ตอนที่แล้ววันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0050
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0052

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0051


บทที่ 20 ฤดูกาลแห่งความวุ่นวาย (1)

* * *

ก๊อง—

ฉันลืมตาและแหงนหน้ามองขึ้น

หอคอยที่เคยมีรูปทรงพีระมิด แปรสภาพกลายเป็นรูปทรงแปลกประหลาด คล้ายกับต้นไม้ที่แผ่กิ่งก้านสาขา

เนื่องจากส่วนนี้คือใจกลางอักษรรูน จึงเกิดเป็นความรู้สึกขัดแย้งในทำนองว่า แม้จะเป็นตึกที่ดูมั่นคงน้อยที่สุด แต่กลับมอบความรู้สึกแข็งแรงกว่าทุกอาคารโดยรอบ

เสาลำแสงขนาดมหึมา พุ่งออกจากจุดศูนย์กลางหอคอยจนสูงเสียดท้องฟ้า

แม้แต่ฉันก็ยังทำได้แค่ยืนอึ้ง

เนื่องจากไม่เคยคิดมาก่อนว่า รางวัลของการไขความลับในโบราณสถาน จะยิ่งใหญ่อลังการได้ถึงเพียงนี้

ก๊อง—

“เสียงระฆังหมายถึงอะไร”

ลิลี่อ้าปากค้างหลังจากถูกถามเป็นนัย

“…ร็อก เบลล่าrok bella”

“แล้วมันคืออะไร”

“ระฆังที่ส่งสัญญาณสิ้นสุดยุคสมัย มันจะดังทุกๆ หนึ่งพันปี…”

ก๊อง—

เมื่อเสียงระฆังที่สามดังขึ้น ลิลี่ชะงักคำพูดพร้อมกันแหงนหน้ามอง

บอกไม่ได้ว่าเสียงระฆังดังมาจากไหน เพียงได้ยินมันก้องกังวานไปทั่วฟ้า

“…นี่ไม่ใช่ร็อก เบลล่าrok bella…”

“ไม่ใช่?”

“ร็อก เบลล่าrok bella จะดังแค่สองครั้ง”

ดวงตาลิลี่สั่นเทายิ่งกว่าเดิม

ก๊อง—

“…ระฆังสี่ครั้ง”

ลิลี่กล่าวเสียงสั่น

“นี่คือเอล โรคร่า เบลล่าel rokra bella”

ใบหน้าของเธอยังคงไร้อารมณ์

“…เป็นระฆังประกาศการเริ่มต้นยุคทอง”

แม้สีหน้าจะไม่เปลี่ยน แต่เสียงเครือสั่นเล็กน้อย น้อยจนแทบไม่สังเกตเห็น

ในแววตาหญิงสาวเต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน

สองสัญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนผู้ปกครอง ถูกสลักลงบนแท่นบูชา

ถ้าฉันมาคนเดียว จะได้ยินเสียงระฆังนี้ไหม?

คงไม่ เพราะในตอนที่เขียนประโยคแรก ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเลย

ฉันแหงนหน้ามองฟ้าพลางกล่าว

“…บางที กุญแจสำคัญอาจเป็นเธอ หรือไม่ก็สถานะผู้นำทางของเธอ”

ตั้งแต่ต้น ฉันไม่เคยสนใจจะเป็นผู้ปกครอง

ถ้าได้เห็นฉากเหล่านี้เพราะลิลี่จริง ก็คงต้องขอบคุณเธอหนักๆ เพราะอย่างน้อยฉันก็ได้ตายด้วยรอยยิ้มหลังจากเห็นภาพอันน่าอัศจรรย์

ได้ยินคำพูดของฉัน ลิลี่ครุ่นคิดสักพักก่อนจะส่ายหน้า

“เจ้ากำลังเข้าใจผิด”

ลิลี่จ้องมาทางฉัน

“จงจำไว้ว่า เจ้าคือคนที่ถูกผู้นำทางในยุคนี้เลือก”

“สำคัญขนาดนั้นเชียว?”

“ซินก้าไม่ได้เลือกผู้ปกครองมานานแล้ว อย่างน้อยก็เกือบหนึ่งยุคสมัยเต็ม เจ้าถูกเลือกในช่วงเวลาสุดท้าย”

“…”

สายตาของเธอคล้ายกำลังบอกว่า ‘ไม่รู้จริงๆ หรือว่านี่สำคัญยังไง’

ถ้าเธอยืนกรานแบบนั้น ฉันก็ไม่มีอะไรจะเถียง

ความคาดหวังในตัวฉันเพิ่มขึ้นเพียงเพราะฉันทำสิ่งต่างๆ ได้ไม่เหมือนคนอื่น

ขณะเดียวกัน เสียงระฆังหยุดลง เสาลำแสงค่อยๆ จางหาย

“ยุคทองสินะ”

ฉันก็ไม่รู้ความหมายของมัน แต่เป็นคำที่ได้ยินแล้วใจสั่น

คำคำนี้มีความหมายอย่างไรในสายตาชาวต่างโลก?

ราวกับอ่านคำถามของฉันออก ลิลี่อธิบายต่อ

“เป็นยุคสมัยที่ไม่มีใครเคยประสบมาก่อน”

“อาจจะเป็นกลียุคก็ได้สินะ”

“ก็ไม่ผิด… ไม่ใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เว้นเสียแต่เจ้าจะเป็นหนึ่งในผู้ปกครอง ผู้บันทึก หรือไม่ก็นักพยากรณ์ นั่นอาจแตกต่างออกไป”

“แล้วเธอตื่นเต้นไปกับมันไหม”

“ข้าคือผู้นำทาง นี่เป็นหน้าที่ของซินก้า”

จากนั้น ลิลี่มองมาทางฉัน

สายตาของเธอเปี่ยมไปด้วยความเด็ดเดี่ยว

“และนั่นหมายความว่า โลกที่กระแสเวลาเคยหยุดนิ่งมาเนิ่นนาน เริ่มขยับไปข้างหน้าอีกครั้ง”

“ไปในทิศทางไหน?”

“จากประวัติศาสตร์ สู่เทวตำนาน”

“หืม…”

ทันทีที่ได้ยิน คล้ายกับลิลี่เห็นความเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของฉัน

แม้จะเลือนราง แต่รอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้นเผยบนใบหน้าหญิงสาวชั่วขณะ

“ใช่โลกที่เธอใฝ่ฝันไหม?”

“…ก็ไม่เลวนะ”

สีหน้าทะเล้นแบบนี้ ซ่อนมันเอาไว้ตลอดเลยหรือ?

ช่างเถอะ ยังไงฉันก็ได้เห็นระฆังเอล โรคร่า หรืออะไรนั่นสั่นไปแล้ว ฉากทำนองนี้ทำให้ฉันรู้สึกดีได้เสมอ

อยากเห็นอีกหลายๆ ครั้งเลยล่ะ

ยิ่งไปกว่านั้น ความสุขที่นี่ไม่ใช่จุดจบ

แมวที่กระโดดขึ้นมายังแท่นบูชา ก้มหมอบลงคล้ายกับต้องการให้เกา

แล้วฉันจะเกาแมวไม่มีขนยังไง?

โครงหน้ากลมกลึงและดวงตากลมโต กำลังจ้องมาทางฉัน

“เอ่อ…สวัสดี”

“…?”

ไม่ตอบสนอง สงสัยทักผิด

อาศัยจิตใต้สำนึก ฉันเหยียดแขนออกไปเพราะเชื่อว่าจะเกิดบางสิ่งขึ้น

ทันใดนั้น

“เดาถูกแฮะ”

ไม่เหนือความคาดหมาย รอยสักบนหลังมือส่องแสงสอดประสานกับหุ่นยนต์แมว

บาเรียกระจกที่ปกป้องที่นี่ก็ทำงานในลักษณะเดียวกัน

ดูเหมือนว่า รอยสักหลังมือจะตอบสนองต่ออารยธรรมโบราณในระดับหนึ่ง

แต่แน่นอน การไขปริศนายังต้องทำด้วยตัวเอง

แมวจ้องรอยสักของฉันอย่างไม่ละสายตา จากนั้น

“ง้าว~”

เสียงร้องที่เหมือนการหาว

เปรี้ยะ เปรี้ยะ!

แสงสว่างพุ่งออกจากอัญมณีสีเขียวบนหน้าอก ตามด้วยภาพโฮโลแกรม

เดาได้ไม่ยากว่าสิ่งนี้คืออะไร

“แผนที่”

“ใช่ ดูเหมือนจะเป็นแผนที่… แต่ใช้เทคนิคการแสดงผลแบบไหน?”

“โฮโลแกรม”

“โฮโล… แกรม?”

“หมู่บ้านของฉันเรียกแบบนั้น”

สำหรับแผนที่โฮโลแกรม โลกยุคใหม่สามารถสร้างสิ่งที่ใกล้เคียงกันได้แล้ว

ทว่า เทคโนโลยีของโลกยังไม่ถึงขั้นฉายโฮโลแกรมกลางอากาศได้เช่นนี้

ชักเริ่มสงสัยแล้วว่า เทคโนโลยีของอารยธรรมโบราณไปไกลแค่ไหนกันแน่ ดูเหมือนจะไม่ได้มีดีแค่เวทมนตร์

ขณะฉันจ้องโฮโลแกรมพลางครุ่นคิด หุ่นยนต์แมวก้มตัวเลียฝ่าเท้า

“…ผู้คนจากอารยธรรมโบราณ อาจไม่ได้ชอบเล่นสนุกอย่างที่เราเข้าใจ”

“ไม่ได้ชอบเล่นสนุก? หมายถึงอะไร”

“พวกเขาจริงจังมากทีเดียว”

สิ่งที่เป็นกุญแจสำคัญของโบราณสถานแห่งนี้ ไม่ใช่อื่นใดนอกจากแมวหนึ่งตัว

กล่าวคือ ทางนั้นมีเทคโนโลยีชั้นสูง รวมถึงทักษะและทรัพยากรที่เพียงพอสำหรับการทำเรื่องยากๆ ให้กลายเป็นง่าย

นั่นยิ่งทำให้ฉันอยากรู้อยากเห็น

จ้องเข็มชี้ทองคำสักพัก มันยังคงหมุนรอบตัวเอง แต่ฉันพอจะเห็นทางไปต่อ

เพราะโบราณสถานแห่งนี้ยังมีชั้นใต้ดิน

และทางเข้าอยู่ที่หอคอยตรงหน้า

“ไปกันเถอะ”

“อื้อ”

ฉันเดินผ่านแท่นบูชา ตรงเข้าไปข้างในหอคอย

ขณะลิลี่เดินผ่านแท่น เธอลูบหัวแมวอย่างอ่อนโยน

ข้างในไม่ได้มืดสนิท และไม่ได้สว่างเหมือนโพรงถ้ำที่ได้เจอกับเซลฟี แต่เป็นโครงสร้างแปลกใหม่ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน

แสงสีฟ้าส่องออกจากรอยแยกของอิฐที่เชื่อมกันอย่างประณีต บางที ด้านในคงเป็นแหล่งกำเนิดแสงชนิดหนึ่ง มอบความสุนทรียศาสตร์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

“สุดยอด… รู้สึกผ่อนคลายจัง”

“…จริงด้วย”

ได้ยินคำพูดลิลี่ ฉันเพิ่งฉุกคิดได้ว่า แสงดังกล่าวช่วยให้จิตใจปลอดโปร่ง ราวกับอาการอ่อนเพลียทางใจที่สะสมมาตลอดทาง ค่อยๆ บรรเทาลงโดยไม่รู้ตัว

ฉันรู้จักอิทธิพลนี้ดี

“ปีศาจฝัน”

“จริงด้วย… บุหรี่ที่เจ้าให้ข้าสูบ…”

เมื่อถ่ายเทความร้อนเข้าไปในแสงสลัวจากปีศาจฝัน แสงสีเขียวจะเปลี่ยนเป็นสีฟ้าที่มีสรรพคุณช่วยส่งเสริมจิตใจ

คงเป็นโครงสร้างที่ประยุกต์มาจากปีศาจฝัน

ไอเดียสุดยอดมาก… แต่ที่สุดยอดกว่าคือทักษะของผู้สร้าง รวมถึงการคงสภาพไว้ได้นานขนาดนี้

โชคดีที่ชั้นใต้ดินไม่มีอุปสรรครอต้อนรับพวกเรา ปราศจากกับดัก สัตว์ประหลาด เขาวงกต และอื่นๆ ที่พบได้ในดันเจี้ยนทั่วไป

ลิลี่ค่อนข้างโล่งใจ

“ปลอดภัยกว่าที่คิด”

“เพราะที่นี่เคยเป็นสถานที่ทำงาน พวกเขาคงได้สิ้นคิดถึงขนาดสร้างกับดักไว้ในห้องทำงานตัวเอง”

“แต่เจ้าอย่าเพิ่งประมาท ห้องอื่นอาจจะมีกับดักก็ได้”

ลิลี่พูดถูก

มีตัวอย่างจากโบราณสถานครั้งที่แล้ว ฉันยังไม่ลืมว่าเคยถูกลิฟวิงเมทัลวิ่งเข้ามาฟันแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ไม่ว่ายังไงก็ห้ามประมาท

พวกเราเดินตรงไปตามทางจนกระทั่งมาถึงอีกห้องหนึ่ง แน่นอน ฉันไม่กล้าแตะเครื่องไม้เครื่องมือห้อง เพราะไม่รู้ว่าพวกมันทำงานอย่างไร

นี่ไม่ใช่ทางถนัดของฉันเลย แค่จะซื้อคอมสักเครื่องยังต้องฝากให้ชาโซฮีช่วยเลือก

เมื่อเห็นลิลี่จ้องหน้า ฉันแอบกระซิบกลับไป

“เธอไม่ลองใช้งานดูหน่อยล่ะ”

“ถ้ามันพัง ข้าจะโทษเจ้า เอาไหม”

“…ไปกันเถอะ”

พวกเราผ่านห้องนั้นไป

ห้องถัดมามีลักษณะคล้ายโถงทางเดินกว้างๆ

หรืออีกนัยคือห้องที่ยาวกว่าปรกติ

ฉันเข้าใจได้ทันที ว่าทำไมมันถึงมีโครงสร้างเช่นนี้

ลิลี่นำดวงตาไปจ่อผนัง จากนั้นก็สร้างประกายไฟเพื่อเพิ่มแสง

บนผนังมีภาพจิตรกรรม

ภาพแกะสลักนูนต่ำที่ถูกสร้างอย่างประณีต

ไม่ใช่ภาพเชิงนามธรรม แต่เป็นภาพวาดของสิ่งที่น่าจะเป็นดวงอาทิตย์ ดวงดาว นก และดาวเคราะห์ ผสมผสานกันอย่างลงตัว

ลิลี่ยังคงเพ่งสายตา

“เธอเข้าใจความหมายของภาพไหม”

“เทวราชาทั้งเก้า… เจ้าไม่มีความรู้เกี่ยวกับเทวตำนานเลยหรือไง”

เอ้า ก็แน่สิ

เธอก็คงไม่รู้เหมือนกันว่าเทพซุสแห่งเทือกเขาโอลิมปัสหื่นกามขนาดไหน

ลิลี่กวาดสายตาผ่านแนวจิตรกรรมฝาผนัง ก่อนจะหยุดลงบนภาพหนึ่ง

เป็นเหยี่ยวที่ปีกใหญ่มาก หากดูจากการเทียบเคียง ขนาดของมันใหญ่กว่าดวงดาวและดาวเคราะห์ทุกดวง

แน่นอนว่าอาจเป็นการบรรยายเกินจริง จิตรกรรมฝาผนังก็แบบนี้

เหยี่ยวกำลังบินมาทางโลกที่ถูกวาดเชิงสัญลักษณ์เป็นพื้นราบ ด้านบนคือระฆังยักษ์ที่มีการวาดเอฟเฟคสั่น

“เจ้ายังจำตำนานที่ข้าเล่าเกี่ยวกับเทวราชาได้ไหม”

“พอได้”

“เหยี่ยวที่บินมาจากความมืดมิดนิรันดร์อีกฟากทุกๆ หนึ่งพันปี… นี่คือฉากนั้น”

“…”

หนึ่งพันปี?

เคยได้ยินคำว่าหนึ่งพันปีจากที่ไหนมาก่อนนะ

ลิลี่ยังคงจ้องฉัน

“เข้าใจถูกแล้ว เหยี่ยวจากความมืดมิดนิรันดร์ได้ยินเสียงระฆังร็อก เบลล่า rok bella และเริ่มสยายปีก”

“ถ้าอย่างนั้น แล้วเอล โร… อะไรแล้วนะ”

“เอล โรคร่า เบลล่าel rokra bellla”

“ระฆังนั่นดังแล้วนี่? พวกเราควรทำยังไง? วิ่งหนี?”

“…”

“ขอด่าได้ไหม”

สีหน้าเมื่อครู่ของลิลี่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์หลากหลาย

เธอหันกลับไปมองจิตรกรรมฝาผนังอีกครั้ง

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องรับมือยังไง คิดว่าคนที่รู้จะยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้หรือ”

“…ก็หมายความว่า มันจะบินมาแน่ๆ ใช่ไหม?”

“แค่ตอนไหนเท่านั้นเอง”

ฉิบหาย

ขณะฉันดำดิ่งอยู่ในภวังค์ความคิด ลิลี่เพ่งมองจิตรกรรมฝาผนังเป็นเวลานาน

“ไม่ต้องกังวลไป เหยี่ยวที่บินจากความมืดมิดนิรันดร์ไม่ได้เป็นตัวตนชั่วร้าย…”

“เหยี่ยวที่บินข้ามกาแลคซีแอนโดรเมด้า… เธอคิดว่าพวกเราจะมองเห็นมันด้วยตาเปล่าไหม?”

“…”

“รับมือยังไงได้บ้างนะ ถ้ากลับถึงบ้าน ฉันจะรีบสร้างเครื่องตรวจจับทันที หากมีสิ่งผิดปรกติบินเข้ามาในระยะ สัญญาณเตือนจะดัง… ถ้านำสิ่งนั้นมาดัดแปลงก็น่าจะทำได้ไม่ยาก… จริงสิ ฉันยังมีเซลฟี!”

“…ไปต่อกันเถอะ”

“แต่ฉันยังอยากฟังเธอเล่าตำนาน”

“ไว้เล่าทีหลัง”

ฉันเชื่อว่ามันต้องสนุกแน่ แต่ตอนนี้มีงานด่วน จึงเก็บความสุขเอาไว้เสพวันหลัง เพราะอีกเดี๋ยวก็คงมีเวลาว่างเหลือเฟือ

เดินเล่นไปเรื่อยๆ ประมาณยี่สิบนาที ในที่สุดเราก็มาถึงห้องซึ่งน่าจะเป็นห้องสุดท้าย

ดูแล้วน่าจะเคยถูกใช้เป็นวิหารมาก่อน

เก้าอี้ไม้ยาววางเรียงกัน ดูยังไงก็ห้องสวดมนต์ของวิหารหรือโบสถ์เล็ก

ทว่า ด้านหน้าสุดกลับไม่ใช่สัญลักษณ์ทางศาสนา หากแต่เป็นรูปปั้น

เป็นประติมากรรมอันงดงามและประณีตจนน่าขนลุก ราวกับถูกเมดูซ่าจู่โจมก็มิปาน

______________________

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (4/4)

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด