ตอนที่แล้วเล่มที่ 1: ถิ่นทุรกันดาร – บทที่ 6: ชาง [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเล่มที่ 1: ถิ่นทุรกันดาร – บทที่ 8: เฝ้าดู [อ่านฟรี]

เล่มที่ 1: ถิ่นทุรกันดาร – บทที่ 7: ร่างกายใหม่ โลกใหม่ [อ่านฟรี]


ตึ้ง!

จิตใจของอเล็กซ์สับสนมึนงงราวกับถูกชกเข้าที่ศีรษะอย่างแรง เขาเอามือกุมบั้นท้ายทันทีเพราะความเจ็บปวดถูกส่งมาจากตรงนั้น เขาสัมผัสได้ถึงหญ้า

‘หญ้าเหรอ?’ อเล็กซ์คิด

เขาลืมตาและมองไปรอบ ๆ

ป่า

นี่เป็นคำเดียวที่ปรากฏในความคิดเขาเมื่อเห็นสภาพแวดล้อมใหม่รอบตัว ต้นสนหนาทึบ เสียงนกร้องจิ๊บ ๆ เสียงแมลงหึ่ง ๆ และกลิ่นของธรรมชาติเตะเข้าที่จมูกเขาอย่างจัง

‘ฉันถูกส่งมาที่ไหนสักแห่ง อาจจะเป็นโลกหลักของพระเจ้านั่นหรือสักที’ อเล็กซ์คิดขณะมองไปรอบ ๆ

ขณะอเล็กซ์กำลังยืนขึ้น เขาก็สังเกตเห็นบางอย่างที่ทำให้ประหลาดใจ

‘ยืนง่ายกว่าแต่ก่อนอีก’ อเล็กซ์คิด

อเล็กซ์ก้มมองข้างล่างและขมวดคิ้ว

‘พุงใหญ่ ๆ หายไปแล้ว’ อเล็กซ์คิด

ขณะอเล็กซ์กำลังมองร่างกาย ก็พบว่าเขามีร่างกายที่ผอมเพรียว นอกจากนั้น เสื้อผ้าที่สวมก็ไม่ใช่ชุดเดิม ตอนนี้ อเล็กซ์สวมกางเกงและเสื้อเชิ้ตสีดำ เนื้อผ้าชวนให้รู้สึกดีมากจนน่าแปลกใจ

แต่มีสิ่งหนึ่งที่อเล็กซ์รู้สึกไม่ค่อยชอบเลย

‘ฉันเตี้ยลง’ อเล็กซ์คิดพร้อมกับหรี่ตาแคบ

ก่อนหน้านี้อเล็กซ์สูงหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดเซนติเมตร แต่ตอนนี้ลดลงมาราวหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตรจากการประมาณการ

อเล็กซ์สัมผัสใบหน้าและพบว่าใบหน้าก็เรียวเช่นกัน

‘ฉันเตี้ยลง ผอมลง แล้วกล้ามก็หายไปด้วย’ อเล็กซ์คิด ‘นี่มันร่างกายของพวกที่เอาแต่คาร์ดิโอเหรอ หรือฉันอยู่ในร่างวัยรุ่น พระเจ้าคงไม่ส่งฉันมาในร่างที่โตเต็มวัยแต่สูงแค่ร้อยหกสิบหรอกมั้ง เขาอยากให้ฉันเป็นผู้มีพลัง แต่ความสูงคือข้อได้เปรียบในการต่อสู้นะ’

‘ฉันอาจจะอยู่ในร่างวัยรุ่นก็ได้ พอเป็นผู้ใหญ่ก็อาจจะสูงได้เกินร้อยแปดสิบ ตอนนี้สูงแค่ร้อยหกสิบก็หมายความฉันยังโตได้มากกว่านี้อีก’

‘ถ้างั้นฉันก็น่าจะอยู่ในร่างที่อายุประมาณสิบสี่สินะ’ อเล็กซ์คิด

บางอย่างบนศีรษะทำให้เขาจักจี้ จึงจับขยับมาด้านข้าง

มันคือผม อเล็กซ์ดูเส้นผมบางส่วนที่จับได้และพบว่ามันเปลี่ยนไป

‘ผมไม่ใช่สีบลอนด์แล้ว’ อเล็กซ์คร่ำครวญเมื่อเห็นว่าผมเขาได้เปลี่ยนเป็นสีดำ

หลังจากคุ้นชินกับร่างกายใหม่ อเล็กซ์ก็มองไปรอบ ๆ และสังเกตเห็นสองสิ่งด้วยกัน

อย่างแรกคือถุงกระสอบอ้วน ๆ หนึ่งถุง และอีกอย่างก็คือลูกบาศก์สีดำที่พระเจ้าได้มอบให้แก่เขา

อเล็กซ์เปิดถุงเพื่อดูสิ่งที่อยู่ข้างใน เป็นพวกของใช้จำเป็นที่พระเจ้าได้เตรียมไว้ให้กับเขา

‘เสื้อผ้า ขวดแก้วสีแดงสามขวด มีดสำหรับเอาชีวิตรอด รองเท้า กับเนื้ออบแห้ง’ อเล็กซ์คิดขณะดูสิ่งของในถุง ‘แทบจะไม่ได้ช่วยให้เอาชีวิตรอดในถิ่นทุรกันดารได้เลย’

อเล็กซ์หยิบขวดแก้วสีแดงสามขวดออกมาดู สีของของเหลวที่อยู่ในขวดแก้วเป็นสีแดงสด มีความหนืดสูง ‘ใช่โพชั่นเพิ่มพลังชีวิตหรือเปล่า? ก็แบบ ฉันอยู่ในโลกแฟนตาซีนี่’

อเล็กซ์ไม่มั่นใจนัก แต่ก็พอเดาได้ว่าเขาอาจจะคิดถูก

หลังจากตรวจสอบข้าวของเสร็จแล้ว อเล็กซ์ก็นำลูกบาศก์สีดำใส่เข้าไปในถุงกระสอบ

แต่เขาก็ชะงักมือเมื่อนึกบางอย่างขึ้นได้

‘ทำไมรู้สึกเหมือนมันเบาลง?’ เขาคิดพลางขยับลูกบาศก์ไปรอบ ๆ ‘ก็ไม่นี่ แต่ทำไมรู้สึกเหมือนเบาลง’

อเล็กซ์ขมวดคิ้วขณะพยายามคิดหาเหตุผล ‘ร่างเก่าตัวใหญ่กว่านี้อีก แถมกล้ามก็เยอะกว่า แต่ร่างวัยรุ่นผอม ๆ นี่กลับถือเจ้านี่ได้อย่างสบาย ๆ’

อเล็กซ์ลูบคางขณะคิด ‘แบบนี้เรียกปกติเหรอ? หรือเป็นเพราะผลที่ได้รับจากการอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยพลังงานลึกลับรอบตัว? หมอนั่นบอกว่าคนส่วนใหญ่เรียกว่ามานา ต้องเรียกให้ชินปากเข้าไว้ เดี๋ยวคนที่นี่เขาจะสงสัยเอา’

‘บางที’ อเล็กซ์คิด ‘ฉันน่าจะลองทดสอบมันหน่อยนะ หมอนั่นบอกว่าฉันผลักมานาเข้าไปในจิตวิญญาณไม่ได้ งั้นก็หมายความว่า ในร่างกายฉันมีบางอย่างที่แตกต่างไปจากร่างกายคนอื่น การที่ฉันไม่สามารถทำบางสิ่งที่คนอื่นทำได้ ในอีกแง่ก็คือฉันมันพิการ’

‘แต่ช่างเถอะ ยังไงซะ พระเจ้านั่นก็ต้องส่งฉันมาอยู่ในร่างกายที่สามารถกลายเป็นผู้ทรงพลังได้อยู่แล้ว แถมยังพูดอีกว่ามานาส่วนใหญ่จะอยู่ในร่างกาย’

อเล็กซ์ส่ายหน้าเร็ว ๆ ‘ยังไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องพวกนี้ เอาล่ะ อเล็กซ์! ก่อนอื่นเลยนายต้อง...’

อเล็กซ์หยุดคิดเพราะจู่ ๆ ศีรษะเขาก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง รู้สึกเหมือนกับเป็นไมเกรน

‘เกิดอะไรขึ้นอีกเนี่ย!? จะไม่ให้ได้พักกันบ้างเลยหรือไง!?’

อาการปวดศีรษะทวีความรุนแรงขึ้นจนอเล็กซ์ต้องคุกเข่าลงกับพื้นพลางหายใจหอบ

ทุกอย่างที่พระเจ้าพูดกับเขาวิ่งผ่านสมองในเสี้ยววินาที และอเล็กซ์ก็พบคำตอบ

‘เอาจริงดิ?’ อเล็กซ์คิดด้วยความหงุดหงิดและโมโห ‘แค่คิดชื่อจริงก็ไม่ได้เหรอ?!’

ไร้การตอบกลับ

‘ก็ได้ ก็ได้ ฉันคือชาง!’

เช่นนั้นเอง อาการปวดศีรษะพลันหายไปในพริบตา

‘ให้มันได้อย่างนี้สิ’ อเล็กซ์คิดด้วยสีหน้าที่ขมขื่น ‘เวรเอ้ย น่ารำคาญชะมัด! แค่ชื่อตัวเองยังใช้ไม่ได้เลย!’

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะอเล็กซ์หรือชางก็ทำอะไรเรื่องนี้ไม่ได้

‘เอาล่ะ ฉันต้องหาที่ปลอดภัยก่อน ไม่รู้ว่าที่นี่ที่ไหน และถ้าฉันเริ่มฝึกที่นี่ อาจจะเจอกับแขกไม่ได้รับเชิญก็เป็นได้’

อเล็กซ์มองไปรอบ ๆ ‘มีแต่ต้นสนเต็มไปหมด หรือว่าฉันอยู่ในที่ที่มีสภาพอากาศหนาวเย็น? เอาล่ะ ลองคิดดู ดวงอาทิตย์ส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้า แต่อากาศก็เย็น ๆ อุณหภูมิประมาณนี้พอทนไหว แต่ช่วงเย็นกับค่ำไปนี่สิน่าจะลำบากพอสมควร’

‘มีเสบียงพอสำหรับหลายวัน ใช้เสื้อผ้าสำรองทำเป็นที่นอนกับผ้าห่มได้ แต่ก็ยังต้องหาที่ปลอดภัยสำหรับนอนอยู่ดี’

‘เริ่มจากข้างบนก่อนแล้วกัน’ อเล็กซ์คิดพลางมองต้นไม้สูงข้าง ๆ เขา ‘ด้วยร่างนี้ก็น่าจะปีนต้นนี้ไหวนะ’

อเล็กซ์วางถุงกระสอบลงและเดินไปที่ต้นไม้ แต่เขาก็หยุดทันที

จากนั้นก็เหวี่ยงกระสอบขึ้นหลัง

‘พวกสัตว์จะได้กลิ่นเนื้ออบแห้ง’ เขาคิด

อเล็กซ์เดินไปที่ต้นไม้และใช้แขนขาโอบรอบลำต้น

‘น้ำหนักตัวแค่นี้ไม่ใช่ปัญหา ร่างนี้ก็ค่อนข้างทรงพลังอยู่แต่น้ำหนักน้อยไปหน่อย ก็ไม่อยากจะยอมรับเท่าไร แต่นี้น่ะอาจจะเหมาะกับการเอาชีวิตรอดกับต่อสู้มากกว่าร่างเก่าซะอีก’

การปีนสองสามเมตรแรกค่อนข้างลำบาก แต่หลังจากที่อเล็กซ์ขึ้นไปถึงความสูงที่มีกิ่งก้าน มันก็ทำให้การปีนง่ายขึ้น ส่วนที่แหลมคมของต้นสนทำให้เขารำคาญ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาบาดเจ็บ

ราวสองนาทีต่อมา อเล็กซ์ก็ขึ้นมาได้สูงประมาณหนึ่งและได้เห็นรอบ ๆ

‘เวร!’ อเล็กซ์คิดขณะกัดฟันแน่น ‘มีแต่ป่าเต็มไปหมด!’

อเล็กซ์อยู่ท่ามกลางทะเลสีเขียวชอุ่ม

‘อย่างน้อยก็พอได้เห็นภูมิประเทศบ้าง’

อเล็กซ์เห็นภูเขาหลายลูกทอดตามเส้นขอบฟ้า น่าจะห่างออกไปราวยี่สิบกิโลเมตรหรือมากกว่านั้น จากการประมาณการ ภูเขาน่าจะมีความสูงประมาณหนึ่งกิโลเมตร

อเล็กซ์พบว่าเขาถูกล้อมรอบด้วยภูเขาจากระยะไกล

‘หุบเขาเหรอ?’ อเล็กซ์คิด ‘หลังภูเขาไปไม่เห็นอะไรที่สูงกว่านั้นเลย หมายความว่าฉันอาจจะไม่ได้อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล แต่ถูกล้อมรอบด้วยภูเขา ช่างเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจทีเดียว’

อเล็กซ์เกิดความคิด และความสงสัยก็แสดงออกมาทางใบหน้า

‘เป็นพื้นที่บทช่วยสอนหรือสถานที่เริ่มต้นอะไรทำนองนั้นหรือเปล่า?’ อเล็กซ์คิด

อเล็กซ์เกาหลังศีรษะเมื่อเขาคิดเช่นนั้น

ที่นี่ไม่ใช่เกม แต่พระเจ้ามั่นใจมากที่จะสร้างที่นี่ให้เหมือนเกม และการที่อเล็กซ์ได้รับโพชั่นมาสามขวด

‘อย่างน้อยก็ทำให้อะไร ๆ ง่ายขึ้น’ อเล็กซ์คิด ‘เขาบอกฉันว่าฉันควรพยายามเอาชีวิตรอดในถิ่นทุรกันดาร และเมื่อรู้สึกว่าปลอดภัย ให้เข้าไปในป่า เดาว่าคงหมายถึงหุบเขานี่’

จากนั้นอเล็กซ์ก็สังเกตเห็นบางอย่า

‘ควัน!’

มีควันลอยจากด้านหลังภูเขาลูกหนึ่ง! มันอาจจะมองได้ยาก แต่ถ้าลองเพ่งดูแล้วก็จะเห็นได้ชัดเจน

‘ต้องมีหมู่บ้านแน่ และมันตั้งเลยภูเขาลูกนั้นไป!’

สิ่งนี้ช่วยคลายความวิตกกังวลของอเล็กซ์ได้มาก อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าเขาจะพบมนุษย์ได้ที่ไหน

กรอบ แกร่บ

อเล็กซ์ได้ยินเสียงกรอบแกรบมาจากระยะไกล เขามองไปยังทิศทางนั้น เขากระพริบตาสองสามครั้งในความสับสนขณะพยายามประมวลผลว่าเขากำลังมองอะไร

ต้นไม้พวกนี้... เคลื่อนไหวได้?

และแน่นอน ห่างออกไปราวหนึ่งร้อยเมตร มีต้นสนยี่สิบต้นกำลังเคลื่อนที่จากซ้ายไปขวา

สิ่งหนึ่งที่แปลกคือต้นไม้เหล่านั้นอยู่ติดกันมาก ไม่ห่างเหมือนต้นอื่น ๆ ยิ่งไปกว่านั้น มีบางต้นที่โน้มเอียงไม่เป็นแนวตรง

อเล็กซ์เพ่งสายตามองพยายามดูว่าเกิดอะไรขึ้นตรงนั้น

ต้นไม่เคลื่อนไหวแบบนั้นไม่ได้

‘เดี๋ยวนะ มันเป็นต้นไม้จริง ๆ เหรอ?’ อเล็กซ์คิด

หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียด อเล็กซ์ก็พบว่า “ต้นไม้” เหล่านี้เพียงแค่หน้าตาคล้ายกับต้นไม้ และไม่ใช่ต้นไม้จริง ๆ

พวกมันเหมือนยอดเสาแหลมสีเขียวที่มีหนามสีเขียวยื่นออกมาด้านข้าง

ภาพนี้ทำให้เขาคิดถึงบางสิ่ง

หากยอดแหลมนี้เป็นแนวตรง ไม่มีหนาม และเป็นสีดำ...

สูดอากาศเข้าลึกในความตกใจ

‘นั่นเม่นสีเขียวเหรอ!?’

มวลสีเขียวที่กำลังเคลื่อนไหวดูเหมือนหลังของเม่น

แล้วตัวมันจะใหญ่ขนาดไหนกัน?

‘ถ้านั่นเป็นเม่นจริง แสดงว่าตัวมันต้องใหญ่มากจนหนามสูงเกือบเท่าต้นสนเลยนะ!’

อเล็กซ์ยังคงนิ่งเงียบขณะมองมวลหนามสีเขียวเคลื่อนตัวผ่านต้นไม้ ต้นสนที่ขวางทางถูกแรงทำให้โน้มไปข้างหน้า แต่หลังจากนั้นก็กระเด้งกลับมาอยู่ที่ตำแหน่งเดิม

ขนาดของมันใหญ่พอ ๆ กับช้างหนึ่งตัวเลย

ตึ้ง!

ทันใดนั้น อเล็กซ์ก็ได้ยินเสียงบางสิ่งที่ต้องใหญ่มากกระแทกกับพื้น เสียงเดินทางมาจากระยะที่ไกลออกไป

อเล็กซ์มองตรงไปยังที่มาของเสียงและเห็นฝุ่นลอยคลุ้งขึ้นมาจากด้านล่างภูเขาลูกหนึ่งจากระยะไหล

ตรงนั้น อเล็กซ์เห็นกิ้งก่าสีน้ำตาลกำลังกัดกินสัตว์บางชนิดที่มีสีน้ำตาลและลำตัวขนาดใหญ่ อเล็กซ์ไม่มั่นใจนักเพราะมันไกลเกินกว่าที่จะสังเกตได้ชัด

แต่อเล็กซ์ก็สังเกตสิ่งหนึ่ง

‘ฉันเห็นกิ้งก่าได้จากระยะนี้!’ เขาคิดพลางสูดอากาศเข้าลึก ‘แล้วตัวมันจะใหญ่ขนาดไหนเนี่ย!?’

อเล็กซ์นิ่งไปครู่หนึ่งขณะพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เห็น

‘นายแน่ใจนะว่านี่คือบทช่วยสอนน่ะ!?’

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด