ตอนที่แล้วSTY-ตอนที่ 57 ใสหัวออกไป!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSTY-ตอนที่ 59 สร้างสถานการณ์วีรบุรุษช่วยสาวงาม!

STY-ตอนที่ 58 ข้าคือปรมาจารย์ยุทธ์ผู้อยู่ยงคงกระพัน!


บนท้องฟ้าเหนือแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์

นายน้อยตระกูลสูงศักดิ์และอัจฉริยะจากกองกำลังต่าง ๆ ได้ขี่กระบี่บินของพวกเขา

เมื่อพวกเขามาถึงแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ พวกเขาก็ได้แสดงลักษณะที่โดดเด่นออกมา กระทั่งผู้ติดตามที่พวกเขาพามาก็ยังอยู่ในอาณาจักรมหายาน แม้แต่ผู้ที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขาก็ยังอยู่ในขั้นปลายของอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่า

นอกจากนี้ ยังมีผู้แข็งแกร่งและอ่อนแอในหมู่นิกายอมตะและแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มาอีกด้วย นิกายอมตะที่ทรงพลังกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ แน่นอนว่าหลังจากที่พวกเขาได้ยินว่า มีปรมาจารย์ยุทธ์ที่มีพลังในอาณาจักรเทวะปรากฏตัวขึ้นในแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ พวกเขาก็เลยมาเยี่ยมเยือน

การปรากฏตัวของ ปรมาจารย์ยุทธ์ในอาณาจักรเทวะ ทำให้ แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุด

และเหล่านิกายอมตะที่อ่อนแอพวกเขาก็มาเยี่ยมเยือนแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์โดยหวังว่าจะได้รับการสนับสนุน

ดังนั้นเกือบทั้งหมดที่มาจึงเป็นประมุขน้อยของนิกายหรือศิษย์หลักจากนิกายต่าง ๆ

เพราะนอกจากการไปเยี่ยมปรมาจารย์ยุทธ์ผู้อยู่ยงคงกระพันแล้ว พวกเขาก็ยังมีจุดประสงค์อื่น

7 เทพธิดาแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ พวกนางมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากหลังจากการต่อสู้ ไม่เพียงแต่ พวกนางยังงดงามราวกับบุพผาและหยก แต่พวกนางยังทรงพลังและมีพรสวรรค์ที่ท้าทายสวรรค์

ดังนั้นใครบ้างที่ไม่อยากจะใกล้ชิดกับเทพธิดาเช่นพวกนาง?

ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่พวกเขาต้องการมากกว่าก็คือการแต่งงาน การใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกัน และ ฝึกฝน!

ดังนั้น หากได้ครอบครอง 1 ใน 7 ของเทพธิดาแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ได้ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะได้รับคู่บ่มเพาะพลังกลับไปที่นิกายของพวกเขา แต่พวกเขายังได้รับความโปรดปรานจากแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์อีกด้วย อีกทั้ง ยังได้รับการคุ้มครองจากปรมาจารย์ยุทธ์ผู้อยู่ยงคงกระพันคนนั้น

อย่างไรก็ตาม อุดมคติของพวกเขาแม้จะสวยงาม แต่ก็บอบบางเกินไป

เย่เฉิน ชื่นชอบ ศิษย์พี่ทั้ง 7 ของเขา

หากมีใครกล้าที่จะชื่นชอบศิษย์พี่หญิงของเขา เย่เฉิน จะทำให้พวกมันพิการและโยนพวกมันออกไปจากแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ดังนั้น การที่อีกฝ่ายหวังว่าเขาจะปกป้องพวกเขานั้นเป็นสิ่งที่ผิดอย่างมหันต์

“พี่ชาย ดูเหมือนว่าท่านเองก็มาเยี่ยมท่านปรมาจารย์ยุทธ์ผู้อยู่ยงคงกระพันงั้นสินะ!”บุรุษหนุ่มที่ขี่กระบี่บินมาเขาได้หันไปทักชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้าง

คนที่พูดก็คือ เมิ่งจื่อฉิว ศิษย์คนสุดท้ายของนิกายอินทรีหิมะ

“ที่แท้ก็เป็นพี่ชาย เมิ่งจื่อฉิว ดูเหมือนว่าพวกเราจะมีเป้าหมายเดียวกัน!”ฮวางเต๋า ได้ทักทายกลับ

ฮวางเต๋า เป็นประมุขน้อย ของ ตำหนักแห่งโชคชะตาอมตะ ทั้งสองที่พบกันบนท้องฟ้า เหนือแดนแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ได้ทักทายซึ่งกันและกัน

“พี่เต๋า ข้าไม่คิดว่าท่านจะเดินทางไปเพื่อเยี่ยมเยือนแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์เพียงเพราะอยากจะพบท่านปรมาจารย์ยุทธ์เพียงอย่างเดียวหรอกใช่มั้ย?”เมิ่งจื่อฉิว ได้เปิดเผยรูปลักษณ์ที่เข้าใจออกมาทันที

“โอ้ หรือว่า พี่จื่อฉิว มีแรงจูงใจอื่น?”ฮวางเต๋า ได้ถามกลับ

ในขณะนี้ เมิ่งจื่อฉิว ได้หัวเราะดังลั่น “ทุกคนต่างก็บอกว่าเทพธิดาทั้ง 7 ของ แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ นั้นเป็นผู้อมตะที่สืบเชื้อสายมาจากโลกมนุษย์ คราวนี้ ข้าก็มาที่นี่เพื่อมองหาการแต่งงาน และ ดูว่าข้าอาจจะสามารถแต่งงานกับ 1 ในนั้นได้หรือไม่”

ฮวางเต๋า ที่ได้ยิน ก็ยิ้มเช่นเดียวกัน “เห้อ ด้วยความแข็งแกร่งของพี่ชายจื่อฉิว ข้าเชื่อว่ามันไม่น่าจะยาก น่าเสียดาย ที่ข้าคนนี้ก็มีความตั้งใจเหมือนกัน ดังนั้น ข้าจึงไม่คิดที่จะยอมแพ้!”

ทั้งสองได้ขี่กระบี่และสนทนาร่วมกัน

แต่ในขณะนี้ พวกเขาก็ค้นพบว่ามีจุดสีดำอยู่แถวนึงบนขั้นบันไดหินของ แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์

“นั่นคืออะไร?”

ในเวลานี้ พวกเขาได้เพ่งตามอง

พวกเขาพบผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรมหายาน 2 คน กำลังนำ ซ่งอวี๋เซียง กลิ้งไปบนบันไดหินและออกจากประตูภูเขาของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์

เมื่อ ผู้ใต้บังคับบัญชาของตระกูลซ่ง เห็นว่าเจ้านายของพวกเขากำลังกลิ้งอยู่ พวกเขาก็ได้ติดตาม ซ่งอวี๋เซียง กลิ้งลงบันไดหิน

เมื่อเห็นเช่นนี้ ฮวางเต๋า และ เมิ่งจื่อฉิว ต่างก็ประหลาดใจ

พวกเขาที่อยู่บนท้องฟ้า ไม่กล้าที่จะขี่กระบี่บินอีกต่อไป เพราะดูเหมือนว่าพวกเขาจะตกตะลึง

“นั่น…ไม่ใช่ว่าเขาคือ ซ่งอวี๋เซียง จากตระกูลซ่งของเมืองหยุนไท่หรอกเหรอ?ข้าได้ยินมาว่าเมื่อวานนี้เขามาที่นี่เพื่อขอแต่งงานกับศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์”ในขณะนี้ ฮวางเต๋า ได้กล่าวออกมา

“ว่าแต่…มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”เมิ่งจื่อฉิว ก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน

ภายในยอดเขาหยกอมตะ

ในตอนนี้ เหล่าศิษย์ที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งหมดล้วนถูกสั่งให้กลับไปโดย เซียนหยกอมตะ

เซียนหยกอมตะ ได้มองไปที่ เย่กู่เฉิง ด้วยความประหลาดใจ เพราะว่า คนผู้นี้ แท้จริงแล้วก็คือบุตรชายของนาง “เฉินน้อย เจ้า…เจ้าคือศิษย์คนสุดท้ายของท่านปรมาจารย์ยุทธ์จริงหรือ?”

ต่อหน้าแม่และศิษย์พี่ของเขา เย่เฉิน ไม่ได้ปลอมตัวอีกต่อไป โดยเขาได้แปลงกายกลับเป็น เย่เฉิน คนเดิม

ศิษย์พี่หญิงรอง ศิษย์พี่หญิงสาม ศิษย์พี่หญิงห้า และ ศิษย์พี่หญิงหก ต่างก็รู้จักตัวตนที่แท้จริงของ เย่เฉิน

ดังนั้นพวกนางจึงไม่ได้ประหลาดใจอะไร

แต่ทว่าพวกนางได้ให้สัญญากับ เย่เฉิน ไว้ว่าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ

สำหรับ แม่ของ เย่เฉิน ศิษย์พี่หญิงใหญ่ ศิษย์พี่หญิงสี่ และ ศิษย์พี่หญิงเจ็ด พวกนางยังไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้

แต่หลังจากผ่านเรื่องต่าง ๆ มา ศิษย์พี่หญิงใหญ่ ก็พอจะสงสัยในตัวตนของ เย่เฉิน อยู่บ้าง

ศิษย์พี่หญิงสี่ เกิดมาพร้อมกับจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่และมีไหวพริบเล็กน้อย โดยพื้นฐานแล้ว นางจึงไม่ได้อยากคิดเกี่ยวกับมันมากนัก

ส่วนบุคลิกของ ศิษย์พี่หญิงเจ็ดนั้นหยิ่งผยองจนเกินไป ทำให้นางไม่กล้าที่จะเชื่อเรื่องเหล่านั้น

มิฉะนั้น ด้วยเบาะแสบางอย่างที่ได้จากการใช้เวลาทั้งวันคืนกับ เย่เฉิน มีหรือที่พวกนางจะไม่รู้

ศิษย์พี่หญิงเจ็ดมองไปที่ เย่เฉิน ด้วยความตกใจและกล่าวถาม “เย่เฉิน เจ้าเป็นศิษย์คนสุดท้ายของท่านปรมาจารย์ยุทธ์จริงงั้นเหรอ?”

ศิษย์พี่หญิงสี่ นางไม่ได้สนใจเกี่ยวกับสถานะตัวตนของ เย่เฉิน มากนัก

แม้ว่า นางจะรู้สึกตกตะลึง แต่ทว่า หัวใจของนางก็ใสราวกับกระจก ถึงแม้ว่านางจะไม่รู้ว่า เย่เฉิน มีลักษณะอย่างไร แต่ ศิษย์น้องเล็ก ก็ยังคงเป็น ศิษย์น้องเล็กของนาง

ก่อนที่ เย่เฉิน จะพูดอะไร ศิษย์พี่หญิงเจ็ด ก็ได้กล่าวพูดออกมา “หึ่ม ไม่ต้องห่วง ข้าไม่มีทางอิจฉาเจ้าเพียงเพราะเจ้าเป็นศิษย์คนสุดท้ายของท่านปรมาจารย์หรอก ใช่แล้ว ข้าไม่อิจฉาเลย!”

“นอกจากนี้ ข้ายังได้ค้นพบเหตุผลที่ข้าได้พ่ายแพ้ให้แก่เจ้าแล้ว ถ้าเจ้าคือศิษย์ของท่านปรมาจารย์ยุทธ์จริง ข้าก็ยินดีด้วย นอกจากนี้ ตราบใดที่เจ้าให้เวลาข้า ข้าย่อมสามารถเอาชนะเจ้าได้อย่างแน่นอน!”

ศิษย์พี่หญิงเจ็ด ได้เท้ามือบนสะโพกของนางและกล่าวพูดด้วยท่าทางที่ภาคภูมิใจ

เย่เฉิน ได้มองไปที่ ศิษย์พี่หญิงเจ็ดของเขา แม้ว่าหน้าอกของนางจะราบแบน แต่ด้วยบุคลิกที่น่าภาคภูมิใจของนาง มันก็ได้จุดกระตุ้นความคิดของเขา

ในตอนนี้ เย่เฉิน ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ออกมาดี

บางทีมันคงถึงเวลาที่จะต้องบอกศิษย์พี่ของเขาและแม่ของเขา

ตอนนี้ มีศิษย์พี่หญิงทั้ง 4 รู้จักตัวตนของ เย่เฉิน แล้ว

ถ้าคนอื่น ๆ ไม่รู้ บางทีมันอาจจะไม่ยุติธรรมกับพวกนาง

เย่เฉิน ได้ถอนหายใจออกมาและกล่าวพูดกับพวกนาง “ท่านแม่ ศิษย์พี่ อันที่จริง ข้ามีเรื่องบางอย่างที่ยังไม่ได้บอกพวกท่าน”

ในตอนนี้ เย่เฉิน ได้หยิบจี้หยกแล้วกล่าวพูดออกมา “อันที่จริง ตัวตนของปรมาจารย์ยุทธ์ไม่มีอยู่จริง และ ข้าก็คือปรมาจารย์ยุทธ์คนนั้น”

ทันทีที่คำเหล่านี้เอ่ยออกมา

เซียนหยกอมตะ และ ใบหน้าของศิษย์พี่หญิงเจ็ด ก็ตกใจอย่างหาที่เปรียบมิได้

เซียนหยกอมตะ มองไปที่ บุตรชายของนางด้วยท่าทางไม่เชื่อและกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “เฉินเอ๋อร์…เจ้าบอกว่า…ปรมาจารย์ยุทธ์ก็คือเจ้างั้นหรือไม่?”

เย่เฉิน ไม่ได้จำกัดความแข็งแกร่งของเขาและปลดปล่อยพลังของเขาออกมาโดยตรง จากนั้นเขาก็มองไปที่ เซียนหยกอมตะ และกล่าวออกมา “ท่านแม่ ข้อขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะปิดบัง มันก็แค่…”

ก่อนที่ เย่เฉิน จะพูดจบ เซียนหยกอมตะ ก็โผกอดเย่เฉินและกล่าวออกมา “เฉินเอ๋อร์ แม่มีความสุขมาก แม่แค่กลัวว่าเจ้าจะลำพองเกินไปเพราะความสามารถที่ยอดเยี่ยมของเจ้า แต่ตอนนี้ เห็นเจ้าระมัดระวังตัวเอง แม่ก็รู้สึกโล่งใจ!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า…บุตรชายของข้ามีลักษณะของจักรพรรดิอย่างที่คิดเอาไว้!”เซียนหยกอมตะ ได้หัวเราะออกมาเสียงดัง

ในขณะนี้ ศิษย์พี่หญิงเจ็ด ได้มองไปที่ เย่เฉิน ด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงและพึมพัมออกมา “เย่เฉิน เจ้า…เป็นเจ้า…เจ้าคือปรมาจารย์ยุทธ์ผู้อยู่ยงคงกระพันคนนั้น?”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด