื่อเขา’

'เจ้าสมควรที่จะถูกหลอก'

แม้ว่าเขาจะไม่พูดออกมาดัง ๆ ก็ตาม ความทรงจำเกี่ยวกับสัตว์วิเศษระดับสามของเขาที่ภัณฑารักษ์ทำให้หวาดกลัวยังคงสดใหม่อยู่ในใจของเขา

“จริงสิ ภัณฑารักษ์ ข้าได้นำส่วนผสมยาที่ท่านขอมา แต่มีบางอย่างที่ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน”

เมื่อนึกถึงเรื่องสำคัญได้ เหอฉิงก็หยิบกล่องไม้ออกมาอย่างรวดเร็ว

ดูเหมือนจะเต็มไปหมด

เมื่อได้รับมัน หลินจินก็พบสมุนไพรที่มีค่าค่อนข้างน้อยอยู่ข้างใน หากแปลงเป็นเงิน วัสดุเหล่านี้น่าจะมีมูลค่ามากกว่าหมื่นเหรียญ

‘สาวน้อยคนนี้ช่างใจกว้างจริง ๆ’

ด้วยเหตุนี้หลินจินจึงตัดสินใจว่าเขาจะเติมเต็มความปรารถนาของเธอ แม้ว่าหลินจินจะไม่ชอบพี่สาวของเธอ แต่เขาก็จะเดินทางไปเมืองมังกรหยกเพื่อไปรักษาเธอ

ตั้งแต่เหอฉิงเป็นผู้ริเริ่ม คนอื่น ๆ ก็ระงับคำขอของพวกเขาในตอนนี้และนำของที่รวบรวมมาได้ออกมาเผยให้เห็นขุมทรัพย์ของพวกเขา

รายการสิ่งของของเจียงจื่อฉีนั้นสมบูรณ์ที่สุด ใคร ๆ ก็บอกได้ว่าเขาทุ่มเทกับงานนี้มากแค่ไหน แต่ก็ยังมีของล้ำค่าอีกสองสามชิ้นที่ขาดหายไป

บางทีเขาอาจไม่เคยพบพวกมัน

ทางด้านอีกาทมิฬ เขานำของมาจำนวนหนึ่งมาด้วยเช่นกัน ส่วนใหญ่เป็นสมบัติล้ำค่าและหายาก

ตัวอย่างเช่น 'ผลึกอัคคีกลายพันธุ์'

ชาวเมืองเมเปิ้ลไม่เคยได้ยินของมันมาก่อนด้วยซ้ำ มันมีคุณสมบัติในการเสริมประสิทธิภาพของเม็ดยา มันหายากมาก ไม่คิดว่าอีกาทมิฬจะสามารถคว้ามันมาได้

"ไม่เลว!" หลินจินยอมรับมัน แม้ว่าอีกาทมิฬจะดื้อรั้นในตอนแรก แต่ทัศนคติของเขาก็ดีขึ้นมากหลังจากได้รับการตักเตือน

ดังนั้นหากอีกาทมิฬมีอะไรที่เขาต้องการความช่วยเหลือ หลินจินจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเขา

คุณภาพของของมาดามผีเด็กก็สูงอย่างน่าประหลาดใจเช่นกัน ในหมู่พวกันมีส่วนผสมที่สำคัญมากบางอย่างอีกด้วย

แม้ว่าของที่รับจะมีบางอย่างซ้ำกัน แต่ของบางอย่างในแต่ละคนก็มีมาทดแทนส่วนที่ขาดไป ด้วยสิ่งนี้ ทำให้ของที่หลินจินต้องการจึงถูกรวบรวมได้สำเร็จ

สิ่งนี้ทำให้เขาพอใจ

มันคงต้องใช้เวลาหลายปีในการรวบรวมทุกอย่างและเขาอาจไม่ได้ครบ แต่ถึงเขาจะได้ครบเขาต้องเสียค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เป็นจำนวนมหาศาลเช่นกัน

ประโยชน์ของการมีห้องโถงเยี่ยมชมนี้ มันมากกว่าที่เขาคิดไว้มาก

เฒ่าเทียนไม่ได้นำอะไรมาเลย แต่ก็ไม่เป็นไร เนื่องจากเขาไม่ได้มีส่วนร่วม หลินจินจะไม่ให้รางวัลเขาเช่นกัน

เย่หยู่โจวนำกล่องไม้มาแต่หลินจินไม่ยอมรับ เขาไม่ได้ดูมันและส่งคืนให้เย่หยู่โจว

สิ่งนี้ทำให้ชายชราถึงกับพูดไม่ออก

เย่หยู่โจวไม่รู้เป้าหมายของหลินจินมีสองอย่าง อย่างแรกเขาทำสำเร็จแล้ว ส่วนอย่างที่สอง มันอยู่ระหว่างดำเนินการ

นอกจากเฒ่าเย่ ภัณฑารักษ์ยังยอมรับข้อเสนอของทุกคน ในฐานะผู้มีประสบการณ์ เย่หยู่โจวรู้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ

สิ่งนี้ทำให้เขาหงุดหงิด

สิ่งนี้ดูคล้ายกับเวลาที่เหล่าสาวกนำน้ำชามาให้เขา เมื่อเย่หยู่โจวไม่พอใจกับสาวกคนนั้น เขาจะจงใจละเว้นจากการรับชาของเขาหรือเธอ

มันเป็นการแสดงความไม่พอใจของเขา

สาวกที่ฉลาดกว่าเล็กน้อยจะสังเกตเห็นทันทีว่าพวกเขาทำให้ครูขุ่นเคือง

ต่อจากนั้นพวกเขาจะถามว่าความผิดพลาดของพวกเขาอยู่ที่ไหนโดยหวังว่าจะได้รับคำตอบ

สถานการณ์เหล่านั้นดูเหมือนกับสถานการณ์นี้

เห็นได้ชัดว่าเย่หยู่โจวไม่กล้าเข้าไปหาภัณฑารักษ์ เขารู้ว่าเขาต้องทำให้ภัณฑารักษ์ขุ่นเคืองไม่อย่างนั้นชายคนนั้นคงไม่มีอคติต่อเขาขนาดนี้

แต่เขาทำอะไรผิด?

เย่หยู่โจวไม่เข้าใจ

ภัณฑารักษ์กำลังตอบคำถามของอีกาทมิฬ

คำถามของอีกาทมิฬยังเป็นประเด็นที่เกี่ยวกับการวิวัฒนาการสัตว์วิเศษจากระดับสี่ไปเป็นระดับห้าซึ่งปัญหาที่อีกาทมิฬไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเขาเอง

อย่างไรก็ตาม ภัณฑารักษ์ตอบคำถามของเขาแต่ละคน อีกาทมิฬเรียนรู้มากมายและขอบคุณเขาต่อจากนั้น

สิ่งนี้ทำให้เย่หยู่โจวอิจฉา

เขามีคำถามมากมายที่เขาอยากจะถาม แต่ตอนนี้เขาไม่รู้จะพูดออกมาอย่างไร

สำหรับการขอวิธีวิวัฒนาการสำหรับสัตว์เลี้ยงของหยางเจี๋ย เย่หยู่โจวโยนมันทิ้งไปแล้ว เขาไม่สามารถถามคำถามของตัวเองได้ ดังนั้นเขาจะไปยุ่งกับสัตว์วิเศษของหยางเจี๋ยได้อย่างไร?

เจียงจื่อฉีก็ถามคำถามเช่นกันแต่พวกมันเป็นคำถามเกี่ยวกับวิธีการรักษาสัตว์เลี้ยง ภัณฑารักษ์ก็ตอบด้วยคำตอบที่ลึกซึ้งเช่นเดียวกัน

ในระหว่างกระบวนการทั้งหมด เย่หยู่โจวรู้สึกเหมือนแมวบนหลังคาดีบุกร้อน เขารู้สึกเหมือนถูกทรมานและทุกคนต่างก็มองออก

เห็นได้ชัดว่าภัณฑารักษ์มีอคติต่อเย่หยู่โจว

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครกล้าพูดแทนเขา แม้แต่เหอฉิงก็ยังคิดว่าเย่หยู่โจวอาจทำอะไรบางอย่างเพื่อทำให้ภัณฑารักษ์ไม่พอใจ

ตอนนี้เย่หยู่โจวเป็นเหมือนปลาที่ถูกโยนลงบนดินแห้ง

ทิ้งไว้บนนั่น

และปล่อยให้อาบแสงแดดอันร้อนระอุจนขาดใจตาย

ตอนนี้เย่หยู่โจวถึงขีดจำกัดของเขาแล้ว เขาก้าวไปข้างหน้าเพื่อพูดอะไรบางอย่าง

เขาต้องเป็นคนทำลายความอึดอัดนี้

แต่ก่อนที่เขาจะพูด ภัณฑารักษ์ก็พูดขึ้นทันทีว่า “ท่านผู้เฒ่า ถ้าไม่มีอะไร เชิญท่านออกไปก่อน”

ว่าเย่หยู่โจวรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาด

นี่ก็เหมือนกับน้ำเสียงและวิธีการที่เขาใช้กับเหล่าสาวกเมื่อพวกเขาทำผิดพลาด

‘มันเกิดอะไรขึ้น?’

จิตใจของว่าเย่หยู่โจวเต็มไปด้วยคำถามมากมาย ด้วยสถานะปัจจุบันของเขา การได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ต่อหน้าคนจำนวนมาก นอกจากจะทำให้เขาตกใจด้วยแล้ว มันยังทำให้เขาโกรธด้วยซ้ำ

เขาต้องการจะจากไปที่นี่และไม่กลับมาที่นี่อีกเลย

แต่พูดตามตรง เขาไม่มีความกล้าทำเช่นนั้น

ในวัยของเขา เขาจะมีโอกาสอีกกี่ครั้งที่เขาจะพัฒนาขึ้นไปได้? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อระดับสัตว์เลี้ยงของเขามีความสำคัญมากกว่าขอบเขตการบ่มเพาะของเขา ระดับของสัตว์วิเศษเป็นตัวกำหนดมาตรฐานของประเทศ สิ่งนี้พิสูจน์ได้ว่าระดับมีความสำคัญมากเพียงใด

มังกรทะลวงเมฆาของเขาติดอยู่ในระดับสี่มานานแล้ว หากไม่ได้พบเจอกับภัณฑารักษ์ในโอกาสนี้ เย่หยู่โจวก็มั่นใจว่าสัตว์เลี้ยงของเขาจะไม่มีวันวิวัฒนาการไปจนกว่ามันจะตาย

ก่อนหน้านี้เขาเคยค้นหาผู้ประเมินที่มีชื่อเสียงแต่ไม่มีใครสามารถช่วยได้ มีเพียงภัณฑารักษ์เท่านั้นที่สามารถให้วิธีวิวัฒนาการแก่เขาได้ ดังนั้นจึงไม่มีข้อสงสัยในความสามารถของชายผู้นี้

ดังนั้นเพื่อให้สัตว์วิเศษของเขาวิวัฒนาการ เย่หยู่โจวทำได้เพียงเลือกที่จะพึ่งพาภัณฑารักษ์เท่านั้น นั่นเป็นทางเลือกเดียวของเขา

แม้ว่าภัณฑารักษ์จะให้วิธีการวิวัฒนาการแก่เขาแล้ว แต่การพัฒนาสัตว์วิเศษระดับสี่ไประดับห้านั้นซับซ้อนเกินไป หากเย่หยู่โจวทำด้วยตัวเอง มันอาจต้องใช้เวลาถึงสามถึงห้าปี

เย่หยู่โจวไม่ต้องการรอ แม้ว่าเขาจะทำได้ก็ตาม นอกจากนี้ เขาไม่ต้องการได้รับการปฏิบัติอย่างนี้จากภัณฑารักษ์โดยไม่รู้สาเหตุมาจากอะไร

มันไม่ยุติธรรมเลย

แม้แต่ในศาล ผู้กระทำผิดมีสิทธิที่จะได้รับแจ้งว่าตนทำผิดอะไรก่อนที่จะถูกลงโทษ

เมื่อรวบรวมความกล้าได้ เย่หยู่โจวก้าวไปข้างหน้าและคำนับ

“ตอนนี้ข้าสับสนอย่างแท้จริง ข้าขอทราบได้ไหมว่าข้าได้ทำให้ภัณฑารักษ์ไม่พอใจในทางใดทางหนึ่งหรือไม่? หากเป็นความผิดของข้า ข้าจะแก้ไขให้ถูกต้อง”

ภายใต้หน้ากาก หลินจินยิ้มและรำพึงในใจว่า

‘เสียใจด้วยนะ ฉันคงบอกคุณไม่ได้อย่างแน่นอน ถ้าฉันพูดสิ่งที่เกิดขึ้นในสมาพันธ์นักบวชไป ตัวตนของฉันคงจะถูกเปิดเผยแต่คุณไม่ต้องกังวลไป ฉันตั้งใจจะสั่งสอนคุณแค่นี้เท่านั้น เพื่อเอาคืนเรื่องบ้า ๆ ที่คุณทำไว้กับฉันในวันนี้'

อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถตอบได้ ดังนั้น หลินจินพูดอย่างเย้ยหยันว่า

“ลองคิดให้ออกสิว่าเจ้าทำให้ข้าขุ่นเคืองได้อย่างไร เมื่อเจ้าตระหนักได้แล้ว เจ้าก็สามารถมาที่นี่ได้อีกครั้ง”

‘สนุกจริง ๆ’

หลินจินได้ติเตียนเย่หยู่โจวอย่างเด็ดขาด แม้อีกฝ่ายจะเป็นที่ปรึกษาอันดับหนึ่งของสมาพันธ์นักบวช หลินจินก็ทำราวกับว่าเขาเป็นรุ่นพี่ของชายชรา

แน่นอนว่าการทำเช่นทำให้ความโกรธของหลินจินบรรเทาลงแล้ว เขาตั้งใจว่าจะพอแค่นี้ แต่เขาจะไม่คลายความกังวลของชายชราอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ หลินจินสังเกตเห็นขนนกในมือของเย่หยู่โจว

ขนนกสีขาวของนกยูงขาว

เขาอาจต้องการขอรายงานการประเมินและวิธีการวิวัฒนาการของมัน

เย่หยู่โจวคงจะขอมันให้กับหยางเจี๋ย ดังนั้นการปฏิเสธความช่วยเหลือของเย่หยู่โจวในตอนนี้ มันสามารถช่วยเขาให้พ้นจากปัญหาในการปฏิเสธคำขอนี้ในภายหลัง

ในขณะที่การแข่งขันสาวกจะเกิดขึ้นในไม่ช้า หลินจินจะช่วยพัฒนาสัตว์วิเศษของหยางเจี๋ยได้อย่างไร? นั่นเป็นเพียงการทำให้สิ่งต่าง ๆ เป็นเรื่องยากสำหรับตัวเขาเอง

นี่เป็นเหตุผลที่ใหญ่ที่สุดที่เขาปฏิเสธเย่หยู่โจวในครั้งนี้

เย่หยู่โจวก้มหน้าครุ่นคิด ราวกับกำลังพยายามคิดว่าเขาทำให้ภัณฑารักษ์ขุ่นเคืองได้อย่างไร

หลินจินได้ละความสนใจจากเขาไปยังคนอื่น

เขาเหลือบมองไปที่มาดามผีเด็กและคนหลังก็ก้าวไปข้างหน้า

เขาไม่ได้พูดอะไรมาก ก่อนหน้านี้ เขาได้ให้วิธีการรักษามาดามผีเด็กไป เขาแค่ต้องตรวจอาการของสัตว์วิเศษของเธอเท่านั้น ตอนนี้เจ้าแมงมุมอาการดีขึ้นแต่ก็ยังต้องการการรักษาจากเขา

หลินจินใช้เข็มลวดขดกับสัตว์เลี้ยงของมาดามผีเด็กเพื่อควบคุมเส้นเลือดของมันและรักษาอาการบาดเจ็บที่เรื้อรัง

นี่เป็นครั้งแรกของกลุ่มที่ได้เห็นเทคนิคการฝังเข็มของหลินจิน พวกเขาอ้าปากค้างประหลาดใจที่มีเทคนิคดังกล่าวอยู่ในโลกนี้

หลังจากนั้นไม่นาน หลินจินก็ดึงเข็มของเขาขึ้นมา

“เอาล่ะ ตอนนี้เขาควรจะปลอดภัยแล้ว คุณต้องปฏิบัติตามคำแนะนำที่ฉันให้ไปอย่างเคร่งครัด ทำไปสักเดือนนึง เขาจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ แต่คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะกลับไปสู่ความรุ่งโรจน์ในอดีต”

คำพูดของหลินจินทำให้มาดามผีเด็กตกใจ เธอสามารถบอกได้ว่ามีความหมายแฝงอยู่ในคำพูดของเขา

หลินจินได้ศึกษาแมงมุมหน้าทารกของมาดามผีเด็กในพิพิธภัณฑ์ มันเคยเป็นสัตว์วิเศษระดับห้าที่ทรงพลัง แต่อันดับของมันลดลงเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ร้ายแรง

กล่าวอีกนัยหนึ่งสิ่งที่ทำร้ายแมงมุมหน้าทารกคือสัตว์วิเศษระดับห้าหรือสูงกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย

หลินจินไม่แน่ใจในก่อนหน้านี้แต่เขาตอนนี้เขาได้รับการยืนยันแล้ว

หลังจากครุ่นคิดบางอย่าง เขากล่าวว่า “มาดามผีเด็ก เดิมทีสัตว์วิเศษของเจ้าอยู่ในระดับห้าแต่ได้ลดลงเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส เพื่อให้เขามีชีวิตอยู่ เจ้าจึงใช้การร่วมเลือด

สิ่งที่ข้าอยากรู้คือเขาได้รับบาดเจ็บอย่างไร เจ้าช่วยบอกข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้หรือไม่?”

หลินจินไม่เพียงอยากรู้อยากเห็น แต่เขายังต้องการดูว่าเขาจะได้รับตัวอย่าง DNA ของสิ่งมีชีวิตที่ทำร้ายแมงมุมหน้าทารกตัวนี้ได้หรือไม่? บางทีขนของมันหรือตัวอย่างเลือด จะทำให้เขารู้ว่ามันเป็นสัตว์วิเศษแบบไหน?

หรืออาจจะเป็นนักบวช?

สัตว์วิเศษระดับสูงเช่นนี้ไม่มีทางมีอยู่ในช่วงเวลานี้แน่นอนและไม่มีนักบวชคนใดสามารถพึ่งพากำลังของตัวเองเพื่อทำร้ายสัตว์วิเศษระดับห้าได้

มาดามผีเด็กกล่าวว่า “ภัณฑารักษ์ ข้าจะบอกท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างละเอียดในภายหลัง ข้ายังมีอีกเรื่องที่ข้าต้องพึ่งพาท่าน”

ขณะที่เธอพูด เธอหยิบชามเลือดที่มีกลิ่นเหม็นเน่าออกมา

“นี่เป็นเลือดของเพื่อนเก่าของข้า เช่นเดียวกับข้า เขากำลังใช้การร่วมเลือดและมีเวลาเหลืออีกไม่มาก เราหวังว่าภัณฑารักษ์จะสามารถช่วยพวกเราได้ แต่เขาไม่สามารถเข้ามาที่นี่ได้ ดังนั้นข้าจึงนำตัวอย่างเลือดของเขามาให้ท่าน”

สิ่งที่มาดามผีเด็กนามาคือเลือดของชายโลงศพ

หลินจินสะบัดเข็มออกมาแล้วปล่อยให้ตัวอย่างเลือดกลับมาหาเขา

พิพิธภัณฑ์ให้คำตอบทันที

 

สัตว์วิเศษระดับสี่: ซอมบี้คธูลู

คุณสมบัติ: ธาตุไม้และดิน!

สถานะ: ได้รับบาดเจ็บสาหัส อยู่ในสถานะการร่วมเลือด!”

“…”

สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าหลินจินคือสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่ดูเหมือนแมงกะพรุนมาก มันเหมือนกับหัวที่มีริบบิ้นงอกออกมาจากมัน หรือพูดให้ชัดเจนกว่านั้นคือหนวด สิ่งมีชีวิตสามารถอยู่บนบกได้และรูปลักษณ์ของมันยิ่งดูก็ยิ่งน่าขนลุก

นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกของหลินจินที่ได้ยินชื่อ 'ซอมบี้คธูลู’

5 1 โหวต
Article Rating
4 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด