ตอนที่แล้วSTY-ตอนที่ 51 ลงนามสัญญา นาย-ทาส!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSTY-ตอนที่ 53 ลงอย่างอย่างเงียบเชียบ!

STY-ตอนที่ 52 ลงจากเขา!


ไป๋ลั่วหลี่ รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากในใจของนาง เพราะนางไม่คิดว่าคนที่จับนางยัดลงไปในนรกจะใจดีขนาดนี้?

หรือว่านี่เป็นแผนบางอย่าง?

ใช่แล้ว มันจะต้องเป็นแผนการบางอย่าง อย่างแน่นอน!

ไป๋ลั่วหลี่ ไม่เชื่อว่า เย่เฉิน จะปล่อยนางไปจริง ๆ ดังนั้น นางจึงไม่ได้จากไปไหนโดยสมบูรณ์ โดยนางได้ซ่อนตัวอยู่โดยรอบแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์และบางครั้งก็จะปรากฏตัวขึ้นที่ด้านข้าง เย่เฉิน

เมื่อนางติดตาม เย่เฉิน เป็นเวลานาน นางก็ยิ่งประหลาดใจมากยิ่งขึ้น

เด็กอายุ 13 คนนี้ ไม่ได้ดูเหมือนเด็กเลย อีกฝ่ายเสมือนผู้ใหญ่ที่โตแล้ว

ถ้าไม่ใช่เพราะว่านางรู้วิธีตัดสินอายุกระดูกส่วนบุคคล ไป๋ลั่วหลี่ คงคิดว่าเด็กคนนี้ คงเป็นตาเฒ่าจอมวางแผน

นอกจากนี้ ไม่เพียง แต่ เย่เฉิน จะแข็งแกร่งมาก แต่อารมณ์ของเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บ่มเพาะพลังทั่วไปจะสามารถเปรียบเทียบได้

เด็กคนนี้ จะต้องกลายเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตอย่างแน่นอน

และดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใช่นายท่านที่ไม่ดี

เย่เฉิน ไม่ได้แตกต่างไปจากเมื่อก่อน เขายังคงฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลานี้ ศิษย์พี่หญิงเจ็ดของเขาก็ดูเหมือนจะเป็นบ้าไปแล้ว

เย่เฉิน เองก็เป็นคนที่เต็มใจที่จะช่วยเหลือผู้อื่น

แน่นอนว่าเขาจะไม่มีทางปฏิเสธเรื่องแบบนั้น

เพราะนี่มันก็เหมือนกับรูปแบบการเลี้ยงดูส่วนตัว

ใช่แล้ว

มันเป็นการปลูกต้นกล้า

การได้ชมต้นอ่อนเติบโตในแต่ละวันจนเติบโตเป็นต้นไม้ที่สูงตระหง่าน ก็นับเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก

ภายในห้องของศิษย์พี่หญิงสาม

เย่เฉิน ได้มาเยี่ยมศิษย์พี่หญิงสามในวันนี้

ทว่า อันเหมี่ยวหาน ได้มองไปที่ เย่เฉิน ด้วยสีหน้าที่ขมขื่น “เฉินน้อย เจ้าไม่ได้มาเยี่ยมข้านานแล้ว หรือว่าเบื่อพี่สาวคนนี้แล้วงั้นหรือไม่?”

“จะเป็นไปได้ยังไง?ข้าคิดถึงศิษย์พี่หญิงสามทุกวันนั่นแหล่ะ!”เย่เฉิน ได้ตอบกลับทันที

“จริงเหรอ?แต่ข้าได้ยินมาว่าหลังจากน้องเจ็ดไปนอนกับเจ้า เจ้าก็ไม่มาหาพี่สาวคนนี้เลย มีใหม่ก็ลืมเก่า นั่นแหล่ะน้า ในที่สุด เฉินน้อยของเราก็มีความคิดอ่านที่ลึกซึ้งแล้วสินะ!”อันเหมี่ยวหาน ได้กล่าวพูดพร้อมกับแสดงท่าทีที่น่าสงสารออกมา

“แค่ก…ศิษย์พี่หญิงสาม ไม่ใช่ว่าท่านดูซีรีย์มากเกินไปหรือไม่?”เย่เฉิน ได้กล่าวพูดออกมา

“หือ ซีรีย์?มันคืออะไร?”อันเหมี่ยวหาน กล่าวถามด้วยความสงสัย

“เอ่อ…มันคือเมฆที่ดูมีลักษณะหดหู่บนท้องฟ้า และ สุดท้ายฝนก็ตก”เย่เฉิน ได้สุ่มอธิบาย

“อ้อ”

“เช่นนั้นข้าก็คงรู้สึกหดหู่มาก หดหู่มากจริง ๆ”

“เฉินน้อย ในเมื่อรั้งอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์มันน่าเบื่อ ทำไมเราไม่ไปหาอะไรสนุก ๆ ทำล่ะ?”อันเหมี่ยวหาน ได้มองไปที่ เย่เฉิน และกล่าวถาม

“สนุก…หาอะไรสนุกทำ…”คำพูดของ อันเหมี่ยวหาน ทำให้ เย่เฉิน รู้สึกตกใจโดยตรง

“ท่านหมายถึงอะไร?”

“แน่นอนว่าก็สิ่งที่น่าสนใจยังไงล่ะ! ไม่ใช่ว่าเจ้าเคยโลภในเรือนร่างพี่สาวคนนี้มาก่อนหรอกเหรอตอนที่เจ้ายังเด็ก?ตอนนั้นข้าจำได้ว่าเจ้าคิดจะใช้ผงเสน่ห์เพื่อโจมตีข้าในตอนกลางคืนอยู่เลย!”อันเหมี่ยวหาน ได้กล่าวแซว เย่เฉิน

ในเวลานี้ ใบหน้าของ เย่เฉิน ได้แดงก่ำ

แม้ว่า เย่เฉิน จะอายุ 20 ปี แต่เขาก็รู้สึกหนักใจเล็กน้อย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการเย้ายวนที่ดูมีประสบการณ์ของ ศิษย์พี่หญิงสาม ดูเหมือนว่า คนเดียวที่ เย่เฉิน พอจะรับมือได้ก็คือ ศิษย์พี่หญิงเจ็ดจ้าวซือเหยา เพียงเท่านั้น

ในขณะนี้ อันเหมี่ยวหาน ก็ได้โผกอด เย่เฉิน

จากนั้นนางก็กระซิบข้างหูเขา “เฉินน้อย มาให้พี่สาวคนนี้ดูหน่อยว่าเจ้าโตขึ้นมากแค่ไหนแล้ว!”

“ศะ…ศิษย์พี่หญิงสาม อย่าทำแบบนี้เลย!”

“หืม ข้าเคยเห็นของเจ้ามาตั้งกี่ครั้งไม่รู้ตั้งกี่ครั้งตอนที่เจ้ายังเด็ก ไม่เห็นต้องอายไปเลย!”อันเหมี่ยวหาน ได้หัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย และ กระโจนใส่ เย่เฉิน

“ไม่…ศิษย์พี่หญิงสาม ไม่ได้นะ!”

หลังจากที่ทั้งสองหยอกล้อกัน เย่เฉิน ก็พ่ายแพ้ในที่สุด

อันเหมี่ยวหาน ที่หยอกล้อ เย่เฉิน นางได้ประมาณการว่า เย่เฉิน ยังคงเด็ก และ มีบางสิ่งที่เขาทำไม่ได้

ในตอนนี้ อันเหมี่ยวหาน ได้กล่าวพูดด้วยสีหน้าที่ขมขื่นออกมา “เฮ้อ เฉินน้อย ทำไมเจ้าถึงยังไม่โตอีกล่ะ? เมื่อเจ้าโตขึ้น พี่สาวคนนี้จะไม่ปล่อยเจ้าไปอย่างแน่นอน!”

เย่เฉิน ได้ลอบกลืนน้ำลายของเขา

อันเหมี่ยวหาน เข้าใจว่า เย่เฉิน ยังเด็ก และ ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม

เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นางจะต้องรอจนกว่า เย่เฉิน จะโตเต็มที่ตอนอายุ 16 ปี

“เฉินน้อย ให้พี่สาวคนนี้พาเจ้าลงจากเขาเพื่อไปหาเรื่องสนุกทำกันดีหรือไม่!”อันเหมี่ยวหาน ได้มองไปที่ เย่เฉิน และกล่าวออกมา

“ลงจากเขา?”

“เจ้าไม่เคยลงจากเขามาก่อนใช่หรือไม่?”อันเหมี่ยวหาน ได้กล่าวถาม

เย่เฉิน ได้พยักหน้า ครั้งสุดท้ายที่เขาลงจากเขาก็คือการฆ่าคนเหล่านั้นจากนิกายอินทรีหิมะ เพื่อแก้แค้น นอกจากนี้ เขาก็ไม่เคยลงจากเขามาก่อน

เย่เฉิน ยังไม่เคยเห็นโลกที่มีสีสันเหล่านั้นที่เชิงเขา

และก่อนที่ เย่เฉิน จะตอบตกลง อันเหมี่ยวหาน ก็ดึงเขาเพื่อลงจากไป

แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ประกอบไปด้วย ยอดเขาทั้ง 4

เหล่าศิษย์ที่อาศัยอยู่บนยอดเขาทั้ง 4 ที่สูงตระหง่านท่ามกลางหมู่เมฆ หากไม่ได้รับอนุญาติพวกเขาก็ไม่สามารถลงจากเขาได้

ทว่าสิ่งนี้จะเป็นเรื่องยากสำหรับ เย่เฉิน และ อันเหมี่ยวหาน ได้อย่างไร?

เย่เฉิน และ อันเหมี่ยวหาน เป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดในด้านการปกปิดกลิ่นอายของพวกเขา ดังนั้น จึงไม่มีใครสามารถจดจำพวกเขาได้หากพวกเขาได้ทำการปลอมตัว

ทั้งสองได้บินไปด้วยกระบี่และมุ่งหน้าลงจากภูเขา

เย่เฉิน ได้ขี่กระบี่บินไปข้างหน้าในขณะที่ ศิษย์พี่หญิงสามนอนหนุนบนตักของเขา สิ่งนี้มันทำให้เลือดลมของเขาได้สูบฉีดอย่างรุนแรง

จนในที่สุด ทั้งสองก็มาถึงที่ตีนเขาของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์

ที่เชิงเขาของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ มีสถานที่ที่เรียกว่า เมืองฉิงซาน

โดยทิศทางของเมืองฉิงซาน ก็สามารถเดินทางไปยังสถานที่ที่เรียกว่าเมืองหยุนไท่ได้

เมืองหยุนไท่ ตั้งอยู่ในทวีปตะวันออก โดยทวีปนี้เป็นเพียงมุมหนึ่งของโลก ในพื้นที่ทวีปตะวันออกเพียงแห่งเดียว ก็มี นิกายอมตะมากมาย และ แดนศักดิ์สิทธิ์จำนวนมาก

โดยทวีปตะวันออกก็เป็นของประเทศที่เรียกตัวเองว่าราชวงศ์ตะวันออก

เย่เฉิน และ ศิษย์พี่หญิงสามของเขา ได้มาที่เมืองฉิงซาน

นี่เป็นเพราะ เย่เฉิน ไม่ต้องการที่จะไปไกลกว่านี้ แม้ว่า เย่เฉิน ในปัจจุบัน จะถือได้ว่าเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งในอาณาจักรเทวะ แต่ทว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีฐานพลังสูงกว่า?

ยกตัวอย่างเช่น ไป๋ลั่วหลี่ หากเขาไม่มีเทคนิคการสะกดข่มของเทพ เกรงว่า ไป๋ลั่วหลี่ ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง ที่อยู่ในอาณาจักรทันฑ์สวรรค์ ก็สามารถฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย

ดังนั้นโลกภายนอกจึงอันตรายมากสำหรับ เย่เฉิน

เขาจะลงชื่อเข้าใช้ในแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์และจะลงจากเขาเมื่อตอนที่เขาอยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งที่สุด!

โดยทุกวันนี้ เขาก็ได้อยู่เล่นกับ ศิษย์พี่หญิงที่งดงามราวกับนางเซียนนางสวรรค์ในทุกวัน ยังมีเรื่องอะไรที่ดีกว่านี้อีกหรือไม่?

เมืองฉิงซาน เป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ ที่ไม่ใหญ่และไม่เล็กเกินไป

เย่เฉิน และ ศิษย์พี่หญิงเจ็ดของเขา ได้มาถึงเมือง โดย เย่เฉิน ได้แปงกายเป็นชายหนุ่มและติดตามศิษย์พี่หญิงเจ็ดของเขาเข้าไปในเมือง

ในเมืองฉิงซาน

มีคนเร่ขายของจำนวนมากที่ตะโกนตามท้องถนน โดยพวกเขาได้ขายของเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกชนิด

“เร่เข้ามา! เร่เข้ามา! นี่คือ หยกหัวใจพิสุทธิ์ มันคือ เทคนิคบ่มเพาะพลังแบบคู่ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ หลังจากฝึกฝนแล้ว จะสามารถเดินทางไกลได้นับพันลี้ต่อวัน เร่เข้ามา!”

“เร่เข้ามา! นี่คือเทคนิคกระบี่ของแดนศักดิ์สิทธิ์อมตะนิรันดร์ เชิญเข้ามาดูกันก่อน!”

“นี่คือโอสถอายุวัฒนะที่กลั่นโดยแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ หลังจากกินเข้าไปแล้ว จะสามารถทะลวงสู่ขอบเขตอาณาจักรสร้างรากฐานได้โดยตรง สิ่งนี้จะไม่ทำให้สูญเงินเปล่าอย่างแน่นอน!”

หลายคนที่เป็นพ่อค้าเร่พวกเขาได้ขายเทคนิคบ่มเพาะพลังและโอสถทิพย์

แน่นอนว่า เทคนิคบ่มเพาะพลัง และ โอสถทิพย์ที่พวกเขาขายไม่ใช่ของจริงอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เมืองฉิงซาน ก็ตั้งอยู่ที่เชิงเขาของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ดังนั้น เหล่าชายหนุ่มและหญิงสาวที่ต้องการที่จะเข้าร่วมแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ จึงได้ถูกหลอกโดยคนเหล่านี้

ในตอนนี้ อันเหมี่ยวหาน ได้ดึง เย่เฉิน ไปและกล่าวพูดขึ้น “ไปกันเถอะ…เดี๋ยวพี่สาวจะพาไปยังสถานที่ที่ดูน่าสนุกเอง!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด