ตอนที่แล้วSTY-ตอนที่ 9 ศิษย์พี่หญิงหก-ลู่อวี๋ถิง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSTY-ตอนที่ 11 แสดงความสามารถให้ศิษย์พี่หญิงเจ็ดดู

STY-ตอนที่ 10 ความคิดเดียว สยบสัตว์ร้ายทั้งหมด!


แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์

สถานบันฝึกสัตว์อสูร

สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโชคชะตานิรันดร์ได้เก็บสัตว์วิญญาณเอาไว้เป็นจำนวนมาก

ในขณะนี้ ศิษย์คนหนึ่งที่กำลังนำอาหารมาให้สัตว์วิญญาณ ทันใดนั้น ก็ค้นพบว่า สัตว์วิญญาณเหล่านี้ กำลังหมาบกราบและหันหน้าไปยังทิศทางเดียวกัน

ดังนั้นเขาจึงรีบไปรายงานเรื่องนี้ให้ ผู้อาวุโส ทราบทันที

ผู้อาวุโส 2-3 คน ได้รีบไปที่ สถาบันฝึกสัตว์อสูร และ พวกเขาก็เห็นสัตว์วิญญาณเหล่านี้ กำลังคุกเข่าลงบนพื้นทีละตัวพร้อมกับหมอบกราบไปยังทิศทางของยอดเขาหยกอมตะ

สถาบันฝึกสัตว์อสูร มีสัตว์วิญญาณทั้งหด 1,130 ตัว และ ในขณะนี้ พวกมันก็คุกเข่าไปในทิศทางเดียวกัน

ด้วยความคิดเดียว สยบสัตว์ร้ายนับหมื่น!

ผู้อาวุโสหลายคนรู้สึกตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างหาที่เปรียบมิได้

“นี่คือ…หมื่นสัตว์อสูรน้อมคำนับ เป็นไปได้หรือไม่ว่า แดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา ได้ปรากฏ ผู้เชี่ยวชาญในการฝึกสัตว์อสูรอีกคนหนึ่ง?”

“ต้องเป็นแบบนี้แน่ บางทีมันอาจจะเป็นโชคลาภของแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา!”

“รีบไปดูกันเร็วเข้า!”

ที่จุดสูงสุดของ ยอดเขาหยกอมตะ

ลู่อวี๋ถิง ได้มองไปที่ ศิษย์น้องของนางด้วยความประหลาดใจ

มีสองวิธีในการทำให้สัตว์ร้ายเชื่อ โดย ลู่อวี๋ถิง ได้ใช้วิธีการอย่างการใช้มิตรภาพเข้าควบคุมสัตว์ร้ายที่นางพบ และ หลังจากที่สร้างความสัมพันธ์ที่ดีแล้ว นางก็จะสามารถทำให้พวกมันเชื่องได้

ส่วนอีกวิธีก็คือ การบังคับให้ยอมจำนน หรือก็คือ การแสดงความแข็งแกร่งออกมา เพื่อปลุกสัญชาตญาณความกลัวในตัวของสัตว์ร้าย

เห็นได้ชัดว่า ศิษย์น้องของนาง มีความสามารถในการปลุกสัญชาตญาณความกลัวในตัวของสัตว์ร้าย

ด้วยความคิดเดียว สัตว์ร้ายทั้งหมดต่างยอมสยบให้กับเขา

ในขณะนี้ เย่เฉิน เปรียบเสมือนราชาแห่งสัตว์ร้ายทั้งปวง ด้วยความคิดเดียวของเขา ก็สามารถทำให้สัตว์ร้ายทั้งหมดยอมจำนนได้

เย่เฉิน ได้มองไปที่ สัตว์วิญญาณที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา โดย เขาไม่ได้คาดหวังเลยว่า เทคนิคการสะกดข่มของเทพ จะทรงพลังขนาดนี้

ด้วยความคิดเดียว สัตว์ร้ายทั้งหมดต่างยอมจำนนให้แก่เขา

อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่าเขาไม่สามารถเปิดเผยความสามารถของเขาออกมาในตอนนี้ได้ ดังนั้น เขาจึงรีบถอนความสามารถศักดิ์สิทธิ์นี้ในทันที

ในขณะนี้ ในที่สุด สัตว์วิญญาณที่หมอบคลานอยู่บนพื้นก็ราวกับว่าพวกเขาได้รับการปลดปล่อยจากภาระอันหนักอึ้ง

เย่เฉิน ได้รีบเดินไปหา ลู่อวี๋ถิง

ซึ่ง ลู่อวี๋ถิง ได้ลูบศีรษะเล็ก ๆ ของเขา พร้อมกับกล่าวออกมาอย่างมีความสุข “ศิษย์น้องเล็ก เจ้าสุดยอดมาก!”

ทว่า ในเวลานี้เอง ก็มีรัศมีที่ทรงพลังหลายร่างพุ่งเข้ามาหาพวกเขา

พวกเขาได้เงยหน้าขึ้นมองรัศมีที่ทรงพลังที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าในทันที

ผู้อาวุโสทั้ง 3 ได้บินมาที่ภูเขาด้านหลังของยอดเขาหยกอมตะ เพื่อตรวจสอบ

และเมื่อมาถึงที่นี่ พวกเขาก็พบ เย่เฉิน และ ลู่อวี๋ถิง ยืนอยู่บนยอดเขา

ผู้อาวุโสทั้ง 3 ได้ร่อนลงมาที่ด้านหน้าของพวกเขาทั้งคู่ทันที

เย่เฉิน คือ บุตรชายของ เซียนหยกอมตะ และ ลู่อวี๋ถิง ก็เป็น ผู้ฝึกสัตว์อัจฉริยะ ดังนั้นพวกเขาจะไม่รู้จัก เย่เฉิน และ ลู่อวี๋ถิง ได้อย่างไร?

“คาราวะผู้อาวุโสทุกท่าน!”ลู่อวี๋ถิง ได้พา เย่เฉิน คำนับทันที

ในขณะนี้ ผู้อาวุโสทั้ง 3 ได้มองไปที่ เย่เฉิน และ ลู่อวี๋ถิง พร้อมกับกล่าวถามทันที “พวกเจ้าสองคนรั้งอยู่ที่นี่มาตลอดเลยงั้นหรือไม่?”

ทั้งสองได้พยักหน้า

ผู้อาวุโส ได้มองดู ลู่อวี๋ถิง และ กล่าวถาม “ในเมื่อเจ้าอยู่ที่นี่ เจ้าพบเห็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สามารถทำให้สัตว์อสูรทั้งหมดยอมจำนนต่อเขาหรือไม่?”

ในขณะนี้ เย่เฉิน ก็รู้สาเหตุที่ทำให้ ผู้อาวุโสทั้ง 3 มา

มันจะต้องเป็นเพราะเขาทำให้ สัตว์อสูรทั้งหมดต่างยอมจำนน และ มันได้ไปแจ้งเตือนให้เหล่า ผู้อาวุโสเหล่านี้ ต้องตกใจ ดังนั้น พวกเขาจึงได้รวมตัวกันมาดูลาดเลาที่นี่

เย่เฉิน และ ลู่อวี๋ถิง ได้สั่นศีรษะและตอบกลับ “ไม่ขอรับ!”

เซียนหยกอมตะ ได้สั่งไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า ความสามารถในการบ่มเพาะพลังของ เย่เฉิน ไม่สามารถเปิดเผยได้

ผู้อาวุโสทั้ง 3 ได้มองไปที่ เย่เฉิน อย่างไม่เคลือบแคลงหรือสงสัย

เนื่องจาก เย่เฉิน มีรากวิญญาณที่ว่างเปล่า ทำให้เขาไม่สามารถฝึกฝนได้ และ มันยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูร และ ถึงแม้ว่า ลู่อวี๋ถิง จะเป็นอัจฉริยะในหมู่ผู้ฝึกสัตว์อสูร แต่ นางก็สามารถควบคุมสัตว์วิญญาณได้อย่างเดียวซึ่งก็คือ เสือขาว ดังนั้น นางไม่มีทางทำให้สัตว์อสูรนับหมื่นยอมจำนนต่อนางได้อย่างแน่นอน

“เห้อ…ในเมื่อเขาไม่อยากจะแสดงตัวตนให้เราเห็นเราจะไปดื้อรั้นทำไม?”1 ในผู้อาวุโส ได้สั่นศีรษะ

“บุคคลเช่นนี้จะต้องเป็น ผู้ที่มีพลังการอุทิศตนที่สูงส่งอย่างแน่นอน และ การที่เขาไม่เปิดเผยตัวตน ก็เป็นเพราะว่าเขาไม่ได้ต้องการสร้างชื่อเสียงใด ๆ”ผู้อาวุโสอีกคนได้กล่าวอย่างเห็นด้วย

ในขณะนี้ ผู้อาวุโสทั้ง 3 ได้โค้งคำนับไปยังทิศทางที่แน่นอนของยอดเขาหยกอมตะและกล่าวออกมา “ในเมื่อท่านผู้อาวุโสไม่ต้องการที่จะออกมาพบพวกเรา พวกเราก็จะไม่ขอรบกวนการฝึกฝนของท่านผู้อาวุโสแล้ว”

หลังจากกล่าวพูดเสร็จ ทั้งสาม ก็โค้งคำนับ และ จากไปในทันที

พระราชวังหยกอมตะ

ณ บ้านพักของ เซียนหยกอมตะ

ศิษย์พี่ทั้งห้าคนของเย่เฉิน และ เย่เฉิน ได้มาพบ เซียนหยกอมตะ

โดย ศิษย์พี่สาม ศิษย์พี่สี่ ศิษย์พี่ห้า และ ศิษย์พี่หก ต่างก็ยกย่องในตัวของ เย่เฉิน และ บอกสิ่งที่ เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาให้ เซียนหยกอมตะ ได้รับฟัง

ในช่วง 4 วันมานี้ เย่เฉิน ได้เรียนรู้ เทคนิคการปกปิด เรียนรู้การปรุงยา เรียนรู้การบรรเลงพิณ ซึ่งมันทำให้ ทุกคนรู้สึกตกตะลึงอย่างมาก และ สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือ เย่เฉิน ได้ปลดปล่อยกลิ่นอายพลังออกมาจนทำให้ สัตว์อสูรทุกตัวของยอดเขาหยกอมตะต้องยอมจำนนต่อเขา

หลังจากฟังเรื่องราวที่มาจากศิษย์พี่หญิงของเย่เฉินแต่ละคน ใบหน้าของ เซียนหยกอมตะ ก็เผยความตกตะลึงอย่างหาที่เปรียบมิได้

นางไม่ได้คาดหวังเลยว่า บุตรชายของนางจะมีความสามารถที่ดีขนาดนี้

ในเวลานี้ จ้าวซือเหยา ศิษย์พี่หญิงเจ็ด ของ เย่เฉิน ก็ได้พ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา ราวกับว่านางรู้สึกไม่พอใจกับการอวยของศิษย์พี่หญิงของนางมากเกินไป

เดิมทีนางเป็นคนที่มีความสามารถมากที่สุดในบรรดาศิษย์ทั้ง 7 ของ เซียนหยกอมตะ

แต่ตอนนี้ หลังจากที่ เย่เฉิน ได้ปลุกรากวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา เขาก็ได้ขโมยความดีความชอบไปจากนางทั้งหมด ซึ่งมันทำให้ นางรู้สึกหดหู่เล็กน้อย

จ้าวซือเหยา ศิษย์พี่เจ็ดของ เย่เฉิน มีอายุเพียงแค่ 10 ปีเท่านั้น ซึ่งนางแก่กว่า เย่เฉิน เพียงแค่ 2 ปี และ ดูเด็กมาก

หลังจากฟังคำบรรยายของศิษย์พี่หญิงของนาง นางก็สูดลมหายใจและกล่าวออกมาอย่างเย็นชา “ฐานการบ่มเพาะพลังก็คือสิ่งสำคัญของผู้บ่มเพาะพลัง ไม่ว่าทักษะจะยอดเยี่ยมขนาดไหน หากมีฐานการบ่มเพาะพลังที่อ่อนแอ มันก็ไร้ประโยชน์!”

เมื่อได้ยินคำกล่าวของ จ้าวซือเหยา ศิษย์พี่ทั้งหมดต่างก็มองไปที่ จ้าวซือเหยา และ กล่าวถาม “อะไร เหยาเหยา น้อยของพวกเรา รู้สึกอิจฉาที่พวกเรายกย่อง เฉินน้อยใช่หรือไม่?”

“หึ่ม ข้าไม่ได้อิจฉา ข้าจะไปอิจฉาศิษย์น้องเล็กทำไมกัน!”จ้าวซือเหยา ได้ทำหน้ามุ่ย

เย่เฉิน ได้ยิ้มในใจ ตอนนี้เขามีวิญญาณของชายหนุ่มอายุ 20 ปี ในร่างกายของเขา ดังนั้น เขาจะลดตัวไปทะเลาะกับเด็กน้อยอายุ 10 ปีได้อย่างไร?

อย่างไรก็ตาม เขาสามารถลงชื่อเข้าใช้ได้อีกครั้งเมื่อตอนที่เขาอยู่ที่พระราชวังหยกอมตะในวันนี้

เขาสามารถลงชื่อเข้าใช้ได้ 2-3 ครั้งในแต่ละสถานที่ และ ครั้งสุดท้ายที่เขาลงชื่อเข้าใช้ในพระราชวังหยกอมตะ เขาก็ได้รับ รากวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มา และ คราวนี้เขาก็ไม่รู้ว่าจะได้รับอะไร

“ลงชื่อเข้าใช้!”

[ติ๊ง โฮสต์ ได้ลงชื่อเข้าใช้พระราชวังหยกอมตะอีกครั้ง คุณได้รับรางวัลเป็นเทคนิคการบ่มเพาะพลัง-เทคนิคสร้างสวรรค์]

[เทคนิคสร้างสวรรค์ คือ เทคนิคการบ่มเพาะพลังของมนุษย์ และ มันเป็นเทคนิคระดับศักดิ์สิทธิ์ที่แฝงไปด้วยทักษะการต่อสู้นับพัน เมื่อฝึกฝนจนถึงระดับที่สูงขึ้น มันสามารถทำลายความลับของสวรรค์และเดินไปบนเส้นทางของเต๋าที่ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์และปฐพีได้ สิ่งนี้ถือเป็น เทคนิคการฝึกฝนที่ทรงพลังที่สุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์]

[เทคนิคการบ่มเพาะพลังได้ถูกแจกจ่าย คุณต้องการที่จะฝึกฝนมันหรือไม่?]

เทคนิคสร้างสวรรค์?

เย่เฉิน รู้สึกตกใจ

ก่อนหน้านี้ เขาได้ลงชื่อเข้าใช้และได้รับเทคนิคการสะกดข่มของเทพมา ซึ่งเทคนิคการสะกดข่มของเทพทำให้เขาสามารถปราบปรามเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ได้ทั้งหมด และ เทคนิคสร้างสวรรค์นี้ ก็เป็น 1 ในเทคนิคบ่มเพาะพลังที่ทรงพลังที่สุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคใด ล้วนแล้วแต่เป็น เทคนิคการบ่มเพาะพลังขั้นสูงสุด

ดังนั้น เขาจึงไม่ฝึกฝนเทคนิคบ่มเพาะพลังเช่นนี้ได้อย่างไร?

“ตกลง!”เย่เฉิน ได้ตอบตกลงในทันที

[โฮสต์ได้ฝึกฝนสำเร็จ ตอนนี้คุณได้ไปถึงระดับแรกของการฝึกฝนเทคนิคสร้างสวรรค์แล้ว]

ทันใดนั้น พลังวิญญาณจำนวนมากก็พุ่งเข้าหา เย่เฉิน

ในขณะที่ ศิษย์พี่หญิงของ เย่เฉิน กำลังพูดคัยและหัวเราะกับ เซียนหยกอมตะ พลังงานภายโดยรอบก็ถูกดูดเข้าไปในร่างกายของ เย่เฉิน อย่างต่อเนื่อง ซึ่ง เย่เฉิน ได้แสดงสัญญาณของการพัฒนาออกมา

หนึ่งจะต้องรู้ว่า เย่เฉิน เพิ่งจะเริ่มฝึกฝน เมื่อ 3 วันก่อน ในวันที่ 2 เขาก็ได้ทะลวงจากอาณาจักรปรับแต่งพลังปราณ จนเข้าสู่ อาณาจักรสร้างรากฐาน แล้ว แต่ นี่เป็นไปได้หรือไม่ว่า เย่เฉิน กำลังจะทะลวงขั้นพลังอีกครั้ง?

ในขณะนี้ ฐานการบ่มเพาะพลังของ เย่เฉิน ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มันได้ก้าวจากขั้นต้นของอาณาจักรสร้างรากฐาน ไปยัง ขั้นกลางของอาณาจักรสร้างรากฐานในทันที

เมื่อพบเห็นฉากนี้ เซียนหยกอมตะและศิษย์พี่ของเย่เฉินต่างก็ตกตะลึงด้วยกันทั้งหมด

เย่เฉิน เพิ่งจะทะลวงเข้าสู่อาณาจักรสร้างรากฐานเมื่อ 2 วันก่อน และ ในระยะเวลาเพียงแค่ 2 วัน เย่เฉิน ก็ได้พัฒนาไปจนถึงขั้นกลางของอาณาจักรสร้างรากฐาน

ความเร็วในการฝึกฝนเช่นนี้ มันจะไม่ท้าทายสวรรค์เกินไปหน่อยหรือไม่?

จ้าวซือเหยา ที่เพิ่งบ่นออกมา เมื่อเห็น ฐานการบ่มเพาะพลังของ เย่เฉิน เพิ่มขึ้นอีกครั้ง หน้าที่บึ้งตึงของนางได้แสดงอาการตกใจออกมาโดยทันที

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด