ตอนที่แล้วSTY-ตอนที่ 31 กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นับพัน!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSTY-ตอนที่ 33 ศิษย์พี่หญิงเจ็ดกลัวผี!

STY-ตอนที่ 32 ค่ำคืนแห่งการสนทนา!


ขั้นปลายของอาณาจักรกำเนิดวิญญาณก็คือขอบเขตที่ เย่เฉิน แสดงออกมา

แต่ในปัจจุบัน เย่เฉิน อยู่ในขั้นปลายของอาณาจักรมหายานแล้ว แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ควรคุยโม้ และ เย่เฉิน ก็ไม่คิดที่จะอวดอ้างในเรื่องนี้

แม้ว่าเขาจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ไปแล้ว

แต่เขาก็ไม่คิดที่จะหยิ่งผยอง

เพราะว่ายิ่ง เย่เฉิน แข็งแกร่งมากเท่าไหร่ เขาก็รู้ว่าโลกใบนี้ไม่ได้เรียบง่ายเลย

เพราะสุดท้ายแล้วดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ นิกายอินทรีหิมะ และ นิกายที่อยู่โดยรอบ ก็เป็นเพียงมุมหนึ่งของโลกใบนี้ นอกจากนี้ พวกเขายังเป็นเพียงแค่เผ่าพันธุ์มนุษย์เท่านั้น

นอกเหนือจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ ในโลกนี้ยังเต็มไปด้วยเผ่าพันธุ์นับหมื่น ดังนั้นใครจะไปรู้ว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญที่หลบซ่อนตัวอีกกี่คน

บางที ต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญของโลกภายนอกเหล่านั้น เขาก็ไม่นับว่ามีอะไรเลย!

ดังนั้น การฝึกฝนอย่างขยันหมั่นเพียรจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

เมื่อเห็นความประหลาดใจของศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเขา เย่เฉิน ก็ยิ้มออกมา “ศิษย์พี่ ท่านถูกคนจากนิกายอินทรีหิมะดักลอบทำร้ายในครานี้ ท่านได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”

เย่เฉิน กล่าวถามด้วยความเป็นห่วง

“สบายใจเถอะ ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร!”ซู่ชิวหยา ได้ตอบกลับ

เย่เฉิน ได้มองไปที่ ศิษย์พี่หญิงใหญ่ และ ได้ตัดสินใจอย่างลับ ๆ

โดยเขามีความเกลียดชังต่อนิกายอินทรีหิมะอย่างลึกซึ้ง

ก่อนหน้านี้ เป็น ศิษย์พี่หญิงรอง และ ศิษย์พี่หญิงสาม

คราวนี้ก็เป็นศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเขา แล้ว คราวหน้าจะเป็นใคร?

การปล่อยนิกายดั่งกล่าวไว้เบื้องหลัง ล้วนเป็นเสี้ยนหนามที่ตำใจของเขา

ปัจจุบัน แม้ว่าเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ แต่เขาก็อยู่ในอาณาจักรมหายานเท่านั้น อีกทั้ง เย่เฉิน ยังไม่รู้ภูมิหลังที่แท้จริงของนิกายอินทรีหิมะ เพราะงั้นเอง เขาถึงไม่กล้าโจมตีพวกเขาอย่างเปิดเผย

แต่แน่นอนว่า เมื่อความแข็งแกร่งของ เย่เฉิน เพียงพอ เขาจะไปเยือนที่นิกายอินทรีหิมะเป็นการส่วนตัวเพื่อชำระหนี้แค้นก่อนหน้านี้ทั้งหมดโดยตรง

“อ่า ใช่แล้ว ศิษย์น้อง เจ้าไม่เคยศึกษารูปแบบก่อตัวมาก่อนใช่หรือไม่?”ซู่ชิวหยา ได้มองไปที่ เย่เฉิน และ กล่าวถาม

เย่เฉิน ได้พยักหน้า

เขารู้ดีว่าความสำเร็จของศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเขาในด้านรูปแบบก่อตัวนั้นสูงมาก

แม้ว่า เย่เฉิน จะลงชื่อเข้าใช้ได้รับรูปแบบก่อตัวมาจำนวนมากและสามารถใช้รูปแบบก่อตัวเหล่านี้ได้ตามต้องการ แต่เขาก็ไม่ได้ศึกษาวิธีการจัดวางรูปแบบก่อตัวอย่างเป็นระเบียบ

เหมือนกับ การปรุงยา ปรับแต่งยันต์ เทคนิคกระบี่ และ เทคนิคการฝึกสัตว์อสูร…

เพราะเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ เย่เฉิน ได้เรียนรู้พวกมันและมีความเข้าใจในระดับสูงไปแล้ว

ดังนั้น เกี่ยวกับ รูปแบบก่อตัว อาจกล่าวได้ว่า เย่เฉิน ยังไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับมันดีพอ

“เช่นนั้นตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ศิษย์พี่คนนี้จะสอนเกี่ยวกับรูปแบบก่อตัวให้เจ้าเอง”ซู่ชิวหยา ได้ตอบกลับ

“ขอบคุณศิษย์พี่!”เย่เฉิน รีบพยักหน้า

หลังจากนั้น เย่เฉิน ศิษย์พี่หญิงของเขาและแม่ของเขาก็มาใช้เวลาร่วมกันตามวันเวลาเก่า ๆ พวกเขาได้พูดคุยกันนิดหน่อยก่อนที่จะออกไปฝึกฝน

โดยศิษย์พี่หญิงใหญ่นั้นประหลาดใจมาก ช่วงเวลาที่นางไม่อยู่ ศิษย์น้องของนางทุกคนมีพัฒนาการขึ้นทุกคน

โดยเฉพาะ เย่เฉิน

ตอนที่นางจากไป เย่เฉิน ยังไม่แม้แต่จะสามารถฝึกฝนได้ แต่ในระยะเวลาอันสั้นเพียงแค่ 5 ปี เขาก็ได้พัฒนาความแข็งแกร่งขึ้นเป็นอย่างมาก

พรสวรรค์ของเย่เฉิน ดีกว่าศิษย์น้องเจ็ดของนางอีก!

เมื่อเวลาผ่านไป ความแข็งแกร่งของ เย่เฉิน จะพุ่งทะยานกว่านี้อย่างแน่นอน

ดังนั้น ศิษย์พี่หญิงใหญ่ จึงได้ตัดสินใจเลี้ยงดู เย่เฉิน อย่างเหมาะสม

ในตอนกลางคืน

ซู่ชิวหยา ได้พา เย่เฉิน ไปที่ห้องนอนของนาง

แม้ว่า เย่เฉิน จะมีที่พำนักของตัวเอง แต่ตั้งแต่ตอนเขายังเด็กจนถึงอายุ 8 ปี เย่เฉิน ก็นอนกับศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเขามาโดยตลอด ดังนั้นแม้ว่าจะผ่านไปแล้ว 5 ปี แต่ เย่เฉิน ก็มีอายุเพียงแค่ 13 ปีเท่านั้น

เด็กอายุ 13 ก็ยังถือเป็นผู้เยาว์อยู่ ดังนั้น ซู่ชิวหยา จึงไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับมัน

ยิ่งไปกว่านั้น นางยังต้องสอน เย่เฉิน เกี่ยวกับรูปแบบก่อตัวในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นมันคงจะสะดวกกว่า หาก เย่เฉิน อยู่ที่นี่

เมื่อ เขากลับมาที่ห้องของศิษย์พี่หญิงใหญ่อีกครั้ง เย่เฉิน ก็ตระหนักว่า ศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเขาชื่นชอบสีแดงเป็นอย่างมาก

นางไม่เพียงแต่สวมชุดสีแดงเท่านั้น แต่ทั้งห้องก็ยังเป็นสีแดง มีผ้าม่านสีแดง ผ้าห่มสีแดง และ หมอนสีแดง…กระทั่งมีชุดชั้นในสีแดง

เย่เฉิน รู้สึกอายเล็กน้อยขณะที่เข้ามาในห้องนอนของศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเขา

ซู่ชิวหยา ได้มองไปที่ เย่เฉิน ที่หน้าเด็กเล็กน้อย และ กล่าวถาม “อะไร?หรือว่าเจ้ารู้สึกเขินอาย?หากเจ้ารู้สึกเขินอายแสดงว่าตอนนี้เจ้าได้เติบโตขึ้นแล้วสินะ”

“เอ่อ ข้าไม่ได้!”เย่เฉิน ได้ตอบกลับอย่างรวดเร็ว

“โอ้ ใช่ ก่อนหน้านี้ข้าเดินทางมาตลอดทั้งวันโดยแทบจะไม่ได้หยุดพัก ดังนั้น ข้าต้องการที่จะอาบน้ำ ว่าไง อยากจะมาอาบน้ำกับข้าไหม?”ซู่ชิวหยา ได้มองไปที่ เย่เฉิน และ กล่าวถาม

โดยปกติแล้ว ซู่ชิวหยา นางได้พยายามแสดงท่าทีที่เคร่งขรึมต่อหน้าคนนอก อย่างไรก็ตาม เมื่อนางกลับมาที่ห้อง นางก็ได้ระงับตัวเองลง อีกทั้ง นางยังรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมากเมื่ออยู่ต่อหน้าของ เย่เฉิน

“เอ่อ…ข้าจะไปอาบน้ำทีหลัง!”เย่เฉิน ได้กล่าวพูดอย่างเขินอาย

“เฉินน้อย ไม่ต้องอายไป เมื่อตอนที่เจ้ายังเด็กก็เป็นศิษย์พี่คนนี้ที่ช่วยเจ้าอาบน้ำไม่ใช่เหรอ?”ซู่ชิวหยา ได้กล่าวพูดด้วยรอยยิ้ม

หลังจากที่นางพูดจบ นางก็โบกแขนเสื้อในทันที และ ม้วนตัว เย่เฉิน บินเข้าไปในห้องชั้นใน

ที่นี่ มีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่ในห้อง อีกทั้งในน้ำยังเต็มไปด้วยกลีบดอกกุหลาบ

“จะให้ศิษย์คนนี้ช่วยถอดหรือว่าจะถอดเอง?”รอยยิ้มของ ซู่ชิวหยา ได้เบ่งบานมากยิ่งขึ้น

เย่เฉิน ได้ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากถอดชุดเสร็จเขาก็ลงไปอาบน้ำในสระพร้อมกับศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเขา

หลังจากนั้นพวกเขาก็อาบน้ำกัน

ในโลกของผู้บ่มเพาะพลัง การอาบน้ำเป็นเรื่องที่ง่ายมาก

พวกเขาสามารถใช้พลังปราณที่แท้จริงเพื่อรวบรวมน้ำและใช้พลังปราณที่แท้จริงเพื่อรวบรวมไฟในการต้มน้ำร้อนได้อย่างง่ายดาย

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อพวกเขาได้ฝึกฝนมาจนมีฐานการบ่มเพาะในระดับนึงแล้ว พวกเขาจะสามารถสร้างกระแสพลังปราณที่แท้จริงบนพื้นผิวร่างกาย และ ช่วยปกป้องร่างกายจากการปนเปื้อนเศษฝุ่นหรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ ได้

มิฉะนั้น คนอย่าง ซู่ชิวหยา ตอนออกไปท่องโลกภายนอก นางจะอาบน้ำได้อย่างไรหากพลัดตกลงไปอยู่ในถิ่นทุรกันดาร?

ยิ่งไปกว่านั้นการอาบน้ำในโรงเตี๊ยมก็ไม่ค่อยปลอดภัย

ดังนั้น ซู่ชิวหยา จึงมักจะใช้พลังปราณครอบคลุมร่างกายเอาไว้โดยที่ไม่ต้องอาบน้ำ แต่ตอนนี้ นางรู้สึกอยากจะอาบน้ำแล้ว

“เฉินน้อย เดี๋ยวศิษย์พี่คนนี้จะถูหลังให้เจ้าเอง!”ซู่ชิวหยา ได้กล่าวพูดด้วยรอยยิ้ม

เย่เฉิน ที่หน้าแดงได้พยักหน้า

ตอนนี้เขาได้เลยเถิดมาจนถึงจุดนี้แล้วดังนั้นเขาจะปฏิเสธมันได้อย่างไร

ในขณะนี้ ศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเขาก็ได้เข้ามาใกล้ที่แผ่นหลังของเขา โดย นางได้ก้มตัวเล็กน้อย และ ทัศนียภาพที่งดงามของโลกมนุษย์ ก็ได้บังเอิญสัมผัสเข้ากับ แผ่นหลังของ เย่เฉิน

ศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเขารู้สึกเขินอายเล็กน้อยดังนั้นนางจึงรีบนั่งลงไปในน้ำ

เพื่อบรรเทาสถานการณ์ที่อึดอัด เย่เฉิน ได้กล่าวพูดออกมาในทันที “ศิษย์พี่ ท่านช่วยเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ผ่านมาให้ข้าฟังจะได้หรือไม่?”

เย่เฉิน รู้ว่าสถานที่ที่เขาอยู่เป็นเพียงมุมนึงของโลก ในอนาคตเขาจะต้องออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ ดังนั้น เย่เฉิน จึงต้องการรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโลกภายนอก

“เข้าใจแล้ว!”ซู่ชิวหยา ได้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

โดย นางได้เริ่มเล่าให้เขาฟังตั้งแต่ประสบการณ์ตอนที่ออกไปฝึกฝน

กลีบดอกกุหลาบในสระได้กลายเป็นสดใส โดย ซู่ชิวหยา ได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ เย่เฉินฟัง ตลอดครึ่งคืน

ต่อมาทั้งสองก็อาบน้ำเสร็จและขึ้นไปนอนบนเตียง

นอกจากแสงเทียนที่ลุกโชติช่วงภายในห้อง และ มีฝนตกที่นอกหน้าต่างแล้ว ทั้งสองก็คุยซุบซิบกันตลอดทั้งคืน…

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด