ตอนที่แล้วEP 15 (Stardew Valley) ความสงสัย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEP 17 (Stardew Valley) ตามหาสมบัติในหอคอยเวทมนต์

EP 16 (Stardew Valley)


EP 16 (Stardew Valley)

ผู้แปล วังวน

เซบาสเตียน เด็กหนุ่มผู้มีผมสีม่วง ดวงตาแวววาวและท่าทางที่คล่องแคล่วว่องไว

ดูเหมือนเด็กหนุ่มคนนี้นั้นจะเป็นคนฉลาดและสามารถประเมินสถานการณ์ในตอนนี้ได้แทบจะในทันที เมื่อรู้ว่าหนานเสี่ยวเองก็เริ่มจะไม่ไหวใจชายผู้เป็นพ่อของเขาแล้วและคิดว่าเขาตัวคนเดียวคงจะจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ เขาจึงหนีไปซ่อนตัวอยู่ข้างหลังพ่อของเขา ชี้ไปที่หนานเซียวแล้วพูดว่า "พ่อครับ จัดการชายคนนั้นเถอะ และเรื่องของวันนี้จะถูกเก็บเป็นความลับ เพียงแค่พ่อฆ่าเขาทิ้งไปส่ะ!"

  อะไรกัน เจ้าเด็กเหลือขอนี้ลืมไปแล้วหรือยังไงว่าฉันพึงจะช่วยแกให้รอดพ้นมาจากสัตว์ประหลาดบ้าข้างนอกนั้น?

  หน่านเสี่ยวตกใจและพยายามยิ้มให้ผู้วิเศษอย่างเป็นมิตร: "เรื่องนั้นไม่ต้องกังวลไปเลย นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ฉันเองสัญญาได้เลยจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับและจะไม่เอาไปบอกใครเด็ดขาด พวกคุณก็น่าจะรู้ว่าฉันไม่ใช่คนปากสว่างอยู่แล้ว? เชื่อใจฉันได้”

ในเวลาเดี๋ยวกันหน่านเสี่ยวก็พยายามใช้มือคำหาดาบของเขา ในกระเป๋าเป้ใบใหญ่ ซึ่งในเวลานั้นเพียงแค่เขาคิดว่าต้องการจะใช้ดาบ ดาบก็จะปรากฎขึ้นมาในทันที ซึ่งเขาพยายามจะแสดงท่าทีที่ผ่อนคลายออกมาแต่ในเวลาเดียวกันในหัวของเขาก็วางแผนรับมือในกรณีที่เรื่องทั้งหมดอาจเลวร้ายกว่าที่เขาคิดไว้

  ผู้วิเศษขมวดคิ้วและพูดช้าๆ: “ไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่ฆ่าคุณด้วยเรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้หรอก”

  ในเวลานี้อาบิเกลก็พูดขึ้นมาทันที “พ่อ ฆ่าเขาซะ!ก่อนหน้านี้ที่ปิแอร์กลายร่างและไล่ทำร้ายผู้คน แคโรไลน์กับฉันพยายามปิดประตูร้านขายของชำและปิดกั้นทุกคนไว้ในนั้นเพื่อเราจะได้หลบหนีมา และชายคนนี้ก็อยู่ในเหตุการณ์ในตอนนั้นด้วย... เขารู้เรื่องทุกอย่างหมดแล้ว! ถ้าพ่อไม่ฆ่าเขา หนูเองจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนหนูเองจะกล้าออกไปพบใครในเมืองเพลิแกนได้?” ดวงตาของเธอแดงก่ำและสีหน้าของเธอช่างน่าดูน่าสงสาร เหมือนกับว่าเธอพึงถูกหน่านเสี่ยวรังแกมา

  นังบ้านี้! เธอกับแคโรไลน์ไปที่ร้านของช่างไม้ ก่อนหน้านี้และฉันไม่รู้ด้วยซ่ำว่าเกิดอะไรขึ้นในนั้น? ถ้าฉันรู้เรื่องก่อนหน้านี้ฉันไม่ปล่อยเธอให้รอดมาจนถึงตรงนี้ได้รหอก?

อาบิเกลยังคงพูดต่อว่า: "ชายผู้นี้เขาไม่ใช่คนดีเลย! หนูอ้อนวอนขอให้เขาช่วยแจสที่ฟาร์มปศุสัตว์ ระหว่างทาง... เห็นได้ชัดว่าเธออาจจะรอด! ถ้าชายผู้นี้ตัดสินใจไปช่วยเธอ อย่างน้อยฉันก็ยังจะติดช่วยเหลือคนในเมืองเพลิแกน... ในท้ายที่สุด ไม่ใช่แค่เขาไม่ไป เขายังตบหน้าฉันด้วย!"

  นี้มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกันขึ้นเนี่ยอีกทั้งเธอยังกล่าวหาฉันว่าเป็นคนร้ายและพยายามบอกว่าเธอเป็นคนดีทั้งนั้น ทั้งๆที่เองแทบจะเอาตัวไม่รอดเหมือนกัน?

  หน่านเสี่ยวคิดอยู่ภายในใจของเขาว่า ผู้วิเศษราสโมดิส ลูกชายและลูกสาวของคุณนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ

  สถานการณ์เริ่มจะรุนแรงและดูไม่ดีเท่าไรนัก เพื่อเป็นการเตือนผู้วิเศษว่าอย่ากระทำโดยประมาท หน่านเซียวต้องดึงดาบของเขาออกมา

  คมดาบสีฟ้าครามกวาดออกมา ความเย็นยะเยือกจากมหาสมุทรที่เป็นเอฟเฟคจากดาบ ก็ทำให้อุณหภมิในหอคอยลดลงหลายองศาทันที การเตือนเช่นนี้มีผล ในเวลานั้นอาบิเกลก็ปิดปากของเธอทันทีและซ่อนตัวอยู่ข้างเตาผิงด้วยด้วยความหวาดกลัว

  ผู้วิเศษยังคงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเฉยเมย: "วางดาบลง คุณกำลังยั่วยุฉันอยู่ ฉัน มาซิลี ราสโมดิส ผู้แสวงหาเวทมนตร์ลี้ลับ สื่อที่เชื่อมโยงความเป็นจริงกับสิ่งเหนือธรรมชาติ จ้าวแห่งธาตุทั้งเจ็ด ถ้าคุณคิดจะสู้กับฉัน คุณแทบจะไม่มีโอกาสชนะฉันได้เลย"

  หนานเสี่ยวจ้องมองเขาอย่างระมัดระวัง: "ผมมีข้อเสนอแนะ มาปราบสัตว์ประหลาดบ้าข้างนอกด้วยกัน แล้วผมจะออกจากเมืองเพลิแกน และคุณจะไม่มีวันได้เห็นผมในเมืองนี้อีก , และไม่ต้องกังวลว่าผมจะเปิดเผยความเป็นส่วนตัวเล็กๆ น้อยๆนี้ จริงๆ แล้ว มันไม่ถือเป็นความลับในความคิดของผมด้วยซ้ำ อีกทั้งผมไม่สนใจเรื่องส่วนตัวของคุณหรอก”

  นั่นเป็นข้อเสนอที่ยุติธรรม ถ้าผู้วิเศษเต็มใจ และยอมรับข้อเสนอของหน่านเสี่ยวทุกอย่างก็จะจบลงได้อย่างประณีประนอม

แน่นอนว่าในสตาดิวส์วอเล่ห์มันใหญ่มากจนตกปลาได้ทุกที่ เขาอาจจะตัดสินใจออกไปจากเมืองเพลิแกนแสวงหาที่สงบๆไปฝึกฝนตกปลาให้สำเร็จตามภารกิจหลัก แล้วกลับไปที่โลกหลัก สำหรับอาบิเกลและ เซบาสเตียน พวกเขาไม่ได้มาจากโลกหลักอยูแล้ว แม้ว่าหน่านเซียวจะเขียนนวนิยายและแจกจ่ายหรือเผยแพร่เรื่องราวมากๆมายบนโลกหลัก ก็ไม่มีผลอะไรกับพวกเขา

  มีหมอกน้ำแข็งจาง ๆ แผ่ซ่านอยู่บนดาบของหนานเสี่ยวพร้อมกับคมดาบขยับ แสดงถึงความตั้งใจแน่วแน่ของหนานเสี่ยว

  อย่างไรก็ตาม การแสดงออกของผู้เวิเศษดูเริ่มจริงจังมากขึ้น ดวงตาของเขาค่อยๆ หลี่ลง และฝีเท้าของเขาเริ่มเคลื่อนไหวช้าๆ

  หนานเสี่ยวแอบถอนหายใจ ดูเหมือนวันนี้คงจะหาหนทางประณีประนอมกันไม่ได้และต้องมีการเลือกทางใดทางหนึ่งเพื่อจบเรื่องนี้

  อันที่จริงหน่านเสี่ยวเขานั้นชอบลงไปที่เหมือง จัดการกับมอนสเตอร์อย่างมีความสุข และไม่ชอบผู้วิเศษเท่าไรที่มั่วแต่ซุกตัวอยู่ในหอคอย แม้ว่าชายชราที่ชื่อราสโมดิสตรงหน้าเขาจะดูไม่มีเรี่ยวแรง แต่หากเขาร่ายเวทย์ มันก็คงเป็นเรื่องยากที่จะจัดการเขาได้และในหลายๆเกมพล็อตเรื่องก็มักจะถูกวางมาเช่นนี้ อาทิ พวกเขาอาจจะปล่อยสายฟ้าออกมาจากดวงตา จนย่างอัศวินในชุดเกราะเหล็กจนสุกทั้งภายในและภายนอก   โชคดีที่หอคอยเวทย์นั้นแคบ และทั่งคู่เองก็อยู่ใกล้กันมากๆ ตราบที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพยายามรักษาเชิงเอาไว้อีกฝ่ายหนึ่งแทบจะไม่มีโอกาสโต้กลับเลยซึ่งนิสัยของหน่านเสี่ยวเองไม่ชอบยั่วยวนคนอื่นก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เขาไม่รู้ฝีมือของคนผู้นั้นมาก่อน แต่ถ้าเขาต้องต่อสู้ เขาจะทำทุกทาง   

ผู้วิเศษยกไม้เท้าของเขาขึ้นและขยับตำแหน่งช้าๆ ใต้ฝ่าเท้าของเขา

  หน่านเสี่ยวนับฝีเท้าของคู่ต่อสู้อย่างนุ่มนวล ห้า สี่ สาม...

  นกกาตัวหนึ่งบังเอิญเข้ามาในหอคอยผู้วิเศษ ลากเสียงสะอื้นไห้และขนสีดำกระจัดกระจาย

  ผู้วิเศษตกใจและร่างของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง

  ฉับ! หน่านเสี่ยวฟาดฟันด้วยดาบ แต่มีเพียงโต๊ะไม้เท่านั้นที่ถูกตัดลง ผู้วิเศษชุดดำหายตัวไปจากโต๊ะและปรากฏตัวอีกครั้งห่างออกไปสิบก้าว

  ไอ้บ้าเอ๊ย! หน่านเสี่ยวสบถออกมาในใจเงียบๆ ถ้าไม่ใช่เพราะตกใจ ดาบเล่มนั้นคงฟาดหน้าผู้วิเศษอย่างแน่นอน

  เขาพยายามติดตามอย่างใกล้ชิด กวัดแกว่งดาบดาบเทพเจ้าแห่งท้องทะเลฟันใส่ผู้วิเศษครั้งแล้วครั้งเล่า

  ชายชรารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่เนื่องจากเขาเองจำเป็นต้องร่ายคาณา อัญมณีที่อยู่ด้านบนสุดของไม้พลองเรืองแสงสีแดงรุนแรง ทำให้เกิดบาเรียขึ้นรอบตัวเขา ใบมีดตกลงมาและฟันผ่านชั้นของเกราะโปร่งใสที่มีสีรุ้งซ่อนอยู่ แต่ไม่สามารถตัดผ่านได้

  ลูกบอลไฟลอยมา และหน่านเสี่ยวก็พุ่งไปด้านข้าง

  ลูกไฟไม่โดนเป้าหมายแต่มันพุ่งตรงต่อไป กระทบกับเซบาสเตียนซึ่งซ่อนตัวอยู่ที่มุม กลิ่นไหม้เกรียมของเนื้อดิบขึ้นมาทันที ใบหน้าของเซบาสเตียนละลายจากจมูกเป็นหลุมขนาดใหญ่

  มันไม่ใช่ไฟธรรมดา และไม่มีอะไรสามารถดับไฟได้ เซบาสเตียนบิดตัวและกลิ้งไปมาอย่างสิ้นหวัง แต่ไฟก็แรงขึ้นเรื่อยๆ ผม ผิวหนัง และแม้กระทั่งเนื้อกำลังไหม้ เปลวไฟมีสีเขียวอมฟ้าอย่างน่าขนลุก

  เด็กชายที่กำลังจะตายส่งเสียงโหยหวนอันน่าสยดสยองและกระโดดลงไปในเตาผิง

  ตามที่คาดไว้ของผู้วิเศษผู้นี้เป็นคนที่โหดเหี้ยม เขาฆ่าลูกชายของเขาโดยไม่แสดงสีหน้าที่รู้สึกออกมาเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งฝีมือของเขายังร้ายกาจอีกด้วย

  หน่านเซียวยังคงโจมตีต่อไป เขาเข้าหาผู้วิเศษ ฟันด้วยดาบของเขา ปลายดาบปัดที่มุมเสื้อคลุมสีดำ รอยเท้าของชายชราผ่าครึ่ง

  ผู้วิเศษถูกขัดจังหวะคาถาที่เขากำลังร่ายและถอยกลับอีกครั้ง

  หน่านเสี่ยวติดตามการไล่ล่าอย่างดุเดือดและผู้วิเศษก็หนีไปด้วยความอับอาย

  ดังคำกล่าวที่ว่า ขนาดเสือที่อันตรายมากขนาดไหนแต่มันจะไม่มีวันทำร้ายลูกของมันเด็ดขาด แต่ผู้วิเศษนั้นโหดเหี้ยม เมื่อผ่าน อาบิเกลเขาก็คว้าลูกสาวของเขาและผลักเธอไปทางหน่านเสี่ยว

  หน่านเซียวเตะอาบิเกลออกไป และผู้วิเศษใช้โอกาสที่จะตีตัวออกห่างและกระโดดไปที่มุมของบ้าน

  แรงเตะนี้รุนแรงมาก เธอคลุมท้องของเธอและเดินกลับไปที่กำแพงก่อนที่จะนั่งลงบนพื้นอย่างช้าๆ “พ่อค่ะ ช่วยหนูด้วย!” เธออุทาน

  ไพลินห้อยลงมาจากสร้อยทองเส้นเล็กๆ รอบคอของผู้วิเศษ ดูเหมือนเขาจะตัดสินใจแล้ว ฉีกมันออกแล้วกำไว้ในมือ

  หน่านเสี่ยวตะลึงงัน: เขาต้องการทำอะไรอีก?

  สัญชาตญาณของเขาคิดว่าตอนนี้ผู้วิเศษน่าจะบ้าไปแล้ว และมันเตือนให้หน่านเสี่ยวว่าเขาอาจจะไม่สามารถทบรับแรงโจมตีนี้ได้ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพลิกตัวหลบออกไป

  วินาทีถัดมา ผู้วิเศษก็เหยียดแขนตรงไปข้างหน้า “อวาดา เคดาฟรา!” เขาร่ายคาถาออกมาดัง ๆ แสงสีฟ้าเยือกแข็งพุ่งออกมาจากหว่างนิ้วของเขา

  อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องบังเอิญที่หน่านเสี่ยวเพิ่งจะปล่อยให้กาที่บุกเข้ามาในหอคอยเวทย์มนตร์มาบินบังคาถานั้นไว้ อีกาดูงุนงงและค่อยๆกลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งในขณะที่ยังคงท่ากระพือปีก

  หน่านเซียวรีบวิ่งไปหาผู้วิเศษ เขาเองจะไม่ปล่อยให้คู่ต่อสู้ของเขาพักหายใจอย่างแน่นอน

  หลังจากที่คุณไล่ตามกันมาระยะหนึ่งแล้วหน่านเสี่ยวและผู้วิเศษก็เผชิญหน้ากัน ต่างก็หอบ

  ด้านหลังผู้วิเศษคือเตาผิง ที่ซึ่งไลนัสและเซบาสเตียนนอนตายอยู่ ไฟที่ลุกโชติช่วงรวมกับแสงและเงาทำให้ใบหน้าของเขาดูน่าเกลียดมากยิ่งขึ้น เขายกมือขวาขึ้นอีกครั้ง แสงสีฟ้าเยือกแข็งกระพริบระหว่างนิ้วของเขา "ถือว่าคุณโชคดีมากที่จะได้ตายด้วยคาถาที่ฉันพึงจะคิดค้นมันขึ้นมาได้" เขาประกาศ "พลังเวทย์มนตร์ของอัญมณีนี้สามารถสร้างแรงระเบิดที่รุนแรงกว่าระเบิดทั่วไปถึงสิบเท้าและแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลบอำนาจแรงระเบิดนี้ไปได้"

  แสงสีฟ้าปรากฎขึ้นอีกครั้งบริเวณรอบข้างเริ่มเย็นยะเยือกผู้วิเศษกำลังจะร่ายมนต์เสร็จ

  หน่านเสี่ยวรู้สึกสิ้นหวัง ห่างกันห้าเมตร ไม่ว่าเขาจะเร็วแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถเร็วกว่าแสงได้

  ครั้งนี้คงจะไม่มีอีกาลงมาช่วยเขาไว้อีกแล้ว ไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้

  ไม่สิ ยังมีแสงแห่งความหวัง หากคนตายที่ติดเชื้อจากเลือดแห่งเงาล่ะสามารถยืนขึ้นได้ล่ะ...

มันเป็นชัยชนะ ผู้วิเศษต้องคิดอย่างนั้น ดังนั้นเขาจึงแสดงรอยยิ้มเยาะเย้ย แต่โชคชะตาได้พลิกผันที่นี่ และครู่ต่อมา ผู้วิเศษก็ถูกพลังอันหนักหน่วงที่มาจากด้านหลังท่วมท้นท่วมท้น

  เขาไม่รู้ว่าไลนัสยืนขึ้นตอนไหน ดวงตาของเขามืดมน และเขาคำรามด้วยเสียงต่ำ กัดคอของผู้วิเศษและกัดซ้ำๆย้ำไปเรื่อยๆ

  เช่นเดียวกับที่หน่านเสี่ยวคาดไว้เลือดของไลนัสถูกปนเปื้อนด้วยเลือดพิษของผู้คลั่งไคล้เงาและกลายเป็นซอมบี้ที่จะพยายามไล่ฆ่าคนอื่นอย่างบ้าคลั่ง

  เขาเฝ้าสังเกตสถานการณ์ของไลนัส และจงใจปรับฝีเท้าเพื่อให้ผู้วิเศษหันหลังให้กับเตาผิงและอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้กับไลนัสมากที่สุด

  ตอนแรกฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไลนัสจะยืนขึ้นหรือไม่? ทุกอย่างขึ้นกับการพนันครั้งนี้ของฉัน

  โชคดีที่เขาเดิมพันถูกต้อง

  ผู้วิเศษยกมือขึ้นอย่างยากลำบาก พยายามผลักไลนัสออกไป แต่ตอนนี้เขาแข็งทื่อและถูกไลนัสกดทับลงไป ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย เขายกมือขึ้นอย่างไม่เต็มใจ ยังคงร่ายคาถา แต่ไลนัสก็กัดเข้าไปที่คอของผู้วิเศษทันที

  ฟันของไลนัสก็กลายเป็นสีน้ำตาล และเขาก็แทะหน้าผู้วิเศษ

  ผู้วิเศษผู้ยิ่งใหญ่ส่งเสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวออกมา เขาหมดหวัง และไม่มีใครที่นี่จะช่วยเขาได้

  หน่านเสี่ยวรออย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาห้านาที และหลังจากยืนยันว่าผู้วิเศษตายแล้ว เขาก็ตัดหัวของไลนัสด้วยดาบ

  ตอนนี้เหลือเพียงสองคนที่มีชีวิตอยู่ในหอคอยแห่งนี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด