ตอนที่แล้วEP 18 (Stardew Valley)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEP 20 (Stradew Valley) Plants VS Zombies

EP 19 (Strardew Valley) คนแคระโบราณ!


EP 19 (Strardew Valley) คนแคระโบราณ!

ผู้แปล วังวน

ด้วยเบาะแสนี้ทำให้ หนานเสี่ยวเหวี่ยงพลั่วทองคำที่เขาพึงคราฟขึ้นมาและทุกรูนั้นให้แหลก และในไม่ช้าก็เปิดรูนั้นได้ ดูเหมือนข้างในนั้นจะมีทางเดินเข้าไปจริงๆ ซึ่งมันเป็นทางที่ค่อนข้างแคบจนต้องพยายามแทรกตัวเองระหว่างช่องหินผ่านเข้าไปให้ได้

  เมื่อเขากำลังจะถึงทางออก เขาเองก็ถูกจู่โจมในทันที

  ถ้าเป็นเมื่อก่อนถ้าเจอเหตุการณ์นี้เขาคงจะตกใจและพยายามจะรีบหลบหนีออกจากจุดนั้นทันที แต่มันไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว เพราะเขาเองฝึกฝนตัวเองจนมาถึงชั้นที่ 120 ของเหมืองแล้ว ทำให้หนานเสี่ยวเขาเหมือนกับเกิดใหม่และทำให้เขาดูมั่นใจขึ้นในการต่อสู้ครั้งนี้

  ดูเหมือนทักษะการต่อสู้ของฉันจะเพิ่มมากขึ้นด้วย? ร่วมถึงการมีอาวุธในตำนานถึงสองชิ้นมันเลยทำให้ฉันมั่นใจขึ้นสินะ?

  ด้วยการโต้กลับของหนานเสี่ยวหลังจากที่เขาหลบเลี่ยงการจู่โจมก่อนหน้านี้ได้ คนแคระตัวน้อยที่เข้ามาจู่โจมเขาก็ล้มลงแทบจะในทันที

  “@6#$%)^($#@@$(!” คนแคระตัวน้อยซึ่งถูกกดลงบนพื้นด้วยกล่าวด้วยความโกรธ

  นี่หรอคนแคระในตำนานตามที่คัมภีร์บอก?

  หนานเสี่ยวหยิบคู่มือแปลภาษาคนแคระออกมาและแปลเป็นพยางค์ทีละพยางค์ คนแคระคนนี้กำลังพูดว่า: “ข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าจะเป็นเผ่าพันธุ์อะไร เจ้าก็แค่พวกขยะไร้ค่า!”

  ก็อย่างที่คาดไว้สำหรับเผ่าพันธุ์โบราณ การดูถูกเผ่าพันธุ์อื่นนั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้เป็นประจำ

  ตามการออกเสียงในหนังสือ หน่านเซียวกล่าวความตั้งใจเล็กน้อยว่า “สวัสดี ฉันเองไม่ใช่คนเลวฉันมีของบางอย่างจะมามอบให้”

  ดูเหมือนคนแคะพวกนี้จะชอบหมวกที่ใช้ไว้สำหรับขุดแร่ ซึ่งหนานเสี่ยวเองก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องใช้หมวกพวกนี้อยู่แล้ว

  เมื่อเห็นหมวกคนแคระ คนแคระก็หยุดสบถทันที ทันทีที่เขาพลิกตัวลุกขึ้นยืน เขาคว้าหมวกนั้นอย่างกระตือรือร้นแล้วสวมมันทันที กล่าวอีกนัยหนึ่ง ดูเหมือนว่าสีหน้าที่หวาดกลัวจะหายไปในทันทีก่อนที่จะสวมหมวกและนำผ้าคุมมาปิดบังใบหน้า

  "@#*!&#@$$@!"

  สิ่งที่คนแคระพูดน่าจะแปลว่า "ข้าชอบสิ่งนี้มาก! มันเป็นสิ่งที่เยี่ยมยอมที่สุดที่ข้าได้รับมันตั้งแต่อยู่ที่นี้มา!"

  ดูเหมือนจะได้ผลของกำนัลที่หนานเสี่ยวเตรียมมานั้นทำให้การสนทนาระหว่างเขากับคนแคระดูเป็นมิตรขึ้น ในเวลานั้นหนานเสี่ยวก็ใช้ภาษาคนแคระอธิบายจุดประสงค์ของเขาโดยบอกว่า เมืองเพลิแกน ถูกรุกรานโดยเดอะวอยด์เจ้าแห่งปีศาจและเขามาที่นี้ก็เพื่อขอความช่วยเหลือ

  “ผู้คลั่งไคล้เงา?” คนแคระถามด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจัง

  "ถูกต้อง" หน่านเซียวตอบ "ในระยะสั้น ในช่วงเวลาสั้นๆมีคนได้โดนคำสาปและถูกพลังของเดอะวอยด์เขาครอบงำก่อนที่คนเหล่านั้นจะกลายเป็นร่างเป็นสัตว์ประหลาดน่าเกียจน่ากลัว"

  "อา ลา ลา ลา..." คนแคระถอนหายใจครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "เดอะวอยด์กับคนแคระนั้นทำสงครามกันมายาวนานกว่า 1000พันปีแล้ว แต่ตอนนี้เหลือข้าอยู่เพียงคนเดียว และข้าเองไม่มีอำนาจใดๆที่จะไปต่อต้านพลังของจอมปีศาจได้ อีกทั้งคนแคระเคยมีอารยธรรมที่ยอดเยี่ยม แต่ตอนนี้ ... "

  หน่านเซียวหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาและ แสดงข้อความในคัมภีร์จูมิโนให้กับคนะแคระดู: "คุณเองพอจะเข้าใจข้อมความพวกนี้ไหม เอลฟ์ป่าบอกว่า คุณเองจะช่วยให้ฉันสื่อสารกับพวกเขาได้"

  คนแคระอ่านข้อความนี้อีกครั้งและพยักหน้า: "ใช่ คนแคระและ จูนิโมเป็นเพื่อนกันเสมอ

  " เยี่ยมมาก สถานการณ์เป็นแบบนี้ มีศูนย์ชุมชนในเมืองเพลิแกน...”

  หน่านเสี่ยวพูดถึงศูนย์ชุมชนและกล่าวว่ามี จูนิโมอยู่ในนั้น พวกเอลฟ์ไฟเขียวพวกนั้นไม่ไว้ใจมนุษย์ แต่ถ้ามีคนแคระเข้ามาไกล่เกลี่ย ก็อาจจะสื่อสารกันอย่างเป็นมิตรได้

  "ข้าจะช่วย" คนแคระสัญญา "เจ้าเป็นเพื่อนของข้า และแน่นอน ข้าสามารถเช่วยคุยกับพวกจูนิโมได้

  "ดีมาก ถ้าอย่างั้นฉันจะเล่าแผนให้ฟัง..."

  แผนคืออย่างแรกเลย หน่านเสี่ยวแอบเข้ามาจากร้านช่างไม้พร้อมกับคนแคระและแอบเข้าไปในศูนย์ชุมชน

  พวกเขาจงใจเลือกวันที่ฝนตก มีหมอกหนาและฝนตก ซ่อนตัวอยู่ในหญ้าที่พบตัวได้ยาก ทั้งสองย่องไปจนสุดทางและหลบอยู่ด้านนอกของร้านช่างไม้ที่ถูกทิ้งร้างโดยไม่มีใครสังเกตเห็นเลย

  ร่างของโรบินยังคงนอนอยู่บนเนินหญ้า และตอนนี้มันก็เริ่มเน่าแต่กับไม่มีใครรู้ว่า ว่าเธอตายอยู่ตรงนี้

  หนานเสี่ยวเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจแต่ก็ทำอะไรไมได้ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาเก็บศพ สภาพแวดล้อมของเมืองเพลิแกนนั้นอันตรายมาก

  หลังจากความโกลาหล เมืองเพลิแกนได้กลายเป็นเมืองร้างโดยสมบูรณ์

  เมื่อมองไปอีกทั้งร้านขายของชำของปิแอร์ที่ดูครึกครื้นก่อนน่านี้ ตอนนี้มันกำลังพังทลาย และคลินิกข้างๆ ก็ถูกทุบทำร้ายไม่เหลือชิ้นดี ถึงแม้บางบ้านจะดูยังเป็นปกติแต่ก็กลายเป็นบ้านร้าง หน้าต่างถูกปิดไว้มิดชิด และเสื้อผ้าที่แขวนอยู่บนระเบียงก็ขึ้นรา ตะไคร่น้ำโผล่ออกมาจากช่องว่างในราวบันไดอย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งมันดูน่าพิศวงพิกล

  มันเงียบมากจนทำให้ลืมไปเวลาที่นี้เป็นเมืองที่ร่าเริงขนาดไหน จากอดีตที่มี เสียงเด็กร้องไห้ เสียงคนเดินถนนทักทายกัน เสียงเพลงจากวิทยุเมือง ตอนนี้กลับไม่มีอะไรเลย

  นี่คือความพินาศของวันโลกาวินาศ ทุกคนเองน่าจะตายกันหมด

แต่ในเวลานั้นก็เห็นร่างหนึ่งปรากฎตัวขึ้นมาในทันที

  ตามทางลาดหญ้าที่ทอดยาวจากร้านขายของชำไปยังศูนย์ชุมชน ชายคนหนึ่งเดินอย่างเชื่องช้าและช้าๆ ดูคุ้นเคยบ้าง

  ดูดีๆ นั้น มอร์ริส!

  เขาถูกปิแอร์ต่อยกระเด็นไปหลายสิบเมตรและตกลงไปในแม่น้ำ แต่เขายังไม่ตาย?

  หลังจากสังเกตอย่างใจเย็นอยู่พักหนึ่ง หน่านเสี่ยวก็เห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติกับมอร์ริส ชายผู้แข็งแกร่งคนนี้เคยเดินอย่างเร่งรีบ และเขาจะมองไปซ้ายขวาด้วยความระมัดระวัง แต่ตอนนี้ เมื่อก้มศีรษะลงแล้ว เขาก็เคลื่อนไปทีละก้าว ราวกับศพเดินได้

  ข้างหลังมอร์ริส ร่างอีกคนหนึ่งปรากฏขึ้นทีละคน ด็อกเตอร์ฮาร์วีย์, พยาบาลมารู, หญิงชราเอเวลิน, ชายชราจอร์จในรถเข็น...

  จอร์จไม่ได้นั่งรถเข็นแล้ว แต่กับยื่นตัวตรง แต่ศีรษะหักงอลงอย่างผิดมนุษย์มะนาที่ความจะเป็น

  กัสชายอ้วนตัวใหญ่และเจ้าของบาร์สตาร์ฟูด ก็อยู่ที่นั้นเช่นกัน เอมิลี่ สาวเสิร์ฟผมสีฟ้าเดินตาม

  หลังจากนับหัวครู่หนึ่ง หนานเสี่ยวพบว่า ยกเว้นนายกเทศมนตรีลูอิส เกือบทุกคนในเมืองเพลิแกนกลายเป็นซอมบี้ รวมถึงกะลาสีวิลลี่ซึ่งเขาสนิทด้วยและเอลเลียตนักเขียนเรื่องสยองขวัญ

  วิลลี่ เจ้าของร้านปลา ชายผู้ใฝ่ฝันอยากเป็นราชาโจรสลัด แต่น่าเสียดายที่ราชาโจรสลัดไม่ชอบเขา

  เอลเลียตหนุ่มผมบลอนด์ที่หล่อเหลาแม้ว่าเขาจะดูมีท่าทางประหลาดและดูโรคจิตหน่อย แต่ก็เขียนนวนิยายที่น่าขนลุก ออกมาได้ดี บางทีเขาอาจต้องการเขียนความจริงของเพลิแกนลงในนวนิยายซึ่งเขาอาจจะใช้วิธีนี้มานานแล้วเพื่อส่งขอความช่วยเหลือจากโลกภายนอกเมืองเพลิแกน

  พวกเขาล้วนเป็นคนดี แต่ดูเหมือนจุดจบของเขาจะไม่ดีสักเท่าไร

  เมื่อแรกเห็นคนเหล่านี้ คนแคระเองก็ถึงกับพูดออกมา “พวกเขา พวกเขา…” ดูเหมือนคนแคระจะแสดงสีหน้าที่โมโหออกมาทันที “เงา เลือดแห่งเงา! พวกนั้นต้องแปดเปื้อนด้วยเลือดของเงา!”

  เลือดแห่งเงา? ฟังดูค่อนข้างเกี่ยวข้องกับเดอะวอยด์

  คนแคระอธิบายต่อไปว่า: "พวกเขาคงได้ทำข้อตกลงกับพวกคลั่งไคล้เงาแล้ว หนึ่งในผู้คลั่งไคล้เงาคนหนึ่งได้มอบเลือดให้เขา ในช่วงสงครามสหัสวรรษ ข้าเห็นคนแบบนี้มามากมาย มองตาของพวกเขาสิ มันดำสนิท นั่นคือลมหายใจของจอมปีศาจเดอะวอยด์ พวกเขาอาจถูกเลือดดำปนเปื้อนอย่างสมบูรณ์จากผู้คลั่งไคล้เงา”

  หน่านเซียวประหลาดใจ: “คุณกำลังพูดว่ามีผู้คลั่งไคล้เงาซ่อนตัวอยู่ในเมือง? อา...”

  เมื่อเขาไปที่เหมือง เขาได้พบกับสมุนของเดอะวอยด์มากมาย พวกนั้นเป็นผู้คลั่งไคล้เงา หมอผีเงา ฯลฯ และเขาได้จัดการมันไปนับไม่ถ้วน ไม่มีใครรู้จักเงาผู้คลั่งไคล้ดีไปกว่าเขาแล้วตอนนี้ ส่วนสมุนของเดอะวอยด์ส่วนใหญ่แล้วจะกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดสูงกว่าสองเมตรและสูงสามเมตร เห็นได้ชัดเจนมาก ร่างกายมันเต็มไปด้วยกลิ่นเน่าเสียซึ่งสามารถได้กลิ่นจากระยะไกล

  เมืองเพลิแกนเล็กเพียงนิดเดียวจะสามารถซ่อน พวกของเดอะวอยด์ที่ตัวใหญ่สะดุดตาขนาดนั้นได้อย่างไร?

  บ้านของนายกเทศมนตรีลูอิสเองนั้นใหญ่มาก แต่คงไม่สามารถซ่อนผู้ที่คลั่งไคล้เงาได้

  มักจะมีเด็กๆ แอบเข้ามาเล่นในบ้านของเขา และก็มีของหายอยู่เป็นประจำ นานมาแล้ว ฉันได้ยินมาว่ามีหมีน้อยขโมยกางเกงบ็อกเซอร์ของเขาไปเกือบหมด ซึ่งเป็นสีม่วงสดใส ลูกหมีพวกนี้เป็นสัตว์ที่น่าสะพรึงกลัวและความอยากรู้อยากเห็นของพวกมันมีไม่ลดละ คุณไม่สามารถซ่อนอะไรไว้ต่อหน้าพวกมัน หากมีเงาผู้คลั่งไคล้ในบ้านของลูอิส พวกมันคงถูกพบมานานแล้ว

ในตอนนี้หนานเสี่ยวยังไม่รู้ว่าเขาควรทำตัวยังไต่อดี หน่านเสี่ยวจึงตัดสินใจปรับความคิดของเขาและจัดการกับซอมบี้เหล่านั้นเพื่อปลดปล่อยให้พวกนั้นเป็นอิสระจากเดอะวอยด์

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด