ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 12 ดาบยาวในมือ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 14 บุกโจมตี

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 13 น้ำตาวัว


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 13 น้ำตาวัว

แปลโดย iPAT  

หลี่ฝูกุ้ยกล่าว “นี่คือดาบที่หลอมจากเหล็กกล้าชั้นยอดที่ข้าซื้อมาจากในเมือง”

เขาไม่ใช่คนโง่ ความตายของภรรยาจะไม่ส่งผลกระทบต่อเขาได้อย่างไรและเขาจะไม่พัฒนาความเกลียดชังต่อหมอผีได้อย่างไร? ดาบเล่มนี้เป็นหลักฐานว่าเขามีความเป็นลูกผู้ชายอยู่บ้าง

อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงเป็นเกษตรกรทั่วไป เขาไม่กล้ายกดาบขึ้นมาฟาดฟันศัตรู ตรงข้าม เขาดื่มสุราจนเมาทุกวัน สุดท้ายเขาพบว่าตนเองไม่มีกำลังพอที่จะกวัดแกว่งดาบอีกต่อไป แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังเก็บดาบเล่มนี้เอาไว้ เขาไม่เคยคิดที่จะนำมันไปแลกสุรา

หลี่ฝูกุ้ยคิดถึงอดีตและหลั่งน้ำตา “ข้าไม่มีความกล้าที่จะใช้หรือขายดาบเล่มนี้ ข้าไม่อยากขายมัน หากข้าขายมัน ข้าจะไม่เหลือสิ่งใดเลย”

อารมณ์ของหลี่ฉิงซานพลุ่งพล่านแต่เขาซ่อนมันเอาไว้ เขาเก็บดาบเข้าฝักอย่างเงียบๆก่อนกล่าว “หากท่านเชื่อใจข้าก็มอบดาบเล่มนี้ให้ข้า ข้าจะจัดการเรื่องนี้อย่างแน่นอน”

หลี่ฝูกุ้ยโบกมือและหันหลังกลับ หลี่ฉิงซานเดินออกจากบ้านหลังนี้อย่างรวดเร็วพร้อมกับความรู้สึกอยากโค่นล้มหมอผีที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น เมื่อเขากลับถึงบ้าน เขาฝึกซ้อมเล็กน้อยเพื่อทำให้จิตใจของเขาสงบลง

“ทักษะการควบคุมผีจะเปรียบเทียบกับเคล็ดวิชาเก้ากระทิงสองพยัคฆ์ของข้าได้อย่างไร?” วัวดำกล่าว

“ผู้แข็งแกร่งจะได้รับการเคารพจากภูตผีและได้รับการยกย่องในฐานะเจ้าเหนือหัวแม้แต่กับเทพเจ้าหรือปีศาจ ผู้อ่อนแออาจสามารถรังแกคนธรรมดา มันไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง ตรงข้าม มันเป็นเพียงการทำร้ายตนเองเท่านั้น ปราณหยินจะกัดกินร่างกายของพวกเขาและนำไปสู่หายนะ”

“เห็นได้ชัดว่าหมอผีเป็นคนหลัง”

หลี่ฉิงซานรู้สึกผ่อนคลายลง เรื่องนี้อยู่ในความคาดหมายของเขาเช่นกัน มิฉะนั้นหมอผีคงไม่ปล่อยให้เวลาผ่านมาแน่นนานก่อนที่นางจะแก้แค้นที่ถูกเขาทุบตีต่อหน้าสาธารณชน

“แต่อย่าประมาท ผีที่เจ้าไม่สามารถมองเห็นสามารถทำร้ายเจ้าเมื่อเจ้าไม่ระวังตัว”

หลี่ฉิงซานนึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน “พี่วัว ข้าเคยได้ยินมาว่าเราสามารถมองเห็นผีด้วยน้ำตาวัวจริงหรือไม่?”

“อย่ามองข้า วัวเฒ่าผู้นี้ไม่เคยหลั่งน้ำตา”

“พวกเขาบอกว่าบุรุษไม่หลั่งน้ำตา แต่นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยโศกเศร้า พี่วัว ท่านไม่เคยเศร้าเลยงั้นหรือ?”

วัวดำหันหน้าไปทางอื่นและเพิกเฉยต่อเขาอย่างสิ้นเชิง

หลี่ฉิงซานรู้ว่าไม่ควรพูดเรื่องนี้ต่อไป ดังนั้นเขาจึงหุบปากลง ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ทั้งสองพูดคุยกันค่อนข้างมาก นั่นทำให้เขาเข้าใจวัวดำตัวนี้มากขึ้นในระดับหนึ่ง มันไม่ต้องการให้หลี่ฉิงซานพึ่งพามัน เขาต้องเลือกเส้นทางของตนเองและจัดการเรื่องของตนเองด้วยตัวของเขาเอง

เมื่อถึงช่วงพลบค่ำ วัวดำส่งขวดใบเล็กใบหนึ่งให้หลี่ฉิงซานโดยไม่ได้อธิบายสิ่งใด จากนั้นมันก็เดินขึ้นไปบนเนินเขาและมองดวงอาทิตย์ที่กำลังตกดิน

หลี่ฉิงซานเปิดขวดและมองเข้าไปข้างใน มีของเหลวสีใสบรรจุอยู่ เขาตระหนักได้ทันทีว่ามันคือสิ่งใด เขาเผยรอยยิ้มขอบคุณวัวดำขณะมองด้านหลังของมัน ต่อมาเขาก็หยดของเหลวลงในดวงตาทั้งสองข้างของเขา

แรกเริ่มเขาไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่หลังจากนั้นดวงตาของเขาก็เริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ใช่เพราะเขาฝึกฝนหมัดปีศาจวัวอย่างหนักมาตลอดหลายวันที่ผ่านมา มันคงเผาดวงตาของเขาไปแล้ว

ในบ้านที่สร้างจากอิฐและกระเบื้องเต็มไปด้วยควันธูป คนนอกกลุ่มหนึ่งที่เดินทางมาเพื่อแสวงโชคกำลังตกตะลึงที่เห็นกระดาษยันต์ลอยขึ้นสู่อากาศก่อนที่เปลวเพลิงสีน้ำเงินจะลุกไหม้ขึ้นและเผ่ามันจนกลายเป็นจุล

สิ่งที่พวกเขามองไม่เห็นคือเด็กหน้าซีดที่หยิบกระดาษยันต์แผ่นนั้นขึ้นมาด้วยมือของมัน

แต่นี่ก็ทำให้พวกเขารีบควันเงินทั้งหมดออกมามอบให้หมอผีและเร่งล่าถอยออกไปด้วยความหวาดกลัว

หมอผีเก็บเงินอย่างระมัดระวังก่อนที่ใบหน้าของนางจะกลายเป็นบิดเบี้ยว นางกล่าว “เกิดสิ่งใดขึ้น? หลี่เอ้อยังมีชีวิตอยู่งั้นหรือ? เจ้าไม่ตั้งใจทำงาน ต้องการให้ข้าอบรบใช่หรือไม่?”

ใบหน้าที่แข็งทื่อและว่างเปล่าของเด็กหน้าซีดเผยให้เห็นถึงความหวาดกลัวขณะที่มันส่ายศีรษะด้วยความสิ้นหวัง

หมอผีสั่นระฆังในมือและทำให้เด็กหน้าซีดกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด สายลมกรรโชกแรงพัดเอากลุ่มควันกระจัดกระจายออกไป

หลังจากไม่นาน หมอผีก็วางระฆังลง “ดี ฟังย่า ย่าไม่มีวันทำร้ายเจ้า” นางส่งเข็มเย็บผ้าให้กับเด็กหน้าซีด “นำสิ่งนี้ไปแทงดวงตาของมัน”

เด็กหน้าซีดรับเข็มเอาไว้อย่างยากลำบากก่อนจะบินไปยังเชิงเขากระทิงหมอบ

เด็กหน้าซีดเข้าไปในลานบ้านของหลี่ฉิงซานพร้อมกับเข็มในมือ หากเป็นคนธรรมดา พวกเขาจะเห็นเพียงเข็มลอยอยู่กลางอากาศ ในความเป็นจริงเข็มเล่มนี้เล็กมาก มันแทบจะมองไม่เห็นในเวลากลางวันโดยไม่ต้องกล่าวถึงเวลากลางคืน

อย่างไรก็ตามหลี่ฉิงซานกลับเพิกเฉยต่อเข็มที่อยู่ห่างจากเขาเพียงไม่กี่นิ้วและมองเข้าไปในดวงตาของเด็กหน้าซีด “เจ้าพยายามทำสิ่งใด?” ดวงตาของเขาส่องประกายราวกับดวงไฟสองดวง

ในช่วงพลบค่ำก่อนหน้านี้ พลังปราณเส้นเล็กๆไหลเป็นสายเข้าสู่ดวงตาของเขา นั่นทำให้ความเจ็บปวดในดวงตาของเขาหายไปแล้ว

ความเจ็บปวดถูกแทนที่ด้วยความเย็นสบายที่ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่งและมันก็ทำให้เขามองเห็นเด็กหน้าซีดที่ถือเข็มอยู่ตรงหน้าเขาอย่างชัดเจนในเวลานี้

สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาเมื่อวานทำให้เขาไม่กล้าประมาทหมอผี แม้ผีเด็กจะไม่สามารถทำร้ายเขา แต่หากเขาประมาทและถูกลอบโจมตี เขาอาจสูญเสียดวงตา

เด็กหน้าซีดตกใจเมื่อถูกหลี่ฉิงซานเพ่งมอง ร่างกายของมันสั่นสะท้านขณะที่มันปล่อยมือจากเข็มและบินห่างออกไป

หลี่ฉิงซานเฝ้ามองผีน้อยอย่างใกล้ชิดและพบว่าเขาอายุเพียงหกหรือเจ็ดขวบเท่านั้น ใบหน้าของเด็กละเอียดอ่อนมาก หากไม่ใช่เพราะใบหน้าที่ขาวซีดมากเกินไป เขาก็จะเป็นเพียงเด็กน้อยที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสาผู้หนึ่งเท่านั้น เด็กสวมชุดคลุมที่ทำจากผ้าไหมซึ่งควรจะเป็นเครื่องแต่งกายก่อนตายของเขา เขาดูไม่เหมือนทาสที่อยู่ในการควบคุมแต่ดูเหมือนนายน้อยจากตระกูลใหญ่

เมื่อตระหนักว่าหลี่ฉิงซานมองเห็นตนเองจริงๆ เด็กน้อยก็กลัวที่จะเข้าใกล้เขา อย่างไรก็ตามผีเด็กก็กลัวว่าภารกิจจะล้มเหลวและถูกหมอผีลงโทษเช่นกัน ดังนั้นมันจึงไม่กล้าจากไปและทำได้เพียงหยุดอยู่ตรงนั้น

หลี่ฉิงซานไม่รู้สึกหวาดกลัวอีกต่อไป หลังจากทั้งหมดสิ่งที่มองไม่เห็นน่ากลัวที่สุด แต่ตอนนี้เขามองเห็นทุกสิ่งอย่างชัดเจน เขาค้นพบว่าผีเด็กตนนี้กลัวเขามากกว่าเขากลัวมันเสียอีก ด้วยเหตุนี้เขาจึงเปิดปากถาม “เจ้าชื่ออะไร? เจ้ามาจากไหน?”

แต่ไม่ว่าเขาจะถามอย่างไร ผีเด็กก็ยังไม่ตอบ หลี่ฉิงซานคิดถึงความน่าจะเป็นบางอย่าง เขากล่าว “เจ้าพูดไม่ได้งั้นหรือ?”

ผีเด็กลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนที่มันจะพยักหน้า

หลี่ฉิงซานรู้สึกว่าผีเด็กตนนี้ถูกหมอผีบังคับให้ทำสิ่งต่างๆเท่านั้น มันไม่ใช่ผีร้ายโดยสันดาน น่าเสียดายที่เด็กตายตั้งแต่อายุยังน้อยหรือบางทีหมอผีอาจอยู่เบื้องหลังการตายของเด็กเช่นกัน นี่ทำให้หลี่ฉิงซานรู้สึกเห็นใจและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นมากขึ้นเล็กน้อย

“เมื่อคืนเจ้าเกาะติดข้าตลอดเวลา แล้วตอนนี้เจ้ายังปิดบังสิ่งใดอยู่? มานี่สิ ข้ามีเรื่องอยากถามเจ้า”

ผีเด็กเห็นการแสดงออกของหลี่ฉิงซานและรู้สึกผ่อนคลายลง มันค่อยๆก้าวเท้าออกไปข้างหน้าสองสามก้าวเหมือนเด็กน้อยขี้อาย

หลี่ฉิงซานถามต่อ “เจ้าไม่สามารถพูด เช่นนั้นก็พยักหน้าหรือส่ายศีรษะเพื่อตอบคำถามของข้า เข้าใจที่ข้ากล่าวหรือไม่?”

ผีเด็กพยักหน้า

ด้วยวิธีนี้เด็กหนุ่มกับผีเด็กจึงเริ่มสื่อสารกัน