ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 5 เก้ากระทิงสองพยัคฆ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 7 เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 6 บุญคุณความแค้น


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 6 บุญคุณความแค้น

แปลโดย iPAT  

ใครจะรู้ว่าวัวดำตัวนี้เคยเห็นคนที่มีพรสวรรค์ที่น่าตกใจมาแล้วกี่คน หลายคนได้รับพรสวรรค์และโชคลาภที่อัศจรรย์ อย่างไรก็ตามมีเพียงคนที่ลงมือทำอย่างจริงจังเท่านั้นจึงจะประสบความสำเร็จในท้ายที่สุด ในทางตรงข้าม คนธรรมดาจำนวนมากสามารถสร้างชื่อเสียงในชั่วข้ามคืนและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกด้วยการบรรลุจุดสูงสุดบนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ

หลายปีที่ผ่านมา วัวดำเฝ้ามองและปล่อยให้หลี่ฉิงซานเติบโตขึ้นอย่างความยากลำบากด้วยตัวของเขาเอง มันเปิดปากพูดในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดเท่านั้น มันเหมือนช่างตีเหล็กที่ค่อยๆหลอมและตีเหล็กอย่างค่อนเป็นค่อยไปเพื่อทำให้มันกลายเป็นอาวุธชั้นยอด

คนทั่วไปอาจให้ความสำคัญกับพรสวรรค์ การเผชิญหน้าโดยบังเอิญ หรือโชคลาภอื่นๆ แต่วัวดำตัวนี้พิจารณาที่จิตใจของผู้คน หากคนผู้หนึ่งมีเจตจำนงที่อ่อนแอ แม้คนผู้นั้นจะมีพรสวรรค์ แต่พวกเขาจะสามารถแบกรับแรงกดดันได้งั้นหรือ?

ดังนั้นเมื่อฝ่ายหนึ่งเต็มใจสอน อีกฝ่ายเต็มใจเรียนรู้ พวกเขาจึงก้าวไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว ภายในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง หลี่ฉิงซานก็สามารถทำความเข้าใจเคล็ดวิชาหมัดปีศาจวัวได้ในระดับหนึ่ง

แม้หมัดปีศาจวัวจะเป็นเพียงกระบวนท่าเกี่ยวกับการออกหมัดแต่มันสามารถเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ผิวหนัง และสนับสนุนความแข็งแกร่งของอวัยวะทุกส่วนในร่างกาย เคล็ดวิชานี้มีเพียงสามท่าประกอบด้วยปีศาจวัวหวิด ปีศาจวัวกระทืบ ปีศาจวัวทะยาน แม้พวกมันจะเป็นกระบวนท่าที่เรียบง่ายแต่มันสามารถนำไปสู่กระบวนท่าอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน

แน่นอนว่าความเข้าใจเป็นเรื่องหนึ่งขณะที่การลงมือทำเป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากเขาต้องการบรรลุผลลัพธ์บางอย่าง เขาต้องฝึกฝนและสะสมประสบการณ์อย่างต่อเนื่อง แต่พื้นฐานสำคัญของการฝึกฝนทักษะนี้ หลี่ฉิงซานตระหนักแล้วว่ามันคือเนื้อและสุรา

ไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์หรือเคล็ดวิชา พวกมันไม่สามารถสร้างบางสิ่งขึ้นมาจากความว่างเปล่า เคล็ดวิชาไม่สามารถมอบความแข็งแกร่งให้กับผู้คนได้อย่างไร้เหตุผล มันต้องมีกระบวนการดูดซับและปรับแต่ง กระทั่งเคล็ดวิชาระดับสูงก็ยังต้องพึ่งพาพลังงานธรรมชาติเช่นการรวบรวมพลังงานจากสริยันจันทราหรือการดูดซับปราณสวรรค์พิภพ เมื่อบรรลุระดับสูงขึ้นไป พวกเขาจะสามารถกินลมหรือดื่มน้ำค้างเพื่อประทังชีวิต อาหารจะถูกแทนที่ด้วยปราณธรรมชาติ

แต่หลี่ฉิงซานเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา เขาจะเชื่อมต่อกับปราณธรรมชาติได้อย่างไร? เขาไม่มีเม็ดยาอมตะหรือสมุนไพรวิเศษใดๆ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเริ่มต้นจากสิ่งที่สามัญธรรมดาที่สุดเพื่อเติมเต็มและปรับแต่งพลังชีวิตของเขา

แม้หลี่ฉิงซานจะได้กินเนื้อในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่ร่างกายของเขายังไม่แข็งแกร่งพอที่จะฝึกฝนทั้งสามกระบวนท่าในครั้งเดียว เขาหอบหายใจอย่างหนักหน่วง ร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อ ขณะที่ท้องของเขาเริ่มส่งเสียงประท้วง

เขาอดทนจนถึงเวลาเที่ยงวัน เขารู้สึกราวกับอดอาหารมาสามวันสามคืน นั่นทำให้เขากัดกินเนื้อหมูป่าที่เหลือทั้งหมดเข้าไปในครั้งเดียว

เขาไม่ได้รับอนุญาตให้นอนพัก เขาต้องนั่งสมาธิและสัมผัสให้ได้ถึงพลังปราณที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย เขาทำสิ่งนี้กระทั่งร่างกายของเขาฟื้นตัวเป็นส่วนใหญ่ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มฝึกกระบวนท่าการออกหมัดอีกครั้ง เขาทำซ้ำกระบวนการนี้อย่างไม่รู้สิ้นสุด เมื่อถึงช่วงพลบค่ำ หลี่ฉิงซานก็หมดแรง เขาไม่เหลือแรงแม้แต่จะขยับนิ้ว

เป็นเพียงเวลานี้ที่เงาร่างสามสายปรากฏขึ้นหน้าบ้านของเขา หลี่ฉิงซานได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว ดังนั้นเขาจึงต้องเดินออกไปตรวจสอบ สิ่งที่เขาเห็นคือลูกน้องสามคนของเจ้าหัวล้านหลิว เขาเกรงว่าคนทั้งสามจะมาแก้แค้น นั่นทำให้เขาโอดครวญอยู่ภายในใจ ตอนนี้เขาไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้ว เขาจะรับมือสิ่งนี้ได้อย่างไร? กระทั่งในช่วงเวลาปกติ เขาก็ยังไม่สามารถสู้กับชายฉกรรจ์สามคนพร้อมกัน

อย่างไรก็ตามหลี่ฉิงซานไม่เคยคาดหวังว่าคนทั้งสามจะมีปฏิกิริยาเหมือนหนูเห็นแมว พวกเขาก้มหน้าลงและกรีดร้อง “ไว้ชีวิตพวกเราด้วย!”

สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจและต้องเปิดปากถาม “พวกเจ้ามาที่นี่ด้วยเหตุใด?”

เขาไม่เคยคิดว่าคนทั้งสามจะตกใจอย่างรุนแรงเมื่อเห็นศพของเจ้าหัวล้านหลิว พวกเขากลัวหลี่ฉิงซานจะไม่พอใจและต้องการฆ่าพวกเขาในคืนนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาต้องมาอธิบายตัวเองที่นี่ พวกเขากล่าวว่าพวกเขาถูกบังคับให้กระทำการ มันเป็นความผิดของเจ้าหัวล้านหลิวทั้งหมด พวกเขายังกล่าวเสริมว่าพ่อบ้านหลิวเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องที่เกิดขึ้น

หลี่ฉิงซานกล่าว “ไม่จำเป็นต้องพูดมาก ข้ารู้หมดแล้ว”

คืนนั้นเขาได้ยินบทสนทนาของพวกเขาอย่างชัดเจน แต่แน่นอนว่าเขาไม่สามารถยอมรับว่าตนเองเป็นผู้สังหารเจ้าหัวล้านหลิว

หัวใจของสามอันธพาลสั่นไหวเมื่อพวกเขาตระหนักว่าปีศาจตนนี้อยู่นอกหน้าต่างในคืนนั้น นี่ทำให้พวกเขายิ่งหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก

หลี่ฉิงซานเข้าใจว่าเหตุใดคนทั้งสามถึงหวาดกลัวเขามากนัก ในชีวิตก่อนหน้าของเขา ครั้งหนึ่งเคยมีฆาตกรหลบหนีมายังเมืองเล็กๆที่เขาอาศัยอยู่ ข่าวลือทุกประเภทกระจายไปทุกหนทุกแห่ง นั่นทำให้ผู้คนไม่กล้าออกจากบ้านตอนกลางคืน นี่คืออิทธิพลที่เกิดจากฆาตกรผู้นั้น

ความชั่วร้ายก็มีระดับที่แตกต่างกัน อันธพาลทั้งสามเป็นเพียงโจรขโมยไก่ พวกเขาจะสามารถเปรียบเทียบกับฆาตกรเช่นเขาได้อย่างไร

อันธพาลทั้งสามทำได้เพียงติดตามหลี่ฉิงซานไปรอบๆอย่างเชื่อฟัง แม้การแสดงออกของหลี่ฉิงซานจะไม่เปลี่ยนแปลงแต่ภายในเขารู้สึกประหลาดใจ เขายังไม่ได้รับพลังเหนือธรรมชาติ แต่ด้วยทัศนคติที่เปลี่ยนแปลงไป สถานะในหมู่บ้านของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ล้วนเกิดจากวัวดำ บางทีนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่ดี

หลี่ฉิงซานไม่สนใจคนทั้งสาม เขากลับไปฝึกฝนหมัดปีศาจวัวอีกครั้ง แต่คราวนี้คนทั้งสามอยู่ด้วย ดังนั้นเขาจึงตั้งใจฝึกซ้อมเป็นพิเศษ เขารู้ว่าการโอ้อวดของเขาในเวลานี้เป็นของปลอม ผลที่ตามมาอาจเลวร้ายมากหากทุกคนรู้ว่าเขาไม่ได้แข็งแกร่งจริงๆ

สามอันธพาลเฝ้ามองอย่างระมัดระวัง พวกเขาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาหลายปีแต่พวกเขาไม่เคยได้ยินว่าหลี่ฉิงซานฝึกศิลปะการต่อสู้ ในช่วงพลบค่ำ การเคลื่อนไหวของหลี่ฉิงซานดูมั่นคงและเต็มไปด้วยพลัง พวกเขารู้สึกว่ามันไม่ใช่ของปลอม แต่นั่นก็ทำให้พวกเขาคิดไปถึงคำกล่าวของหมอผี บางทีหลี่ฉิงซานอาจถูกผีสิงจริงๆ

เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืด ความหวาดกลัวของพวกเขาก็ยิ่งเพิ่มขึ้น พวกเขาต้องการจากไปแต่พวกเขาไม่แม้แต่จะกล้าเปิดปากกล่าว พวกเขากลัวหลี่ฉิงซานจะเผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมาและกลืนกินพวกเขาเข้าไปในคำเดียว

หลี่ฉิงซานหยุดฝึกและออกคำสั่ง “มากับข้า”

จากนั้นเขาก็เดินออกจากลานบ้าน อันธพาลทั้งสามมองหน้ากันก่อนจะเดินตามไปอย่างไม่มีทางเลือก

ตอนนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่กำลังทานอาหารอยู่หน้าบ้านของพวกเขา คนที่คุ้นเคยกับหลี่ฉิงซานทักทายเขาอย่างระมัดระวัง สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคย พวกเขารีบกลับเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในบ้าน แม้พวกเขาจะปกป้องหลี่ฉิงซานมาก่อนหน้านี้ แต่ไม่มีใครไม่หวาดกลัวฆาตกรผู้นี้

สามอันธพาลมักออกมาเตร็ดแตร่กับเจ้าหัวล้านหลิว เจ้าหัวล้านหลิวใช้ความโหดเหี้ยมเพื่อให้ได้รับความเคารพยำเกรงในหมู่บ้าน แต่ทุกคนไม่ชอบพวกเขา อย่างไรก็ตามตอนนี้อันธพาลทั้งสามกลับรู้สึกเหมือนพวกเขาเป็นวีรบุรุษ พวกเขาลืมความกลัวก่อนหน้านี้ไปอย่างสิ้นเชิง ตรงข้าม มันถูกแทนที่ด้วยความพึงพอใจ หากพวกเขาสามารถติดตามหลี่ฉิงซาน ชีวิตของพวกเขาอาจรุ่งโรจน์มากกว่าเดิม

ผู้อาวุโสบางคนถอนหายใจ แม้เจ้าหัวล้านหลิวจะหายไป แต่ตอนนี้มันอาจจะมีหายนะที่ยิ่งใหญ่กว่าเกิดขึ้น อย่างน้อยเจ้าหัวล้านหลิวก็ไม่เคยฆ่าใคร ทุกคนไม่เคยหวาดกลัวเขาอย่างแท้จริง

หลี่ฉิงซานรู้สึกแปลกใหม่ขณะเดินไปตามเส้นทางสายเดิมที่เขาเคยเดินผ่านมานับครั้งไม่ถ้วน เขาตระหนักว่าตอนนี้เขาไม่ใช่หลี่ฉิงซานคนเดิมอีกต่อไป

เขาเดินไปถึงบ้านหลังหนึ่งที่ทำให้เขานึกย้อนไปถึงความยากลำบากที่เขาเคยพบพานมาก่อนหน้านี้

ในบ้าน พี่ชายและพี่สะใภ้ของเขาซ่อนตัวอยู่หลังประตูที่ปิดไว้อย่างหนาแน่นด้วยร่างกายสั่นเทา หลี่ต้าถือไม้ขนาดใหญ่เอาไว้ในมือ ส่วนพี่สะใภ้ถือมีดทำครัว พวกเขาจะไม่กลัวผลของการกระทำความชั่วได้อย่างไร? แต่เปรียบเทียบระดับความชั่ว พวกเขาเป็นเพียงโจรขโมยเงินจากการขายที่ดิน หากพวกเขายอมจำนน พวกเขาก็เพียงต้องคืนเงินเท่านั้น

นี่เป็นเหตุผลที่พวกเขาไม่ออกไปทำงานข้างนอกในวันนี้ พวกเขาอยู่บ้านและพูดคุยกันทั้งวัน สุดท้ายหลี่ต้าก็ตัดสินใจ “เขาอยู่ตัวคนเดียว เราควรกลัวเขางั้นหรือ? หากเขามา ข้าจะจำกัดคนชั่วผู้นี้เพื่อตระกูลหลี่ของเรา!”

อย่างไรก็ตามไม่นานหลังจากที่เขากล่าวถ้อยคำที่กล้าหาญเหล่านี้ออกมา เขาก็เห็นหลี่ฉิงซานมาถึงพร้อมกับอันธพาลทั้งสามและรีบหนีกลับเข้าไปซ่อนตัวทันที

หลี่ฉิงซานออกคำสั่ง “ลากพวกมันออกมา”

สามอันธพาลไม่กล้าไม่เชื่อฟัง นอกจากนั้นพวกเขาก็มีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องเช่นนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงบุกเข้าไปและเริ่มข่มขู่

คู่สามีภรรยาแซ่หลี่วางอาวุธและยอมจำนนทันที พวกเขาไม่กล้าตอบโต้และกลายเป็นคนขี้ขลาดที่ร่างกายสั่นเทาอย่างไม่สามารถควบคุม

“น้องชายของข้า เจ้าพยายามทำสิ่งใด?” หลี่ต้าบังคับรอยยิ้มที่น่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้ขึ้นบนใบหน้า

หลี่ฉิงซานกล่าว “ข้าไม่ได้มาหาเจ้า”

จากนั้นเขาก็หันไปทางพี่สะใภ้ “หญิงชั่ว ในช่วงเวลาปกติ ข้าไม่สนว่าเจ้าจะดูแคลนข้าอย่างไร แต่เมื่อวานเจ้ากล้าดูถูกพ่อแม่ของข้า วันนี้ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไป!”

สายตาของหลี่ฉิงซานทำให้ร่างกายและจิตใจของพี่สะใภ้สั่นสะท้านอย่างรุนแรง นางสูญเสียความเย่อหยิ่งตามปกติของนางไปอย่างสิ้นเชิง นางกล่าวอย่างลนลาน “หลี่เอ้อ ข้าพูดจาไร้สาระ ข้าดูแลเจ้ามาหลายปี เราเป็นครอบครัวเดียวกัน”

หลี่ฉิงซานเย้ยหยัน “ครอบครัว? หากเจ้าไม่กล่าวถึงเรื่องนี้ ข้าก็คงไม่พูดถึง แต่ตอนนี้เมื่อเจ้ากล่าวออกมาแล้ว เราก็ควรชำระหนี้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามมาพูดถึงเรื่องเมื่อวานกันก่อน พวกเจ้าคิดว่าเราควรทำอย่างไร?”

อันธพาลร่างผอมรีบเข้าไปประจบสอพลอ “มีความจำเป็นที่พี่ใหญ่ต้องลงมือด้วยตนเองงั้นหรือ? ข้ารู้ว่าควรทำอย่างไร?”

ขณะที่เขากล่าวถ้อยคำเหล่านี้ออกมา เขาก็เริ่มพับแขนเสื้อและเดินเข้าไปหาพี่สะใภ้

หลี่ฉิงซานหยุดเขา เมื่อวานเขาต้องการเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นในห้องโถงบรรพชนจริงๆ แต่ตอนนี้เมื่อเขาเห็นร่างกายที่สั่นเทาของฝ่ายตรงข้าม เขากลับไม่ต้องการกระทำการรุนแรงมากไปกว่านี้ เขารู้สึกว่าไม่ควรปล่อยให้พี่ชายและพี่สะใภ้ของเขาถูกอันธพาลเหล่านี้ทำร้าย

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องทำก็ยังต้องทำ เขาเกิดความคิดบางอย่างและเริ่มกล่าวกับพี่ชายของเขา “ไม่ใช่ว่าคนที่นางด่าทอสาปแช่งคือพ่อแม่ของเจ้าเช่นกันงั้นหรือ? เจ้าไม่รู้หรือว่าเจ้าควรอบรมภรรยาของตนเองอย่างไร?”

หลี่ต้าเร่งกล่าว “ถูกต้อง ถูกต้อง”

ด้วยความหวาดกลัว เขาตบภรรยาของเขาสามครั้งและทำให้ใบหน้าของนางกลายเป็นบวมแดง

หลี่ฉิงซานรู้สึกว่าพี่ชายของเขาพอใจมากที่ได้ตบหน้านาง บางทีเขาอาจใช้โอกาสนี้เพื่อการแก้แค้นส่วนตัว อย่างไรก็ตามมันก็ทำให้ความโกรธส่วนใหญ่ของเขาหายไปแล้ว เขาถาม “เจ้ากล่าวว่าเราเป็นครอบครัว เช่นนั้นให้ข้าถามเจ้า เงินจากการขายที่ดินอยู่ใด?”

ใบหน้าของพี่สะใภ้ที่บวมแดงกลายเป็นซีดลงทันทีขณะที่หลี่ต้าเงียบ เงินเหล่านั้นเหมือนเลือดเนื้อของพวกเขา แต่หลี่ฉิงซานกำลังจะตัดเนื้อเฉือนหนังพวกเขา เปรียบเทียบกับการคืนเงิน พวกเขายินดีถูกทุบตีมากกว่า

พี่สะใภ้กรีดร้องราวกับคนบ้า “ทุบตีข้าให้ตาย แต่หากข้าตาย ทางการของมาจับเจ้า ข้าไม่รู้ไม่เห็นเกี่ยวกับเงินนั่น หากเจ้าต้องการก็ไปถามกับพ่อบ้านหลิว!”

หลี่ฉิงซานตะคอก “คิดว่าข้าไม่กล้างั้นหรือ!?”

เขาไม่ได้เคลื่อนไหวแต่เจตนาสังหารกลับปะทุออกมา

สามอันธพาลรู้สึกเย็นเยียบไปถึงแกนกระดูก พวกเขาจ้องมองหลี่ฉิงซานด้วยความหวาดกลัว

เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งนี้ ร่างกายของคู่สามีภรรยาแซ่หลี่ก็กลายเป็นแข็งค้าง พวกเขาไม่เคยเห็นคนที่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อนในชีวิต พวกเขาไม่สามารถจินตนาการว่านี่คือหลี่เอ้อที่อาศัยอยู่กับพวกเขามานานกว่าทศวรรษ

สุดท้ายถุงเงินใบหนึ่งก็ถูกส่งให้กับหลี่ฉิงซาน เขาใช้มือชั่งน้ำหนักถุงเงินขณะมองไปยังคู่สามีภรรยาแซ่หลี่ที่หน้าซีดด้วยความหวาดกลัว เขาลอบถอนหายใจอยู่ภายใน เพียงเพื่อเศษเงินเล็กๆน้อยๆ หลี่ฉิงซานถึงกับถูกบีบบังคับให้ทำเรื่องเช่นนี้กับพี่ชายของตนเอง เขาหันหลังและเดินจากไปขณะที่สามอันธพาลรีบติดตามไปอย่างใกล้ชิด

ขณะที่พี่สะใภ้กำลังจะสะอื้นไห้ ถุงเงินกลับลอยผ่านอากาศเป็นเส้นโค้งเข้ามากระแทกใบหน้าของนาง

เสียงของหลี่ฉิงซานดังมาจากระยะไกล “พวกเจ้าอาจปฏิบัติต่อข้าเหมือนทาส รังควานและทำให้ข้าเสื่อมเสีย แต่มันก็เป็นเพราะพวกเจ้า ข้าจึงสามารถมีชีวิตมาถึงวันนี้ จากนี้ไปบุณคุณความแค้นระหว่างเราถือว่าได้รับการชำระแล้ว พวกเราไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกันอีก!”