ตอนที่แล้ว904 เหยียบย่ำกลืนกิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป906 คุณคงไม่รู้ว่าได้พลาดอะไรไป

905 ใจใหญ่ ร่างใหญ่


905 ใจใหญ่ ร่างใหญ่

ชายชราจิตใจแจ่มใส สภาพจิตใจของเขาดีมาก เขาต่างไปจากตอนที่มาคลินิกเมื่อไม่กี่เดือนก่อนมาก ในตอนนั้น เขามักคิ้วขมวดและมีหน้าตาเศร้าหมอง

ชายชราเอาของติดมือมาด้วย มันคือไก่ที่อยู่ในถึงพลาสติก “มา เสี่ยวเย้า นี่เป็นไก่ที่ฉันฆ่าวันนี้ จะเอาไปทอดหรือเอาไปตุ๋นก็อร่อยทั้งนั้น” เขาเลี้ยงไก่เอาไว้ที่บ้าน มันไม่ได้กินอาหารไก่ เขาแค่ให้ถั่ว, ข้าวโพด, และธัญพืช มันจึงเป็นไก่บ้านแท้ๆ

“ไม่ต้องหรอกครับ ลุง” หวังเย้ารีบพูด ที่บ้านของเขาก็เลี้ยงไก่เอาไว้เช่นกัน แม่ไก่มีไว้ออกไข่ ส่วนไก่ตัวผู้จะถูกฆ่าและนำมาทำอาหารในตอนที่พวกมันโตพอแล้ว

“ไหนๆฉันก็เอามาถึงที่นี่แล้ว เธอก็รับไปเถอะ” หวังยี่หลงพูดด้วยรอยยิ้ม

ท้ายที่สุด หวังเย้าก็ปฏิเสธไม่ได้ เขาจำต้องรับของจากชายชรามา

“ดีมากครับ ลุงดีขึ้นมากแล้ว” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม

ความเร็วในการฟื้นตัวของชายชราสูงกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้ ซึ่งสภาพจิตใจที่ดีของเขาอาจมีส่วนด้วนเช่นกัน เขามีหัวใจที่ยิ่งใหญ่, ร่างกายสมบูรณ์, และสภาพจิตใจที่ดี เมื่อรวมเข้ากับประสิทธิภาพของตัวยา จึงทำให้ผลการรักษาดีขึ้นเป็นสองเท่า บางคนที่ป่วยในระยะสุดท้ายสามารถมีชีวิตอยู่ได้หลายปีหรืออาจมากกว่า 10 ปี แต่บางคนที่พบว่าตัวเองป่วยเป็นระยะสุดท้ายกลับมีชีวิตอยู่ได้ไม่กี่เดือนเท่านั้น นั่นเป็นเพราะสภาพจิตใจ สภาพจิตใจของพวกเขาได้ความกระทบกระเทือน พวกเขาหวาดกลัวจนตาย

“อืม ฉันก็คิดว่าตัวเองดีขึ้นเหมือนกัน” ชายชราพูด “หลายวันมานี้ ฉันขึ้นลงเขาวันละสองครั้งด้วยนะ”

“ลุงอย่าขึ้นไปบนเนินเขาซีชานนะครับ” หวังเย้าไม่ลืมเตือนเขาเรื่องนี้

“ไม่ต้องห่วง ฉันรู้อยู่แล้ว” ชายชราพูด “ฉันไม่ได้ขึ้นไปบนเนินเขาซีชานหรอก ฉันขึ้นไปบนเนินเขาตงชานต่างหาก แต่อากาศก็เริ่มเย็นลง ยิ่งหน้าหนาวปีนี้ยิ่งหนาวกว่าปีก่อนๆ สมุนไพรพวกนั้นจะเป็นอะไรไหม? หรือฉันต้องเอาฟางหรืออย่าวอื่นเข้าคลุมหน้าดินเอาไว้ด้วย?”

“ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นครับ” หวังเย้ายิ้มและโบกมือ

“มันไม่มีปัญหาหรอกครับ”

ถึงแม้อากาศจะหนาว สมุนไพรที่เติบโตตามธรรมชาติจะสามารถทนหนาวได้ค่อนข้างดี ที่มากไปกว่านั้น เนินเขาตงชานยังได้รับผลจากสภาพอากาศบนเนินเขาหนานชาน ทำให้มันไม่หนาวมากจนเกินไป ค่ายกลรวมวิญญาณที่หวังเย้าสร้างเอาไว้ ไม่เพียงแต่จะส่งผลกับเนินเขาหนานชานเท่านั้น แต่ยังส่งผลกับเนินเขาที่อยู่ใกล้ๆด้วย โดยที่มันจะค่อยๆกระจายวงกว้างออกไปยังพื้นที่โดยรอบ

“กินยาต่อนะครับ” ดูจากสถานการณ์ปัจจุบัน หวังเย้าคาดว่า โรคที่เขาเป็นอยู่จะหายไปในเวลาไม่ถึงสองเดือน เขาก็จะหายดี

“อ่อ ได้ได้” ชายชราพูดด้วยรอยยิ้ม

“เอ่อ วันนี้นายว่างไหม?” หวังเจ๋อเชิงที่แทบไม่พูดอะไรเลยได้เอ่ยถามออกมา

“วันนี้ พี่สาวจะกลับมาบ้านน่ะครับ” หวังเย้าตอบ

“อ่อ งั้นไว้วันหลังก็ได้” หวังเย้าดูแลครอบครัวของเขาเป็นอย่างดี แต่หวังเจ๋อเชิงกลับแทบไม่ได้ตอบแทนอะไรเขาเลย เขาจึงอยากเชิญหวังเย้าไปทานอาหารที่บ้านของเขาสักมื้อ

“พี่ได้ไปทำงานที่โรงงานผลิตยารึยังครับ?” หวังเย้าถาม

“อืม ไปทำแล้ว” หวังเจ๋อเชิงพูด

เพราะหวังเย้าพูดให้ จึงทำให้เขาได้งานในตำแหน่งที่ดี ปริมาณงานไม่มากและค่อนข้างง่าย แต่เงินเดือนไม่ได้น้อยตามไปด้วย มันดีกว่าที่ทำงานที่เขาเคยทำมาก่อน ที่นั่นเขาต้องทำงานหนักและทำงานล่วงเวลาอยู่บ่อยๆ สิ่งสำคัญคือเขามีเวลาทำงานที่แน่นอน รวมไปถึงวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดตามเทศกาลต่างๆ เขาพอใจและรู้สึกขอบคุณหวังเย้าอย่างมาก

“พี่พอใจกับงานที่นั่นไหมครับ?”

“พอใจสิ พอใจมากด้วย” หวังเจ๋อเชิงพูด

“ดีแล้วล่ะครับ” หวังเย้ายิ้ม

สองพ่อลูกอยู่ที่คลินิกสักพักก่อนจะกลับออกไป มันเป็นเพราะหวังยี่หลงค่อนข้างพูดมากเป็นพิเศษ ในเมื่อไม่มีคนไข้เข้ามา หวังเย้าจึงคุยเป็นเพื่อเขา ทั้งสองพูดคุยกันในหลายๆหัวข้อ หวังเจ๋อเชิงนั่งอยู่เป็นเพื่อนและไม่ได้คุยอะไรมากนัก

หลังออกมาจากคลินิกแล้ว หวังเจ๋อเชิงก็ยิ้มและถามว่า “พ่อ วันนี้มีความสุขไหม?” เขารู้สึกได้ว่า พ่อของเขามีความสุขมาก ตั้งแต่ตื่นเช้ามา พ่อของเขาก็มีรอยยิ้มติดอยู่บนใบหน้าแทบจะตลอดเวลา

“อืม” ชายชราพูดด้วยรอยยิ้ม

“เที่ยงนี้ เราดื่มกันสักหน่อยดีไหม?”

“พ่อดื่มได้เหรอ?”

“ลุงดื่มได้ครับ แต่ดื่มให้น้อยสักหน่อย” เสียงของหวังเย้าดังออกมาจากด้านในคลินิก สองพ่อลูกยังเดินไปได้ไม่ไกล เขาจึงยังได้ยินบทสนทนาของทั้งสองได้อย่างชัดเจน

“ไม่มีทาง! นายได้ยินด้วยเหรอเนี่ย!” หวังเจ๋อเชิงหันกลับไปด้วยท่าทีประหลาดใจ

“เอาเถอะ ถึงเขาได้ยินก็ไม่เห็นจะเป็นไร” ชายชรายิ้มและโบกมือ “เขาบอกแล้วว่าพ่อดื่มได้ งั้นก็ดื่มสักแก้วสองแก้วก็แล้วกัน”

หวังเจ๋อเชิงคิด มันไม่ใช่แก้วสองแก้วสักหน่อย เขาแค่พูดว่าดื่มได้น้อยๆต่างหาก นั่นคือสิ่งที่เขาคิด แต่เขาก็ไม่ได้พูดออกมา เพราะเห็นท่าทางมีความสุขของชายชรา เขาก็มีความสุขเช่นเดียวกัน ช่วงนี้ เขาได้เคยถามหวังเย้าเรื่องพ่อของเขา เขาจึงได้รู้ว่า อาการป่วยของพ่อเขาใกล้หายดีแล้ว

เมื่อเขาได้ยินข่าว เขาก็แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง นี่มันคือโรคอะไร? มันคือโรคที่รักษาไม่หาย โรงพยาบาลขนาดใหญ่นับไม่ถ้วนที่รักษาไม่ได้ พวกเขาทำได้แค่เพียงมองดูคนไข้ที่ผ่ายผอมลงไป คนไข้ที่เจ็บปวดทุกข์ทรมาน และในที่สุดก็ยอมแพ้และตาย แต่ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเขากลับสามารถรักษาพ่อของเขาได้ เขาสามารถรักษามันได้จริงๆ ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป มันคงกลายเป็นเรื่องที่น่าตื่นตะลึงอย่างที่ไม่มีใครคิดภาพออก

“ตอนนี้ พอพ่อคิดดูแล้ว เราถือว่าโชคดีมากนะที่ไม่ได้ขายบ้านไป” อยู่ๆชายชราก็พูดขึ้นมา

“อืม ใช่”

“เดิมที พวกเขาอยากขายบ้านและย้ายเข้าไปอยู่ในตัวเมือง แต่ชายชรากลับดึงดันที่จะรักษาบ้านของพวกเขาเอาไว้ ในเวลานั้น ชายชราคิดว่า จะรังทองหรือรังเงินก็ดีไม่เท่ากับรังสุนัขของเขา คนเราเมื่อแก่ตัวลงก็มักยึดติดกับความหลัง แล้วเขาก็อาจไม่คุ้นชินกับชีวิตบนตึกด้านนอกนั้นด้วย บ้านของลูกชายเขาเพิ่งสร้างมาได้ไม่นาน มันคงน่าเสียดายถ้าต้องขายออกไป เขาจึงขายบ้านของตัวเองและแลกเปลี่ยนเป็นบ้านบนตึกในตัวเมือง ชายชราสามารถให้ลูกชายและครอบครัวของเขาไปอยู่ในเมืองได้ ส่วนเขาก็ยังหวังว่าจะได้อยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ต่อไป ถึงยังไงเขาก็อยู่ที่นี่มาหลายสิบปีแล้ว มันเป็นเรื่องยากที่เขาจะทอดทิ้งบ้านเกิดไป

ตอนนี้ ดูเหมือนว่าการตัดสินใจในตอนนั้นของเขาจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ในหมู่บ้านเหลือคนอยู่ไม่มากแล้ว แต่คนที่ยังอยู่ก็คือคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน พวกเขาเข้ากันได้เป็นอย่างดี และว่างๆพวกเขาก็มักจะพูดคุยกันในเรื่องทั่วๆไป ที่สำคัญไปกว่านั้น คลินิกของหวังเย้าก็อยู่ที่นี่ มันสะดวกกว่ามากในการไปรักษาที่นั่น

ในตอนที่สองพ่อลูกคุยกันอยู่นั้น รถคันหนึ่งได้ขับเข้ามาในหมู่บ้านและหยุดลงที่ด้านนอกคลินิก

ป้ายทะเบียนรถแสดงให้รู้ว่ามาจากเมืองอื่น

“รถคันนั้นมาจากเมืองเต๋าใช่รึเปล่า?”

“พวกเขามาตั้งไกลเพื่อมารักษากับเสี่ยวเย้าเนี่ยนะ?”

มีสามคนลงมาจากรถ พวกเขาทั้งสามเป็นครอบครัวเดียวกัน สองสามีภรรยาอยู่ในวัยสามสิบและดูสุขภาพแข็งแรงดี มีเด็กอายุประมาณ 6-7 ขวบมากับพวกเขาด้วย เด็กชายสีหน้าไม่ค่อยดีนัก แววตาของเขาทึมทื่มราวกับนอนหลับไม่สนิทมาเมื่อคืน

“ที่นี่ถูกรึเปล่า?”

ใช่ ที่นี่แหละ” เขาพูด

“เข้าไปกันเถอะ”

สามคนพ่อแม่ลูกเดินเข้าไปในคลินิก พวกเขาเดินผ่านประตูและเข้าสู่สวนขนาดเล็ก ถึงมันจะเป็นฤดูหนาว แต่ภายในสวนขนาดเล็กก็ยังคงมีสีเขียวแซมอยู่ ทำให้คนมองรู้สึกสดชื่นตามไปด้วย ที่มากไปกว่านั้น สภาพอากาศภายในก็ยังไม่หนาวเย็นเท่าด้านนอก

พวกเขามองไปที่หวังเย้าที่กำลังอ่านตำราแพทย์อยู่ เขาเหมือนกับข่าวลือที่ว่า เขายังอายุน้อยมาก

“สวัสดีครับ หมอหวัง”

“สวัสดีครับ เชิญนั่งก่อน ต้องการให้ผมรักษาใครครับ?” ถึงเขาจะถามออกไปแบบนั้น แต่สายตาของหวังเย้าก็ตกไปที่เด็กชายอยู่ก่อนแล้ว

สีหน้าของเขาแย่มาก!

“ช่วยตรวจลูกชายของเราด้วย เขามีผื่นขึ้นตลอดเวลาเลยค่ะ” ในตอนที่เธอพูด เธอก็เลิกเสื้อของเด็กชายเพื่อให้เห็นหน้าท้องกับแผ่นหลังของเขา มีผดเล็กๆและผื่นเป็นปื้นนูนแดงตามตัวเด็ก มันมีขนาดประมาณเม็ดข้าว ดูน่ากลัวเล็กน้อย

“ยังมีอาการอื่นอีกไหมครับ?” หวังเย้าถาม

“มีค่ะ เขาไม่ค่อยกินข้าวเท่าไหร่” เธอพูด “ตอนกลางคืนก็นอนหลับไม่สนิทและท้องเสียง่ายด้วย”

ลูกชายของพวกเขาป่วยแบบนี้มาได้สักพักแล้ว เขาได้เข้ารับการรักษาจากโรงพยาบาลดีดีหลายที่ในเมืองเต๋า และยังได้รักษาทั้งจากแพทย์แผนตะวันตกและแพทย์แผนจีน แต่กลับไม่ได้ผลเลย ไม่นานมานี้ พวกเขาได้ยินมาว่า มีหมออายุยังน้อยในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่มีฝีมือการรักษายอดเยี่ยม พวกเขาจึงทำการค้นหาในเวยป๋อและพบว่าเคยมีคนจากเมืองเต๋าเดินทางไปรักษากับเขามาก่อน พวกเขาทั้งหมดได้รับการรักษาจนหายดี ทั้งสองจึงหาเวลาเพื่อพาลูกของพวกเขามาที่คลินิก

“ผมขอตรวจดูก่อนนะครับ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ต้องกลัวนะ” เขาปลอบโยนเด็กชายด้วยสายตาและน้ำเสียงที่อ่อนโยน

มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ พิษได้เข้าสู่กระแสเลือด หยินหยางไม่สมดุลจนทำให้เกิดผดผื่นขึ้นมา ปริมาณยาที่เขากินเข้าไปในหลายเดือนที่ผ่านมานับว่าไม่น้อยเลย ยามีสามส่วนที่เป็นพิษ ทำให้อวัยวะภายในของเขาเกิดความเสียหาย จนส่งผลต่อสภาพจิตใจของเขา อาการไม่อยากอาหารและท้องเสียถือเป็นปฏิกิริยาปกติ

“หมอคะ?” ผู้เป็นแม่ถาม

“ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากครับ” หวังเย้าพูด “หลังจากกินยาไปสักพักเขาก็จะดีขึ้นเอง”

“จริงเหรอคะ?” เธอไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน หลายเดือนที่ผ่านมา เธอกับสามีวิ่งวุ่นไปทั่วเพราะอาการป่วยของลูกชาย พวกเขาเดินทางไปตามโรงพยาบาลทั้งในเมืองเต๋าและในตัวจังหวัด ถ้าไม่ใช่เพราะมีเพื่อนคนหนึ่งแนะนำมา พวกเขาอาจเดินทางเข้าปักกิ่งแทนที่จะมาที่คลินิกแห่งนี้

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด