ตอนที่แล้วบทที่ 914 ในถ้ำม่วงเยือกแข็ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 916 เปิดใช้งานผนึกตระกูลของลั่วซืออี้

Dual Cultivation บทที่ 915 กลับมาพบกันอีกครั้งหลัง 2,000ปี


"ซืออี้…" ซูหยางรู้สึกอยากจะร้องไห้หลังจากได้เห็นหน้าตาแสนสวยของลั่วซืออี้เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี

แม้ว่าในทางหลักการแล้ว 2,000ปี ซูหยางได้รับรู้เรื่องราวเพียงส่วนเสี้ยวเท่านั้น เนื่องจากเขาเพิ่งกลับชาติมาเกิดเมื่อ 20 ปีที่แล้ว

แน่นอน แม้ว่ามันจะเป็นเพียงไม่กี่ปีสำหรับซูหยาง แต่มันก็ได้ผ่านไปแล้วกว่า 2,000 ปี นับตั้งแต่ลั่วซืออี้ได้เห็นเขา

หลังจากฆ่ากิ้งก่าหน้าแดงโดยแทบไม่ต้องใช้ความพยายามแล้ว ลั่วซืออี้ก็ค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้พวกเขาทีละน้อย และนางก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า "ข้าจะพบเจ้าที่ถ้ำม่วงเยือกแข็ง ภายในสามเดือนเมื่อยามที่นิโลบลบาน…"

"บอกข้าที ทำไมเจ้าถึงบอกมู่เยว่ชานให้ถ่ายทอดข้อความนี้ให้ข้าฟัง แล้วเจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร นั่นเป็นสิ่งที่สามีผู้ล่วงลับบอกกับข้ายามเมื่อข้าบอกเขาว่าข้าต้องการนิโลบล" ลั่วซืออี้หยุดเดินไปไม่กี่ก้าวจากตรงหน้าเขา

"ทั้งเจ้ายังรู้เรื่องแย่ๆ ของมู่เยว่ชานขณะที่นางไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเจ้าเลย บอกข้าที ใครคือเจ้า"

"..."

ซูหยางไม่ได้ตอบนางในทันที และเขาก็มองไปรอบๆ ถ้ำม่วงเยือกแข็งแทน ดูเหมือนว่าเขากำลังค้นหาอะไรบางอย่าง

เมื่อเห็นเช่นนี้ ลั่วซืออี้ก็ดีดนิ้ว ทันใดนั้นก็สร้างค่ายกลอันทรงพลังที่ครอบคลุมทั่วทั้งภูเขาไว้

"ข้าได้ปิดกั้นสถานที่นี้ไว้หมดแล้ว จะไม่มีใครได้ยินเราเว้นแต่ข้าจะอนุญาต แม้กระทั่งสวรรค์เอง"

จากนั้น ซูหยางก็ยิ้มแล้วก็พูดว่า "เจ้าคิดอย่างไร เจ้าคิดว่าข้าเป็นใครกัน"

ลั่วซืออี้หรี่ตาลง และความกดดันอันทรงพลังก็พลันห่อหุ้มซูหยาง บีบบังคับว่าจะบี้เขาเช่นเดียวกับที่นางทำกับกิ้งก่าหน้าแดง

แม้ว่าจะไม่ได้ทำร้ายเขา แต่ลั่วซืออี้ก็สามารถทำได้ด้วยความคิดเดียว

ซูหยางเริ่มหัวเราะกับปฏิกิริยาของนาง แล้วเขาก็พูดว่า "เจ้าไม่ได้เปลี่ยนไปเลยซืออี้ เอาสิ ฆ่าข้าถ้าเจ้ากล้า"

ร่างกายของลั่วซืออี้สั่นสะท้านอย่างเห็นได้ชัดหลังจากได้ยินคำพูดของเขา

ความกดดันหายไปในทันที และนางก็พูดด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน ความเยือกเย็นก่อนหน้านี้ไม่หลงเหลืออีกต่อไป"ค-คือเจ้าจริงๆ งั้นรึ"

##พี่ชาย อาา ข้าทนไม่ไหวแล้ว มาหาข้าที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com หน่อยนะ

จากนั้นซูหยางก็หยิบยาเม็ดสีขาวขึ้นมากิน

ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ร่างกลมของเขาก็เริ่มผอมลงและส่วนสูงของเขาก็เพิ่มขึ้น

ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที คนอ้วนตรงหน้าลั่วซืออี้ก็หายตัวไปโดยสมบูรณ์ กลายเป็นชายหนุ่มรูปหล่อที่มีเสน่ห์เกินจะทน

“ข้ารู้ว่าข้าดูเด็กกว่าที่เจ้าคุ้นเคยอยู่บ้าง แต่ใช่ข้าคือซู—”

ก่อนที่เขาจะทันได้จบประโยค ลั่วซืออี้ก็ก้าวมาข้างหน้าพร้อมกับกางแขนออกกว้าง โยนตัวเองเข้าไปที่เขา

"ซูหยาง เจ้ายังมีชีวิตอยู่จริงๆ" นางกอดเขาแน่นด้วยน้ำตาที่เอ่อล้นออกมา

ซูหยางก็กอดนางด้วยเช่นกัน

รู้สึกถึงความอบอุ่นจากร่างกายของนาง ในที่สุดเขาก็รู้สึกเหมือนมาถึงบ้าน

แม้ว่าเขาจะอยู่ในสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์มาสองสามเดือนแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่รู้สึกเหมือนได้กลับบ้านเลย อย่างน้อยก็ไม่จนกว่าเขาจะได้กลับไปอยู่กับตระกูลอีกครั้ง

หลังจากใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงต่อจากนั้นเพียงเพื่อกอดกันและกันอย่างเงียบๆ ซูหยางก็พูดขึ้นในที่สุด "เอาล่ะ ซืออี้ แม้ว่าข้าต้องการจะทำเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ แต่เราก็ยังมีเรื่องต้องคุยกันอีกมาก"

"แน่นอน เรามี ข้ามีคำถามมากมายกับเจ้า"

"ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ" เขาพูดพร้อมรอยยิ้ม

จากนั้นเขาก็พูดต่อไปว่า "มาเลย ถามข้า ข้าจะตอบคำถามของเจ้าก่อน"

ลั่วซืออี้เช็ดน้ำตาและพยักหน้า

จากนั้นนางก็ถามเขาว่า "อย่างไร เจ้ายังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ข้า… เราทุกคนเห็นศพเจ้าเมื่อจักรพรรดิสวรรค์ส่งเจ้ากลับมาให้พวกเรา แล้วเจ้าไปอยู่ที่ไหนมาเมื่อสองพันกว่าปีที่ผ่านมา"

จากนั้นซูหยางก็ดึงที่นอนออกจากแหวนมิติก่อนวางลงบนพื้น

"นั่งลงสิ นี่จะต้องใช้เวลาสักพัก" เขากล่าว

เมื่อเห็นเขาหยิบที่นอนออกมา ลั่วซืออี้ก็ยิ้มและก็พูดว่า "เจ้าคือซูหยางอย่างแน่นอน ไม่ต้องสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้…"

เมื่อพวกเขาทั้งสองนั่งลงแล้ว ซูหยางก็หันไปมองเซี่ยวหรงแล้วตบที่ว่างข้างๆ เขา "เจ้านั่งตรงนี้ก็ได้"

เซี่ยวหรงพยักหน้าและนั่งข้างเขาอย่างเชื่อฟัง

แม้ว่านางจะพยายามอย่างดีที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงที่จะมองไปยังลั่วซืออี้ เซี่ยวหรงก็จะเหลือบมองไปที่ลั่วซืออี้เป็นระยะๆ ในเมื่อนางสนใจกับกระแสพลังที่ลึกซึ้งรอบร่างที่สง่างามของลั่วซืออี้

เวลาต่อมาหลังจากนั้น ซูหยางก็เริ่มอธิบายให้ลั่วซืออี้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่เขายังติดอยู่ในหน้าผาบาปนิรันดร์ และพบกับชายชราลึกลับคนนั้นได้อย่างไร

จากนั้นเขาก็ก็พูดถึงวิธีที่เขากลับชาติมาเกิดในพิภพอื่นที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสวรรค์ศักดิสิทธิ์ทั้งสี่

"ด้วยเหตุนี้หลังจากที่เจ้าได้พบกับชายชราคนนี้ เจ้าก็พลันตื่นขึ้นมาในร่างของอีกคน แต่กลายเป็นว่าคนนั้นกลับเป็นเจ้าเองที่กลับชาติมาเกิด ว่าแต่ชายชราผู้นี้เป็นใครจึงสามารถบังคับให้ผู้คนให้กลับชาติมาเกิดได้ กระทั่งจักรพรรดิสวรรค์ก็มิมีความสามารถเช่นนั้น… ข้าว่า…" ลั่วซืออี้พูดถึงความสงสัยออกมาดังๆ

"ใช่ และข้าก็ได้พยายามที่จะกลับมาที่นี่ตั้งแต่ข้าตื่นขึ้นมาในพิภพนั้น ข้าสามารถกลับมาที่สวรรค์ศักดิสิทธิ์ทั้งสี่ได้เร็วกว่าที่คาดไว้มาก ทั้งที่ข้าไม่ได้คาดหวังว่าจะได้กลับมาอย่างน้อยก็อีกยี่สิบสามสิบหรือไม่ก็สองสามร้อยปี"

"เอาหละ ตอนนี้ให้ข้าบอกเจ้าเกี่ยวกับประสบการณ์ของข้าที่นั่น"

ซูหยางได้ทำการนอนลงบนที่นอนโดยมีลั่วซืออี้นอนข้างๆ และทั้งคู่ก็จ้องมองไปที่เพดานถ้ำที่ส่องแสงระยิบระยับเหมือนฟากฟ้าดาราพราว ราวกับว่าพวกเขากำลังดูดาวบนท้องฟ้า

เมื่อพวกเขาสบายใจแล้ว ซูหยางก็เริ่มทบทวนประสบการณ์ทั้งหมดของเขาในพิภพใหม่นั้น ตั้งแต่ตอนที่เขาตื่นขึ้นมาในร่างใหม่จนถึงตอนที่เขาก้าวผ่านกระจกและกลับมาที่สวรรค์ศักดิสิทธิ์ทั้งสี่

ลั่วซืออี้ไม่ได้พูดอะไรสักคำจนกระทั่งซูหยางเล่าเรื่องของเขาจบ มือนางจับมือของซูหยางอย่างนุ่มนวลไว้ตลอดเวลา

0 0 โหวต
Article Rating
2 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด