ตอนที่แล้วSTY-ตอนที่ 36 ศิษย์หญิงที่มีอายุมากกว่า 100 ปี!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSTY-ตอนที่ 38 ทะลวงสู่อาณาจักรเทวะ!

STY-ตอนที่ 37 ปรมาจารย์อาวุโสหนุ่ม!


ก่อนที่ ‘ศิษย์หญิง’ จะลุกขึ้นมา หญิงสาวในชุดเขียวก็ได้พุ่งออกไปอีกครั้งและตบเข้าไปที่ใบหน้าของนาง

ศิษย์หญิงอาวุโสที่แกล้งทำตัวเป็นศิษย์รุ่นเยาว์รู้สึกโกรธมาก

นางได้เงยหน้าขึ้นมองไปที่ หญิงสาวใสชุดสีเขียว ทว่านางกลับไม่สามารถสัมผัสฐานการบ่มเพาะพลังของอีกฝ่ายได้เลย นอกจากนี้ สีหน้าของหญิงสาวในชุดเขียวก็ยังเย็นชา โดยไม่มีร่องรอยของ อารมณ์ ความโกรธ ความเศร้า หรือ ความยินดี สิ่งนี้ยิ่งทำให้ อาวุโสหญิงรู้สึกสงสัยมากกว่าเดิม

แต่ผู้อาวุโสหญิงรู้ว่า หญิงสาวในชุดเขียวนี้จะต้องถูกส่งมาโดยผู้อาวุโสที่กล่าวพูดก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน

ดังนั้นนางจึงกล่าวออกมา “ผู้อาวุโสดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาดของพวกเรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ของท่าน หรือว่าผู้อาวุโสท่านไม่กลัวว่าการกระทำของท่านจะส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสอง?”

ในเวลานี้ น้ำเสียงของ เย่เฉิน ได้ดังขึ้นมันเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะที่เย็นชา “ส่งผลต่อความสัมพันธ์?สิ่งนี้ไม่ใช่ว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาดของพวกเจ้าเป็นคนแหกกฏก่อนหรอกเหรอ ดังนั้นเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาถากถางการกระทำของข้า?”

“เถาลวี่ ไม่ต้องยั้งมือ…เพียงให้นางมีชีวิตรอดก็พอ!”น้ำเสียงของ เย่เฉิน ได้ดังลงมาจากบนท้องฟ้า

“เจ้าค่ะ นายท่าน!”

ในขณะนี้ เถาลวี่ ได้เคลื่อนไหวทันที

ขอบเขตของ เถาลวี่ ในปัจจุบันเปรียบเทียบได้กับผู้บ่มเพาะพลังที่อยู่ขั้นปลายของอาณาจักรแห่งการตระหนักรู้ที่ว่างเปล่า

แต่นอกจากความจริงที่ว่าผู้อาวุโสหญิงคนนี้เหลือแขนเพียงข้างเดียว ดังนั้น นางจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของ เถาลวี่

ดังนั้น เถาลวี่ จึงได้ทุบตีนางอย่างรุนแรง

ปั้ง!

เสียงดังขนาดใหญ่ได้ปะทุขึ้น

เถาลวี่ ได้โจมตีอีกฝ่ายจนทรุดลงไปกองกับพื้นจากนั้นก็ทุบตีอย่างรุนแรง

จากนั้น เถาลวี่ ก็ยกปลอกคอเสื้อของอีกฝ่ายขึ้น

และตบหน้านางซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เพี๊ยะ!

เพี๊ยะ!

เพี๊ยะ!

เสียงตบได้ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หลังจากนั้นไม่นาน ผู้อาวุโสหญิง ที่ถูก เถาลวี่ ทุบตี ก็มีใบหน้าที่แดงก่ำ

โดย เถาลวี่ ได้โจมตีอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ นางได้ทำให้ มือและเท้าของอีกฝ่ายได้พิการ จนทำให้ อาวุโสหญิงเดินโซเซและล้มลงกับพื้น

สำหรับ เย่เฉิน แม่ของศิษย์พี่หญิงทั้ง 7 เป็นสิ่งมีค่ามากที่สุดสำหรับเขา

แม้ว่า ศิษย์พี่หญิงใหญ่จะสามารถเอาชนะได้อย่างหวุดหวิดในครั้งนี้ แต่ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาด ก็ได้ส่งผู้อาวุโสเข้าร่วมการแข่งขัน ถ้านางพ่ายแพ้ ผลที่ตามมาก็คงเหนือที่จะจินตนาการได้

ดังนั้นหาก เย่เฉิน จะมีอารมณ์ที่อยากจะฆ่า ผู้อาวุโสหญิงคนนี้ก็ไม่ได้แปลกใจเลย

อย่างไรก็ตาม เย่เฉิน ก็เข้าใจว่า การฆ่านาง มันจะสร้างปัญหามากมายให้กับ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ดังนั้น เขาจึงขอให้ เถาลวี่ ไม่ได้ฆ่านางทันที

“เถาลวี่ ส่งตัวนางไปให้คนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาดซะ!”เย่เฉิน ได้โยนจี้หยกให้กับ เถาลวี่ การได้เห็นจี้หยก ก็เหมือนกับการได้พบตัวตนของปรมาจารย์นิกาย

“เจ้าค่ะ!”

เถาลวี่ ได้รับจี้หยกมา และ มุ่งหน้าไปที่ยอดเขาอวี๋เซียว พร้อมกับร่างของอาวุโสหญิงที่ปกคลุมไปด้วยโคลน

สำหรับ เย่เฉิน เขาได้เดินตามไป แต่ด้วยสถานะของเขา มันไม่สมควรที่เขาจะเปิดเผยตัวเองออกมา

ในห้องโถงใหญ่ของยอดเขาอวี๋เซียว

ประมุขนิกายอวี๋เซียว ได้ต้อนรับผู้อาวุโสทั้ง 3 ของ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาด

ในเวลานี้ทุกคนก็พูดคุยและหัวเราะกันอย่างมีความสุข

ทว่าในเวลานี้เอง ประตูหยกของห้องโถงก็ได้เปิดขึ้น

เถาลวี่ ได้เดินเข้ามาพร้อมกับร่างของผู้อาวุโสหญิงที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่น

ประมุขนิกายอวี๋เซียว เคยเห็นหญิงสาวในชุดเขียวคนนี้มาก่อน นางเคยมาหาเขาพร้อมกับจี้หยก ดังนั้น เขาจึงรู้ว่า หญิงสาวในชุดเขียวคนนี้จะต้องเป็นคนของท่านปรมาจารย์ยุทธ์ที่รักสันโดษ

แต่ทว่า ทุกคนรู้สึกตกใจเมื่อเห็นฉากนี้ พวกเขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

พวกเขาเพียงแค่เห็น หญิงสาวในชุดเขียว โยนร่างของ หญิงสาวที่ปวกเปียกลงไปบนพื้นโดยตรง

ในเวลานี้ คนจาก ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาด ได้กลายเป็นเดือดดาลในทันที

“นี่เจ้าทำอะไรลงไป?”

“เหตุใดถึงได้ทำร้ายคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาดของข้า?”

จากนั้นผู้อาวุโสก็หันศีรษะมองไปที่ประมุขนิกายอวี๋เซียวและกล่าวออกมา “ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาดของข้าได้เดินทางมาที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ของท่านเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ แต่พวกท่านกลับทำร้ายคนของเราโดยไม่มีเหตุผลงั้นหรือไม่ ประมุขนิกายอวี๋เซียว เกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านจะต้องให้คำอธิบายแก่พวกเรา!”

ประมุขนิกายอวี๋เซียว จ้องมองไปที่ หญิงสาวในชุดเขียว ด้วยท่าทางที่ประหลาดใจ แม้แต่เขาก็ยังสับสนและไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

แต่ในเวลานี้ เถาลวี่ ก็ได้กล่าวพูดออกมาโดยที่ไม่ได้มีอารมณ์แปรปรวน “คนผู้นี้มีกระดูกอายุ 121 ปี นางมีสถานะเป็นผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาดของพวกเจ้า แต่ทว่า นางกลับปลอมตัวเป็นศิษย์รุ่นเยาว์และเข้าร่วมการประลองกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ของพวกเรา เป็นพวกเจ้าที่แหกกฏก่อน ดังนั้น นายท่านของข้าจึงได้ฝากข้อความมาว่า คนที่ต้องให้คำอธิบายก็คือพวกเจ้า!”

เมื่อได้ยินแบบนี้

ทุกคนได้กลายเป็นช็อค!

พวกเขาไม่กล้าที่จะเชื่อ

ประมุขนิกายอวี๋เซียว มองไปที่ หญิงสาวในชุดเขียว และ กล่าวถามด้วยความประหลาดใจ “นี่เป็นเรื่องจริงงั้นหรือไม่?”

เถาลวี่ ได้ตอบกลับอย่างใจเย็น “หรือว่าท่านสงสัยในตัวของนายท่านของข้า?”

ในขณะนี้ ประมุขนิกายอวี๋เซียว ได้นิ่เงียบทันที ในเมื่อมันเป็นคำพูดจากท่านปรมาจารย์ยุทธ์ เช่นนั้นมันน่าจะเป็นความจริง

ดังนั้น ประมุขนิกายอวี๋เซียว จึงได้เดินลงมาและสัมผัสร่างของหญิงสาวคนนี้เพื่อตรวจสอบ มันเป็นอย่างที่ หญิงสาวในชุดเขียวกล่าว อายุกระดูกของผู้หญิงคนนี้คือ 121 ปี

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ประมุขนิกายอวี๋เซียว ได้เปลี่ยนท่าทีไป โดยเขาได้มองไปที่ ผู้อาวุโสทั้ง 3 ของ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาด พร้อมกับกล่าวออกมา “ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาดของพวกเจ้าได้ส่งผู้อาวุโสเข้าร่วมการแข่งขัน สิ่งนี้ถือว่าผิดกฏ ดังนั้นข้าต้องการคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้!”

หลังจากกล่าวพูดเช่นนี้ออกมา ผู้อาวุโสทั้ง 3 ของ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาด ก็มองหน้ากันอย่างตกตะลึง

แต่ในขณะนั้นเอง ศิษย์หนุ่ม ก็ค่อย ๆ เดินออกมาจากฝูงชน

ศิษย์หนุ่มคนนี้ ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก หลัวเฟิง ศิษย์อัจฉริยะของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาดที่สามารถเอาชนะศิษย์หลักของยอดเขาทั้ง 3 ได้

ในเวลานี้ เขาได้เดินไปที่ด้านข้างของผู้อาวุโสหญิงที่อ่อนปวกเปียกและโบกมือ

ทันใดนั้น ร่างของ ผู้อาวุโสหญิงก็ถูกดูดขึ้นมาในมือของเขาโดยคอของนางได้ถูกเขาคว้าเอาไว้

“ประมุขนิกายอวี๋เซียว ข้าคือประมุขน้อยของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาด ดังนั้นข้าจะรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นเอง แน่นอนว่า หากท่านประมุขนิกายอวี๋เซียวต้องการคำอธิบาย เช่นนั้นข้าก็จะให้คำอธิบายแก่ท่าน!”หลัวเฟิง ได้ยิ้มออกมา

เพื่อเขาพูดจบ เขาก็บีบมือของเขาทันที

ทันใดนั้น คอของผู้อาวุโสหญิงก็กระตุก และ นางก็ได้เสียชีวิต่อหน้าของทุกคน

ในเวลานี้ ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนตกตะลึงอย่างหาที่เปรียบมิได้

หลัวเฟิงผู้นี้ดูแล้วมีอายุเพียงแค่ 14-15 ปีเท่านั้น แต่ทว่าเขากลับไร้ความปรานีเป็นอย่างมาก

หลังจากที่ฆ่าผู้อาวุโสหญิงเสร็จ หลัวเฟิง ก็ยิ้มและกล่าวถาม ประมุขนิกายอวี๋เซียว “ประมุขนิกายอวี๋เซียว ข้าสงสัยว่าท่านพอใจกับคำอธิบายนี้หรือไม่?”

ประมุขนิกายอวี๋เซียว ที่เห็น อาวุโสหญิงถูกสังหาร และ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ของพวกเขาไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ หากเขายังคงติดตามเรื่องนี้ต่อไป เกรงว่ามันจะไม่ใช่เรื่องดีสำหรับพวกเขา

ในเมื่อนางก็ตายไปแล้ว เขาจะไปกล่าวโทษสิ่งที่เหลือได้อย่างไร?

นอกจากนี้ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ กับ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาด ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะแสร้งทำเป็นจริงใจต่อกัน แต่มันก็ยังอยู่ในข้อตกลงที่ดี

ดังนั้น ประมุขนิกายอวี๋เซียว จึงได้ยิ้มออกมา “ในเมื่อคนก็ตายไปแล้ว เช่นนั้นก็ลืมเรื่องนี้ไปเถอะ!”

เย่เฉิน ไม่ได้เข้าไปในห้อง ดังนั้น เขาจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน

แต่หลังจากที่ เถาลวี่ ออกมา นางก็อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้ เย่เฉิน ฟัง

หลัวเฟิง คนนี้ เป็น 1 ในคนที่ซับซ้อนที่ เย่เฉิน เคยพบมาก่อน

นอกจากเรื่องที่ว่าเขาเอาชนะ ศิษย์อันดับ 1 ของยอดเขาทั้ง 3 ได้แล้ว

ตอนนี้เขาก็มารู้อีกว่าสถานะของอีกฝ่ายนั้นทรงพลังมากพอที่จะควบคุมดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาดโดยตรง อีกทั้งอีกฝ่ายยังเป็นคนที่โหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม เย่เฉิน ก็ไม่เคยเห็น หลัวเฟิง คนนี้มาก่อน ดังนั้น เย่เฉิน ก็ต้องการที่จะดูว่า แท้จริงแล้ว อีกฝ่าย เป็น ปีศาจ หรือ สัตว์ประหลาด แบบไหนกันแน่?

ในห้องรับแขกบนยอดเขาอวี๋เซียว

หลัวเฟิง กำลังนั่งอยู่ในที่นั่งของเขา ในขณะที่ ผู้อาวุโสทั้ง 3 ได้คุกเข่าต่อหน้าของ หลัวเฟิง

“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์สามารถมองผ่านการปลอมตัวได้อย่างไร?อีกอย่างจะต้องรู้ว่าแม้แต่ประมุขนิกายอวี๋เซียว และ จ้าวฉีหยาง ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรมหายานก็ยังไม่อาจมองผ่านเรื่องนี้ได้ เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีผู้เชี่ยวชาญบางคนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ที่พวกเราไม่รู้จักมาก่อน?”หลัวเฟิง ได้กล่าวถาม อย่างเย็นชา

“ท่านปรมาจารย์อาวุโส พวกเราควรทำอย่างไรดี?”

ผู้อาวุโสทั้ง 3 ได้มองไปที่ หลัวเฟิง พวกเขาไม่ได้เรียกอีกฝ่ายว่า นายน้อย แต่เป็น ปรมาจารย์อาวุโส!

“ข้าเคยพูดก่อนหน้านี้แล้วว่า ให้พวกเจ้าเรียกข้าว่านายน้อยเมื่ออยู่ที่นี่ แม้ว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญคนอื่นในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ แต่ แผนการใหญ่ของเราก็ไม่อาจยกเลิกได้ คราวหน้าให้ส่งศิษย์ธรรมดาลงแข่ง และ อย่าได้สร้างปัญหาเพิ่มเติม”หลัวเฟิง ได้กล่าวอย่างเฉยเมย

“ขอรับ!”

ผู้อาวุโสทั้ง 3 ได้โค้งคำนับทันที

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด