ตอนที่แล้วMDB ตอนที่ 167 แย่งชิงที่หนึ่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMDB ตอนที่ 169 เขาใจกว้างขนาดนี้เลยหรือ?

MDB ตอนที่ 168 เชิญมาบรรยาย


เช้าตรู่ หลินจินถูกเรียกกลับไปที่สมาพันธ์นักบวช

สาวกที่รับผิดชอบในการแจ้งข่าวดูค่อนข้างกังวล หลินจินถามเขาว่ามีเหตุอันใดแต่ผู้ส่งสารอ้างว่าเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน เขามาที่นี่เพียงเพราะผู้ช่วยอาจารย์หวังส่งเขามา

“ผู้ช่วยอาจารย์หวัง?” หลินจินพยายามนึกแต่เขาก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร

หลังจากที่หลินจินติดตามสาวกคนนั้นกลับไปที่สมาพันธ์นักบวช หลินจินก็ได้พบกับผู้ช่วยอาจารย์หวัง ฝ่ายหลังเป็นนักบวชที่ดูอวบอ้วนเล็กน้อยและดูเหมือนใจดี

ข้าง ๆ เขาเป็นสัตว์เลี้ยงของเขา ลิงหูแหลม

ในสมาพันธ์นักบวช ผู้ที่มีพันธสัญญาโลหิตของอาณาจักรที่สี่หรือต่ำกว่านั้นจะเป็นเพียงสาวกเท่านั้น ในการเป็นผู้ช่วยอาจารย์ คน ๆ นนั้นต้องไปถึงอาณาจักรที่ห้า ในขณะที่ปรึกษาอย่างเป็นทางการต้องอยู่ในอาณาจักรที่หกเป็นอย่างน้อย

หลินจินตระหนักดีถึงเรื่องนี้

“หลินจิน เข้ามาก่อน!” เมื่อเห็นหลินจิน ผู้ช่วยอาจารย์หวังเรียกเขาอย่างรวดเร็วด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา

“ข้าเป็นผู้ช่วยอาจารย์หวังซึ่งรับผิดชอบการบรรยายของสมาพันธ์นักบวช เรามีประเพณีที่นี่ซึ่งในแต่ละเดือนเราจะเลือกสาวกเพื่อบรรยายแบบเปิดให้กับสาวกของสมาพันธ์นักบวชของเรา แม้ว่าสาวกทุกคนจะได้รับโอกาสในการคัดเลือก แต่เฉพาะสาวกที่มีพันธสัญญาโลหิตที่อยู่ในอาณาจักรที่สี่เท่านั้นที่จะได้รับเลือก

หลังจากการพูดคุยกับผู้ช่วยอาจารย์ของเรา เราตัดสินใจเลือกเจ้าเป็นผู้บรรยายในวันนี้ เอาล่ะ เจ้าเริ่มเตรียมตัวได้เลย เมื่อทุกคนเข้าประจำที่แล้ว เจ้าก็สามารถเริ่มการบรรยายได้ทันที”

หลินจินตกตะลึง

ผ่านไปแล้วหนึ่งเดือนนับตั้งแต่เขาเข้าร่วมสมาพันธ์นักบวช ดังนั้นหลินจินจึงไม่รู้เกี่ยวกับประเพณีนี้

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้คิดมากเกินไป เนื่องจากผู้ช่วยอาจารย์หวังกล่าวว่าเฉพาะสาวกที่มีพันธสัญญาโลหิตอยู่ในอาณาจักรที่สี่ขึ้นไปเท่านั้นเขาจึงได้รับการคัดเลือก ดูเหมือนว่ามีความเป็นไปได้ค่อนข้างมากที่เขาจะได้รับเลือกโดยพิจารณาว่าเขามีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดของพวกเขา

ถึงกระนั้นเขาก็มีบางอย่างที่เขาจำเป็นต้องรู้

“ผู้ช่วยอาจารย์หวัง ข้าควรพูดอะไรดีขอรับ?” หลินจินถามอย่างสุภาพ

“อย่าประหม่าไปเลย เจ้าสามารถพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ในการบ่มเพาะของเจ้าก็ได้ มันอาจจะเกี่ยวกับคาถาหรือสัตว์เลี้ยงแต่คาถาจะมีความสำคัญเหนือกว่าแน่นอน เจ้าสามารถแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเรียนรู้คาถาเป็นหลักได้” ผู้ช่วยอาจารย์หวังตอบแบบเป็นกันเอง จากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดว่า “ข้ายังมีบางอย่างที่ต้องดูแล ข้าต้องขอตัวก่อน เจ้าสามารถอยู่ที่นี่และเตรียมพร้อมสำหรับการบรรยาย ไว้ข้าจะแจ้งให้เจ้าทราบเมื่อถึงเวลา”

เมื่อเขาพูดจบก็จากไปทันที

หลังจากหลินจินได้ไตร่ตรองแล้ว เขาตัดสินใจว่าเขาจะรับหน้าที่นี้ อย่างไรก็ตาม ความรู้ด้านคาถาของเขาค่อนข้างจำกัด เขาสามารถพูดได้ค่อนข้างมากเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง แต่ทว่าที่นี่คือสมาพันธ์นักบวช ไม่ใช่สมาคมประเมินสัตว์วิเศษ การพูดเกี่ยวกับการประเมินสัตว์วิเศษนั้นค่อนข้างไม่เหมาะสม

ส่วนคาถาทั้งสองที่หลินจินคุ้นเคยมากที่สุดในขณะนี้คืออาณาเขตวิญญาณอัคคีและขจัดคาถา

ทั้งสองคาถานี้ หลินจินเข้าใจพวกมันอย่างลึกซึ้งและสามารถนำพวกมันขึ้นมาบรรยายได้

ขณะที่หลินจิน เตรียมพร้อมหลังเวที ห้องบรรยายของสมาพันธ์นักบวชก็เริ่มเต็มไปด้วยเหล่าสาวก

สาวกของสมาพันธ์หลายคนตั้งใจเข้าฟังการบรรยาย เนื่องจากหยางเจี๋ยเป็นผู้บรรยายก่อนหน้านี้ จึงทำให้สาวกหญิงหลายคนมาแต่เช้าเพื่อสำรองที่นั่งใกล้เวที

บางครั้งผู้ช่วยอาจารย์และที่ปรึกษาก็จะเข้าร่วมรับฟังการบรรยายด้วยเช่นกัน

เมื่อเวลาผ่านไปห้องบรรยายเต็ม เนื่องจากมีที่นั่งไม่เพียงพอ บางคนถึงกับยืนที่ทางเดินหรือบริเวณที่ว่างในบริเวณใกล้เคียง

เฉินเฉิงมองอย่างใจจดใจจ่อในมุมหนึ่ง เขากำลังรอชมการแสดงที่กำลังเริ่ม

ในขณะเดียวกัน หยางเจี๋ยถูกขวางไม่ให้เข้าหลังเวที

สิ่งนี้ทำให้เขาขมวดคิ้ว ผู้ช่วยอาจารย์หวังก็เข้ามาทันทีเมื่อเห็นสิ่งนี้

“ผู้ช่วยอาจารย์หวัง นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?” หยางเจี๋ยถามด้วยท่าทางไม่พอใจ

เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการทำอธิบายให้เรื่องนี้ ผู้ช่วยอาจารย์หวังยิ้มอย่างไร้กังวลและกล่าวว่า

“หยางเจี๋ย หลังจากที่ทางผู้ช่วยอาจารย์ได้คุยกัน พวกเราตัดสินใจเลือกผู้บรรยายอีกคนสำหรับการบรรยายแบบเปิดในเดือนนี้”

ความไม่พอใจของหยางเจี๋ยยิ่งทวีมากขึ้น

เช่นเดียวกับที่เฉินเฉิงคาดไว้ หยางเจี๋ยก็คิดว่ามีเพียงเขาเท่านั้นที่มีสิทธิ์ให้การเป็นผู้บรรยายนี้ ยิ่งกว่านั้น เขาเป็นผู้บรรยายติดต่อกันมากว่าสิบเดือนแล้ว จึงไม่แปลกที่เขาจะโกรธที่จู่ ๆ ก็ถูกยกเลิกโดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า

อย่างไรก็ตาม ไม่มีกฎเกณฑ์ใดที่ผู้พูดทุกคนจะต้องเป็นบุคคลเดียวกัน หยางเจี๋ยเองก็ทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี

ดังนั้นเขาจึงระงับความโกรธและถามว่า “เป็นหลู่หยุนเหองั้นหรือ?”

สำหรับเขา คนเดียวในสมาพันธ์นักบวชที่คู่ควรกับเขาคือหลู่หยุนเหอ ถึงกระนั้นหยางเจี๋ยก็ไม่คิดว่าหลู่หยุนเหอจะสามารถเทียบกับเขาได้

ผู้ช่วยอาจารย์หวังส่ายหัว “ไม่ใช่หลู่หยุนเหอ แต่เป็นศิษย์ใหม่ที่ได้รับพันธสัญญาโลหิตระดับที่สี่ในการประเมินครั้งแรกของเขา หลินจิน”

สีหน้าของหยางเจี๋ยแข็งค้างในพริบตา

‘หลินจิน?’

‘ทำไมถึงเป็นเขา?’

ทันทีนั้น ข่าวทั้งหมดที่เขาได้ยินเกี่ยวกับหลินจินก็ไหลเข้ามาในหัวของเขา

มันเป็นเรื่องยากสำหรับหยางเจี๋ยที่จะเพิกเฉยต่อข่าวลือเหล่านี้อีกต่อไป

แม้ว่าการปล่อยให้สาวกผลัดกันบรรยายจะเป็นเรื่องปกติแต่สำหรับหยางเจี๋ย นี่ดูเหมือนเป็นการท้าทายจากหลินจิน ชายคนนั้นพยายามแย่งชิงตำแหน่งของเขาในฐานะสาวกหมายเลขหนึ่งไป

ความโกรธของหยางเจี๋ยเอ่อล้นและเขาพบว่าตัวเองไม่สามารถควบคุมมันได้อีกต่อไป

หยางเจี๋ยหันกลับและเดินออกไปด้วยสีหน้าดำทะมึน แทนที่จะออกไปจะที่นี่ เขาเลือกเข้าไปในห้องบรรยายและพบว่ายังมีที่นั่งเหลืออยู่

เขาต้องการได้ยินสิ่งที่สามารถออกมาจากปากของหลินจิน ถ้ามันเป็นเรื่องไร้สาระ หยางเจี๋ยจะไม่ปล่อยผ่านโดยเด็ดขาด

“เหตุใดศิษย์พี่หยางจึงมานั่งที่นี่?”

"ข้าก็ไม่รู้ เขาเป็นผู้บรรยายหลัก ทำไมเขาไม่ยืนอยู่บนเวที!?”

“สีหน้าของศิษย์พี่หยางดูขุ่นเคืองอย่างมาก มีเรื่องอะไรทำให้เขาไม่พอใจงั้นหรือ?”

สาวกหลายคนกำลังคุยกัน

เมื่อเห็นฉากตรงหน้า เฉินเฉิงก็เริ่มรู้สึกพึงพอใจมาก

“หลินจิน ช่างโง่เขลาจริง ๆ ที่ตอบรับหน้าที่ผู้บรรยายและอีกอย่าง แม้แต่ศิษย์พี่หยางก็ตกหลุมพรางในแผนของข้าด้วย แม้เขาจะมีระดับการบ่มเพาะที่สูงกว่าข้าแต่ข้าก็สามารถทำให้เขาเต้นบนมือของข้าได้”

ในขณะนั้น สาวกบางคนเริ่มจับสังเกตได้

“การบรรยายกำลังจะเริ่มต้นแต่ศิษย์พี่หยางยังอยู่ที่นี่ นั่นหมายถึงว่าผู้บรรยายในการบรรยายครั้งนี้ไม่ใช่ศิษย์พี่หยาง”

"ข้าเข้าใจแล้ว ผู้บรรยายคนนั้น ต้องเป็นศิษย์พี่หลู่!”

“ศิษย์พี่หลู่? ไม่มีทาง เจ้าจำที่เขาบรรยายก่อนหน้าที่ไม่ได้หรือ? แม้ว่ามันจะไม่ได้แย่แต่ก็พูดว่าดีได้ไม่เต็มปาก ศิษย์พี่หยางมีความรู้กว้างขวางและเขาสามารถตอบคำถามที่ยุ่งยากได้โดยไม่มีปัญหา”

“เดี๋ยวก่อน ผู้บรรยายในครั้งนี้ก็ไม่ใช่ศิษย์พี่หลู่เช่นกัน” สาวกคนหนึ่งกล่าวขณะที่ชี้ไปที่หลู่หยุนเหอที่เพิ่งเข้ามาในห้องบรรยาย

คนอื่น ๆ หันไปและตกตะลึง

ถ้าหลู่หยุนเหออยู่ในห้องบรรยาย แสดงว่าเขาไม่ได้เป็นผู้บรรยายด้วย

ในเวลานี้เหล่าสาวกก็ตระหนักได้อีกอย่างหนึ่ง “หรือจะเป็นเซว่เป่าเอ๋อร์?”

มีเพียงไม่กี่คนในหมู่สาวกของสมาพันธ์นักบวชแห่งเมืองเมเปิ้ลเท่านั้นที่ไปถึงอาณาจักรที่สี่ของพันธสัญญาโลหิต ถ้าไม่ใช่หยางเจี๋ยหรือหลู่หยุนเหอก็น่าจะเป็นเซว่เป่าเอ๋อร์

ไม่มีใครสงสัยความสามารถในการฝึกฝนของเซว่เป่าเอ๋อร์ ตามการแข่งขันครั้งสุดท้ายของสาวก เซว่เป่าเอ๋อร์นั้นด้อยกว่าหยางเจี๋ยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงทำให้เธอเป็นอันดับสองในหมู่สาวกและแข็งแกร่งกว่าหลู่หยุนเหอมาก ตัวเธอไม่เคยบรรยายมาก่อน ดังนั้นมันจึงสมเหตุสมผลที่จะปล่อยให้เธอทำในตอนนี้

ถึงกระนั้นมันก็ไม่น่าเชื่อ

ทุกคนรู้เกี่ยวกับบุคลิกของเซว่เป่าเอ๋อร์ พวกเขาได้ลองนึกภาพที่เธอบรรยายบนเวทีอย่างเคร่งขรึมแต่ไม่ว่าพวกเขาจะลองนึกมากเท่าใด พวกเขาก็ไม่สามารถจินตนาการได้

จากนั้น เริ่มมีสาวกเข้าร่วมการสนทนานี้มากขึ้นเรื่อย ๆ

แน่นอนว่าบางคนคาดเดาว่าจะต้องเป็นผู้มาใหม่ที่มีพันธสัญญาโลหิตของอาณาจักรที่สี่ และชื่อของหลินจินถูกกล่าวถึงไม่กี่ครั้ง แต่เมื่อเปรียบเทียบแล้ว หลินจินเพิ่งเข้าสู่สมาพันธ์นักบวชและขาดประสบการณ์ ดังนั้นโอกาสที่เขาจะเป็นผู้บรรยายในวันนี้จึงมีน้อยมาก

ในไม่ช้า เซว่เป่าเอ๋อร์ก็ปรากฏตัวขึ้นและนั่งอยู่ในห้องบรรยาย

ด้วยเหตุนี้ เซว่เป่าเอ๋อร์ก็ถูกตัดออกไปเช่นกัน

ขณะที่ฝูงชนนั่งอย่างหนาแน่นในห้องบรรยาย ผู้บรรยายหลัก หลินจินก็เดินขึ้นไปบนเวที

เมื่อเห็นหลินจิน ใบหน้าของหยางเจี๋ยก็มืดลง รอยยิ้มซุกซนผุดขึ้นบนใบหน้าของเฉินเฉิง ขณะที่ดวงตาของเซว่เป่าเอ๋อร์เป็นประกาย

“พี่ชายหลิน!”

กลุ่มสาวกดูสับสน คนที่เคยเห็นหลินจินมาก่อนก็พยักหน้าเบา ๆ แต่ยังมีบางคนที่ดูงุนงงเพราะพวกเขาไม่รู้จักชายคนนั้นบนเวที

หลินจินสามารถรักษาความสงบของเขาได้ในขณะที่เขาเดินไปที่กลางเวทีและโค้งคำนับ “ข้าจะเป็นผู้บรรยายหลักในวันนี้”

สาวกคนหนึ่งด้านล่างถามว่า “ท่านใช่ศิษย์พี่หลินจินหรือเปล่า?”

หลินจินพยักหน้า "ถูกต้อง!"

ตอนนี้ทุกคนรู้ว่าเขาเป็นใคร

ฝูงชนระเบิดการสนทนาอีกรอบทันที บางคนดูไม่เชื่อ คิดว่าแม้ว่าหลินจินจะเป็นอัจฉริยะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาคู่ควรกับการบรรยายบนเวที บางคนกำลังคุยกันถึงสิ่งที่หลินจินอาจพูดในการบรรยายนี้ ถ้าเขาลงเอยด้วยเรื่องไร้สาระ นั่นจะไม่เป็นการเสียเวลาของทุกคนหรอกหรือ? บางคนถึงกับสันนิษฐานว่าเนื่องจาก หลินจินเป็นผู้ประเมินสัตว์วิเศษระดับสอง การบรรยายของเขาย่อมเกี่ยวข้องกับสัตว์วิเศษอย่างแน่นอน

ท้ายที่สุดนั่นคือจุดแข็งของเขา

ทันใดนั้น สาวกคนหนึ่งด้านล่างก็โพล่งขึ้นมา “ศิษย์พี่หลิน เรารู้ว่าท่านเป็นผู้ประเมินระดับสองจากสมาคมประเมินสัตว์วิเศษ แต่ที่นี่คือสมาพันธ์นักบวช หากท่านกำลังวางแผนที่จะพูดถึงการประเมินสัตว์วิเศษหรือทักษะที่เกี่ยวข้องกับการประเมิน นั่นเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น นักบวชส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนพันธสัญญาโลหิตและทักษะในด้านการใช้คาถา เราอยากฟังหัวข้อเหล่านี้มากกว่า”

เมื่อสาวกคนนี้พูดจบ คนอื่น ๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย

คนที่พูดขึ้นคือหนึ่งในคนของเฉินเฉิง มีเพียงสองเป้าหมายสำหรับแผนนี้ที่เขาพยายามหามาอย่างอุตสาหะ อย่างแรกคือการเพิ่มความเกลียดชังของหยางเจี๋ยต่อหลินจินและอย่างที่สองคือการทำให้หลินจินอับอายในที่สาธารณะ

หากคนหลังพูดถึงสัตว์วิเศษ ก็ไม่มีคำถามใดที่จะทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

ดังนั้น เฉินเฉิงจงใจสั่งลูกน้องคนหนึ่งของเขาขวางไม่ให้พูดเรื่องสัตว์เศษ แต่ถ้าหลินจินยืนกรานที่จะพูดถึงสัตว์วิเศษ เขาก็มีวิธีรับมืออื่น ๆ เช่นกัน

เขาสามารถถามคำถามได้ในระหว่างการบรรยาย ดังนั้นพวกเขาจึงต้องตั้งคำถามที่ยุ่งยากเกี่ยวกับคาถาที่เกี่ยวข้อง และหลินจินก็ไม่สามารถตอบคำถามเหล่านั้นได้ และเมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น หลินจินจะต้องอับอายต่อสาธารณชนอย่างแน่นอน

แต่อนิจจา หลินจินไม่ได้วางแผนที่จะพูดถึงสัตว์วิเศษ

เขาต้องการพูดถึงอาณาจักรวิญญาณอัคคีก่อนหน้านี้ แต่หลังจากพิจารณาอย่างรอบครอบแล้ว เขาก็ตัดสินใจเปลี่ยนหัวข้อการบรรยาย

เนื่องจาก สาวกบางคนที่นี่อาจไม่เคยเรียนรู้ทักษะนี้มาก่อนและหลินจินต้องบรรยายต่อหน้าสาวกที่หลากหลาย เขาจึงต้องพูดถึงเรื่องพื้นฐานแต่ลึกซึ้งแทนซึ่งมันเป็นเรื่องสำคัญและสามารถนำมาปฏิบัติใช้ได้จริง

วิธีการส่งเสริมพันธสัญญาโลหิตและพลังวิญญาณเป็นหัวข้อที่มีประโยชน์ที่สุดในขณะนี้

หลินจินได้เรียนรู้บางส่วนจากพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษมาก่อน เช่น การสร้างภาพ, การยึดจิตวิญญาณ, การเสริมสร้างเส้นเลือด, การสร้างพลังงาน, การแปรธาตุภายในและอื่น ๆ...

โดยการสุ่มเลือกหนึ่งในเรื่องพื้นที่เหล่านี้ เขาสามารถพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้เป็นชั่วโมง ๆ

หลินจินวางแผนที่จะบรรยายเกี่ยวกับการสร้างภาพ

เขาได้ทดลองใช้เมื่อเร็ว ๆ นี้เช่นกันและคิดว่ามันมีประโยชน์ แม้แต่ในสมัยโบราณของการเป็นอมตะ การสร้างภาพข้อมูลเป็นวิธีการบ่มเพาะขั้นพื้นฐาน ในระดับพื้นฐานที่สุด ทักษะนี้แบ่งออกเป็น 'จินตภาพภายนอก' และ 'รู้แจ้งภายใน'

เนื่องจากการสร้างภาพสามารถยกระดับการฝึกฝนพันธสัญญาโลหิตได้ พิพิธภัณฑ์จึงให้คำอธิบายโดยละเอียดเกี่ยวกับหัวข้อนี้ ถ้าหลินจินจะพูดถึงเรื่องนี้อย่างละเอียด เขาจะไม่สามารถทำให้การบรรยายจบได้อย่างรวดเร็ว

ดังนั้น หลินจินจึงวางแผนที่จะพูดคุยเกี่ยวกับหนึ่งในสาขา 'จินตภาพภายนอก' ในการบรรยายวันนี้

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด