ตอนที่แล้วEP 11 (Stardew Valley)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEP 13 (Stardew Valley) ลูกของผู้วิเศษ

EP 12 [Stardew Valley] : ชายผู้ได้รับฉายาว่าผู้วิเศษ


EP 12 [Stardew Valley] : ชายผู้ได้รับฉายาว่าผู้วิเศษ

ผู้แปล วังวน

ดูเหมือนตอนนี้จะไม่มีใครอยู่ที่บาร์เลย และบริเวณใกล้เคียงกับที่ตู้เกมก็ว่างเปล่าไม่มีใครอยู่เช่นกัน หน่านเซียวตัดสินใจไปนั่งบนโซฟาสีแดงข้างเครื่องเล่นเกม พลางครุ่นคิดกับภาพถ่ายที่เขาถ่ายมา จู่ๆ ก็มีคนเขามาอยู่ยืนข้างๆเขาก่อนจะเริ่มบทสนทนากับเขา

  "นี่คือภาษาของพวกจูนิโม ถ้าคุณไม่ได้รับความช่วยเหลือจากผู้วิเศษ คุณก็ไม่สามารถอ่านมันได้"

  เอ๊ะ! ใครกำลังพูดอยู่?

  เมื่อมองขึ้นไป มีเด็กชายผมดำยืนอยู่ข้างโซฟาสีแดง

  “คุณคือหน่านเสี่ยวผู้สืบทอดฟาร์มอันเงียบสงบใช่ไหม” เด็กชายผมดำกล่าว “ผมชื่อเซบาสเตียน และผมเป็นลูกชายของช่างไม้โรบิน แต่ผมไม่ชอบการเป็นช่างไม้เอาเสียเลย ผมเองเลยไปศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับพวกไสยศาสตร์ อะไรประมาณนั้น คุณรู้จักจูนิโมสไหม”

  หน่านเสี่ยวส่ายหัว

  "จูนิโมสน่าจะเป็นพวกก็อบลินประเภทหนึ่งที่อาศัยอยู่ภายในป่า จริงๆ แล้วพวกมันค่อนข้างเป็นมิตร ผมเองเคยเห็นพวกมันตอนเด็กๆ ร่างกายของพวกมันนั้นเป็นสีเขียว เรืองแสงเหมือนไฟสีเขียว แต่อยู่ดีพวกมันทั้งหมดก็หายไปอย่างไร้สาเหตุ พวกมันน่าจะพยายามซ่อนตัวจากอะไรบ้างอย่างอยู่ในตอนนี้"

  "มันเกิดอะไรขึ้นกันล่ะ?"

  “เพราะการปรากฏตัวของสัตว์ประหลาดจากความว่างเปล่า”

  “สัตว์ประหลาดจากความว่างเปล่า?”

  "ตอนแรกมันออกมาจากเหมืองก่อนที่มันจะเริ่มรุกรานเข้ามายังเมือง อีกทั้งนิสัยของพวกมันเองก็ค่อนข้างแย่ มันเลือกที่จะทำร้ายมนุษย์ก่อน  ผมเองจำได้ว่าครอบครัวหนึ่งอาศัยอยู่ทางใต้ของป่าไซเดอร์พวกมันถูก วอยด์ ที่มีฉายาว่า ชาโดว์จับตัวไว้ ก่อนที่พวกมันจะคลั่งทำร้ายบ้านเมืองและผู้คนต้องล้มตายไปจากฝีมือของมันเป็นจำนวนมาก หมู่บ้านในระแวกนั้นแทบจะถูกทิ้งร้างและไม่มีใครกล้าเข้าใกล้บริเวณนั้นเลย”

  ในเวลานั้น เอมิลี สาวผู้มีสีผมสีฟ้า เดินเข้ามาอย่างเงียบๆ แล้วพูดกับทั้งสองคนว่า "ทั้งสองคนจะพูดดังเกินไปแล้วนะรู้หรือเปล่าว่านายกเทศมนตรีไม่ชอบให้พูดถึงวอยด์ และสัตว์ประหลาดพวกนัน้น...นั้นรวมถึงป่าไซเดอร์ด้วย"

  กัส ผู้ป็นเจ้าของบาร์เองก็กำลังเช็ดแว่นตาอยู่หลังเคาน์เตอร์ แม้ว่าแว่นนั้นมันจะสะอาดอยู่แล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังเช็ดต่อไปและแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไรเลย

  นอกจากนั้น ในตอนนี้ก็ยังไม่มีใครอยู่ในบาร์เลยด้วยซ้ำ

  เซบาสเตียนเริ่มลดเสียงของเขาลงและพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังขึ้นมาว่า: "ไปที่หอคอยผู้วิเศษทางทิศตะวันตกของป่าไซเดอร์ แล้วตามหานักเวทย์ มาร์เซลี ราสโมดิส คุยกับเขาเกี่ยวกับจูนิโม เขาจะช่วยคุณได้"

  เหมือนว่าหนุ่มน้อยดูจะจริงจังเอามากๆที่จะให้ฉันไปที่หอคอยเวทย์มนตร์นั้น...

  หน่านเซียวเองเขายังมีอะไรที่สงสัยอยู่เล็กน้อย เขากลัวว่าเซบาสเตียนเองน่าจะโกหกเขา ดังนั้นเขากลัวว่าข้อมูลที่ได้รับมาอาจจะเชื่อถือไม่ได้และไม่เข้าใจว่าหนุ่มน้อยคนนี้ต้องการจะสื่ออะไรให้เขากันแน่

  ทันใดนั้น มารีส และ เพียร์ซ ก็เดินเข้าไปในบาร์ด้วยกัน เซบาสเตียนเหลือบมองทั้งสองคนก่อนที่จะปิดปากของเขาทันทีและเดินจากไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

  หน่านเสี่ยวก็ลุกขึ้นและออกจากบาร์อย่างรวดเร็ว

  หอคอยพ่อมดทางด้านตะวันตกของป่าไซเดอร์... มันน่าสนใจเหมือนกันนะเราจะต้องลองไปดูที่นั้น

  ลึกเข้าไปในป่า หลังจากใช้เวลาเดินไปหลายชั่วโมง หน่านเซียวก็เห็นหอคอยเวทย์มนตร์จนได้

  พูดตามตรง ฉันไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เห็นหอยคอยรูปทรงโบราณแบบนี้

  หอคอยหินตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาเขียวขจี มีความสูงประมาณสิบห้าเมตรและมีทั้งหมดสามชั้น ผนังชั้นนอกเป็นสีของหินที่ถูกแดดแผดเผามาเป็นเวลานาน และมีเถาวัลย์สีเขียวดดเคี้ยวขึ้นไปด้านบน หน้าต่างและประตูเป็นไม้ทั้งหมด สไตล์ของมันดูเรียบง่ายมาก และดูเหมือนมันจะไม่มีช่องหน้าต่างจุดในมีกระจกกั้นเลย

  แน่นอนบริเวณที่นหนานเซียวนั้นมันเป็นป่าทึบ เขาเองก็สังเกตหอคอยเวทย์ก่อนที่จะนิ่งไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง

  หอหินสูงหลายร้อยขั้นมองลงไปเห็นป่าไซเดอร์ทั้งหมด กำแพงบลูสโตนนั้นกว้างใหญ่ไร้ที่ติ มีเถาวัลย์ที่ไม่รู้จักโอบล้อม บานสะพรั่งไปด้วยดอกไม้สีแดงเล็กๆ มองดูสวยงามอย่างบอกไม่ถูก

  ตอนนี้ฟ้าใกล้มืดแล้ว เขาเปิดกระเป๋าเป้ออกมาก่อนที่จะถือตะเกียงออกมา เทน้ำมันลงในหม้อตะเกียงที่ประตู แล้วจุดตะเกียง

  ตะเกียงก็เหมือนหิ้งห้อยที่พลิ้วไหวในยามพลบค่ำ ชายที่สวมหน้ากากมีเคราสีม่วงเข้มและดูลึกลับมากก็ปรากฎตัวขึ้นมา

  หน่านเซี่ยวเดินไปคุยกับเขาด้วยความกล้าหาญ: "คุณคือ ราสโมดิสใช่ไหม ผมชื่อหน่านเสี่ยวผมมาที่นี้เพื่อที่จะถามคุณเกี่ยวกับภาษาจูนิโม"

  ชายที่มีเคราสีม่วงกำลังจะเข้าไปในหอคอยเมื่อเขาได้ยินหน่านเสี่ยวพูดเช่นนั้นทำให้เขาหนิ่งไปสักพักหนึ่ง “คุณคือหนานเซียว ผู้สืบทอดฟาร์มอันเงียบสงบใช่หรือไม่” น้ำเสียงของเขาฟังดูเย็นชาเอามากๆ

  “พอดีว่าผมอยากจะถามเรื่องภาษาจูนิโม—”

  "อย่างงั้นก็เข้ามา"

  หน่านเซียวเลือกที่จะเดินตามชายที่หนุ่มน้อยคนนั้นบอกว่าเขาเป็นผู้วิเศษ

  นั้นเป็นไปอย่างที่เขาคิดไว้

สถานที่ที่ชายผู้นี้อาศัยอยู่นั้นเต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ต่างๆที่มองดูแล้วลึกลับชอบกล ทางด้านซ้ายมือของประตูมีหม้อใบใหญ่ๆ อยู่ และไม่รู้ว่ามันใช้ปรุงอะไรลงไป และมีควันสีเขียวที่มีกลิ่นฉุนโพยพุ่งออกมา ดูเหมือนชายที่ได้ฉายาว่าผู้วิเศษจะไม่ได้สะทกสะท้านกับมันเลยแม้แต่น้อย ตัดภาพมาที่หน่านเซียวอดไม่ได้ที่จะจามสองครั้ง

  ตราสัญลักษณ์ที่ซับซ้อนถูกวาดบนพื้น เช่น "วงกลมวิเศษ" ในตำนานหรืออะไรทำนองนั้น มีการจุดเทียนตามเส้นจนมาบรรจบกัน แต่หน่านเซียวไม่รู้ว่ามันคือพิธีกรรมอะไรกันแน่ นอกจากนั้น เครื่องเรือนในบ้านก็คล้ายกับของชาวบ้านคนอื่นๆ ใน เมืองเพลิแกน เตาผิง เก้าอี้ ตู้ไม้ พรม และสิ่งอื่นๆ

  พ่อมดนั่งลงด้านหน้าตราสัญลักษณ์ จ้องไปที่แสงเทียน

  “ฉันชื่อราสโมดิส ผู้แสวงหาเวทย์มนตร์ลี้ลับ เป็นผู้สื่อที่เชื่อมโยงความเป็นจริงกับสิ่งเหนือธรรมชาติ จ้าวแห่งธาตุทั้งเจ็ด นักบุญอุปถัมภ์ นี้คือการสรุปง่ายหวังว่าคุณน่าจะเข้าใจแล้วว่าฉันเป็นใครใช่ไหม ภายใต้มนต์ที่อยากจะหยั่งถึงของ วงกลมเวทย์มนตร์ ฉันพยากรณ์เอาไว้แล้วว่าคุณจะต้องมาหาฉันที่นี้อย่างแน่นอน คุณเองเคยเห็นนางฟ้าสีเขียวบ้างไหม”

  พยากรณ์ได้อย่างงั้นหรอ? ตามคำพยากรณ์ของผู้วิเศษ ฉันคิดว่ามันก็แค่มีสองทางเลือกคือมากับไม่มา

  หน่านเซียวพยักหน้าอย่างรวดเร็ว: “ใช่ พวกลูกไฟสีเขียวเหล่านั้นหรอผมพบมันที่ศูนย์ชุมชนร้าง และพวกนั้นก็มาทิ้งคัมภีร์ให้กับผม ผมเองก็ไม่เข้าใจว่ามันใช้ทำอะไรได้กันแน่”

  ราสโมดิส ดูรูปที่ถ่ายด้วยกล้องมือถือของหน่านเซียวและพยักหน้า: "คัมภีร์เล่มสีทองที่มีภาษาที่ไม่รู้จัก... มันน่าจะเป็นภาษาของเอลฟ์โบราณที่เรียกตัวเองว่า 'จูนิโม' ภาษาที่ใช้เข้าใจยาก แต่ฉันควรจะถอดรหัสได้ . . . ฉันต้องอ่านบันทึกของเอลฟ์เก่า ๆ เหล่านั้น ... "

  ผู้วิเศษค้นหาหนังสือโบราณกองหนึ่งอยู่ในตู้หนังสือ และลองพลิกไปพลิกมา และสุดท้ายก็พูดว่า: "นี่คือสิ่งที่เขียนอยู่บนม้วนคัมภีร์ว่า 'พวกเรา จูนิโม ยินดีช่วยเหลือมนุษยชาติ' แต่คุณต้องได้รับความไว้วางใจของเราก่อน พิสูจน์ความปรารถนาดีของคุณ! คุณต้อง—"

  เขากระพริบตาอย่างเจ้าเล่ห์: “อยากรู้ว่าจะพูดอะไรต่อไปใช่ไหม?”

  อะไรกันอยู่ดีๆมาตัดบทกันอย่างงี้ได้ยังไง!

  หน่านเซียวก็รู้สึกหงุดหงิดแต่ทำอะไรไม่ได้ แน่นอนว่ากุญแจดอกสำคัญตอนนี้มันไม่ได้อยู่ในมือของเขา เขาเองก็ได้แต่ต้องยอมเท่านั้น

  “เงื่อนไขคืออะไร?” หน่านเสี่ยวถามตรงๆออกมา

  “ถ้าอยากรู้ก็ต้องช่วยสืบอะไรบางอย่างให้ฉันก่อน”

  "ว่าไง?"

  “ฉันสงสัยว่าเด็กบางคนในเมืองเพลิแกนเป็นสายเลือดเดียวกันกับฉัน  หาเธอหรือเขาให้เจอและพิสูจน์ว่าเขาผู้นั้นมีสายเลือดเดียวกับฉัน! ถ้าทำได้ ฉันจะบอกคุณว่ามีอะไรเขียนอยู่บนม้วนกระดาษ”

  จะบ้าหรือยังไงภารกิจที่เขามอบให้มันจะไม่กว้างไปหน่อยไหม! เมืองเพลิแกนมีคนมากมายขนาดนั้น และในทางทฤษฎีแล้วแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาเจอ? หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว หน่านเซียวเองก็ขอเบาะแสเพิ่มเติมจากราสโมดิส

  “เบาะแสเพิ่มเติม?”

  อันที่จริงเขาหวังว่าจะได้เบาะแสเพิมเตอม ตัวอย่างเช่น รุ่นปู่ของราสโมสดิส มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้หญิงในเมืองหรืออะไรบางอย่าง...

  ผู้วิเศษเหลือบมองที่ หน่านเซียวลูบเคราของเขาแล้วส่ายหัว: "ฉันรู้ว่าคุณต้องการจะถามอะไร แต่มีผู้คนมากมายในเมืองที่จะช่วยคุณได้ และมันไม่มีประโยชน์ที่ฉันจะให้คำใบ้หรือเบาะแสอะไรกับคุณเลย"

  อะไร! หน่านเซียวเองถึงกับไปไม่ถูกกับสิ่งที่ราสโมดิสบอก ผู้คนมากมายมันหมายความว่าอย่างไร นี้มันมีตัวเลือกมากจนเกินไป!

  จากนั้นผู้วิเศษก็เริ่มนำนิ้วของเขาขึ้นมา และเริ่มนับ: "แคโรไลน์, โจดี้, โรบิน, แพม, แจสลิน, มิเนียน..."

  นี้คุณต้องการให้ฉันถูกผู้ชายของเมืองเพลิแกนรุมใช่ไหมที่เขาไปเกาะแกะผู้หญิงของชายพวกนั้น? แต่อยู่ดีๆหน่านเซียวก็แปลกใจที่ชื่อบางชื่อที่หน่านเซียวคุ้นเคย ในขณะที่คนอื่นไม่เคยได้ยินมาก่อน ผู้วิเศษชั่งโหดร้ายส่ะไม่มี! สาวร้านขายของชำ แม่บ้าน ป้าช่างไม้...ทุกคนมีโอกาสเป็นไปได้หมดร่วมถึงเด็กเสิร์ฟ. พระเจ้าฉันจะทำภารกิจนี้สำเร็จได้อย่างไรกัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด