ตอนที่แล้วEp.222 - หุ่นรบทหารโนมส์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.224 - พลังของโพชั่นมนตรา

Ep.223 - โนมส์นักกลั่นโพชั่นมนตรา


1/3

Ep.223 - โนมส์นักกลั่นโพชั่นมนตรา

ที่หลบภัยของโนมส์คือฐานที่มั่นของมอนสเตอร์

ในโลกวิญญาณ ไม่ว่าจะเป็นฐานที่มั่นหรือพื้นที่มอนสเตอร์ป่า เลเวลของมอนสเตอร์ ประเภท หรือแม้กระทั่งกิจกรรมต่างๆเช่นอยู่รวมเป็นกลุ่มหรือกระจายตัว อะไรพวกนี้จะมีกฏบางอย่างที่ต้องปฏิบัติตามเสมอ ทว่ากฏเหล่านี้ไม่ได้ตายตัว บางครั้งอาจมีบางกรณีที่เปลี่ยนแปลง

ตัวอย่างเช่น มีมอนสเตอร์เผ่าอื่นรุกรานเข้ามา

หรือจู่ๆก็มีมอนสเตอร์ในพื้นที่นั้นๆก็สามารถปลุกภูมิปัญญาขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน

บางครั้งการรีเฟรชใหม่อาจสร้างกับดักหรือมอนสเตอร์ประเภทที่ต่างไปจากเดิม

แต่โดยทั่วไปแล้ว ตัวแปรที่จะเกิดเหตุการณ์ที่ต่างออกไปในช่วงต้นเกมนั้นน้อยมาก ตราบใดที่เข้าใจกฏเกณฑ์โดยรวม ตราบใดที่เข้าใจการโอกาสของเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปได้ คุณก็จะรู้วิธีรับมือศัตรู เหมือนอย่างเช่นที่ฮังอวี่ทำในทุกๆวันนี้

ที่หลบภัยของโนมส์ในอาณาเขตใหญ่อย่างป่าแห่งการเริ่มต้นคือฐานที่มั่นขนาดเล็กเลเวล 7

มอนสเตอร์ที่ปรากฏขึ้นที่นี่โดยทั่วไปแล้วจึงเป็นมอนสเตอร์เลเวล 7 ส่วนใหญ่เป็นหุ่นรบทหารโนมส์และหุ่นมนตราระดับสามัญ ซึ่งต่อให้ตายแล้วเกิดการรีเฟรชใหม่ พวกมันก็จะเหมือนเดิมทุกครั้ง

หุ่นรบทหารโนมส์แต่ละตัวจะนำทัพหุ่นมนตราติดตามมาด้วยราวๆ 20 - 30 ตัว

พวกมันมีความสามารถในการโจมตีระยะไกลอันทรงพลัง และยากที่จะกำจัดเพียงลำพัง เพราะเมื่อเริ่มระดมยิงแล้ว ต่อให้เป็นฮังอวี่ก็คงรับมือคนเดียวไม่ไหว

ทว่าด้วยพลังรบของเจ็ดคนหนึ่งสุนัข

เรื่องรับมือจึงไม่ใช่ปัญหา

ฮังอวี่ยังรู้ด้วยว่าที่หลบภัยของโนมส์นั้น นอกจากหุ่นรบทหารโนมส์กับหุ่นมนตราแล้ว ส่วนใหญ่ยังมีกับดักหรือมอนสเตอร์อีกจำนวนมากที่มีโอกาสปรากฏตัวขึ้นแบบสุ่ม

ตัวอย่างเช่นมอนสเตอร์ระดับ BOSS สองประเภท

ประเภทแรกคือ ‘โนมส์นักกลั่นโพชั่นมนตรา’

ประเภทที่สองคือ ‘โนมส์นักกลั่นศาสตร์เหนี่ยวนำมนตรา’

สองตัวนี้เป็นมอนสเตอร์ระดับเจ้าถิ่น พวกมันจะไม่ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน แต่จะโผล่มาแค่ตัวเดียว ประเภทแรกเป็นระดับเจ้าถิ่นขั้นซิลเวอร์ อย่างหลังอ่อนแอกว่าภูติปีศาจการ์กอยล์หินเล็กน้อย

ส่วนวิธีกำราบมันแบบเฉพาะเจาะจง

ฮังอวี่ยังไม่เคยเจอพวกมันมาก่อน จึงยากที่จะสรุป

ในอนาคต เมื่อเลเวลในพื้นที่สูงขึ้น การเปลี่ยนแปลงแบบสุ่มก็จะยิ่งมากขึ้น ซึ่งนี่เป็นเรื่องปกติธรรมดา

ทีมของเขาเริ่มออกล่ามอนสเตอร์กลุ่มอื่น

หลังจากผ่านประสบการณ์ล่าครั้งแรกมาแล้ว ครั้งต่อมาจึงมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นถึง 30%

ฉินมู่มาถึงก็ตัดสินใจใช้ ‘โรงละครแห่งความเงียบ’ ทันที

นี่ก็เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มอนสเตอร์ตัวอื่นที่อยู่ใกล้ๆเข้ามาสร้างปัญหาระหว่างต่อสู้

ในเวลานี้ จ้าวหมิงเริ่มต้นด้วยสกิลโล่กระแทก พุ่งเข้าชนหุ่นรบทหารโนมส์เพื่อดึงดูดกการโจมตีของมัน จากนั้นใช้โล่จู่โจมและพลรบคำราม สองสกิลที่มีเอฟเฟกต์มึนงง

ฮังอวี่และฉูเทียนหัวจะใช้โอกาสนี้เข้าไปสังหารหุ่นมนตราที่อยู่ข้างหลัง

จางเสี่ยวเฉียงกับเฉินหยูคอยโจมตีด้วยเวทมนตร์จากระยะไกล

เจียงหนานมีหน้าที่รักษาทุกคน

เมื่อการต่อสู้จบลง ฮังอวี่รู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าแต้มวิญญาณสะสมในตัวเขามาถึงจุดตัดผ่านแล้ว

1980, 1990, 2000!

เมื่อแต้มวิญญาณเพิ่มขึ้นถึงจุดตัดผ่าน ภายในตัวเขาพลันเกิดการระเบิดขึ้น เป็นการระเบิดของพลังงาน พลังงานไหลผ่านไปทั่วตั้งตัว มันช่วยให้เขาเกิดความรู้สึกว่าร่างกายได้รับการพัฒนาขึ้นในทุกๆด้าน

อัพเลเวล!

ก้าวขึ้นสู่เลเวล 7!

ฐานคุณสมบัติของฮังอวี่มีดังนี้

นักรบเลเวล 7 พลังชีวิต 66 , พลังจิต 40 , พละกำลัง +9 , ค่าร่างกาย+6 , ความว่องไว +3 , จิตวิญญาณ +3 , จิตรับรู้ +2 , การโจมตีทางกายภาพ +4 , การป้องกันทางกายภาพ +4 , ความเร็วในการเคลื่อนที่ +0.5 , อัตราฟื้นฟูพลังชีวิตเพิ่มขึ้น +0.1, , อัตราฟื้นฟูพลังจิตเพิ่มขึ้น +1 แต้มวิญญาณ 1/3000

พลังชีวิตเพิ่มขึ้นกว่า 10 หน่วย

พลังจิตเพิ่มขึ้น 4 หน่วย

และนี่คือข้อมูลที่ยังไม่ได้รับโบนัสจากอุปกรณ์ชิ้นใดๆ

แม้ฮังอวี่จะไม่ได้สวมชุดเซ็ทผู้พิทักษ์ต้นไม้ แต่พลังชีวิตของเขาก็ยังสามารถทะลุผ่านเลข 7 มาได้อย่างง่ายดายโดยอาศัยโบนัสร่างกายจากชุดเซ็ทเครื่องประดับมนุษย์หมูป่า

แม้ค่าคุณสมบัติอื่นๆเหมือนจะไม่เพิ่มขึ้น

ทว่าเขาสัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่าพละกำลัง ความว่องไว และร่างกาย ประสิทธิภาพของพวกมันเพิ่มขึ้นทั้งหมด

การอัพเลเวลของผู้เล่นอาจไม่ช่วยในการเพิ่มค่าฐานคุณสมบัติต่างๆโดยตรง

อย่างไรก็ตาม เลเวลที่เพิ่มขึ้นจะช่วยให้เราแข็งแกร่งขึ้น

สมมติเช่นค่าพละกำลัง 1 หน่วยของนักรบเลเวล 6 สามารถทำให้ผู้เล่นยกน้ำหนักได้ 1000 ปอนด์

แต่สำหรับนักรบเลเวล 7 ค่าพละกำลัง 1 หน่วย สามารถทำให้ผู้เล่นยกน้ำหนักได้ 1050 ปอนด์

และนักรบเลเวล 5 อาจยกน้ำหนักได้แค่ 970 ปอนด์ เท่านั้น

เป็นผลให้การอัพเลเวลจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก

ฮังอวี่ในเลเวล 7  จึงแข็งแกร่งกว่าในตอนเลเวล 6 อย่างเห็นได้ชัด

อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่สังเกตเห็นว่าจากเลเวล 7 ไปเลเวล 8 ต้องใช้แต้มวิญญาณสะสมถึง 3000 แต้ม ชัดเจนว่าความยากในการอัพเลเวลสูงขึ้นเรื่อยๆ

พลังวิญญาณ 3000 แต้มไม่ใช่อะไรที่สามารถรวบรวมจนครบได้ในหนึ่งหรือสองวัน

ดังนั้น เขาตัดสินใจว่าแต้มวิญญาณที่จะได้รับหลังจากนี้ ทั้งหมดจะนำไปอัพเลเวลสกิล พลังรบโดยรวมจะได้สูงขึ้น

คนอื่นๆต่างตกใจกับการอัพเลเวลของฮังอวี่

เจียงหนานยังอยู่ในเลเวล 5 อยู่เลย และในหกคนที่เหลือ ฉูเทียนหัวสามารถก้าวหน้าได้เร็วที่สุดก็จริง แต่เขาพึ่งสะสมแต้มวิญญาณได้แค่ 1000 แต้มเท่านั้น ยังขาดอีกครึ่งนึงถึงจะอัพเลเวล 7 ได้

และสาเหตุที่ฉูเทียนหัวสามารถอัพเลเวลได้อย่างรวดเร็วก็เนื่องมาจากเขาได้รับทรัพยากรจากทางกองทัพ ทุกครั้งที่กลับโลกจริง เขาจะได้รับผลไม้ปราณวิญญาณ

ถึงยังงั้นก็ยังไม่สามารถไล่ตามฮังอวี่ทัน

อธิบายเท่านี้ คุณคงพอจินตนาการได้ ว่าฮังอวี่สามารถอัพเลเวลได้เร็วแค่ไหน

แม้จะแก้ตัวว่าก็ฉูเทียนหัวเรียนรู้มรดกขั้น 1 ครบไปแล้วถึง 2 อาชีพ แต่อย่าลืมว่าฮังอวี่เองก็เรียนรู้มรดกขั้น 1 ครบสองอาชีพเช่นกัน แถมเขายังเรียนสกิลขั้น 2 ไปบ้างแล้วด้วย

นอกจากนี้ เขายังมีฮัสกี้ที่กำลังจะตัดผ่านสู่เลเวล 5!

ช่องว่างความห่างชั้นสามารถลองจินตนาการดูได้!

อันที่จริงแล้ว เหตุผลที่ฮังอวี่สามารถพัฒนาได้ไวขนาดนี้ ส่วนใหญ่ต้องขอบคุณการเลือกกลยุทธ์ที่ถูกต้องของเขา

ในช่วงต้นเกม ฮังอวี่พยายามเลือกออกสู้เพียงลำพัง

ไม่ใช่จับกลุ่ม

เพราะนั่นจะทำให้การสะสมแต้มวิญญาณเป็นไปอย่างเชื่องช้า

เขาจะจับมือกับคนอื่นๆเมื่อยามจำเป็นเท่านั้น

มีแต่ต้องทำแบบนี้ถึงจะรับประกันได้ว่าตนจะได้รับผลกำไรสูงสุด

หากฮังอวี่ทำเหมือนเหล่าจ้าวหรือหัวหน้าค่ายคนอื่นๆตั้งแต่เริ่ม รีบสร้างทีมของตัวเอง แน่นอนว่าข้อดีคือเขาสามารถวางรากฐานของทีมได้ล่วงหน้า แต่ขณะเดียวกัน ข้อเสียคือถูกทีมถ่วงแข้งถ่วงขา เขาจะได้รับหน้าที่เป็นเหมือนพ่อคอยดูแลลูก ซึ่งการดูแลสมาชิกในทีมต้องใช้ทรัพยากรมหาศาล

และนั่นย่อมทำให้ไม่สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดเช่นนี้

พูดไปพูดมา

สุดท้ายแล้วอนาคตคือพื้นที่ของคนแข็งแกร่ง

ฮังอวี่เชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าต้องพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของตัวเองเท่านั้นจึงจะมีคุณสมบัติมากพอในการสร้างขุมกำลังของตัวเอง

ตอนนี้แค่ต้องก้าวต่อไปเรื่อยๆ

อย่ารีบร้อนผลีผลาม!

หลังจากฮังอวี่อัพเลเวลแล้ว พลังรบของเขาแข็งแกร่งขึ้นมาก ทำให้ทุกคนสามารถกวาดล้างบริเวณรอบนอกของที่หลบภัยโนมส์ได้เสร็จสิ้น

หุ่นรบทหารโนมส์กว่าสิบสองตัวถูกกำจัด

หุ่นมนตรากว่า 300 ตัว และมอนสเตอร์โนมส์ที่พบเจอต่างถูกสังหาร

แต้มวิญญาณที่เก็บเกี่ยวได้ถือว่าน่าพอใจมาก แต่เสียดายที่มอนสเตอร์เหล่านี้เกือบทั้งหมดไม่ดรอปอุปกรณ์ ส่วนใหญ่ดรอปเป็นวัสดุเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อฮังอวี่ทำการวิเคราะห์หุ่นรบทหารโนมส์ตัวสุดท้าย

ทันใดนั้น เขารู้สึกได้ถึงเส้นแสงสายหนึ่งวาบผ่านเข้ามาในจิตใจ ข้อมูลปรากฏขึ้นในจิตวิญญาณเขา พริบตานั้น ความรู้นับไม่ถ้วนผสานเข้าด้วยกัน ก่อตัวเป็นพิมพ์เขียวฉบับสมบูรณ์

[ภาพวาดการผลิตเครื่องพ่นไฟระดับต่ำของโนมส์] พิมพ์เขียวเหนี่ยวนำมนตราเลเวล 7 สีขาวคุณภาพสูง

ไม่น่าเชื่อว่าจะได้พิมพ์เขียวมาจริงๆ

ฮังอวี่ล้มเหลวในการได้รับวิธีผลิตหุ่นรบมนตรา

อย่างไรก็ตาม เขาประสบความสำเร็จในการได้รับวิธีสร้างเครื่องพ่นไฟ

ไม่เลว ไม่เลวเลย เจ้าสิ่งนี้อาจมีประโยชน์มาก

“ดูเหมือนมอนสเตอร์แถวนี้จะถูกเก็บกวาดหมดแล้ว” จ้าวหมิงก้าวเข้ามาพูดกับเขา “แต่พวกเราเก็บชิ้นส่วนนกหวีดทองแดงได้แค่ 7 ชิ้น ยังเหลืออีกชิ้นหนึ่ง”

“ไม่หรอก พวกเรายังเก็บกวาดไม่หมด ยังเหลืออีกตัวนึง”

ทันทีที่เสียงนี้ตกลง

“ฮ่ง เจ้านาย มีมอนสเตอร์ที่มีพลังรบร้ายกาจอยู่ข้างหน้า!” สุนัขที่รับหน้าที่สำรวจเส้นทางวิ่งกลับมารายงาน “เปิ่นหวังคิดว่ามันคือมอนสเตอร์ระดับเจ้าถิ่น บางทีอาจมีพลังมากกว่าทุกตัวที่เราเคยพบมา”

“มีมอนสเตอร์ระดับเจ้าถิ่นอยู่ที่นี่ด้วย?”

คนอื่นๆต่างตกใจเมื่อได้ยินข้อมูลนี้

ฮังอวี่กล่าวอย่างไม่รีบร้อน “ไปตรวจสอบมันกันก่อนค่อยว่ากัน”

ภายใต้การนำทางของสุนัข ทุกคนเดินผ่านทางอย่างระมัดระวัง และในที่สุดก็มาถึงพื้นที่เปิดโล่ง

ที่นี่ดูเหมือนห้องทดลองกลางป่า ไม่เพียงแต่มีอุปกรณ์ทดลองจำนวนมาก แต่ยังมีกระทั่งทุ่งวิญญาณสำหรับปลูกสมุนไพร อย่างไรก็ตาม สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือหีบสมบัติขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงกลาง

จางเสี่ยวเฉียงกล่าวด้วยความประหลาดใจ “มีหีบสมบัติอยู่ด้วย!”

จ้าวหมิงก็ประหลาดใจเช่นกัน “รูปทรงของหีบสมบัตินี้เหมือนกับหีบที่ตั้งอยู่กลางค่ายมนุษย์หมูป่า ถึงจะมีขนาดเล็กกว่านิดหน่อย แต่ต้องมีสมบัติดีๆอยู่ข้างในแน่ๆ”

ส่วนมอนสเตอร์เจ้าถิ่นที่สุนัขพูดถึง

ร่างอันโก้งโค้งของมันปรากฏสู่สายตาทุกคน

เป็นโนมส์ที่เห็นแล้วรู้สึกว่าผอมแห้งละแก่ชรามาก

สภาพของมันเหมือนชายชราใกล้ตาย สวมเสื้อคลุมขาดรุ่งริ่ง หลังค่อม มีไม้คทาในมือคอยค้ำจุนตัวเองไม่ให้ล้ม หากมีสายลมแรงๆพัดมาเกรงว่าอาจหอบเขาปลิวไปด้วย

จางเสี่ยวเฉียงอดพูดขึ้นมาไม่ไดั “เจ้าหมอนี่ดูอ่อนแอชะมัด!”

“ยิ่งเป็นแบบนั้นก็ยิ่งผิดปกติ จะมีมอนสเตอร์อ่อนแออยู่ในพื้นที่แบบนี้ได้ยังไง” จ้าวหมิงขมวดคิ้ว หันมามองฮังอวี่ “เจ้านี่คือ ...”

แม้ฮังอวี่จะไม่ได้เปิดเผยสกิลพรสวรรค์ของเขาอย่างโจ่งแจ้ง

อย่างไรก็ตาม เหล่าจ้าวกับคนอื่นๆสามารถเดาความสามารถของมันได้คร่าวๆแล้ว

นี่สมควรเป็นความสามารถประเภทความรู้หรือการระบุตัวตนศัตรู

ซึ่งที่ต้องเอ่ยถาม เพราะจำเป็นต้องรู้ข้อมูลพื้นฐานของศัตรูก่อนเริ่มการต่อสู้

ฮังอวี่ตอบว่า “ระวังให้ดี นี่คือ ‘โนมส์นักกลั่นโพชั่นมนตรา’ เป็นเจ้าถิ่นขั้นซิลเวอร์เลเวล 7 พลังของมันแข็งแกร่งกว่าภูติปีศาจการ์กอยล์หินที่พวกเราพึ่งสู้ไปมาก”

ชิ้นส่วนเสียงนกหวีดทองแดงอันสุดท้ายต้องอยู่กับมันอย่างแน่นอน

เห็นได้ชัดว่าทุกคนคาดไม่ถึงว่าจะได้พบกับระดับเจ้าถิ่นถึงสองตนในวันเดียว

ภูติปีศาจการ์กอยล์หินที่ทรงพลังถึงขนาดนั้นยังเป็นแค่เจ้าถิ่นขั้นบรอนซ์

แต่โนมส์ที่ดูอ่อนแอตัวนี้ แท่จริงแล้วกลับเป็นถึงเจ้าถิ่นขั้นซิลเวอร์!