ตอนที่แล้ววันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0055
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0057

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0056


บทที่ 21 ไวลด์ฮันต์ (3)

* * *

สมัยอยู่บนโลก ส่วนใหญ่ฉันจะผจญภัยคนเดียว อันที่จริงไม่ค่อยมีใครผจญภัยตามลำพังกันแล้ว เพียงแต่ฉันไม่มีคู่หูที่คอยไปไหนมาไหนด้วยกัน นานๆ ครั้งจะมีเหตุให้ต้องไปยังปลายทางเดียวกันโดยบังเอิญ

ยิ่งเดินทางออกห่างจากอารยธรรม ก็ยิ่งทึ่งในความยอดเยี่ยมของสิ่งประดิษฐ์มนุษย์

การหวนนึกถึงมันอยู่เสมอๆ คือส่วนหนึ่งในความสุขของการสำรวจ

หนึ่งในสิ่งประดิษฐ์เหล่านั้นคือปฏิทิน

มนุษย์สามารถกะเกณฑ์เวลาได้จากการเคลื่อนไหวของดวงอาทิตย์ แต่ไม่ใช่กับวันที่ เพราะแค่ท้องฟ้ามีเมฆหนาทึบติดๆ กันสองสามวันก็ทำให้สับสนทางเวลาได้ง่ายแล้ว

บนโลกอาจยังนับวันได้ง่าย เพราะการเดินทางค่อนข้างปลอดภัย แต่ไม่ใช่กับในต่างโลกแน่นอน

“…นอกจากนั้น ฉันยังเกือบเป็นบ้าเพราะพิษ เมื่อมองย้อนกลับไป ในตอนที่ฉันคิดว่าตัวเองมีสติ ความจริงแล้วอาจไม่มีสติ”

ซอจีอารู้ว่าฉันเคยดิ้นรนในต่างโลกและกลับไปยังโลก แต่ลิลี่ไม่ทราบ จึงต้องอธิบายให้ฟังเล็กน้อย แน่นอนว่ายกเว้นเรื่องที่เกี่ยวกับโลก

“นั่นคือสิ่งที่เจ้าพบเจอสินะ…”

“เธอพอจะรู้อะไรบ้างไหม?”

รอยแยกมิติเปิดออกและดูดคนเข้าไป พอถึงจุดหนึ่งก็ส่งกลับที่เดิม

ไม่ว่าต่างโลกจะพิสดารสักเพียงใด แต่นี่ย่อมไม่ใช่เหตุการณ์ปรกติ

OWIC คงไม่รู้เกี่ยวกับต่างโลกมากอยู่แล้ว พวกเขาก็แค่เพิ่มสิ่งที่ไม่รู้เข้าไปอีกหนึ่งเรื่อง ไม่ใช่ประเด็นใหญ่โตอะไรนัก

แต่ไม่ใช่กับลิลี่ เธอเป็นถึงชาวต่างโลก

ฉันจึงมองว่าอาจมีเบาะแสจากฝั่งของเธอ

“…ไม่ ข้าไม่ทราบเลย ไม่เคยได้ยินปรากฏการณ์เช่นนี้แม้แต่ในวรรณกรรม”

“น่าเสียดาย”

ฉันกลับมามีสมาธิกับการเตรียมตัวอีกครั้ง

“ดูเจ้าไม่ใส่ใจเลยนะ”

“จริงๆ ก็อยากรู้ แต่มันช่วยไม่ได้นี่นา ไว้มีเบาะแสใหม่ค่อยกลับมาคิดก็ยังไม่สาย และการได้สำรวจต่างโลกเพื่อค้นหาความจริงก็เป็นเรื่องน่าสนุกอยู่แล้ว”

“…นั่นก็ใช่”

“ยิ่งเป็นแบบนี้ ฉันยิ่งต้องออกสำรวจโลกให้กว้างขึ้น”

ซอจีอาหัวเราะร่วน

“ในหัวที่รักมีแต่เรื่องแบบนี้หรือไง รักการผจญภัยขนาดนั้นเชียว?”

“ก็ไม่ถึงขั้นนั้น…”

“แต่ข้าชอบนะ ที่เจ้าเป็นแบบนี้”

เธออาจจะพูดถูกก็ได้ ถ้าไม่ได้รักชอบสิ่งใด คนเราจะหมกมุ่นได้ขนาดนี้เลยหรือ

แต่ฉันไม่อยากคิดเกี่ยวกับมันมากนัก เพราะถ้าเมื่อใดที่พยายามหาคำนิยามให้การกระทำของตัวเอง คนเราจะยิ่งถูกผูกมัดและทำให้ความสนุกลดลงกว่าครึ่ง

ว่าแต่

“พูดถึงเรื่องนี้ ยังมีอีกหนึ่งประเด็นที่ชวนให้ตั้งคำถาม”

ซอจีอาและลิลี่เงยหน้าพร้อมกัน

“ประเด็นไหน?”

“ฉันอายุเท่าไร”

ได้ยินเช่นนั้น ซอจีอาหัวเราะอีกครั้ง

“จริงด้วย เจ้าอาจจะเป็นพี่ข้าก็ได้… อปป้า! ฮะฮะ! มนุษย์ที่อายุมากกว่าข้างั้นหรือ… ไม่เคยได้ยินมาก่อนนะ”

“…ถูกเอลฟ์สวมเฮดโฟนหูแมวเรียกว่าอปป้า”

ไม่ใช่ว่าเธออินกับวัฒนธรรมเกาหลีใต้มากไปหน่อยหรือ? แม้โฉมนักพเนจรจะช่วยมอบพรสวรรค์ในการปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่น แต่นี่มันออกจะเกินไปหน่อย

ผ่านไปสักพัก การเตรียมการขั้นพื้นฐานเป็นอันเสร็จสิ้น

ดูเหมือนว่าสองวันจะเหลือเฟือ ฉันมีเวลาว่างมากกว่าที่คิด

“ซอจีอา ฉันวานอะไรหน่อย”

“ว่ามา”

ฉันมองไปทางคณะจาริกแสวงบุญที่ยังคงแหงนหน้ามองฟ้า

“ช่วยถามข้อมูลเกี่ยวกับไวลด์ฮันต์จากพวกเขาให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะทิศทางการล่าและขนาดขบวน”

ความรู้ของฉันมาจากการใช้ร่างกายปะทะ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง ฉันไม่มีพื้นฐาน

ดังนั้นจึงควรฟังข้อมูลพื้นฐานจากคนที่มีความรู้จริงๆ ยิ่งละเอียดแค่ไหนก็ยิ่งมีประโยชน์

“แล้วที่รักจะทำอะไร”

“ไปทำธุระทางตะวันตก”

เมื่อพูดจบ แสงสีฟ้าอ่อนส่องออกจากเครื่องปั่นไฟ

* * *

ฉันเดินทางไปยังทิศตะวันตกเพื่อพบร่างหลักของสปริกแกนและขอร้องในหลายเรื่อง

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า สปริกแกนคือกุญแจสำคัญในแผนการของฉัน

“เคยเล่าให้ฟังไปแล้วใช่ไหม เมื่อก่อนฉันเคยสู้กับสปริกแกน”

ลิลี่ที่กำลังดูแลแปลงพืช ผงกศีรษะ

“แต่อยู่มาวันหนึ่ง ขณะเกิดไวลด์ฮันต์ ฉันถูกสปริกแกนช่วยไว้”

“ได้ยังไง? จู่ๆ ก็มาช่วย?”

ได้ยินคำถามของลิลี่ ฉันพยายามนึกทบทวนความทรงจำอันเลือนราง

“ก็ไม่เชิง คล้ายกับสปริกแกนมองว่า หากมันต้องการรอดจากไวลด์ฮันต์ ทางเดียวคือการช่วยฉัน”

ใช่แล้ว

พลังของสปริกแกนจำเป็นอย่างมากในแผนการครั้งนี้

ขณะหันศีรษะไปมอง แสงพลังงานสีฟ้าแผ่ออกจากเครื่องปั่นไฟอย่างต่อเนื่อง แม้จะค่อนข้างเจือจาง แต่ก็เป็นการตอบสนองที่เข้มข้นที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็น

ประหนึ่งโรงงานที่เดินเครื่องจักรเต็มกำลัง เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเซลฟีทำงานหนักเพื่อฉันมากแค่ไหน

ระหว่างที่ฉันเดินทางไปตะวันตก ซอจีอากลับโลกไปแล้ว ส่วนคณะจาริกแสวงบุญหายตัวไปอย่างเป็นปริศนา เหลือไว้เพียงค่ายพักแรมที่ไม่มีใครคอยเฝ้า

ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งวัน ว่างจนคาดไม่ถึง

“…กินอะไรกันหน่อยไหม”

ขณะครุ่นคิด ฉันสัมผัสถึงการมาเยือน

ไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสอง แต่กลุ่มคนมากกว่าห้ากำลังตรงมาจากฝั่งหมู่บ้าน

คิดไว้แล้วว่าจะมาเป็นกลุ่ม ฉันจึงเดาได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

ทุกคนแต่งกายในชุดต่างโลก เป็นระดับการคอสเพลย์ที่ค่อนข้างน่าขบขัน แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะตบตาคณะจาริกแสวงบุญ

หนึ่งในนั้นเป็นใบหน้าที่ฉันรู้จัก

จองจีฮุน เขาประสานสายตากับฉันและรีบโค้งศีรษะคำนับ

“คิดไว้แล้วว่าต้องมา… ลิลี่”

“อื้อ”

“เข้าไปในกระท่อมก่อน”

ตามปรกติแล้ว ถ้าเป็นการมาเยือนจาก OWIC จองจีฮุนจะมาคนเดียว แล้วนี่มันเรื่องอะไร?

นอกจากนั้น จองจีฮุนไม่ใช่คนที่เดินนำหน้า กล่าวคือ เขาไม่ใช่คนที่มีอำนาจมากที่สุดในกลุ่ม

หมายความว่า คนที่มีอำนาจสูงกว่าจองจีฮุน ตัดสินใจมาพบฉันด้วยตัวเอง

บุคคลที่ยืนด้านหน้าสุดของกลุ่มมีบรรยากาศคล้ายนักธุรกิจ หนวดโกนเกลี้ยง ใบหน้าสะอาดสะอ้าน และผมหวีแสกอย่างประณีต

แม้จะแต่งกายด้วยชุดหนังของชาวต่างโลก แต่ก็ยังแผ่กลิ่นอายที่ชัดเจนว่าไม่ใช่บุคคลระดับล่าง

อีกฝ่ายหยุดยืนตรงหน้าฉันและกล่าว

“ใช่คุณหัวหน้ากิลด์คังซอนฮูไหมครับ”

…หัวหน้ากิลด์?

ในท่านั่งบนเก้าอี้ ฉันผงกศีรษะรับ

ขณะเดียวก็เริ่มตระหนักว่า ฉันอาจสำคัญตัวผิดและทำตัวเย่อหยิ่งเกินไป

อย่างไรก็ดี ฉันไม่ได้สำคัญตัวผิด

เพราะทุกคนรีบโค้งศีรษะให้ฉัน

“ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงที่เพิ่งแวะมาหาในเวลานี้ ทางเราควรมาพบคุณตั้งนานแล้ว แต่มัวติดภารกิจสำคัญ เนื่องจากมีหลายสิ่งเกิดขึ้นหลังจากที่คุณหัวหน้ากิลด์เดินทางกลับมา”

“นายชื่ออะไร ฉันกำลังพูดอยู่กับใคร”

ชายคนดังกล่าวเงยหน้าขึ้นและจ้องตา

“ชเวซองโฮ ผู้อำนวยการสำนักงานใหญ่แผนกวิจัยนโยบายครับ”

ผู้อำนวยการสำนักงานใหญ่

…เป็นตำแหน่งที่ใหญ่มากเลยไม่ใช่หรือ

“ถ้าเป็นถึงผู้อำนวยการสำนักงาน เท่าที่ฉันทราบ ตำแหน่งนี้เป็นรองแค่ประธานใหญ่คนเดียว”

“โครงสร้างของบริษัทเราค่อนข้างซับซ้อน แต่ถ้าจะคิดแบบนั้นก็ไม่ผิดครับ”

ฉันคิดไว้แล้วว่าสักวันจะได้คุยกับคนใหญ่คนโต แต่ไม่แน่ใจว่าจะยังเร็วไปไหม

อย่างไรก็ดี ถ้ามองย้อนกลับไป…

คำนึงจากสิ่งที่ฉันทำ ถ้าไม่ส่งคนใหญ่คนโตมาคุยโดยตรงคงจะแปลกกว่า

“…ฉันแค่อยากใช้ชีวิตไปวันๆ แต่ดูเหมือนสิ่งต่างๆ จะไม่เป็นไปดั่งใจ”

“ถ้าสิ่งที่อยู่ด้านในมีปริมาณมากกว่า ไม่ว่าภาชนะจะใหญ่แค่ไหนก็จะหกอยู่ดีครับ”

ได้ยินสุภาษิตที่ไม่เคยฟัง ฉันยังทำหน้านิ่ง

โดยไม่ต้องรอนาน ผู้อำนวยการชเวซองโฮกล่าวเข้าประเด็น

“พวกเราได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่แล้ว… ชาวต่างโลกที่อ้างตัวว่าเป็นคณะจาริกแสวงบุญ มาตักเตือนเกี่ยวกับภัยอันตรายสินะครับ”

“ก็ทำนองนั้น ฉันเตรียมตัวรับมือเสร็จแล้ว พวกนายวางแผนอพยพคนหรือยัง”

ผู้อำนวยการชเวผงกศีรษะ

“พวกเราจะหาทางรับมือจนถึงวินาทีสุดท้าย หากไม่พบทางออกก็จะเริ่มอพยพคนในวันพรุ่งนี้ แต่ด้วยเหตุผลบางประการ… ยังมีอีกหลายคนที่ไม่สามารถอพยพออกจากเบสแคมป์ได้”

“กลุ่มที่ป่วยจากสารพิษสินะ”

ผู้อำนวยการพยักหน้า

“คนส่วนใหญ่ที่ได้รับพิษต่างโลกจะเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาล และอาการจะดีขึ้นเองเมื่อเวลาผ่านไป พิษจึงไม่ใช่ปัญหาที่ร้ายแรงอะไรสำหรับมนุษย์ เพียงแต่ว่า…”

ใช่แล้ว

หากผู้ที่ประสบอาการป่วยทางพิษ เดินทางข้ามโลกอีกครั้ง ในกรณีร้ายแรงอาจทำให้หัวใจหยุดเต้น

ฉันพอจะเข้าใจจุดประสงค์ของพวกเขาแล้ว

ในเมื่อเข้าใจ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องอ้อมค้อม

“จะให้ฉันช่วยปกป้องเบสแคมป์?”

“ทางเราจะไม่ขอรบกวนฟรีๆ สัญญาว่าจะตอบแทนให้ในราคาที่สมน้ำสมเนื้อ… ในเมื่อคุณหัวหน้ากิลด์เป็นคนเดียวที่ทราบวิธีรับมือ พวกเราก็ไม่มีทางเลือกนอกจากฝากทุกสิ่งไว้กับคุณ”

ฉันลุกจากเก้าอี้ หยิบบางสิ่งออกจากกระเป๋าห้วงมิติ

ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะถ้าทำพลาด มันอาจบาดนิ้วมือ

“ไปกันเถอะ”

“…”

“เข้าไปในหมู่บ้าน”

ฉันสัมผัสได้ว่า ใบหน้าของผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่ด้านหลังฉัน รวมถึงจองจีฮุน สดใสขึ้นจากตอนแรกเล็กน้อย

ฉันไม่ได้แยแสความฉิบหาย OWIC สักเท่าไร

สิ่งเดียวที่สนใจคือความเดือดร้อนของผู้บริสุทธิ์

จริงอยู่ ฉันไม่คิดจะอุทิศชีวิตของตัวเอง แต่ถ้ามีเรื่องง่ายๆ ที่พอจะช่วยได้ ก็จะหยิบยื่นให้โดยไม่คิดอะไรมาก

เมื่อฉันเดินตรงไปทางหมู่บ้าน กลุ่มคนด้านหลังรีบตามมาในระยะประกบติด

ฉึบ!

หน้าทางเข้าหมู่บ้าน ฉันวาดสัญลักษณ์สีทองลงบนพื้น

คนที่ตามมาจากด้านหลัง พยายามระวังไม่ให้เผลอเหยียบ

ฉันเดินตัดผ่านใจกลางหมู่บ้านจนมาถึงอีกฝั่ง — ฝั่งที่มีประตูมิติ

เดินผ่านหน้าประตูมิติไป ฉันวาดสัญลักษณ์สีทองลงบนพื้นทางเข้าออก

ระหว่างทางเต็มไปด้วยเสียงฮือฮา คงเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยเห็นบุคคลระดับสูงของ OWIC เดินตามมนุษย์ในต่างโลกคนใดมาก่อน

จากนั้นก็เดินกลับมายังใจกลางหมู่บ้าน

“…ขอใช้เครื่องขยายเสียงได้ไหม”

“ได้ครับ… นี่”

จองจีฮุนวิ่งมาพร้อมกับยื่นวิทยุให้

เครื่องขยายเสียงที่สามารถสั่งการผ่านวิทยุ?

ดูเหมือนว่าโครงสร้างพื้นฐานของเบสแคมป์จะค่อนข้างดีทีเดียว

ฉันรับวิทยุขึ้นมาจ่อปาก

“ฮัลโหล— ฮัลโหล—”

บี๊บ!

เมื่อสิ้นเสียงเบาๆ แต่กังวาน ผู้คนเริ่มทยอยออกจากตัวอาคารและหยุดมองมาที่ฉัน

…เขินนิดหน่อยแฮะ

แต่เมื่อตัดสินใจแล้วว่าต้องทำ ก็ต้องทำ

「ทุกคนคงได้ยินแล้วว่า ภัยอันตรายครั้งใหญ่กำลังจะมาเยือน ใช่แล้ว มีการคาดเดาว่า การรุกรานของสัตว์ประหลาดกลุ่มใหญ่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วัน ทาง OWIC อาจรับปากว่าพวกเขาจะช่วยรับมือกับปัญหาอย่างราบรื่น แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นแบบนั้น เพราะในท้ายที่สุด พวกเขาตัดสินใจมาขอความช่วยเหลือจากฉัน」

ผู้คนต่างพากันแหกปากทันที

เห็นได้ชัดว่า OWIC คงสัญญาลมปากหวานๆ อะไรไว้ หรือไม่ก็ปกปิดตัวตนของภัยอันตรายโดยสมบูรณ์

“ด…เดี๋ยวก่อน!”

เจ้าหน้าที่ด้านหลังเริ่มแตกตื่นและพยายามกล่าวบางสิ่ง

“ไม่เป็นไร”

ผู้อำนวยการชเวปรามไว้

「ปรกติแล้วฉันเป็นคนพูดไม่เก่ง ดังนั้นจะพูดแต่เรื่องสำคัญ」

ฉันวางบาเรียกระจกที่นำมาด้วยลงบนพื้น

เจ้าหน้าที่ OWIC เริ่มก้าวถอยหลัง

พวกเขารู้สึกกลัวหลังจากที่ได้เห็นมัน?

ได้ยินว่าสมบัติจากอารยธรรมโบราณจะมอบความกลัวให้กับทุกคนที่จ้องมอง ฉันไม่ได้คิดไปเองสินะ?

ฉันวางมือลงบนแผ่นกระจกสามเหลี่ยมอย่างอ่อนโยน ขณะเดียวกันหลับตาลง มืออีกข้างยังคงถือวิทยุจ่อปาก แต่สมาธิของฉันจดจ่ออยู่กับภายในร่างกาย มิใช่ภายนอก ปลายนิ้วลูบไล้ลงบนวัตถุต่างโลกด้วยความนุ่มนวล

รู้สึกได้ว่า มีบางสิ่งกำลังไหลเวียน

「ทุกคน… จงใช้ชีวิตไปตามปรกติ」

ความรู้สึกหวิวๆ ถูกส่งมาจากหลังมือ

เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ฉันมองเห็นรอยสักรูปเขี้ยวกำลังส่องแสงสีแดง

กระจกสามเหลี่ยมกลายเป็นสี่เหลี่ยม สี่เหลี่ยมกลายเป็นหกเหลี่ยม

จากนั้นก็แยกตัวกลายเป็นสามเหลี่ยมหกแผ่นประกบกัน

เดิมที ฉันยังไม่มั่นใจมากนัก

ฉันจะรับมือกับเจ้านี่ได้จริงหรือ? การพับเก็บอาจไม่ยาก แต่การกางประกอบใหม่อาจต้องใช้พลังอื่นช่วยสนับสนุน

นั่นคือเหตุผลที่ฉันอยากทดลองใช้จริงเร็วๆ เพราะถ้าไม่ได้ผล จะได้คิดหาวิธีอื่นมาแก้ขัดให้ทันเวลา

แต่ดูเหมือนจะไม่ต้องทำแบบนั้นแล้ว สมบัติจากอารยธรรมโบราณ สามารถตอบสนองผู้ปกครองได้ในระดับหนึ่ง

คงต้องทำตัวให้ชินกับเรื่องแบบนี้

กระจกเงินหกเหลี่ยมที่ประกอบจากกระจกสามเหลี่ยมหกบาน ลอยขึ้นฟ้าและหยุดค้างกลางอากาศใจกลางหมู่บ้าน

ทันใดนั้น

แกร่กแกร่กแกร่ก—!

ท่ามกลางเสียงคล้ายไข่มุกโลหะกลิ้งไปบนถาดเหล็ก บาเรียคุ้มกันถูกกางออก

ผู้คนทำได้เพียงเงยหน้าขึ้นไปมอง เสียงกรีดร้องดังจากทั่วสารทิศ

ในเวลาเดียวกัน ฉันแหงนหน้าชื่นชมความยอดเยี่ยมของฉากดังกล่าว

ผู้อำนวยการสำนักงานใหญ่เงยศีรษะขึ้นไปมองโดยไม่กล่าวคำใด แต่ดวงตามิอาจเก็บซ่อนความตกตะลึงไว้ได้

“นี่มัน… ได้ยังไง…”

เจ้าหน้าที่ด้านหลังมีความอดทนต่ำกว่า

ฉันก้มศีรษะลง ประสานสายตากับพวกเขา

…ในเวลาแบบนี้ควรพูดอะไร?

“…น่าสนุกดีนะ ว่าไหม?”

“…”

ผู้อำนวยการที่เฝ้ามองอย่างเงียบงันมาสักพัก ตัดสินใจเปิดปาก

“…ข้อเสนอที่ทางเราเตรียมเอาไว้ เกรงว่าคงมิอาจทำให้คุณหัวหน้ากิลด์พึงพอใจได้”

ก็คงงั้น ฉันชอบเห็นอะไรแบบนี้มากกว่า

โลกมนุษย์มันน่าเบื่อเกินไปสำหรับฉันแล้ว

______________________

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (1/4)

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด