ตอนที่แล้วEp.247 - เพิ่มพูนพลังรบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.249 - แทรกซึมเข้าไปในค่ายทหารมิโนทอร์

Ep.248 - ความสามารถใหม่


3/3

Ep.248 - ความสามารถใหม่

[มรดกนักธนู], มรดกขั้น 1, ความว่องไวถาวร +2, จิตรับรู้ถาวร +1, ความเร็วในการเคลื่อนที่ถาวร +1, จิตวิญญาณถาวร +1, ระยะอาวุธธนู +10%

ฮังอวี่ประสบความสำเร็จในการครอบครองมรดกขั้น 1 อีกสายอาชีพ

มันช่วยเพิ่มความว่องไว ความเร็วในการเคลื่อนที่ จิตรับรู้ และระยะการยิงอย่างถาวร

อันที่จริงอาชีพสายนักรบที่เพิ่มค่าจิตรับรู้ 1 แต้มเป็นอะไรที่ค่อนข้างหายาก

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่น่าแปลกใจ

เพราะจิตรับรู้จะส่งผลต่อการรับรู้และการสังเกต

มันคือคุณสมบัติที่นักธนูต้องมี

ฮังอวี่ตรวจดูข้อมูลของเขา

นักรบเลเวล 7 พลังชีวิต 66 , พลังจิต 41 , พละกำลัง +9 , ค่าร่างกาย +6 , ความว่องไว +5.5 , จิตวิญญาณ +3 , จิตรับรู้ +3 , การโจมตีทางกายภาพ +4 , การป้องกันทางกายภาพ +4 , ความเร็วในการเคลื่อนที่ +1.5 , อัตราฟื้นฟูพลังชีวิตเพิ่มขึ้น +0.1,  อัตราฟื้นฟูพลังจิตเพิ่มขึ้น +1 , ระยะอาวุธประเภทธนู 10% , แต้มวิญญาณ 553/3000

เทื่อเทียบกับครั้งก่อนที่ออกจากโลกวิญญาณ

ความงว่องไวของฮังอวี่เพิ่มขึ้น 2.5 หน่วย

0.5 ที่เพิ่มมาเกิดจากผลของโพชั่นลับปีศาจแมว

ส่วนที่เหลือมาจากการสามารถสืบทอดมรดกที่สมบูรณ์

การสืบทอดมรดก ไม่ว่าจะเป็นอาชีพไหนก็ล้วนมีค่า แม้คุณจะไม่ได้ใช้สกิลของมรดกนั้นๆก็ตามที แต่ค่าคุณสมบัติถาวรที่มันช่วยเพิ่มหลังจากการสืบทอด สุดท้ายมันจะกลายเป็นความสามารถของตนคุณเอง

บวกกับเรื่องที่ฮังอวี่เรียนสามารถเรียนรู้สกิลระดับกลางและระดับต่ำได้ทันทีเนื่องจากค่าความชำนาญเต็มตั้งแต่แรกเริ่ม

ส่งผลให้เขาไม่จำเป็นต้องฝึกฝน จึงสามารถทุ่มแต้มวิญญาณอัพเลเวลมันเพื่อก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในพริบตา

กระบวนการนี้ช่วยประหยัดเวลาได้มาก และจะกลายเป็นข้อได้เปรียบที่ไม่มีใครเสมอเหมือน มันทำให้เขามีโอกาสในการสืบทอดมรดกมากกว่าคนอื่นๆ

การสืบทอดมรดกระดับต่ำสามารถเพิ่มค่าสเตตัสได้เท่านั้น

ขณะที่การสืบทอดมรดกระดับสูงจะไม่ใช่แค่การเพิ่มค่าสเตตัส

แต่มรดกระดับสูงบางอาชีพสามารถเพิ่มความสามารถพิเศษหรือกระทั่งเปลี่ยนแปลงโครงสร้างร่างกายแก่ผู้สืบทอดได้ แน่นอน เช่นเดียวกันมรดกนี้ หลังจากสืบทอดมรดกจนถึงขั้น 3 มันอาจมอบความสามารถบางอย่างแก่เขา

แต่เรามาพูดถึงกันแค่มรดกของนักธนูกันก่อน

เมื่อฮังอวี่ได้รับมรดกของนักธนู เขาไม่เพียงได้รับค่าคุณสมบัติเพิ่มขึ้นเท่านั้น

แต่สกิลทั้งสามของนักธนูก็ยังมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเช่นกัน

ตอนนี้เอฟเฟกต์ของสกิลศรจู่โจม ศรซุ่มยิง และศรพริบตาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ตอนแรกที่ฮังอวี่อัญเชิญพ่อค้าลึกลับ แต้มวิญญาณของเขาเหลือเพียง 53 แต้มเท่านั้น

แต่หลังจากดื่มโพชั่นลับเข้าไป แต้มวิญญาณก้าวกระโดดขึ้นเป็น 853 แต้มในพริบตาเดียว

เขาตัดสินใจเรียนรู้สกิลศรพริบตา

และอัพสกิลมรดกของนักธนูทั้งหมดจนเต็ม

ใช้แต้มวิญญาณไปทั้งสิ้นราวๆ 300 แต้ม

เขาใช้ 200 แต้มวิญญาณในการเรียนรู้สกิลจู่โจมมุมอับ และใช้ 150 แต้มวิญญาณในการเรียนรู้สกิลคลุ้มคลั่งเข้าสังหาร

สรุปโดยรวมใช้แต้มวิญญาณไปทั้งสิ้น 650 แต้ม

แม้ค่าใช้จ่ายจะมาก แต่ก็คุ้มค่าเมื่อเทียบกับผลกำไรที่ได้รับ

[จู่โจมมุมอับ] สกิลมรดกของนักท่องวายุ , เลเวลปัจจุบัน 1 (0/200) , ความชำนาญ (500/500) , ใช้ 10 ค่าพลังจิตเพื่อเปิดใช้งานสกิลล่องหนโดยอัตโนมัติ , การโจมตีทางกายภาพ +2 , ความเร็วในการโจมตี +5% , ระยะเวลาคงอยู่ 30 วินาที , คูลดาวน์ 3 นาที

[คลุ้มคลั่งเข้าสังหาร] สกิลมรดกของเบอร์เซิร์กเกอร์ , เลเวลปัจจุบัน 1 (0/200) , ความชำนาญ (300/300) , ใช้ 8 ค่าพลังจิตเพื่อเปิดใช้งานสกิลประจัญบานโดยอัตโนมัติ , โบนัสความเร็ว -50%, ระยะเวลา +5 วินาที , การโจมตีทางกายภาพ +3 , ระยะเวลาคูลดาวน์ 2.5 นาที

ข้างต้นคือข้อมูลของทั้งสองสกิล

สกิลทั้งสองเป็นสกิลขั้นต่อเช่นเดียวกับ ‘เขตแดนแห่งความเงียบ’

การเปิดใช้งานสกิล ‘จู่โจมมุมอับ’ จะซ้อนทับกับสกิล ‘ล่องหน’ จึงจะแสดงผลลัพธ์อย่างเต็มที่

การเปิดใช้งานสกิล ‘คลุ้มคลั่งเข้าสังหาร’ จะซ้อนทับกับสกิล ‘ประจัญบาน’ จึงจะแสดงผลอย่างเต็มที่

แน่นอน

สกิลขั้น 1 ทั้งสองจะยังไม่หายไป

ฮังอวี่ยังคงสามารถเปิดใช้สกิลขั้น 1 ทั้งสองได้

อย่างไรก็ตาม หากต้องการได้รับเอฟเฟกต์ของ ‘จู่โจมมุมอับ’ และ ‘คลุ้มคลั่งเข้าสังหาร’ อย่างเต็มที่ เขาต้องเปิดใช้สกิลล่องหนและประจัญบานไปพร้อมๆกัน

คุณกำลังคิดแบบนี้อยู่ใช่ไหม?

ทั้งๆที่เป็นถึงสกิลหลักของมรดกขั้น 2 แต่กลับเพิ่มพลังโจมตีทางกายภาพแค่ 2 หน่วย บวกกับความเร็วในการโจมตี +5% เป็นอะไรที่ไม่คุ้มค่าอย่างแท้จริง

แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันไม่ใช่อย่างนั้น

เพราะสกิลจู่โจมมุมอับน่ะทรงพลังมาก!

สกิลล่องหนขั้น 1 นั้น หลังจากใช้งานแล้วจะไม่สามารถโจมตีได้

หากโจมตีแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าเป้าหมายจะได้รับดาเมจหรือไม่ก็ตาม เอฟเฟกต์ของสถานะล่องหนจะถูกทำลาย

ขณะที่สกิลจู่โจมมุมอับน่ะไม่เหมือนกัน

ผู้ใช้สามารถโจมตีแบบปกติใดๆก็ได้ตามต้องการโดยที่ไม่หลุดจากสถานะล่องหน

กล่าวโดยย่อ เมื่อคุณเปิดใช้จู่โจมมุมอับ ตราบใดที่ไม่ปล่อยสกิลอื่นโจมตีศัตรู คุณสามารถโจมตีปกได้เรื่อยๆโดยไม่ต้องกลัวว่าจะหลุดจากสถานะล่องหน

หากจิตรับรู้ของเป้าหมายไม่มากพอที่จะตรวจจับการล่องหน หรือไม่มีสกิลเฉพาะที่ใช้ตรวจจับเป้าหมายที่ซ่อนตัว นั่นก็แทบจะเรียกได้ว่าเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ตาบอด และบางครั้งอาจยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองตายได้ยังไง

ระหว่างอยู่ในสถานะล่องหน

แต่ยังคงมีความสามารถในการโจมตีเป้าหมาย

นี่คือที่มาของความน่าสะพรึงของสกิลจู่โจมมุมอับ!

ดังนั้น จงอย่ามองแค่โบนัสสกิลของมันที่ต่ำเตี้ย อันที่จริง การใช้งานคุณสมบัติโจมตีขณะล่องหนเพียงอย่างเดียวก็มากพอที่จะทำให้ฮังอวี่กลายเป็นเทพเจ้าแห่งความตายที่มองไม่เห็น สามารถเก็บเกี่ยวชีวิตโดยที่เหยื่อไม่ทันรู้ตัว

ไม่ว่าจะเป็นการสู้กับคนหรือมอนสเตอร์

จู่โจมมุมอับคือการโจมตีอันแสนมหัศจรรย์

‘คลุ้มคลั่งเข้าสังหาร’ เป็นสกิลขั้นต่อของประจัญบาน

ประจัญบานเป็นสกิลประเภทพุ่งชาร์จ ซึ่งใช้สำหรับการทะลวงไปข้างหน้าในพริบตา ระหว่างนั้นจะอยู่ในสถานะแยกตัวเป็นอิสระ และโจมตีเป้าหมายด้วยการกระแทก ซึ่งมีโอกาสก่อให้เกิดเอฟเฟกต์มึนงง

ส่วนคลุ้มคลั่งเข้าสังหารคือสกิลต่อยอดของสกิลประจัญบาน ถึงมันจะลดความเร็วลง 50% แต่ก็แลกมากับการสามารถโจมตีได้ในทันทีระหว่างกำลังพุ่งชาร์จ ซึ่งนี่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของสกิลได้เป็นสองเท่า!

พูดง่ายๆ

เมื่อคุณใช้คลุ้มคลั่งเข้าสังหาร

คุณจะกลายเป็นเหมือนสุนัขคลั่ง

ไม่เพียงอยู่ในสถานะแยกตัวเป็นอิสระเท่านั้น แต่ยังสามารถฟันและสังหารเป้าหมายขณะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานเมื่อทะยานเข้าต่อสู้

ข้างต้นคือความสามารถของสกิลใหม่

ปัจจุบันมรดกนักท่องวายุทั้งสามสกิล ฮังอวี่สามารถรวบรวมมันได้ครบแล้ว

หากเขาอัพเลเวลพวกมันจนเต็มและได้สืบทอดมรดกอาชีพนักท่องวายุ

ประสิทธิภาพของสกิลทั้งสามจะเพิ่มพูนยิ่งกว่าเดิม

นอกจากนี้ การเพิ่มพลังของมรดกขั้น 2 นั้นทรงพลังมาก

โดยทั่วไปแล้วจะสูงกว่ามรดกขั้น 1 ราวๆ 3 เท่า

อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่ฮังอวี่มีแต้มวิญญาณเหลือแค่ 203 แต้มเท่านั้น

มันมากพอแค่ใช้อัพจู่โจมมุมอับเป็นเลเวล 2 ไม่สามารถอัพเลเวลสกิลอื่นๆที่ขาดเหลือได้

ยังไงก็ตาม ฮังอวี่ยังมีโพชั่นลับแต้มวิญญาณเหลือในมือเขาอีกสามขวด

หากนับแต้มวิญญาณ 2400 ที่จะได้รับในภายหน้าก็ถือว่าเหลือเฟือ

แค่ต้องอดใจรอเวลาคูลดาวน์ 12 ชั่วโมงของมัน

นอกจากนี้

ฮังอวี่ต้องอัพเลเวล 8 ให้เร็วที่สุด

เพื่อที่จะใช้สัญญาอุปการะกับเสี่ยวไป๋

แต่เมื่อคิดถึง 3000 แต้มวิญญาณที่ต้องใช้อัพเลเวล 8 แล้ว ฮังอวี่ก็เริ่มเกิดอาการปวดหัวขึ้นมาทันที ดูเหมือนว่าหากคิดอัพเลเวลและสืบทอดมรดกขั้น 2 อย่างสมบูรณ์ เขาคงต้องพยายามอย่างหนัก

และคงต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งก่อน

ในเวลานี้ จ้าวหมิง เจียงหนาน จางเสี่ยวเฉียง และคนอื่นๆซื้อของเสร็จแล้ว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาสามารถซื้อในสิ่งที่ตัวเองต้องการ สีหน้าของทุกคนดูพอใจมาก

“พี่มหาเทพ ดูนี่สิ ฉันซื้อหินสกิล 'รักษาทรงประสิทธิภาพ' และ 'เพลิงศักดิ์สิทธิ์ประทานพร' มาด้วยล่ะ! อย่างแรกเป็นหินสกิลขั้น 2 ของมรดกนักบวชแห่งชีวิต อย่างหลังเป็นสกิลสุดท้ายที่ยังขาดของมรดกหมอผี!”

ใบหน้าของเจียงหนานแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น

เธอรีบวิ่งไปรายงานกับฮังอวี่ทันที

มรดกขั้นต่อไปของผู้รักษาเรียกว่านักบวชแห่งชีวิต

‘รักษาทรงประสิทธิภาพ’ คือหนึ่งในสกิลของนักบวชแห่งชีวิต แม้เป็นสกิลที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาทั้งสามสกิล แต่อย่างน้อยก็เป็นถึงสกิลขั้น 2

นี่คือสกิลรักษาชั้นดี

เอฟเฟกต์ในการฟื้นฟูของมันมีพลังมากกว่าสกิลรักษาบาดแผลขั้นต้นถึง 2 เท่า

แม้ระยะวลาคูลดาวน์จะนานกว่า แต่สกิลรักษาทรงประสิทธิภาพก็มากพอแล้วที่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการฟื้นฟูพลังของเจียงหนานให้สูงขึ้น

เพลิงศักดิ์สิทธิ์ประทานพรคือสกิลขั้น 1 ของหมอผี

ก่อนหน้านี้เจียงหนานได้รับหินสกิลคำพิพากษามาจากฮังอวี่ และได้รับสกิลขับไล่ปีศาจมาจากการร่วมทีมกันในครั้งล่าสุด

สามสกิลของหมอผี

คำพิพากษาคือสกิลโจมตีที่ทรงพลัง

ส่วนเอฟเฟกต์ของขับไล่ปีศาจคือการปัดเป่าเอฟเฟกต์มนตร์สะกดและสถานะผิดปกติ

สำหรับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ประทานพร มันคือสกิลประเภทบัฟที่สามารถเพิ่มพลังเพลิงศักดิ์สิทธิ์ให้กับอาวุธ สามารถเพิ่มพลังโจมตีได้อย่างมากแก่ตนเองและผู้อื่น

อ้อแล้วอย่าลืม

สกิลพรสวรรค์ของเจียงหนานคือพันธสัญญาเทพธิดาแห่งรุ่งอรุณ

สกิลทั้งหมดที่เธอร่าย ไม่ว่าจะเป็นสกิลรักษาทรงประสิทธิภาพหรือเพลิงศักดิ์สิทธิ์ประทานพร พวกมันจะมีผลเพิ่มขึ้น 50% จัดว่าทรงพลังมากๆ!

“เธอซื้อสกิลรองพวกนี้ได้ยังไง?”

ฮังอวี่ค่อนข้างแปลกใจกับการทุ่มเม็ดเงินมหาศาลของเจียงหนานที่สามารถซื้อหินสกิลสองก้อนทีเดียวพร้อมกัน เขาจำได้ว่าเจียงหนานค่อนข้างยากจนมาโดยตลอด ครั้งก่อนที่เธอได้รับส่วนแบ่งเป็นหินคริสตัลขาว 100 ก้อนยังดูมีความสุขแทบตาย

แต่หินสกิลทั้งสองนี้

อย่างน้อยมีราคาทะลุ 400 หินคริสตัลขาว!

“พอดีทางบ้านฉันช่วยรวบรวมหินคริสตัลมาให้จำนวนหนึ่ง แล้วยังได้จากพวกลุงๆป้าๆ ตลอดจนเพื่อนของพ่อที่ช่วยซื้อทรัพย์สินบางอย่างของพ่อให้ เลยได้เงินมามาก”

ปรากฏว่าเธอมีคนช่วยเหลือนี่เอง

เจียงหนานกล่าวต่อ “แต่ฉันน่ะไม่เท่าไหร่เลยถ้าเทียบกับลุงจ้าว ได้ยินว่าลุงจ้าวยืมหินคริสตัลขาวหลายพันก้อนมาในครั้งนี้ ส่วนลุงฉูนั้นยิ่งกว่าอีก ... ดูเหมือนจะยกหินคริสตัลของทั้งกองทัพมาใช้เลย”

ฮังอวี่มองเหล่าจ้าว “ลุงจ้าวยืมหินคริสตัลมาเยอะขนาดนั้นเลยหรือครับ?”

“ฉันมีคอนเนคชั่นเยอะในเซินเจิ้น ทุกอย่างเลยเป็นไปอย่างราบรื่น” จ้าวหมิงยิ้มราวกับไม่ใช่เรื่องผิดปกติ “ฉันใช้หินคริสตัลพวกนี้เพื่อซื้อหินสกิลขั้น 1 ที่กำลังเป็นที่นิยม”

ที่แท้ก็เป็นแบบนี้

เหล่าจ้าวไม่ใช่คนธรรมดา

เป็นผลให้การหยิบยืมหินคริสตัลจำนวนมากเป็นเรื่องง่าย

หินคริสตัลนี้ยืมมาเพื่อลงทุนต่อยอด เมื่อได้หินสกิลที่เป็นที่นิยมมา เขาก็จะเอามันไปประมูลขายต่อในเซินเจิ้น บอกต่อผ่านทางคอนเนคชั่นและเส้นสาย ไม่ต้องเสี่ยงเรื่องของจมอยู่ในมือตัวเอง

ด้วยประการฉะนี้

ก็จะสามารถชำระเงินต้นที่ยืมและดอกเบี้ยตามสัญญาได้

และยังสามารถหาผลกำไรได้มากกว่า 50 - 80% จากมัน

ส่วนฉูเทียนหัวเป็นคนของกองทัพ พวกเขาค่อนข้างเป็นปึกแผ่นในกลุ่มเดียวกัน ดังนั้นระดมหินคริสตัลจากทุกคนได้อย่างง่ายดาย

ดูเหมือนว่าทุกคนจะทุ่มความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อการแลกเปลี่ยนในครั้งนี้

จางเสี่ยวเฉียงเอ่ยถาม “ลูกพี่ฮัง คราวนี้พวกเราจะเอายังไงกันต่อ ไปโจมตีหอคอยเขตแดนเลยไหม พวกเรามาร่วมทีมกันอีกครั้งดีกว่า!”

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาตั้งตารอการเดินทางมายังโลกวิญญาณในรอบนี้มาก

“ไม่ จะไม่มีการร่วมทีม”

“ครั้งนี้ฉันจะฉายเดี่ยว”