ตอนที่แล้วSTY-ตอนที่ 33 ศิษย์พี่หญิงเจ็ดกลัวผี!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSTY-ตอนที่ 35 ท้าทายยอดเขาหยกอมตะ!

STY-ตอนที่ 34 ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาด!


ในเวลานี้ ศิษย์พี่หญิงเจ็ดของเขาไม่ได้เหลือความภาคภูมิใจเหมือนในอดีต นางเปรียบเสมือนลูกแมวน้อยที่เชื่อฟังตัวนึงและออดอ้อนอยู่ในอ้อมแขนของ เย่เฉิน

แม้ว่า ศิษย์พี่หญิงเจ็ดของเขาจะมีลักษณะเหมือนกับองค์หญิงน้อย แต่ร่างกายที่บอบบางของนางก็ นุ่มนิ่ม อย่างหาที่เปรียบมิได้

เย่เฉิน ได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการปลอบศิษย์พี่หญิงเจ็ดของเขา

เย่เฉิน ไม่ได้คาดคิดเลยว่าศิษย์พี่หญิงเจ็ดที่เป็นคนปากไม่ตรงกับใจจะมีด้านที่น่ารักแบบนี้

ในเวลานี้ ศิษย์พี่หญิงใหญ่ ก็ได้เดินออกมา

“โอ๊ะ ช่างเป็นคู่กิ่งทองใบหยกอย่างแท้จริง!”เสียงของ ซู่ชิวหยา ได้ดังออกมา

เมื่อได้ยินเสียงศิษย์พี่หญิงใหญ่ ศิษย์พี่หญิงเจ็ดก็ผละออกจากอ้อมแขนของ เย่เฉิน อย่างรวดเร็ว

“หึ่ม…ใครเป็นคู่กิ่งทองใบหยกกับเขากัน?”จ้าวซือหยา ได้กล่าวออกมาอย่างภาคภูมิใจ

“ว่าแต่ ศิษย์น้อง เจ้ามาหาข้ามีธุระอันใดงั้นหรือ?”ซู่ชิวหยา ได้มองไปที่ จ้าวซือเหยา และ กล่าวถาม

“ศิษย์พี่หญิงใหญ่ ท่านอาจารย์ให้ข้ามาตามท่านไปที่พระราชวังหยกอมตะ ดูเหมือนว่าท่านอาจารย์จะมีอะไรบางอย่างที่อยากจะพูดกับท่าน!”ในเวลานี้ จ้าวซือเหยา ได้กล่าวพูดออกมาด้วยเสียงต่ำ ราวกับว่านางยังคงไม่หายไปจากความหวาดกลัว

“เข้าใจแล้ว รีบไปกันเถอะ!”

ซู่ชิวหยา ได้เรียกกระบี่บินออกมา

สำหรับ เย่เฉิน แม้ว่าเขาจะเรียกกระบี่บินออกมาได้ แต่เพื่อไม่ให้สถานะของเขาเปิดเผย เขาจึงได้ติดตามศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเขาไป

ส่วน จ้าวซือเหยา นางได้จับที่มุมเสื้อของ เย่เฉิน และ ซ่อนตัวอยู่ที่ด้านหลังของเขาราวกับว่านางยังไม่หายตกใจ

“เย่เฉิน เจ้า…เจ้าคิดว่ามีผีในโลกนี้จริงหรือไม่?”ศิษย์พี่เหยาเหยา ที่จับที่มุมเสื้อของ เย่เฉิน ได้กล่าวถามเขาในเวลานี้

“ก็คงจะมีละมั้ง!”เย่เฉินได้ตอบกลับ

หลังจากได้ยินเรื่องนี้ จ้าวซือเหยา ก็จับเสื้อของ เย่เฉิน แน่นมากยิ่งขึ้น

“ศิษย์พี่ ท่านเป็นผู้บ่มเพาะพลัง ถ้ามีผีโผล่มา ท่านก็จัดการมันซะสิ? อะไร อย่าบอกนะว่าท่านกลัวผี?”เย่เฉิน ได้หัวเราะออกมา

“ใคร…ใครบอกว่า…ข้ากลัว!”เมื่อพูดถึงคำว่า ‘กลัว’ จ้าวซือเหยา ก็ตอบกลับเขาด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนและนุ่มนวล

เย่เฉิน ได้เผยรอยยิ้มที่มุมปากของเขา ด้วยนิสัยเย่อหยิ่งของศิษย์พี่หญิงเจ็ด เห็นได้ชัดว่าแม้ว่านางจะกลัว แต่นางก็ยังแสร้งทำเป็นไม่กลัว เมื่อเห็นแล้ว เขาอดที่จะรู้สึกยิ้มไม่ได้

ไม่นานทุกคนก็มาถึงที่พระราชวังหยกอมตะ

ในตอนนี้ พระราชวังหยกอมตะ ก็เต็มไปด้วยผู้คน

เซียนหยกอมตะ ได้สวมใส่ชุดอย่างเป็นพิธีการและนั่งลงที่ตำแหน่งสูงสุดภายในห้องโถงใหญ่

โดยข้าง ๆ นาง ก็มีผู้อาวุโสหลายคนของยอดเขาหยกอมตะอยู่ด้วย

ส่วนด้านล่างก็มีศิษย์ทั้งหมดของยอดเขาหยกอมตะมารวมตัวกัน

เย่เฉิน ได้ตามศิษย์พี่ของเขาไปและซ่อนตัวอยู่ในฝูงชน ถึงกระนั้นหลายคนก็ไม่ได้ให้ความสนใจแก่ เย่เฉิน

สิ่งนี้ไม่ได้น่าแปลกใจ เพราะว่า เย่เฉิน เป็นเพียงศิษย์บุรุษเพียงคนเดียวของยอดเขาหยกอมตะ

อย่างไรก็ตาม เย่เฉิน ไม่สามารถที่จะฝึกฝนได้ ดังนั้น ไม่แปลกที่พวกนางจะไม่รู้ว่า เย่เฉิน ในปัจจุบัน สามารถที่จะฝึกฝนได้แล้ว

ในขณะนี้ เซียนหยกอมตะ ก็ได้กล่าวเปิดงาน “เหตุผลที่ข้าเรียกทุกคนมาที่นี่ก็เพราะว่ามีเรื่องที่จะประกาศ ในอีก 10 วันข้างหน้า ศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาด จะเดินทางมาที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ของพวกเราเพื่อแลกเปลี่ยนคำแนะนำ”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ศิษย์ทุกคนต่างก็ตกใจและเริ่มพูดคุยกัน

“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาด?”เย่เฉิน ได้พึมพัมออกมา

ในขณะนี้ หลี่จื่อหยาน ที่อยู่ด้านข้าง เย่เฉิน ก็ยิ้มและอธิบาย “แดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาดเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ไม่ไกลจากแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ของพวกเรา ศิษย์น้อง เจ้าไม่เคยออกจากนิกายมาก่อน ดังนั้นเจ้าจะไม่รู้ก็คงไม่แปลก”

“แม้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาดจะบอกว่าพวกเขาจะเดินทางมาที่นี่เพื่อแลกเปลี่ยนคำแนะนำ แต่แท้จริงแล้ว พวกเขาได้มาที่นี่ เพื่อที่จะแสดงพลังของพวกเขาให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ได้เห็น”หลี่จื่อหยาน ได้กล่าวพูดต่อ

ขณะที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา เย่เฉิน ก็กลายเป็นตกใจ

“ศิษย์พี่ เหตุใดสถานการณ์ถึงเป็นแบบนั้นไปได้?”เย่เฉิน ได้กล่าวถาม

ในขณะนี้ มุมปากของ หลี่จื่อหยาน ก็ได้ม้วนขึ้นและกลายเป็นรอยยิ้มอันแสนหวานขณะที่นางพูด “ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ล้วนเป็นคู่แข่งกันทั้งหมด นอกจากนิกายอินทรีหิมะที่เสแสร้งว่าเป็นมิตรกับพวกเรา พวกเขาก็ถูกมองว่าเป็นศัตรูได้แล้ว แต่ทว่า ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาด นั้นแตกต่างออกไป”

“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาดและดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ของพวกเราล้วนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน อย่างไรก็ตาม เพื่อที่จะแสดงความแข็งแกร่งให้เห็น ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาด มักจะส่งศิษย์ของพวกเขาจำนวนมากมาหาพวกเราในทุก ๆ 2-3 ปี เพื่อที่จะประลองแลกเปลี่ยนทักษะกับพวกเรา ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะบอกว่าเป็นการแลกเปลี่ยนและแนะนำ แต่แท้จริงแล้ว…พวกเขาต้องการที่จะพิสูจน์ว่าศิษย์รุ่นเยาว์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใดจะแข็งแกร่งกว่ากัน!”

เย่เฉิน ได้เข้าใจจุดประสงค์ของเรื่องนี้

แม้ว่าพวกเขาจะบอกว่ามาที่นี่เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ แต่แท้จริงแล้วพวกเขาต้องการแสดงความแข็งแกร่งให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ได้เห็น

ในขณะนี้ เซียนหยกอมตะ ได้กล่าวพูดต่อ “ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาด ได้สร้างอัจฉริยะที่โดดเด่นขึ้นมา 2-3 คน ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และ เมื่อถึงเวลาพวกเขาก็คงจะมาท้าทายทุกคน ดังนั้นสิ่งที่ข้าต้องการจะพูดก็คือเมื่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาดมาท้าทายพวกเรา ข้าหวังว่าทุกคนจะทุ่มพลังอย่างเต็มที่และไม่ทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ของพวกเราต้องอับอาย!”

“เจ้าค่ะ!”ทุกคนได้ตอบกลับทันที

“เอาล่ะ เลิกประชุมได้”เซียนหยกอมตะ ได้โบกมือของนาง

จากนั้น ลูกศิษย์หลายคนก็ได้จากไป

จนเหลือเพียง เซียนหยกอมตะ เย่เฉิน และ ศิษย์พี่หญิงทั้ง 7 ของเขา

เซียนหยกอมตะ ได้พา เย่เฉิน และ คนอื่น ๆ ไปที่ห้องนอนของนางและกล่าวออกมา “ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาด จะต้องเตรียมความพร้อมสำหรับการท้าทายในคราวนี้เป็นแน่ และ เป้าหมายของพวกเขาก็คงเป็นพวกเจ้า!”

ทุกคนได้พยักหน้า

พวกนางเข้าใจโดยธรรมชาติว่าพวกนางก็คืออัจฉริยะสูงสุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์

ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ทั้งหมด นอกจากอัจฉริยะไม่กี่คนจากยอดเขาอื่นที่พอจะเทียบเคียงพวกนางได้ คนอื่น ๆ ล้วนไม่สามารถเทียบเคียงได้ และ เนื่องจาก ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุลีสีชาด มาเพื่อแลกเปลี่ยนคำแนะนำ พวกเขาก็จะต้องท้าทาย 7 เทพธิดาของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์อย่างแน่นอน

หลังจากพูดจบ เซียนหยกอมตะ ก็มองไปที่ เย่เฉิน และ กล่าวพูดออกมา “เฉินเอ๋อร์ แม้ว่าการแข่งขันครั้งนี้จะเกี่ยวพันถึงศักดิ์ศรีของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ แต่เจ้าก็ไม่จำเป็นจะต้องเปิดเผยตัวเอง ดังนั้นเจ้าไม่ต้องเข้าร่วมประลองก็ได้”

“ขอรับ!”เย่เฉิน ได้ตอบกลับ

แม้ว่า แม่ของเขา จะไม่กล่าวพูดออกมา แต่ เย่เฉิน ก็รู้

ตอนนี้เขาไม่สามารถเปิดเผยตัวเองได้ เพราะถ้าเขาเปิดเผยตัวตนมันจะนำปัญหามากมายมาให้

ดังนั้น เย่เฉิน จึงไม่คิดที่จะเคลื่อนไหวเว้นแต่เขาจะไม่มีทางเลือกอื่น

จากนั้น เย่เฉิน และ คนอื่น ๆ ก็ได้จากไป

ในเวลานี้ ศิษย์พี่หญิงเจ็ดได้คว้าแขนเสื้อของ เย่เฉิน

เย่เฉิน ได้มองไปที่ ศิษย์พี่หญิงเจ็ดของเขาและกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์พี่ มีอะไรงั้นหรือ?”

“เอ่อ…คืนนี้เจ้ามานอนกับข้าได้หรือไม่?”จ้าวซือเหยา ได้กล่าวถามออกมาเบา ๆ

“ท่านว่าอะไรนะ?”เย่เฉิน คิดว่าเขาได้ยินผิดไปจึงรีบกล่าวถามอีกครั้ง

“หึ่ม…ลืมมันไปซะ ถ้าเจ้าไม่ต้องการก็ไม่เป็นไร ยังไงซะข้าก็ไม่ได้กลัวซะหน่อย!”จ้าวซือเหยา ได้พ่นลมหายใจออกมาทันที

เย่เฉิน เข้าใจทันทีว่า ศิษย์พี่เหยาเหยา ของเขากลัวผี

ดังนั้น เขาจึงได้ยิ้มอย่างชั่วร้ายและกล่าวออกมา “ข้าได้ยินมาว่าพวกภูติผีเหล่านี้มีความอาฆาตเป็นอย่างมาก หากเราเข้าไปพัวพันกับพวกมันแล้ว พวกมันก็จะมารบกวนเราอย่างไม่มีที่สิ้นสุด”

สีหน้าของ จ้าวซือเหยา ได้เปลี่ยนไป หลังจากได้ยินเรื่องนี้

“อึก…เย่เฉินคืนนี้…”จ้าวซือเหยา ไม่ได้สนใจที่จะรักษาท่าทีของนางอีกต่อไปและกล่าวพูดทันที

ในคืนนั้น จ้าวซือเหยา ได้ขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของ เย่เฉิน และ ถูก เย่เฉิน กอดตลอดทั้งคืน

ในวันถัดมา

เย่เฉิน ได้ลงชื่อเข้าใช้ และ ฝึกฝนตามปกติ

จากนั้น 10 วันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

วันที่ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ธุละสีชาด ได้นัดแนะแลกเปลี่ยนความรู้กับ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ก็มาถึง

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ เย่เฉิน อย่างมากที่สุด เขาก็แค่ชมการแสดง

สำหรับผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น…

ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้รังแกศิษย์พี่ของเขา เย่เฉิน ก็ไม่ได้สนใจที่จะเคลื่อนไหว

โดย เย่เฉิน ได้ลงชื่อเข้าใช้บนยอดเขาเทียนฉีหมดแล้ว และ เขาได้เปลี่ยนไปลงชื่อเข้าใช้ที่ยอดเขาอวี๋เซียว

[ติ๊ง! โฮสต์ได้ลงชื่อเข้าใช้ที่ยอดเขาอวี๋เซียว ได้รับเทคนิคกระบี่เขย่าสวรรค์!]

ในขณะนี้เอง ก็มี ผู้อาวุโส 3 คน และ ศิษย์หลายคนกำลังมุ่งหน้ามาที่ยอดเขาอวี๋เซียว

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด