ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 2 กินเนื้อ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 4 คืนนองเลือด

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 3 แยกทาง


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 3 แยกทาง

แปลโดย iPAT

หลี่ฉิงซานผล็อยหลับไปบนกองฟางอย่างมีความสุข

คืนนี้เขาไม่ได้ฝันถึงชีวิตก่อนหน้าอีกต่อไป

ในบ้านที่อยู่ไม่ไกลจากคอกวัว คู่สามีภรรยาแซ่หลี่นอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงและไม่สามารถข่มตาหลับ พวกเขาถูกทรมานด้วยกลิ่นหอมของเนื้อจนถึงกลางดึก

เช้าวันต่อมา ทันทีที่ไก่ขันสามครั้ง ชายร่างอ้วนเตี้ยในชุดผ้าไหมสีเขียวมรกตก็เดินมาถึงทุ่งนา เขาไม่ใช่ผู้ใดนอกจากเจ้าของที่ดินมากมายของหมู่บ้านกระทิงหมอบ คนที่พี่สะใภ้ของหลี่ฉิงซานเรียกว่าพ่อบ้านหลิว เนื่องจากเขาเคยทำงานเป็นพ่อบ้านของตระกูลที่มั่นคั่งในเมืองใหญ่ ตอนนี้เขาเกษียณอายุและกลับมาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้พร้อมกับเงินทองมากมาย

อย่างไรก็ตามเขายังต้องการให้คนอื่นๆเรียกเขาว่าพ่อบ้านหลิวเพื่อเน้นย้ำสถานะที่แตกต่างของเขากับชาวบ้านที่นี่ เขายังใช้ชื่อนี้เพื่อกว้านซื้อที่ดินส่วนใหญ่ในหมู่บ้าน ดังนั้นเขาจึงได้รับอีกหนึ่งฉายาจากชาวบ้านว่าหลิวครึ่งหมู่บ้าน

หากหลิวครึ่งหมู่บ้านใช้ความพยายามมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขาจะกลายเป็นหลิวทั้งหมู่บ้าน อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่สามารถเร่งรีบ ตามคำสอนของเจ้านายเก่าของเขา ความทะเยอทะยานนี้จำเป็นต้องมีการวางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอนเพื่อบรรลุผลสำเร็จ เขาเชื่อว่าเป้าหมายของเขาจะประสบความสำเร็จในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ เมื่อเวลานั้นมาถึง ทุกคนในหมู่บ้านจะกลายเป็นคนงานของเขา เขาจะกลายเป็นจักรพรรดิของหมู่บ้านแห่งนี้ เขาจะสามารถทำทุกสิ่งที่เขาต้องการ

แต่ตอนนี้พ่อบ้านหลิวรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขามีคนงานไม่พอ เขากล่าว “เหตุใดจึงมีคนมาเพียงเท่านี้? คนอื่นๆไปไหน?”

คนงานคนหนึ่งตอบด้วยรอยยิ้ม “พ่อบ้านหลิว พวกเขาไปช่วยหลี่เอ้อสร้างบ้าน”

“หลี่เอ้อ? ใครคือหลี่เอ้อ?”

“มันคือเด็กเลี้ยงวัวผู้นั้น”

“เป็นเจ้านั่น เขาไปเอาเงินมาจากที่ใด?”

“เด็กบ้านั่นโชคดีมาก เขาบังเอิญพบหมู่ป่าตัวใหญ่ใกล้ตายอยู่ที่เชิงเขา เขาจะมอบเนื้อหมูป่าชิ้นใหญ่ให้ทุกคนที่ไปช่วยเขาสร้างบ้าน ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่เชิงเขากระทิงหมอบ”

“แล้วเหตุใดเจ้าไม่ไป?”

“ข้าก็อยากไปเช่นกันแต่ข้าเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับเขามาก่อน” คนงานผู้นั้นกล่าวด้วยความโศกเศร้า นั่นคือเนื้อ! สวรรค์! มันไม่ใช่สิ่งที่จะหากินได้ทุกวัน!

พ่อบ้านหลิวลูบหนวด “ไปกันเถอะ ไปดูกัน”

หลังจากตื่นนอน หลี่ฉิงซานวางแผนแยกตัวออกจากครอบครัวทันที สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการสร้างบ้านที่เหมาะสมสำหรับตัวเขาเอง เขาไม่สามารถพึ่งพาผู้อื่นได้อีกต่อไป

ในอดีต เขาขาดความสามารถในการทำเรื่องนี้ แต่ปัญหาสามารถแก้ไขได้ด้วยเนื้อหมูป่า เพียงประกาศออกไป หลายคนก็เต็มใจที่จะช่วยเขา นี่ทำให้เขาเห็นพลังอำนาจของหมูป่าบนโลกใบนี้

เชิงเขากระทิงหมอบ ป่าต้นหลิวสร้างร่มเงาขณะที่ดอกไม้บานสะพรั่ง มันเป็นทัศนียภาพที่ยอดเยี่ยม หากเป็นชีวิตก่อนหน้าของเขา สถานที่เช่นนี้อาจกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหรือที่ดินของมหาเศรษฐี เขาจะไม่สามารถยึดครองมัน สถานที่แห่งนี้อยู่ค่อนข้างห่างจากหมู่บ้าน ดังนั้นมันจึงเหมาะสมกับตัวตนที่เต็มไปด้วยความลับเช่นเขา ที่นี่เขาสามารถพูดคุยกับพี่วัวได้อย่างสบายใจ

หลี่ฉิงซานยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนและออกคำสั่ง เขารู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่สามารถอธิบาย เขาเริ่มเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำกล่าวของพี่วัวที่บอกให้เขากินเนื้อมากขึ้น หลังจากทั้งหมดมันไม่ใช่เพียงการเสริมสร้างร่างกาย

หากคนผู้หนึ่งต้องทำงานตลอดทั้งวันเพื่อหาอาหารประทังชีวิต แล้วพวกเขาจะมีเวลาสนใจกับเรื่องอื่นได้อย่างไร

พ่อบ้านหลิวยืนอยู่ห่างๆและกวาดตามองไปรอบๆ เขาพึมพำ “นั่นหมายความว่าพี่น้องแซ่หลี่กำลังจะแยกทางกัน”

เขาบังเอิญเห็นคู่สามีภรรรยาแซ่หลี่เฝ้ามองคนในครอบครัวกำลังสร้างบ้านอยู่ในระยะไกล แต่นอกจากพวกเขาจะไม่แสดงความยินดีชื่นชม พวกเขายังกัดฟันด้วยความขุ่นเคือง นี่ทำให้พ่อบ้านหลี่คิดแผนการบางอย่างและเผยรอยยิ้มให้กับตนเอง

ในเวลาเพียงไม่กี่วัน บ้านหลังใหม่ก็ถูกสร้างขึ้น ทุกคนแยกย้านกันไปพร้อมกับเนื้อหมูป่า

หลี่ฉิงซานยืนอยู่ในลานบ้านที่ล้อมรอบด้วยรั้วและเฝ้ามองบ้านใหม่ของตนด้วยความพึงพอใจ แม้มันจะเป็นบ้านธรรมดาที่ทำจากดินและมุงหลังคาด้วยจาก แต่นี่ก็เป็นบ้านของเขา มันเป็นก้าวแรกของการแสวงหาผลประโยชน์ในโลกใบใหม่ของเขา

ไม่กี่วันที่ผ่านมา เขากินเนื้อทุกวันและมีสุขภาพที่ดีขึ้น เขามั่นใจมากขึ้น แม้มันจะผ่านมาเพียงครึ่งเดือนแต่เขาดูเหมือนเติบโตขึ้นมาก

ขณะที่หลี่ฉิงซานกำลังมีความสุข หญิงชราผมขาวที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นก็เดินเข้ามาที่ลานบ้านของเขาและส่งเสียงราวกับตกใจอย่างแรง “หลี่เอ้อ บ้านของเจ้าถูกสร้างขึ้นอย่างไม่เหมาะสม มันเป็นลางร้าย!”

หลี่ฉิงซานขมวดคิ้ว หญิงชราผู้นี้เป็นหมอผีของหมู่บ้าน เมื่อเขายังเด็ก นางใช้น้ำมนต์กรอกปากเขาเพื่อไล่ผี นางมักทำตัวลึกลับและหลอกลวงชาวบ้านที่โง่เขลาไปทั่ว เขาไม่เคยรู้สึกดีต่อนาง แต่นางได้รับความเคารพจากคนในหมู่บ้าน ผู้คนจะให้นางทำพิธีกรรมในงานศพหรืองานแต่งงาน เห็นได้ชัดว่านางจะได้รับเครื่องเซ่นไหว้มากมายเพียงใด

หลี่ฉิงซานไม่กล้าเย็นชากับนาง เขาโค้งคำนับ “สิ่งใดนำท่านมาที่นี่?”

หมอผีไม่แม้แต่จะชำเลืองมองเขา นางกวาดตามองไปรอบๆและกล่าว “มีวิญญาณชั่วร้ายอยู่ที่นี่ โชคดีที่ข้าเตรียมตัวมาแล้ว” นางใช้กิ่งหลิวจุ่มลงไปในหม้อน้ำมนต์ก่อนจะสะบัดน้ำมนต์ออกไปรอบๆพร้อมตะโกนเสียงดัง “ออกไป จงออกไป!”

หลี่ฉิงซานไม่ได้ขัดขวางนางและปล่อยให้นางทำสิ่งที่นางต้องการ เขาเชื่อว่ามีภูตผีปีศาจอยู่บนโลกใบนี้ แต่เขาไม่เชื่อว่ามีวิญญาณหรือสิ่งชั่วร้ายบางอย่างจะอยู่ที่นี่ หากมีสิ่งผิดปกติ พี่วัวของเขาคงทำบางอย่างไปแล้ว เหตุใดเขาต้องรอให้นางบอก?

หลังจากพรมน้ำมนต์ หมอผีเริ่มพล่ามอีกครั้งว่าหลี่ฉิงซานโชคดีเพียงใดที่นางอยู่ที่นี่ หากเขาต้องการรับพรจากทวยเทพ เขาต้องถวายเครื่องเซ่นไหว้ มันจะดีที่สุดหากเป็นหัวหมูป่าที่เหลืออยู่

หลี่ฉิงซานเข้าใจเหตุผลการปรากฏตัวของนางทันที “มันไม่ใช่เครื่องเซ่นไหว้เทพเจ้าแต่เป็นเครื่องเซ่นไหว้ท่านใช่หรือไม่?”

หมอผีโกรธมาก นางยืดตัวและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนแปลงไป “หลี่เอ้อ หากเจ้าเพิกเฉยต่อทวยเทพ หายนะจะมาเยือนเจ้า!”

หลี่ฉิงซานรู้ว่านี่คือเล่ห์เหลี่ยมของนาง โดยปกตินางมันแสดงตัวเป็นคนทรง เมื่อชาวบ้านเห็น พวกเขาจะรู้สึกหวาดกลัวและก้มหัวลงกราบไหว้บูชา ในอดีต หลี่ฉิงซานไม่กล้าต่อต้านนาง แต่ตอนนี้แตกต่างออกไป เขายืนกอดอดราวกับกำลังมองดูเรื่องตลก “ทุกสิ่งไม่ว่าดีหรือร้าย มนุษย์เป็นผู้สร้างขึ้นทั้งสิ้น มันเกี่ยวข้องกับเทพเจ้าอย่างไร? ท่านหมอผี โปรดออกไปจากบ้านของข้า!”

หมอผีไม่คาดคิดว่าเล่ห์กลของนางจะใช้ไม่ได้ผล นางรู้สึกสับสนเล็กน้อยก่อนจะสงบจิตใจลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว “ก็รอดู”

ไม่นานหลังจากนั้น ภัยพิบัติที่ไม่คาดคิดก็มาถึงจริงๆ

ชาวบ้านมาบอกให้หลี่ฉิงซานไปที่ห้องโถงบรรพชนของหมู่บ้าน แม้ที่นี่จะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ แต่มันก็มีกฎระเบียบมากมาย เพื่อแยกตัวออกจากครอบครัว เขาต้องไปที่ห้องโถงบรรพชนและแบ่งทรัพย์สินต่อหน้าหัวหน้าหมู่บ้าน อย่างไรก็ตามมันจะเกิดขึ้นเพียงเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการแยกตัวออกไป นี่หมายความว่าพี่ชายของเขาส่งคำร้องไปแล้วงั้นหรือ?

หลี่ฉิงซานเริ่มกังวล ตอนนี้พี่วัวหายตัวไปอีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงกัดฟันและออกเดินทาง

สิ่งที่เรียกว่าห้องโถงบรรพชนเป็นอาคารหลังเล็กๆที่มีทางเข้าเป็นซุ้มหินที่ทอดตัวยาวเข้าไป มันเป็นสิ่งก่อสร้างเพียงไม่กี่หลังของหมู่บ้านที่สร้างขึ้นจากหิน มันถูกใช้เป็นที่เก็บป้ายวิญญาณของบรรพชนตระกูลหลี่และตระกูลหลิว

ภายในห้องสีดำที่มืดสลัว ผู้อาวุโสชราสองสามคนนั่งอยู่ที่นี่ คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหลักคือหัวหน้าหมู่บ้าน เขามีอายุมากกว่าหกสิบปี เขาเป็นคนตระกูลหลี่ ตามศักดิ์ หลี่ฉิงซานต้องเรียกเขาว่าปู่

คู่สามีภรรยาแซ่หลี่อยู่ที่นี่เช่นกัน พวกเขามองหลี่ฉิงซานด้วยสายตาชั่วร้ายแต่แฝงไว้ด้วยความยินดีกับหายนะที่กำลังรอน้องชายผู้นี้อยู่

หลี่ฉิงซานไม่สนใจคนทั้งสอง เขาทักทายเหล่าผู้อาวุโสและเริ่มการแบ่งทรัพย์สินโดยมีหัวหน้าหมู่บ้านเป็นผู้ดำเนินการทันที

เดิมทีหลี่ฉิงซานคิดว่าทรัพย์สินทั้งหมดของเขาคือพี่วัวและที่ดินบางส่วน อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ซับซ้อนกว่าที่เขาคิดไว้มาก

หัวหน้าหมู่บ้านแจกแจงรายการสมบัติมากมาย มันพิถีพิถันจนถึงจุดที่นับรวมช้อน ตะเกียบ และอื่นๆ

เมื่อใดก็ตามที่มีการกล่าวถึงสิ่งของบางอย่าง ดวงตาของพี่สะใภ้จะกระตุกและจ้องมองหลี่ฉิงซานด้วยแววตาที่ดุร้ายมากขึ้น

หลี่ฉิงซานไม่แยแสและยังสงบนิ่ง สิ่งของทั้งหมดสามารถใช้ในการดำรงชีวิตประจำวัน มันจะช่วยเขาประหยัดได้มาก

หลังจากหนึ่งชั่วโมง หัวหน้าหมู่บ้านก็หยุดและมองทั้งสองฝ่ายด้วยดวงตาที่ขุ่นมัว “พวกเจ้ามีปัญหาหรือไม่?”

คู่สามีภรรยาแซ่หลี่ไม่มีข้อโต้แย้ง แต่หลี่ฉิงซานรู้สึกผิดปกติ “ท่านปู่ แล้วที่ดิน?”

“ที่ดินใด?”

หลี่ฉิงซานตะลึง ก่อนพ่อแม่ของเขาจะจากไป พวกเขาระบุเรื่องนี้อย่างชัดเจนต่อหัวหน้าหมู่บ้าน เนื่องจากพวกเขากลัวว่าพี่ชายของเขาจะรังแกเขา พวกเขาต้องการให้หัวหน้าหมู่บ้านช่วยดูแลมรดกชิ้นนี้

พี่สะใภ้เริ่มอธิบาย “เจ้ายังเด็ก เจ้าไม่รู้ความ เจ้าแก่สองคนนั่นยืมเงินและไม่คืน ที่ดินเหล่นั้นถูกใช้ชำระหนี้ไปนานแล้ว”

หลี่ฉิงซานตกใจและโกรธมาก “เจ้าเรียกท่านพ่อท่านแม่ของข้าว่ากระไร! เหตุใดไม่พูดอีกครั้ง!”

แม้ความรู้สึกที่เขามีต่อพ่อแม่จะไม่ลึกซึ้งมากนัก แต่ทั้งสองก็เป็นพ่อแม่ที่ให้กำเนิดเขาในชีวิตนี้ แล้วเขาจะยอมให้บางคนดูแคลนพวกเขาในที่สาธารณะได้งั้นหรือ?

อย่างไรก็ตามพี่ชายของเขาเริ่มแสดงท่าทางปกป้องภรรยาของตนเองแล้ว นอกจากนั้นยังมีชายฉกรรจ์อีกสองสามคนเดินเข้ามาจากด้านนอก ชัดเจนว่ามีการเตรียมการไว้ล่วงหน้า

หลี่ฉิงซานพบว่าคนเหล่านั้นล้วนเป็นอันธพาลประจำหมู่บ้าน โดยปกติพวกเขาจะเดินเตร็ดเตร่สร้างเรื่องวุ่นวายไปรอบๆ พวกเขาจะรังแกผู้ชายและจับตัวหญิงสาวไปข่มเหง พวกเขาไม่ใช่คนที่จะให้ความสำคัญกับสายสัมพันธ์ในฐานะมิตรสหายร่วมหมู่บ้าน พวกเขาไม่แม้แต่จะแสดงความเมตตาใดๆเมื่อพวกเขาดำเนินการ

หัวหน้าหมู่บ้านลอบสาปแช่งหญิงโง่และถอนหายใจกล่าว “ข้าตรวจสอบสัญญายืมเงินเรียบร้อยแล้ว”

“มันอยู่ที่ใด?”

หลี่ต้ากล่าว “เราเผามันไปแล้วหลังจากที่นำมันกลับคืน”

“เงินก้อนนี้เป็นของใคร?”

พี่สะใภ้กล่าวอย่างไม่พอใจ “พ่อบ้านหลิว หากเจ้ากล้าก็ไปทวงถามจากเขา แล้วข้าจะรอดูว่าพ่อบ้านหลิวจะถลกหนังเจ้าทั้งเป็นหรือไม่? ถูกต้อง ข้ากำลังท้าทายเจ้า”

ที่ดินเหล่านั้นอุดมสมบูรณ์และเหมาะสมแก่การเพาะปลูก พวกเขาขายมันให้พ่อบ้านหลิวและได้รับเงินจำนวนหนึ่ง เมื่อนางไม่ได้กินเนื้อหมูป่า นางก็ตัดสินใจใช้เงินที่ได้มาเพื่อซื้อไก่และจะกินมันทันทีที่กลับถึงบ้าน

หลี่ฉิงซานโกรธจนตัวสั่น เขากำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ

ด้วยประสบการณ์จากชีวิตทั้งสอง เขาจะไม่เข้าใจเรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังได้อย่างไร? เกษตรกรจะให้ความสำคัญกับที่ดินของพวกเขาราวกับเส้นเลือดใหญ่ในร่างกาย พวกเขาจะใช้มันชำระหนี้โดยง่ายได้อย่างไร? พ่อแม่ของเขาใช้ที่ดินเหล่านั้นทำมากินมาทั้งชีวิต แล้วเหตุใดพวกเขาต้องยืมเงินผู้อื่น?

เห็นได้ชัดว่าคู่สามีภรรยาแซ่หลี่กำลังรังแกเขา หากเขาไม่มีที่ดิน เขาต้องออกไปทำงานให้พ่อบ้านหลิว แม้เขาจะโกรธมาก เขาก็ต้องสะกดข่มอารมณ์เอาไว้ นี่เป็นแผนการที่มีการใตร่ตรองมาเป็นอย่างดีจริงๆ

ที่บ้าน หลี่ฉิงซานได้รับการปฏิบัติอย่างเย็นชาจากพี่ชายและพี่สะใภ้ แต่มันก็เป็นเพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆ อย่างไรก็ตามครั้งนี้มันรุนแรงเกินไป เขาไม่สามารถยอมรับได้ ในชีวิตก่อนหน้า เขาท่องโลกอินเทอร์เน็ตและเห็นความมืดมิดของสังคมมามากมาย เขายังเคยด่าทอและสาปแช่งผู้คนในนั้น แต่ตอนนี้เมื่อมันเกิดขึ้นกับตัวเขาเอง เขาจึงเข้าใจว่าสิ่งนี้น่าขยะแขยงและยากที่จะรับมือเพียงใด

หากเขายอมความตอนนี้ เขาจะไม่มีโอกาสร้องขอความยุติธรรมอีกต่อไป