ตอนที่แล้วSTY-ตอนที่ 77 แสดงความไร้เทียมทานให้เห็น!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSTY-ตอนที่ 79 ค่ำคืนของทั้งสามคน!

STY-ตอนที่ 78 ถอนรากถอนโคน!


หลังจากที่เขาเคลื่อนไหว เย่เฉิน ก็ไม่ได้แสดงความลังเลออกมาเลย เขาไม่ต้องการพูดอะไรเพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่งของเขา

เขาได้โบกกระบี่ในมืออีกครั้ง

ทันใดนั้น เจตจำนงค์กระบี่ก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า

และยังมีมังกรศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 9 ตัวปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของ เย่เฉิน

เมื่อ เย่เฉิน ไม่อยู่ รูปแบบก่อตัวที่เขาตั้งเอาไว้จะเป็นการป้องกันโดยอัตโนมัติ แต่เมื่อเขาอยู่ที่นี่ เขาสามารถริเริ่มใช้ความคิดในการปรับแต่งรูปแบบก่อตัวของเขาได้

เย่เฉิน ได้โบกมือเบา ๆ

โฮก—

เสียงคำรามของมังกรขนาดใหญ่ได้ดังขึ้น

มังกรศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 9 ตัว ได้พุ่งเข้าหาพวกส่วนเหลือของนิกายปีศาจทมิฬ

หากคิดจะกำจัดวัชพืชก็จำเป็นจะต้องถอนรากถอนโคน

เมื่อทุกคนเห็น เจตจำนงค์กระบี่นับพัน และ มังกรศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 9 พุ่งเข้ามา พวกเขาก็กลายเป็นหวาดกลัวโดยสมบูรณ์ พวกเขาเคยเผชิญหน้ากับรูปแบบก่อตัวเหล่านี้มาก่อน ดังนั้น พวกเขาจะกล้าเผชิญหน้ากับมันในตอนนี้ได้อย่างไร

“หนีเร็ว!”

มีบางคนได้ตะโกนขึ้น

ทันใดนั้น คนจากนิกายปีศาจทมิฬก็รีบวิ่งหนีไปในทิศทางเดียวกันอย่างบ้าคลั่ง

อย่างไรก็ตาม พวกเขาจะสามารถหลบหนีเงื้อมมือของ เย่เฉิน ไปได้อย่างไร?

ทีละตัว มังกรศักดิ์สิทธิ์ได้ปิดกั้นพวกเขาและฆ่าพวกเขาโดยตรง

เจตจำนงค์กระบี่ที่ไม่มีที่สิ้นสุดเองก็ได้ร่ายรำอยู่บนท้องฟ้า โดยพวกมันไม่คิดจะปล่อยให้ใครคนใดรอดชีวิตไปได้เลย ดังนั้น คนจากนิกายปีศาจทมิฬ ต่างเสียชีวิตอย่างน่าอนาถภายใต้รูปแบบก่อตัวของ เย่เฉิน

เพียงพริบตา คนจากนิกายปีศาจทมิฬก็ถูกกวาดล้างออกไป

จนไม่เหลือใครแม้แต่คนเดียว

จากนี้จะไม่มีนิกายปีศาจทมิฬอีกแล้วในโลกนี้!

ในขณะนี้ เย่เฉิน ได้ยืนอยู่บนท้องฟ้า

ผู้คนของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ต่างเงยหน้าขึ้นมองไปที่ เย่เฉิน

“ท่านปรมาจารย์ยุทธ์แข็งแกร่งเกินไป!”

“เขาได้ช่วยแก้ไขวิกฤติของพวกเราอีกครั้ง!”

“หากไม่มีท่านปรมาจารย์ยุทธ์เกรงว่าแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์คงประสบกับหายนะเป็นแน่!”

ในขณะนี้ ประมุขนิกายอวี๋เซียว รู้สึกตื่นเต้นหาใดเปรียบ เขามองไปที่ ผู้อาวุโสหนุ่มบนท้องฟ้าแล้วคุกเข่าลง

ทีละคนกระทั่งศิษย์บนยอดเขาอวี๋เซียวต่างก็คุกเข่าลง

“ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของท่านอีกครั้ง!”ประมุขนิกายอวี๋เซียว ได้โค้งคำนับในทันที

ทุกคนที่ติดตาม ประมุขนิกายอวี๋เซียว พวกเขาได้กล่าวพูดพร้อมกัน “ขอบคุณท่านปรมาจารย์ที่ช่วยเหลือ!”

เย่เฉิน มองไปที่ผู้คนของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์และรู้สึกบางอย่างเล็กน้อย

มนุษย์ไม่ใช่วัชพืช พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีหัวใจ

เย่เฉิน อาศัยอยู่ใน แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ เป็นเวลา 7 ปี แน่นอนว่าเขามีความผูกพันธ์ต่อแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์แห่งนี้

เขาได้กล่าวพูดอย่างใจเย็น “ไม่จำเป็นจะต้องสุภาพก็ได้ ข้าเองก็เป็นคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ดังนั้น เมื่อแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ตกอยู่ในอันตราย ข้าก็ย่อมเคลื่อนไหวโดยธรรมชาติ”

“เอาล่ะ แยกย้ายกันไปได้แล้ว!”

หลังจากที่ เย่เฉิน พูดจบ ร่างของเขาก็หายไปจากท้องฟ้า

ทุกคน ต่างมองไปที่ด้านหลังของท่านปรมาจารย์และแอบตกใจ

แม้ว่า เย่เฉิน จะมีความประทับใจที่ดีต่อแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์แต่ศิษย์เหล่านี้กล่าวขอบคุณเขาแล้วเขาได้ประโยชน์อะไร?สิ่งสำคัญที่สุดก็คือศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเขากำลังอุ่นเหล้ารออยู่

เขาปล่อยให้ศิษย์พี่หญิงใหญ่ไปอุ่นเหล้ารอ เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาจะไม่ไปดื่ม?

ศิษย์พี่หญิงใหญ่ที่ทั้งสวยและงดงามคนนั้นเป็นไปได้หรือที่เขาจะปฏิเสธ?

หากมีใครมาว่านางแก่ เย่เฉิน คงทุบตีพวกมันอย่างแน่นอน

ดังนั้น แทนที่จะฟังคำขอบคุณของพวกเขา มันจะดีกว่าถ้าเขากลับไปตั้งแต่เนิ่น ๆ และ เล่นกับศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเขา

ดังนั้น เย่เฉิน จึงได้กลับไปที่ยอดเขาหยกอมตะ

แน่นอนว่า สัมผัสทางจิตวิญญาณของเขารับรู้ได้ว่า มีใครบางคนอยู่กับ ศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเขา

ดังนั้น เย่เฉิน จึงได้ย่องเข้าไปที่ห้องของศิษย์พี่หญิงใหญ่

ทันใดนั้น ภายในห้องที่แดงระเรื่อ ศิษย์พี่หญิงใหญ่กำลังจัดจอกเหล้าพร้อมกับตระเตรียมเกาลัดที่เป็นกับแกล้มเอาไว้ให้

และที่ด้านหน้าโต๊ะของนางก็คือเหล้าที่นางอุ่นเอาไว้

แน่นอนว่าที่ด้านข้างของศิษย์พี่หญิงใหญ่ ก็มีหญิงสาวที่งดงามอีกคน นางก็คือศิษย์พี่หญิงเจ็ดของเขา จ้าวซือเหยา

เมื่อเห็นว่า เย่เฉิน กลับมา ศิษย์พี่หญิงใหญ่ก็ได้ลุกขึ้นในทันที

“เฉินน้อย!”

“ศิษย์พี่หญิงใหญ่ ศิษย์พี่หญิงเจ็ด ข้ากลับมาแล้ว!”เย่เฉิน ได้เดินตรงเข้าไปในห้อง

ศิษย์พี่หญิงเจ็ดได้ยืนขึ้น

“เจ้าจัดการกับประมุขนิกายปีศาจนั่นเสร็จแล้วงั้นหรือไม่?”จ้าวซือเหยา ได้มองไปที่ เย่เฉิน และ กล่าวถาม

“แน่นอน ข้าอุส่าห์ลงมือด้วยตัวเอง ไม่มีอะไรที่ข้าไม่สามารถแก้ไขได้!”เย่เฉิน ได้กล่าวออกมา

“หึ่ม! อย่างน้อยเจ้าก็พอมีทักษะบางอย่าง! แต่มันก็ยังช้าเกินไปอยู่ดี ถ้าหากข้ามีพลังในอาณาจักรทันฑ์สวรรค์ข้าจะกำจัดประมุขนิกายปีศาจไร้ยางอายคนนั้น ได้เร็วกว่าเจ้าอย่างแน่นอน!”จ้าวซือเหยา ก็ยังคงเหมือนเดิม นางไม่ได้เปลี่ยน บุคลิกที่เย่อหยิ่งของนางเลย

“เอาล่ะ เลิกทะเลาะกันได้แล้ว ข้าอุ่นเหล้ารอนานแล้ว พวกเรามาดื่มกันเถอะ!”ซู่ชิวหยา ได้กล่าวออกมา

เย่เฉิน และ จ้าวซือเหยา ได้มาที่ฝั่งของศิษย์พี่หญิงใหญ่และนั่งลง

ซู่ชิวหยา ไม่เพียงแต่อุ่นเหล้าเท่านั้น นางยังเตรียมหม้อไฟอีกด้วย

ในขั้นต้น ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าหม้อไฟในโลกนี้

แต่ เย่เฉิน ครั้งนึงตอนที่เขาเล่นอยู่กับศิษย์พี่หญิงทั้ง 7 ของเขา เขาได้ไปหาส่วนผสมสำหรับทำหม้อไฟมา

หลังจากกินเข้าไป ศิษย์พี่หญิงทั้ง 7 ของเขาต่างก็ประหลาดใจมาก

ดังนั้น อาหารที่เรียกว่าหม้อไฟ จึงได้รับการส่งต่อกันมา

ศิษย์พี่หญิงทั้ง 7 ของ เย่เฉิน ต่างก็รู้วิธีทำมัน

ทั้ง 3 คนได้นั่งลงบนโต๊ะและเริ่มดื่ม

ขณะที่ดื่ม เย่เฉิน ก็กล่าวพูดออกมาเป็นคนแรก “ศิษย์พี่หญิงใหญ่ ข้ามีบางอย่างที่อยากจะบอกกับท่าน”

“ศิษย์น้องเล็ก เจ้ามีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?”ซู่ชิวหยา ได้กล่าวถาม

ในขณะนี้ เย่เฉิน ได้กล่าวพูดอย่างสงบ “ตราวนี้เรื่องที่นิกายปีศาจทมิฬบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ของพวกเรา ข้าไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องง่ายขนาดนั้น ก่อนอื่น แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ของเรา อยู่ไกลจากฐานที่ตั้งของนิกายปีศาจทมิฬเป็นอย่างมาก ดังนั้น มันค่อนข้างไม่มีเหตุผลที่คนจากนิกายปีศาจทมิฬจะรีบรุดหน้ามาที่นี่”

“นอกจากนี้ ข้ายังได้ยินมาว่า ตอนที่ ประมุขนิกายปีศาจทมิฬโม่หยุนเฟยออกมาจากการปิดด่านฝึกตน เขาได้มุ่งหน้าไปที่เมืองหยุนไท่ก่อน และ หลังจากที่ทำลายเมืองหยุนไท่ไปบางส่วน พวกเขาก็มุ่งหน้ามาที่แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ของพวกเรา!”

“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าจะบอกว่า…มีคนชักนำเรื่องนี้อยู่เบื้องหลังใช่หรือไม่?”ซู่ชิวหยา มองไปที่ เย่เฉิน และ กล่าวถาม

เย่เฉิน ได้พยักหน้า “ดังนั้น ข้าจึงได้ส่งเสี่ยวไป๋ไปตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 2-3 วันก่อน และเป็นไปตามที่คาด มีใครบางคนชักนำเรื่องนี้อยู่เบื้องหลังจริง ๆ พวกเขาได้แพร่กระจายข่าวลือที่ว่า ปรมาจารย์ยุทธ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์นั้นไร้เทียมทานและสามารถจัดการกับโม่หยุนเฟยได้!”

“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าทราบหรือไม่ว่าเป็นฝีมือของใคร?”ซู่ชิวหยา ได้ยกจอกเหล้าและกล่าวถาม

เย่เฉิน พยักหน้าและตอบกลับอีกครั้ง “หลังจากที่ โม่หยุนเฟย โจมตีคน 2-3 กลุ่มในเมืองหยุนไท่ เขาก็รีบรุดหน้ามาที่ แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ดังนั้น ข้าจึงได้ข้อให้ เสี่ยวไป๋ ตรวจสอบผู้บงการที่อยู่เบื้องหลัง”

“สิ่งที่เสี่ยวไป๋ค้นพบก็คือ แม้ว่า โม่หยุนเฟย จะบุกไปที่เมืองหยุนไท่ และ ต้องการทำลายล้าง 7 ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ ทว่า สิ่งที่ 7 ตระกูลสูญเสียไปก็คือศิษย์นอกไม่กี่คนเท่านั้น อีกทั้งเรื่องนี้มันยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อรากฐานของทั้ง 7 ตระกูล”

“เจ้าหมายถึง…?”ซู่ชิวหยา มองไปที่ เย่เฉิน ด้วยความประหลาดใจ

เย่เฉิน ได้พยักหน้า “แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานแน่ชัด แต่เรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับ 7 ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ของเมืองหยุนไท่อย่างแน่นอน”

“7 ตระกูลที่ยิ่งใหญ่อีกแล้วงั้นหรือไม่?”

ในขณะนี้ สายตาของ เย่เฉิน ได้กลายเป็นเย็นชาขณะที่เขากล่าวออกมาอย่างเฉยเมย “ตอนนี้ข้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว และ ข้อตกลงที่สัญญาไว้กับท่านแม่ก็ได้บรรลุผลแล้ว ดังนั้นข้าจึงสามารถออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ได้แล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็จะมุ่งหน้าไปที่เมืองหยุนไท่ และ เผชิญหน้ากับ 7 ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ จากนั้นพวกเราก็จะคิดบัญชีเก่าของพวกมันด้วยกัน!”

ซู่ชิวหยา และ เย่เฉิน ได้พูดคุยกัน ในขณะที่ปล่อย จ้าวซือเหยา ดื่มอยู่คนเดียว

ดังนั้น นางจึงมึนเล็กน้อยและเผลอไปคว้าแขนเสื้อของเย่เฉิน

“เอาล่ะอย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้กันเลย ดื่ม!”

ในตอนนี้ ซู่ชิวหยา ก็ได้ยกจอกเหล้าขึ้นและกล่าวออกมา “ศิษย์น้องเจ็ด กล่าวได้ถูกแล้ว วันเวลาที่ดีเช่นนี้ พวกเรามาดื่มกันเถอะ!”

ทั้ง 3 คนได้ดื่มพร้อมกัน

หลังจากดื่มไป 3 รอบ ทั้ง 3 คนก็เริ่มเมา

ในขณะนี้ ซู่ชิวหยา ได้ดึง เย่เฉิน มากอดไว้ในอ้อมแขนของนาง แม้แต่ จ้าวซือเหยา เองก็โอบกอด เย่เฉิน จากทางด้านหลัง โดยฉากนี้มันทำให้นึกถึงสถานการณ์ที่อีโรติกเป็นอย่างมาก…

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด