ตอนที่แล้วบทที่ 59 นี่น่ะคือของดี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 61 โยกย้ายบุคลากร

(ฟรีตามปกติ) บทที่ 60 การตัดสินและความได้เปรียบ


หลังจากรับรู้ถึงผลของกระเทียมด้วยตัวเอง สายตาที่นักสำรวจมองกระเทียมภายในมือเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด และสีหน้าดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย

เมื่อเห็นสิ่งนี้หลัวจี๋หัวเราะออกมาเบาๆ "กระเทียมนั่นน่ะของนาย มันเป็นภารกิจไว้ให้นาย"

“จริงหรอครับ? ขอบคุณครับหัวหน้า!”สำหรับรางวัลนี้ นักสำรวจมีความสุขกับรางวัลชิ้นนี้มาก ลองนึกภาพดูสิจะดีเเค่ไหนหากเขาสามารถโยนกระเทียมเข้าปากในตอนที่เข้าต้องเจ็บป่วยจากการทำภารกิจข้างนอกนั่นได้……

ยังไงก็ตามไม่ทันที่เขาจะคิดเรื่องนี้จบ หลัวจี๋ที่รับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่างจึงรีบพูดขึ้นมาอีกครั้ง"โอ๊ะใช่ ขอเตือนอีกอย่างนะ อย่ากินระหว่างภารกิจ"

"เอ๋? ทำไมครับ?"ในขณะที่เขาวาดฝันอันสวยหรู ชั่วหริบตาหัวหน้ากลับบอกว่าห้ามกินในขณะทำภารกิจ มันทำให้เขาค่อนข้างที่จะสับสน

หลัวจี๋เตือนอย่างไม่ตั้งใจ เเต่หลัวจี๋ก็ไม่คิดว่าสิ่งที่เขาคิดมันจะถูกต้องขึ้นมาจริงๆ เขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี "นายลองพ่นลมหายใจเจ้าออกมาเเล้วดมกลิ่นมันดูสิ"

หลังจากฟังคำหลัวจี๋แล้ว เขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างสบายๆและดมกลิ่น หลังจากนั้นทั้วทั้งใบหน้าเขาก็ซีดลงทันใด"กะ กลิ่นนี้มัน"

"เข้าใจเเล้วรึยัง กลิ่นมันแรงเกินไป "

หลังจากเห็นหน้าซีดเซียวของอีกฝ่าย หลัวจี๋จึงเปลี่ยนหัวข้อเป็นประเด็นหลักอย่างรวดเร็ว นักสำรวจกางแผนที่ที่เขาถืออยู่อย่างรวดเร็วจากนั้นชี้ไปที่เครื่องหมายจุดหนึ่งบนแผนที่ เห็นได้ชัดว่าเมื่อเขาพบตําแหน่งเผ่าของศัตรู เขาก็ทําเครื่องหมายลงบนแผนที่ของเขา

"ตําแหน่งนี้…" หลัวจี๋ขมวดคิ้วเเน่นขณะที่มองไปยังตำเเหน่งที่อีกฝ่ายชี้ในเเผนที่ "ชายขอบป่าทางฝั่งตะวันตก?"

"ใช่ครับ“นักสำรวจพยักหน้าและ”หากคุ้นชินกับภูมิประเทศจะใช้เวลาประมาณครึ่งวันจากการเดินทางจากเผ่าถึงจุดหมาย และเราได้สำรวจพื้นที่เดิม ในเวลานั้นไม่มีเผ่าใดตั้งรกรากอยู่ที่นั้น เกรงว่าอีกฝ่ายจะอพยพออกมาหลังจากนั้น"

"แล้วจํานวนคนล่ะ? นายได้ตรวจสอบเเล้วรึยัง?” หลัวจี๋ถามออกไป ตําแหน่งนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน พูดตามตรงเขารู้สึกเหมือนโดนขวางทางอยู่เล็กน้อย แม้ว่าเขาจะเพิ่งรับคนใหม่มากกว่าสามสิบคน แต่ถ้ามันเป็นเผ่าเล็กๆหลัวจี๋ก็พร้อมจะกลืนกินเผ่านั้นเข้าไป

"ตัดสินจากกระโจมในค่าย เกรงว่าจะมีประมาณสี่สิบหรือห้าสิบคน"พูดเรื่องนี้แล้วเสียงของนักสำรวจชะงักเล็กน้อย"นอกจากนี้เเล้วข้าเห็นคนในเผ่านั้นถือขวานหินเเละหอกหิน"

เมื่อได้ยินข่าวนี้หลัวจี๋ก็หรี่ตาลง "มันเป็นเผ่าที่เราขับไล่ออกไปครั้งก่อนรึเปล่า"

"ไม่ควรเป็นเช่นนั้น"นักสำรวจส่ายหน้า"ข้าไม่เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยในเผ่าของอีกฝ่าย"

หัวใจหลัวจี๋จมลง พูดตามตรงคำตอบนี้แย่ลงไปเข้าไปใหญ่ เผ่าก่อนหน้านี้เมื่อพิจารณาถึงความแข็งแกร่งของผู้นำหนุ่มคนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะรับมือ แต่อีกฝ่ายก็รู้อยู่แล้วว่าพวกเขาแข็งแกร่งเพียงใดเ บางทีอาจไม่จำเป็นต้องต่อสู้กัน อีกฝ่ายก็จะเป็นฝ่ายยอมจากไปเอง เนื่อจากสู้ไม่ได้หากยังคงดื้อรั้นนั้นไม่เท่ากับว่าแสวงหาความตายหรอกหรือ

แต่สถานการณ์ในตอนนี้ ทำให้หลัวจี๋ไม่อยากที่จะรับรู้มันเลย นั่นคือขวานหินเเละหอกหินแพร่กระจายออกไปทั่วบริเวณพื้นที่ของเขา เขาไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเเพร่ออกไปเร็วมากเพียงนี้ แหล่งที่มาของมันคือหมิงจิ่งเผ่าของพวกเขาแต่เหตุผลที่เเพร่กระจายไปเร็วก็คือเผ่าที่ถูกขับไล่ออกไปโดยพวกเขาตั้งแต่แรก

สถานการณ์นี้หมายความว่าประสิทธิภาพการต่อสู้ของคนเถื่อนยุคนี้กำลังเพิ่มขึ้น แต่หลัวจี๋ได้พัฒนาสลิงขึ้นมาล่วงหน้าเพื่อรักษาความเหนือกว่าของเขาในด้านอาวุธและอุปกรณ์แล้ว

แต่พูดตามตรง ความยากลําบากในการผลิตสลิงไม่สูงนัก หากอีกฝ่ายได้เห็นเพียงสองสามครั้งก็สามารถเรียนรู้ได้เเล้ว……

เมื่อคิดอย่างนี้ หลัวจี๋รู้สึกกดดันขึ้นมาทันที สำหรับตอนนี้เผ่ารอบๆไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่โตนัก สิ่งที่เขารู้สึกถูกคุกคามจริงๆคือสถานการณ์โดยรวม หลังจากข้อได้เปรียบด้านอาวุธและอุปกรณ์ของเขาหายไปเเล้ว เขาจะยังมีชัยชนะได้อีกหรือไม่ หลัวจี๋ทำได้เพียงตั้งคำถามกับตัวเอง เพราะความได้เปรียบหลักๆคืออาวุธ!

"ไม่ ฉันจำเป็นต้องสร้างอาวุธที่คนพวกนี้ไม่สามารถ ลอกเลียนแบบได้ในเวลาสั้นๆ เพื่อรักษาความได้เปรียบระยะยาว"ด้วยความคิดนี้ ความผิดหวังของหลัวจี๋ที่ไม่สามารถวิจัยคันธนูเเละลูกธนูได้ก็ถูกโยนทิ้งออกไปชั่วคราว

เมื่อเทียบกับสลิง ความแม่นยําของธนูนั้นสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัดและระยะยิงไกลกว่า นอกจากนี้ลูกศรเรียวและยังมีน้ำหนักเบากว่าตะกร้ากระสุนหินหนักมาก โดยพื้นฐานแล้วจะไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการเดินทัพ

ในขณะเดียวกัน จุดที่สำคัญที่สุดคือธนูนั้นยากต่อการเรียนรู้โดยชนเผ่าคนเถื่อนอื่นในช่วงเวลาสั้นๆ แม้ว่าจะดูเรียบง่าย แต่ฝีมือและการเลือกใช้วัสดุนั้นมีความเฉพาะเจาะจงมาก ตราบใดที่เขาสามารถสร้างคันธนูและลูกธนูได้สำเร็จหลัวจี๋จะรักษาความได้เปรียบของอาวุธเป็นระยะเวลานาน!

นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยเกี่ยวกับชุดเกราะอยู่บ้าง หนังสัตว์ที่เน้นการรักษาความอบอุ่นนั้นไม่สามารถเรียกว่าเกราะได้ อย่างไรก็ตามเขาจะต้องคิดเรื่องนี้อย่างละเอียดในภายหลัง

หลังจากส่งสัญญาณให้นักสำรวจกลับไปพักผ่อนที่กระโจมแล้ว หลัวจี๋ก็เรียกหลัวหย่งและจ้าวผานมา กระตุ้นให้พวกเขาให้ความสนใจไปยังตำแหน่งทางฝั่งตะวันตกเมื่อจักหน่วยลาดตระเวน และบอกพวกเขาถึงการมีอยู่ของเผ่าอื่นๆที่นั้น

หลัวหย่งที่ได้ยินเรื่องนี้เขาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่จะลอง "ท่านผู้นำ ท่านต้องการจะไปจัดการพวกมันหรือเปล่าครับ?"

“ไม่ต้องรีบ” หลัวจีโบกมือ “เรายังไม่มีเวลาจัดคนที่เราเพิ่งจับไปมากกว่า 30 คน มันไม่ค่อยฉลาดที่จะสู้กับเผ่านั้นในตอนนี้ ให้ความสนใจกับการป้องกันก่อนและรอสักพัก ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ล้ำเส้นและไม่ริเริ่มที่จะยั่วยุเรา ปล่อยพวกมันไว้ก่อน แล้วก็พยายามเก็บซ่อนสลิงไว้ด้วย ยังไงเสียมันก็คือไพ่ตายของเรา และหากเผ่านั้นไม่เข้ามารุกเราก่อน ไพ่ตายใบนี้ก็จะหมายถึงโอกาสชนะอีกหนึ่งครั้ง”

การตัดสินใจของหลัวจี๋ทําให้หลัวหย่งเศร้าใจเล็กน้อย เเต่จ้าวผานผู้ให้ความใส่ใจกับกลยุทธเเละสถานการณ์โดยรวมพยักหน้าอย่างเข้าใจ

"โอเค นั่นคือทั้งหมดที่ฉันต้องพูด พวกนายไปฝึกกันต่อได้เเล้ว"หลังจากดูหลัวหย่งและจ้าวผานจากไป หลัวจี๋ก็วิ่งไปที่กรมอาวุธอีกครั้งเพื่อโดยกระตุ้นให้พวกเขาค้นคว้าเกี่ยวกับ 'ธนู' ต่อไป และสั่งให้ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก โดยเขาก็ไม่รู้ว่ามันจะมีประโยชน์หรือเปล่า

จากนั้นหลัวจี๋ที่กลับมาที่กระโจมก็รีบดึงหนังสัตว์ออกมา โดยตั้งใจจะไตร่ตรองถึงปัญหาเรื่องเกราะ สิ่งแรกที่เข้ามาในความคิดของเขาคือชุดเกราะหนัง แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะสวมหนังสัตว์อยู่ก็ตาม แต่มันก็ต่างกันเป็นโยชน์ เนื่องจากมันไม่มีความสามารถการป้องกันใดๆเลย หากจำไม่ผิดดูเหมือนเกราะหนังจะต้องผ่านการชุบเเข็งบางอย่าง.....

PS: อาจจะ มีตอนเพิ่ม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด