ตอนที่แล้วเกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 243
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 245

เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 244


ตอนที่ 244

ยู่เหวินจ้านเทียนสีหน้าแปรเปลี่ยนไปโดยฉับพลัน หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป อาวุธคู่มือของมันย่อมต้องถูกทำลายลงอย่างแน่นอน เช่นนั้นมันจึงรีบเร่งเรียกอาวุธของตนกลับมา

ยู่เหวินคังและชายชุดขาวยังมิได้พ่ายแพ้ พวกมันทั้งสี่คนยังคงต่อสู้ต่อไป โลหิตกระจายทั่วท้องฟ้า ทักษะมากมายและอาวุธปรากฏขึ้น

ระหว่างที่การต่อสู้ยังดำเนินต่อไป ยู่เหวินคังกลับมีสีหน้ามืดหม่นมากขึ้นทุกขณะ

แม้ว่ายู่เหวินคังจะมิใช่อัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดของราชวงศ์อมตะ แต่มันก็เป็นหนึ่งในตัวตนระดับสูง กระทั่งยู่เหวินจ้านเทียนและชายชุดขาวยังนับว่าเป็นรองมัน

ภายใต้การร่วมมือกันของพวกมัน กลับไม่สามารถทำอันใดเด็กน้อยเบื้องหน้าได้ หากข่าวนี้แพร่ออกไป จะนับว่าเป็นความอับอายถึงเพียงใดสำหรับมัน?

ชายชุดขาวกระอักเลือดออกมาอย่างต่อเนื่องในระหว่างที่ยังคงกล้ำกลืนต่อสู้ เดิมทีความแข็งแกร่งของมันเป็นที่เลื่องลือ ต่อให้เป็นอัจฉริยะที่ทรงพลังที่สุดหากว่าปะทะกับมันด้วยกำลังกายล้วนๆ ยังต้องพ่ายแพ้ให้แก่มัน

อย่างไรก็ดี บัดนี้ ทุกหมัดที่มันส่งออกไปราวกับกระแทกใส่โลหะทมิฬหมื่นปี ไม่เพียงอีกฝ่ายจะไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ แต่แรงสะท้อนที่ส่งกลับมายังกำปั้นของมันรุนแรงถึงขั้นแขนแทบหัก

“กบในบ่อน้ำเพียงสามตัวต้องการจะเปรียบตนเองกับท้องฟ้า? พวกเจ้านี่มันไม่รู้ถึงความหนักเบาของฟ้าดินเลยจริงๆ” มองพวกมันที่ทำราวกับว่าตนเองเป็นอัจฉริยะเสียเต็มประดา หลินซวนอดมิได้ที่จะล้อเลียนอย่างสนุกสนาน

นี่ทำให้ยู่เหวินคังเกรี้ยวกราดมาก แต่มันกลับไม่อาจหาคำใดไปตอบโต้ได้

พวกมันทั้งสามถูกทุบตีจนกระอักโลหิตอย่างต่อเนื่อง ไม่มีคำพูดใดจะช่วยเหลือพวกมันจากความอับอายเช่นนี้ได้

“ข้าจะลองเสี่ยงดู”

สีหน้าของยู่เหวินคังกลับกลายเป็นเด็ดขาด มันกัดปลายนิ้วของตนและวาดอักขระบางประการกลางอากาศ

“ในนามแห่งข้า ยู่เหวินคัง ด้วยโลหิตนี้ ข้าขออัญเชิญวิญญาณวีรบุรุษโบราณ ข้า ทายาทผู้ต่ำต้อยแห่งตระกูลยู่เหวิน ยู่เหวินคัง ขอต้อนรับท่านผู้อาวุโส!”

ยู่เหวินคังคุกเข่าลงข้างหนึ่งและตบหน้าอกของตนเอง มันใช่แก่นโลหิตของมันเพื่อสังเวยแก่ทักษะต้องห้าม จากนั้นวังวนบางอย่างก็ปรากฏขึ้นอย่างเชื่อมช้าเบื้องหน้าของมัน

เมื่อยู่เหวินจ้านเทียนเห็นการกระทำของยู่เหวินคัง สีหน้าของมันกลายเป็นมืดมน

“นั่นเป็นทักษะต้องห้าม ระดับการบ่มเพาะของเจ้าจะตกต่ำลง และเส้นทางในภายภาคหน้าของเจ้าจะไม่มีอีกต่อไป”

“ตระกูลยู่เหวินมิอาจรับความอัปยศได้!” เส้นผมของยู่เหวินคังเว้าแหว่งและทั่วร่างมันอาบย้อมไปด้วยเลือด สีหน้าของมันดุร้ายทว่ายังคงไว้ซึ่งรอยยิ้ม

ทักษะอัญเชิญต้องห้ามนี้ใช้อายุขัยจ่ายและใช้แก่นโลหิตเพื่อนำทาง ราชวงศ์อมตะมิยินยอมให้ใครก็ตามในตระกูลของพวกมันเรียนรู้ทักษะเช่นนี้ แต่พวกมันไม่คาดคิดมาก่อนว่ายู่เหวินคังจะแอบร่ำเรียนทักษะนี้อย่างลับๆ

แม้ว่าสิ่งตอบแทนนั้นจะโหดร้ายยิ่ง แต่พลังของมันก็นับว่ามหาศาลนัก

มันสามารถอัญเชิญวิญญาณของยอดฝีมือที่เสียชีวิตไปแล้วของตระกูลยู่เหวินออกมาได้ ยิ่งไปกว่านั้น ระดับการบ่มเพาะที่ต่ำที่สุดที่ถูกเรียกออกมายังเป็นแดนปราณอาณาเขตม่วง หากมิใช่เพราะเวลาของมันมีจำกัด ยู่เหวินคังสามารถใช้ทักษะนี้เพื่อพิชิตทั่วทั้งแดนลึกลับได้อย่างแน่นอน

ปราณวิญญาณจากทั่วทุกสารทิศถูกดูดกลืนด้วยวังวนสีดำบนท้องฟ้า มันขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่ร่างเงาของวิญญาณดวงหนึ่งจะก้าวเดินออกมา

กลิ่นอายของวิญญาณดวงนั้นทำให้ผู้คนทั้งหมดไม่อาจเงยศีรษะของตนขึ้นได้ มีเพียงหลินซวนเท่านั้นที่ต่อต้านไหว

รุ่นเยาว์ทั้งหมดถูกแรงกดดันกระแทกใส่จนร่างนอนราบกับพื้นดิน เนื้อตัวของพวกมันสั่นสะท้าน และกลับกลายเป็นตื่นตะลึงในทันที

“กลิ่นอายนี้ทรงพลังเสียยิ่งกว่าท่านพ่อของข้า หรือว่าจะเป็นยอดฝีมือที่อยู่ในขั้นที่เก้าของแดนอาณาเขตม่วง?”

“อย่างไรก็ตาม ในแดนต้องห้ามนี้มีการจำกัดอายุ แล้วตัวตนเช่นนี้ปรากฏขึ้นได้เช่นไรกัน?”

“มิใช่ ร่างนั้นเป็นเพียงภาพเงา เขาอาจใช้ทักษะบางอย่างในการอัญเชิญดวงวิญญาณของยอดฝีมือ ไม่อาจจะคงอยู่ได้ตลอดไป”

ใครบางคนเห็นความจริงเบื้องหลังของทักษะนี้และเอ่ยออกมา

นี่ทำให้ผู้คนโดยรอบที่เฝ้ามองการต่อสู้อยู่ไกลออกไปถอนหายใจด้วยความโล่งอก หากยอดฝีมือเช่นนั้นปรากฏตัวในแดนลึกลับจริงๆ จะมิกลายเป็นว่าพวกมันเข้ามาอย่างไรประโยชน์หรอกหรือ?

สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันทรงอำนาจของยอดฝีมือผู้นั้น ยู่เหวินคังที่ใบหน้าขาวซีดบัดนี้เปี่ยมล้นไปด้วยความสุขใจและรีบร้อนคุกเข่าลงกับผืนดิน

“ยู่เหวินคัง ทายาทแห่งตระกูลยู่เหวินคารวะผู้อาวุโส ข้าขอบังอาจเอ่ยถามถึงนามของท่านได้หรือไม่?”

ร่างเงานั้นปลดปล่อยกลิ่นอายเก่าแก่โบราณ เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของยู่เหวินคัง มันกลับมิได้ตอบคำถามนั้นโดยตรง

“เนิ่นนานเหลือเกิน ข้าจดจำได้เพียงนามที่คนเรียกขานข้าว่าคลั่งกระบี่”

ในระหว่างที่มันเอ่ยปาก ปราณวิญญาณก็เริ่มก่อร่างเป็นพายุรุนแรงกวาดผ่านไปทั่วบริเวณ ก่อให้เกิดการระเบิดขึ้นในพื้นที่ซึ่งมันเคลื่อนผ่าน

เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ การต่อสู้ทางด้านของเสี่ยวหวงเองก็หยุดลงเช่นกัน

ครั้งหนึ่งยู่เหวินคังเคยได้อ่านผังตระกูลผ่านตามาบ้าง มันจึงพอจะรู้ข้อมูลของคลั่งกระบี่ผู้นี้ มันเป็นหนึ่งในยอดฝีมือชนชั้นปราณก่อตั้งจิตขั้นสูงสุด และเป็นเพราะมันต้องการจะบรรลุแก่นแท้ของกระบี่แห่งเต๋า มันจึงทำลายการบ่มเพาะของตนลงและกลับไปเริ่มบ่มเพาะใหม่อีกครา เมื่อมันกลับขึ้นมาถึงแดนปราณอาณาเขตม่วงได้อีกครั้ง คำตอบของสิ่งที่มันค้นหาก็ปรากฏขึ้น อย่างไรก็ตาม เป็นเพราะมันพบเจอกับอาการบาดเจ็บมากมาย พลังชีวิตในร่างมันจึงเหือดแห้งลง

“ผู้อาวุโส ข้าวิงวอนให้ท่านช่วยสังหารศัตรูผู้นั้น มันอาจจะดูเป็นเพียงเด็กน้อย แต่ความจริงแล้วมันถูกสิงสู่ด้วยยอดฝีมือรุ่นก่อน อาวุโส โปรดเข่นฆ่ามัน!” ยู่เหวินคังอ้อนวอน

“มีบางอย่างที่ข้ายังพอจะบอกได้ ให้ข้าแนะนำเจ้าเสียหน่อย ไม่ว่าข้าจะแข็งแกร่งเพียงใด ข้าก็เป็นเพียงพลังที่มาจากภายนอกมิใช่พลังของเจ้าเอง ข้าหวังว่าตระกูลยู่เหวินในปัจจุบันนี้จะมิได้เป็นเช่นเจ้า”

ความคิดของยู่เหวินคังถูกมองทะลุปรุโปร่งและมันทำได้เพียงก้มหน้าลงด้วยความโกรธเคือง

หากมิใช่เพราะฝ่ายตรงข้ามคือหลินซวน มีหรือที่มันจะต้องยอมกระทำเช่นนี้?

ร่างเงานั้นแค่นเสียงก่อนจะมองไปยังหลินซวน

“ในวัยเพียงเท่านี้เจ้ากลับประสบความสำเร็จยิ่ง ช่างโชคร้าย เจ้ามิเข้าใจว่าการทำตัวให้ไม่เป็นจุดสนใจนั้นสำคัญเพียงใด”

หลินซวนมองไปยังวิญญาณดวงนั้น

“เจ้ามันแก่หงำเหงือกและตกตายไปนานแล้ว แต่ยังมีหน้ามาใส่ใจเรื่องของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่เหนื่อยบ้างรึ?”

“ไสหัวกลับไปยังที่ซึ่งเจ้าจากมาเสีย!”

ก่อนที่ร่างเงานั้นจะทันได้มีโทสะ หลินซวนก็ชี้มือของตนขึ้นไปยังเบื้องบน อัสนีสวรรค์เก้าชั้นฟ้าที่มาความหนาราวกับต้นไม้ใหญ่ผ่าลงมายังศีรษะของวิญญาณดวงนั้น

ร่างเงากลับกลายเป็นเพียงเศษธุลีภายใต้อัสนีสวรรค์ ราวกับมันมิเคยปรากฏขึ้นในโลกใบนี้มาก่อน

หลินซวนมีสีหน้าเหม็นเบื่อเต็มทน

“ยังมีทักษะใดอีก? รีบๆ ใช้มันมาให้หมด ข้ากำลังรีบ”

เมื่อยู่เหวินคังเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น ปากของมันอ้าค้างจนสามารถยัดไข่เป็ดเข้าไปได้ทั้งลูก

อาวุโสที่มันลงทุนไปมากมายเพื่ออัญเชิญออกมากลับถูกกำจัดภายในสองประโยค?

เหล่ารุ่นเยาว์ทั้งหมดต่างขยี้ตาตนเอง ด้วยต้องการจะให้แน่ใจว่าพวกมันมิได้ฝันไป

ไม่ว่าอย่างไรก็ตามที ต่อให้เป็นเพียงดวงวิญญาณ แต่ชายผู้นั้นก็เคยเป็นถึงผู้บ่มเพาะแดนอาณาเขตม่วง

พวกมันต่างรับรู้ดีกว่าผู้บ่มเพาะระดับนั้นทรงพลังเพียงใด แต่เขากลับพ่ายแพ้เช่นนี้ มิใช่ว่าฝ่ายตรงข้ามทรงพลังมากจนเกินไปหรือ?

หากหลินซวนใช้ไพ่ตายทั้งหมดของเขา แน่นอนว่าการจะต่อกรกับผู้บ่มเพาะแดนอาณาเขตม่วงย่อมเป็นไปได้อย่างสูสี

หากว่าเป็นผู้บ่มเพาะที่ยังคงมีชีวิตอยู่ หลินซวนคงต้องใช้ความพยายามมากกว่านี้ แต่อัสนีสวรรค์เก้าชั้นฟ้านั้นส่งผลต่อวิญญาณมากเป็นพิเศษ ยู่เหวินคังกระทำเช่นนี้ราวกับเอาไข่ไปกระทบก้อนศิลา รนหาที่ตายอย่างโง่งม

ดวงวิญญาณวีรชนที่มันอัญเชิญมาจางหายไป ยู่เหวินคังที่ได้รับผลสะท้อนจากการที่ทักษะถูกทำลายก็ร่วงหล่นจากท้องฟ้า

ชายชุดขาวร่างกะพริบไหวและเตรียมจะไปคว้าจับยู่เหวินคัง ในตอนนั้นเอง หลินซวนก็ไปปรากฏกายอยู่ด้านข้างของมัน

“เจ้าควรเป็นห่วงตนเองเสียก่อน”

หลินซวนจับแขนของมันและดึงลงมา

“อ๊าก!”

ชายชุดขาวผู้นั้นแทบหมดสติจากความเจ็บปวด แต่นั่นยังมิใช่จุดสิ้นสุด หลินซวนจับแขนอีกข้างของมันก่อนกระชากออก ก่อนจะอัดปราณวิญญาณเข้าไปและทำให้แขนข้างนั้นถูกระเบิดจนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกลางอากาศ

หลินซวนมิได้ใส่ใจว่าตนโหดร้ายเลือดเย็นเกินไปหรือไม่ ในยามที่ราชวงศ์อมตะต้องการจะทำลายตระกูลหลิน พวกมันก็มิได้ขบคิดว่าตนเองโหดร้ายมิใช่หรือ?

สิ่งที่หลินซวนต้องการคือให้พวกมันทั้งหมดชดใช้ด้วยชีวิต!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด