ตอนที่แล้วSTY-ตอนที่ 69 สามปีต่อมา!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSTY-ตอนที่ 71 หลังจากที่แก้แค้นสำเร็จข้าจะแต่งงานกับท่าน!

STY-ตอนที่ 70 กระแสน้ำที่ปั่นป่วน!


เย่เฉิน มองไปที่ ไป๋ลั่วหลี่ ด้วยความประหลาดใจ

ในขณะนี้ ไป๋ลั่วหลี่ ได้กล่าวออกมาอย่างช้า ๆ “ข้าไปที่เมืองหยุนไท่และตรวจสอบเรื่องนี้หลายครั้งและสอบถามผู้คนมามากมาย แน่นอนว่าแม้จะติดสินบนคนเหล่านี้ไป พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะพูด”

“ดังนั้น ข้าจึงได้เดินทางไปพบปีศาจบางตัวที่ซุ่มซ่อนอยู่ใกล้เมืองหยุนไท่ และ สอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนั้น จนในที่สุด ข้าก็ได้ไปเจอกับ ปีศาจต้นไม้เฒ่า!”

“ปีศาจต้นไม้เฒ่า เคยนั่งอยู่ในลานของตระกูลซู่ในตอนนั้น”

“ตามคำกล่าวของปีศาจต้นไม้เฒ่า ซู่เจิ้นหยิง ประมุขของตระกูลซู่ในสมัยนั้น และ เซียวเลี่ย ที่เป็นเจ้าเมืองของเมืองหยุนไท่ในปัจจุบัน ต่างก็เป็นผู้สมัครเข้ารับตำแหน่งเจ้าเมืองหยุนไท่”

“อย่างไรก็ตาม มีการกล่าวว่า ซู่เจิ้นหยิง เป็นคนซื่อตรงและซื่อสัตย์ในการทำงานของเขา ในแง่ของความสามารถ เขาเป็นคนที่ไม่มีใครเทียบได้ในบรรดาตระกูลที่ยิ่งใหญ่ทั้ง 8”

“อย่างไรก็ตาม เพราะว่า ซู่เจิ้นหยิง ซื่อตรงและซื่อสัตย์เกินไปในชีวิตของเขา ย้อนกลับไปในตอนที่เขาเป็นเจ้าหน้าที่บังคับกฏหมายของเมืองหยุนไท่ เขาได้ดูแลจัดการความเป็นระเบียบภายในเมืองจนได้รับฉายาว่า ยมทูตหน้าเหล็ก เหล่า สามัญชน และ ตระกูลชนชั้นสูง ที่ทำความผิดในเมือง ต่างก็ถูกประหารภายใต้ความตรงไปตรงมาของ ซู่เจิ้นหยิง”

“เป็นเพราะเหตุนี้เองทำให้ ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ทั้ง 7 ของเมืองหยุนไท่ ต่างก็ไม่ชอบ ซู่เจิ้นหยิง และ ไม่ชอบตระกูลซู่”

“ต่อมา เจ้าเมืองคนเก่าอยู่ในสภาพที่วิกฤติ ดังนั้นเขาจะต้องเลือกเจ้าเมืองคนใหม่จากบรรดาผู้เข้าสมัครทั้งสองคนอย่าง ซู่เจิ้นหยิง และ เซียวเลี่ย”

“ทว่าในคืนต่อมา ก็มีกลุ่มคนชุดดำจำนวนมากได้ปิดล้อมตระกูลซู่โดยที่ไม่ทราบสาเหตุ”

“พวกมันได้บุกเข้าไปในตระกูลซู่ และ สังหารผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนและทุกชีวิตในตระกูลซู่ แม้แต่ ซู่เจิ้นหยิง ก็ยังถูกปิดล้อมโดยผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก ในท้ายที่สุด เขาก็ไม่สามารถต่อกรได้และเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา”

ไป๋ลั่วหลี่ ได้กล่าวพูดต่อหน้าของ เย่เฉิน

ดวงตาของ เย่เฉิน ได้ปิดลงเล็กน้อย ราวกับว่าเขาได้คาดเดาผลลัพธ์นี้แล้ว เขาหายใจเข้ายาวและกล่าวถามออกมา “เจ้ายืนยันได้แล้วหรือยังว่าเป็นฝีมือของตระกูลที่ยิ่งใหญ่ทั้ง 7?”

ในขณะนี้ ไป๋ลั่วหลี่ ได้ตอบกลับทันที “ข้ายืนยันเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้แล้ว เพราะว่า ข้าได้ไปเยี่ยมปีศาจตัวอื่น ๆ และ ได้รู้ว่าแท้จริงแล้วในคืนนั้น เป็นฝีมือของผู้เชี่ยวชาญอีก 7 ตระกูล”

“ยิ่งไปกว่านั้น ปีศาจบางตัวยังค้นพบซากศพและได้ยืนยันแล้วว่าคนเหล่านั้นเป็นคนจากอีก 7 ตระกูลที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ”

“กล่าวอีกนัยนึงคือ จะต้องเป็น เซียวเลี่ย ที่เป็นคนบงการในตอนนั้น อย่างไรก็ตาม นอกจากเขาแล้ว อีก 6 ตระกูลที่เหลือ ก็ได้สมรู้ร่วมคิดในการทำลายตระกูลซู่ ดังนั้น เป็นพวกเขาที่ทำการปิดล้อมและทำลายตระกูลซู่ในตอนนั้น”ไป๋ลั่วหลี่ ได้กล่าวเสริม

เย่เฉิน ได้โบกมือและกล่าวอย่างเฉยเมย “เอาล่ะ ข้าเข้าใจเรื่องทั้งหมด ออกไปก่อนเถอะ!”

“เจ้าค่ะ!”ไป๋ลั่วหลี่ ได้โค้งคำนับและจากไป

ในเวลานี้ ศิษย์พี่หญิงเจ็ด มองไปที่ เย่เฉิน และ กล่าวถามด้วยความประหลาดใจ “เย่เฉิน เจ้าคิดจะล้างแค้นให้กับศิษย์พี่หญิงใหญ่ใช่หรือไม่?”

เย่เฉิน ได้พยักหน้า

“จะลงมือตอนนี้เลยหรือไม่?”

เย่เฉิน ได้สั่นศีรษะและตอบกลับ “ข้าอดทนรอมานานหลายปีแล้ว ดังนั้นรออีกหน่อยจะเป็นอะไรไป แต่เมื่อข้าก้าวเข้าสู่อาณาจักรทันฑ์สวรรค์เมื่อไหร่ มันจะเป็นวันที่ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ทั้ง 7 ของ เมืองหยุนไท่ เป็นอันจะต้องถูกทำลาย”

เมืองหยุนไท่

ในห้องโถงใหญ่

เจ้าเมืองหยุนไท่ เซียวเลี่ย ได้นั่งตัวตรงบนที่นั่งหลักของเขา

โดยมีคนอีก 6 คน นั่งอยู่ที่โต๊ะยาวทั้งสองข้าง

ในขณะนี้ เซียวเลี่ย ขมวดคิ้วแน่น และ กล่าวออกมา “ข้าแน่ใจว่าทุกคนรู้เกี่ยวกับข่าวที่เพิ่งปรากฏขึ้นเร็ว ๆ นี้ใช่หรือไม่?”

เซียวเลี่ย ที่มีคิ้วรูปกระบี่และร่างที่สูง เขาที่สวมชุดคลุมยาวสีฟ้าอ่อนมันทำให้เขาดูยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก

“ท่านเจ้าเมือง ท่านกำลังพูดถึงนิกายปีศาจทมิฬใช่หรือไม่?”ในขณะนี้ ชายวัยกลางคนที่มีเคราแพะได้กล่าวถาม

ชายวัยกลางคนที่มีเคราแพะก็คือประมุขตระกูลหยาง-หยางเทียนฉี

เขาเป็นประมุขตระกูล 1 ใน 8 ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ของเมืองหยุนไท่

ตอนนี้ ตระกูลซู่ ได้หายไปแล้ว พูดให้ถูกก็คือ เขาควรเป็น ประมุขตระกูล 1 ใน 7 ตระกูลที่ยิ่งใหญ่

“ใช่แล้ว เมื่อเร็ว ๆ นี้มีข่าวลือว่า ประมุขนิกายปีศาจ โม่หยุนเฟย ได้ออกมาจากความสันโดษแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้ทะลวงเข้าสู่อาณาจักรทันฑ์สวรรค์แล้ว”เซียวเลี่ย ได้กล่าวพูดออกมาอย่างเย็นชา

เมื่อได้ยินเช่นนี้ อีกหกคนได้ปรากฏความหวาดกลัวในใจ

“ในตอนนั้น พวกเราที่เดินบนเส้นทางอันชอบธรรม ได้รวมพลังกันไล่ต้อนนิกายปีศาจทมิฬให้กลับเข้าไปในภูเขา อย่างไรก็ตาม ไม่คาดคิดเลยว่า ประมุขนิกายปีศาจทมิฬ จะสามารถทะลวงจากอาณาจักรเทวะไปยังอาณาจักรทันฑ์สวรรค์ได้ ย้อนกลับไปในตอนนั้นเขาที่มีพลังอยู่ในอาณาจักรเทวะแม้แต่พวกเราก็ยังต้องปิดล้อม แต่ตอนนี้ โม่หยุนเฟย เขาได้ทะลวงด่านพลังไปแล้ว ข้าเกรงว่าเขาจะต้องกลับมาที่นี่เพื่อแก้แค้นเป็นแน่”เซียวเลี่ย ได้กล่าวออกมา

“ผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรทันฑ์สวรรค์? แม้แต่ในเมืองหยุนไท่ทั้งหมด ข้าเกรงว่าจะไม่มีผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรทันฑ์สวรรค์สักคน ครั้งนี้ เกรงว่าคงจะไม่มีใครหยุด โม่หยุนเฟย ในตอนนี้ได้”จางเหวิ่นซาน จากตระกูล จาง ได้กล่าวออกมาอย่างโหยหา

ในขณะนี้ ชายร่างกำยำก็ได้ลุกขึ้น เขาคือ จูหวู่เหิง ประมุขตระกูลจู เขาได้ยืนขึ้นและกล่าวเสียงดัง“พวกเราจะต้องรวมพลังกันอีกครั้ง ข้าไม่เชื่อหรอกว่าผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรเทวะในเส้นทางที่ชอบธรรมหลายคนจะไม่สามารถเผชิญหน้ากับอาณาจักรทันฑ์สวรรค์เพียงคนเดียวได้!”

ในขณะนี้ ชายวัยกลางคนที่แต่งตัวดี ก็ได้อ้าปากพูด เขาคือประมุขตระกูลหวัง หวังเหวิ่นเซียน เขาได้สั่นศีรษะและตอบกลับ “มันมีช่องว่างระหว่างอาณาจักรทันฑ์สวรรค์กับอาณาจักรเทวะอยู่ แม้ว่า พวกเราจะร่วมมือกัน ข้าเกรงว่ามันก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะจัดการกับเขา”

ประมุขตระกูลซ่ง ซ่งหลิน ก็ได้ยืนขึ้นและโค้งคำนับให้กับ เซียวเลี่ย “ท่านเจ้าเมือง ในเมื่อพวกเราไม่ใช่คู่ต่อกรของเขา เช่นนั้นข้าเกรงว่าต้องรบกวนท่านไปเรียนให้ท่านบรรพบุรุษของตระกูลเซียวออกมาจากความสันโดษแล้ว”

“ใช่แล้ว ท่านผู้เฒ่าตระกูลเซียวอยู่ในจุดสูงสุดของอาณาจักรทันฑ์สวรรค์มิใช่เหรอ?ถ้าเราขอให้เขาลงมือ ข้าเชื่อว่าพวกเราจะสามารถเอาชนะ โม่หยุนเฟย ได้อย่างแน่นอน”หลินเจิ้งหยวน ประมุขตระกูลหลิน ได้กล่าวออกมา

หลายคนรู้ว่า ตระกูลเซียว มีผู้เฒ่าที่มีพลังอยู่ในอาณาจักรทันฑ์สวรรค์ อีกทั้งเขายังอยู่บนจุดสูงสุดของอาณาจักรทันฑ์สวรรค์และมีชีวิตมาอย่างยาวนานหลายร้อยปีอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยทะลวงผ่านอาณาจักรทันฑ์สวรรค์ไปได้

ดังนั้น ผู้เฒ่าตระกูลเซียว จึงไม่สนใจเรื่องทางโลก และ มุ่งความสนใจไปที่เต๋าเพียงเท่านั้น โดยเขาต้องการบุกทะลวงจากอาณาจักรทันฑ์สวรรค์ไปและก้าวเข้าสู่ดินแดนใหม่

ถ้าเขาเชิญผู้เฒ่าตระกูลเซียวออกมา ด้วยความแข็งแกร่งของเขา เขาย่อมสามารถเอาชนะ ประมุขนิกายปีศาจทมิฬ โม่หยุนเฟย ได้อย่างแน่นอน

ในขณะนี้ เซียวเลี่ย ได้ยิ้มและตอบกลับ “ทุกคนอย่าได้กังวลไป!”

“อันที่จริง ข้ามีวิธีรับมือกับเรื่องนี้อยู่แล้ว”เซียวเลี่ย กล่าวพูดด้วยรอยยิ้ม

“ท่านเจ้าเมืองมีวิธีการรับมืองั้นหรือไม่?”ประมุขตระกูลเหล่านี้ได้กล่าวถาม

เซียวเลี่ย ได้ยิ้มออกมา “ข้าสงสัยว่านิกายอมตะใด ที่ทุกท่านไม่ชอบมากที่สุดในตอนนี้?”

ในขณะนี้ ซ่งหลิน ก็ได้ลุกขึ้นและกล่าวออกมาในทันที “แน่นอนว่าย่อมเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์!”

“หึ่ม ตระกูลซ่งของข้าอุส่าห์จำมิตรภาพเก่าได้จึงได้ส่ง ซ่งอวี๋เซียง ไปแต่งงานกับ บุตรีที่เหลือของตระกูลซู่ แต่แล้วอย่างไร? ข้าไม่ได้คาดหวังเลยว่า เศษซากที่เหลือของตระกูลซู่ จะกล้าปฏิเสธน้ำใจของพวกเรา ไม่เพียงแต่ปฏิเสธที่จะแต่งงานเท่านั้น กระทั่ง แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ยังส่ง เย่กู่เฉิง มาทำให้แขนข้างนึงของบุตรชายข้าต้องพิการอีก!”

“ใช่แล้ว ปรมาจารย์ยุทธ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์นั้นหยิ่งผยองเกินไป เขาคิดว่าตัวเองนั้นอยู่ยงคงกระพันหลังจากที่ทะลวงสู่อาณาจักรเทวะ ข้าเองก็ได้ให้ลูกศิษย์ในตระกูลไปเยี่ยมเขา แต่ไม่เพียงแต่เขาไม่ชอบ ยังไล่ตะเพิดพวกเขากลับมาอีกด้วย!”หลินเจิ้งหยวน ได้กล่าวอย่างเคร่งขรึม

“ตั้งแต่ที่ปรมาจารย์ยุทธ์คนนั้นปรากฏตัวในแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ พวกมันก็ยิ่งหยิ่งทะนงมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนหน้านี้พวกมันได้ทำลายแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาดไป และ ยังมี นิกายอินทรีหิมะอีก ข้าเชื่อว่าหลายคนในที่นี้ก็มีความเกี่ยวข้องกับทั้งสองนิกายนี้ เพราะหลังจากที่แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ทำลายพวกเขา เราก็สูญเสียสิ่งต่าง ๆ ไปมากมาย”จางเหวิ่นซาน ได้กล่าวออกมาอย่างเย็นชา

ในขณะนี้ รอยยิ้มที่เย็นชาได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ เซียวเลี่ย

“ในเมื่อทุกคนมีความคิดเหมือนกัน ทำไมพวกเราไม่ปล่อยให้แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์เป็นผู้นำในการต่อต้านในครั้งนี้?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด