ตอนที่แล้วบทที่ 38: มองโลกในแง่ดีเกินไป
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 40: แผนการแก้แค้นของหลี่เต๋าหรัน

บทที่ 39: อาวุธขอบเขตราชันยุทธ์


บทที่ 39: อาวุธขอบเขตราชันยุทธ์

ผู้นำนิกายอสูรกระดูกขาวเลิกคิ้วขึ้น เขาไม่เข้าใจความหมายของลู่เสี่ยวหรัน

ลู่เสี่ยวหรันยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “มันเป็นเรื่องยากสำหรับค่ายกลโจมตีธรรมดาที่จะทำเช่นนี้ แต่ถ้ามันเป็นค่ายกลโจมตีขอบเขตราชันยุทธ์ชั้นยอดล่ะ?”

รูม่านตาของผู้นำนิกายอสูรกระดูกขาวหดเกร็ง ทันใดนั้นความเย็นก็พุ่งขึ้นมาจากปลายเท้าของเขาและไปถึงส่วนบนของศีรษะ มันทำให้ขนทั้งหมดบนร่างกายของเขาลุกตั้งขึ้น

“เป็นไปไม่ได้ เจ้าจะไปมีค่ายกลโจมตีขอบเขตราชันยุทธ์ชั้นยอดได้อย่างไร?!”

ทันทีที่เขาพูดจบ สายฟ้าสีม่วงหนาก็ฟาดลงมาจากบนท้องฟ้า มันตกกระทบลงบนตัวผู้อาวุโสหนึ่งของนิกายอสูรกระดูกขาว

บู้มมมมม!

ด้วยเสียงระเบิดอันดังสนั่น ผู้อาวุโสหนึ่งของนิกายอสูรกระดูกขาวไม่มีโอกาสแม้แต่จะตอบโต้ ร่างของเขาถูกทำลายลงโดยสายฟ้าและกลายเป็นเถ้าถ่านโดยทันที

เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกคนจากนิกายอสูรกระดูกขาวก็ตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง

นั่นคือผู้อาวุโสหนึ่งที่อยู่ในขอบเขตรวมสูญ!

ขอบเขตรวมสูญ!

หากแม้แต่เขาก็ยังไม่สามารถต้านทานสายฟ้านี้ได้ เช่นนั้นแล้วค่ายกลนี้จะไม่ท้าทายสวรรค์เกินไปหน่อยหรอ?

นี่เป็นค่ายกลขอบเขตราชันยุทธ์ชั้นยอดอย่างแน่นอน!

“ยังไง… เราจะเอาชนะสิ่งนี้ได้ยังไง!”

“หนี!”

“วิ่งเร็ว!”

ศิษย์นิกายอสูรกระดูกขาวเริ่มวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่ง พวกเขากระจัดกระจายไปทั่วทุกทิศทุกทาง อย่างไรก็ตาม มันก็สายเกินไปแล้ว สายฟ้าสีม่วงได้ฟาดลงมาจากบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว ศิษย์ที่โดนฟ้าผ่ากลายเป็นเถ้าถ่านโดยทันทีและไม่มีโอกาสรอดแต่อย่างใด

เมื่อเห็นเช่นนี้ ผู้นำนิกายอสูรกระดูกขาวก็ทรุดตัวลงอย่างสมบูรณ์

ในขณะเดียวกัน เขาก็นึกอะไรบางอย่างออก

ทำไมลู่เสี่ยวหรันถึงมาที่นิกายอสูรกระดูกขาวเพื่อปิดปากพวกเขา? ทำไมเขาถึงไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะสร้างค่ายกลขอบเขตราชันยุทธ์ชั้นยอด?

ผู้อาวุโสเฉินซวนจะต้องค้นพบบางสิ่งแน่ๆ และเพื่อที่จะไม่ให้ความลับของเขาถูกเปิดเผย เขาก็ถึงกับยอมเสี่ยงที่จะถูกสังคมจับได้เพื่อทำลายนิกายอสูรกระดูกขาวทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสเฉินซวนก็กล่าวเพียงว่าการฝึกตนของศิษย์ของยอดเขาจื่อฉุ่ยนั้นสูงผิดปกติ

เขารู้ถึงความแข็งแกร่งของศิษย์นิกายอสูรสวรรค์เป็นอย่างดี ศิษย์ของนิกายอสูรสวรรค์นั้นแข็งแกร่งกว่าศิษย์ของนิกายอสูรกระดูกขาวอย่างแน่นอน แต่พวกเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งจนท้าทายสวรรค์ขนาดนั้น

อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของศิษย์ยอดเขาจื่อฉุ่ยนั้นก็ช่างท้าทายสวรรค์จริงๆ

นอกเหนือจากค่ายกลปราบปรามและค่ายกลป้องกันของลู่เสี่ยวหรันแล้ว สิ่งที่พวกเขามีก็คือเคล็ดวิชาการฝึกตนที่อยู่เหนือขอบเขตเซียนและอาวุธขอบเขตสวรรค์ขั้นสูง ภายใต้สถานการณ์ปกติ สิ่งที่พวกเขาก็มันก็เพียงพอแล้วจริงๆ ที่จะเรียกว่าท้าทายสวรรค์

ถ้าไม่ใช่เพราะสมาคมผู้อาวุโสนิกายอสูรกระดูกขาวที่ร่วมมือกันต่อสู้ พวกเขาก็จะไม่สามารถเอาชนะศิษย์ทั้งสามคนนี้ได้เลย

อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดดูอีกที… เคล็ดวิชาการฝึกตนของพวกเขาก็มีโอกาสสูงมากที่จะอยู่ในขอบเขตราชันยุทธ์!

หากผู้นำนิกายอสูรกระดูกขาวไม่ได้ทราบเรื่องค่ายกลราชาอัสนีสวรรค์ เขาก็คงจะไม่เชื่ออย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ค่ายกลโจมตีขอบเขตราชันยุทธ์ชั้นยอดก็ได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว แบบนั้นแล้วการปรากฎตัวของเคล็ดวิชาการฝึกตนขอบเขตราชันยุทธ์จะไปแปลกอะไร?

ในขณะนี้ ผู้นำนิกายอสูรกระดูกขาวก็รู้สึกเหมือนโลกทัศน์ของเขาได้พังทลายลงอย่างสมบูรณ์

ถ้าเขารู้ว่ายอดเขาจื่อฉุ่ยของนิกายอสูรสวรรค์จะทรงพลังมากขนาดนี้ เขาก็คงจะไม่ทำให้นิกายอสูรสวรรค์ขุ่นเคืองอย่างเด็ดขาด!

บู้มมมม!

ในขณะนี้ สายฟ้าจำนวนมากก็ได้ปรากฏขึ้น และพลังโจมตีของพวกมันก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ผู้อาวุโสที่อยู่ข้างๆ เขาเริ่มล้มลงทีละคน และผู้นำนิกายอสูรกระดูกขาวก็ตื่นตระหนกอย่างมาก

“เจ้าบ้าไปแล้วหรอ? ข้าได้ใช้ค่ายกลป้องกันของนิกายเพื่อปิดผนึกค่ายกลเคลื่อนย้ายไปแล้ว ถ้าเจ้ายังใช้ค่ายกลโจมตีขอบเขตราชันยุทธ์ชั้นยอดอยู่แบบนี้ พวกเจ้าทั้งสี่ก็อาจจะถูกฟ้าผ่าตายไปด้วยก็ได้นะ!”

ลู่เสี่ยวหรันส่ายหัว

“ข้าบอกแล้วไงว่าเจ้ามันมองโลกในแง่ดีเกินไป!”

ดวงตาของผู้นำนิกายอสูรกระดูกขาวเผยให้เห็นถึงความสับสนอีกครั้ง

ลู่เสี่ยวหรันดูมีความมั่นใจมาก ดูเหมือนว่าเขาจะมีแผนสำรองสำหรับเรื่องนี้แล้ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อค่ายกลโจมตีถูกเปิดใช้งาน มันก็จะไม่แยกความแตกต่างระหว่างมิตรกับศัตรู แม้แต่ผู้สร้างค่ายกลเองก็ยังสามารถตกเป็นเป้าหมายได้ตราบเท่าที่เขาอยู่ในระยะการโจมตี

เป็นไปได้ไหมที่ลู่เสี่ยวหรันจะมีค่ายกลอื่นซ่อนอยู่อีก?

อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยที่สุดมันก็จะต้องเป็นค่ายกลในขอบเขตราชันยุทธ์ชั้นยอดด้วยเช่นกัน แบบนั้นแล้วเหตุใดผู้นำนิกายอสูรกระดูกขาวจึงไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความผิดปกติใดๆ เลยกัน?

นอกจากนั้น ถ้าลู่เสี่ยวหรันต้องการจะต้านทานมันด้วยตัวของเขาเอง เขาก็จะต้องมีการฝึกตนอยู่ที่ขอบเขตราชันยุทธ์ หากปราศจากความแข็งแกร่งของผู้ฝึกตนขอบเขตราชันยุทธ์ เขาก็คงจะไม่สามารถต้านทานพลังโจมตีของค่ายกลได้อย่างแน่นอน

แม้ว่าหยุนหลี่เกอและคนอื่นๆ จะมองไม่เห็นการฝึกตนของลู่เสี่ยวหรัน  แต่ผู้นำนิกายอสูรกระดูกขาวก็สามารถมองทะลุผ่านได้

เขาสามารถสัมผัสได้ว่าการฝึกตนของลู่เสี่ยวหรันนั้นอยู่ในขอบเขตสูญสลายช่วงปลาย แต่เขาก็ไม่สามารถระบุขั้นที่แน่นอนของลู่เสี่ยวหรันได้

ด้วยระดับการฝึกตนนี้ เขาจะสามารถต้านทานพลังของค่ายกลขอบเขตราชันยุทธ์ชั้นยอดได้อย่างไร?

มันคืออะไร?

แผนของเขาคืออะไร?

ขณะที่สมองของเขากำลังทำงานอย่างบ้าคลั่ง จู่ๆ ลู่เสี่ยวหรันก็ยกมือขวาขึ้น

เคล็ดวิชาเก้าฟีนิกซ์เปลี่ยนรูปก็ได้ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขาอย่างบ้าคลั่ง มันเผยให้เห็นร่างเงาฟีนิกซ์ที่แข็งแกร่งกว่าจื่ออู๋เซียเป็นร้อยเท่า

แกว้กกกก!

ทันทีที่เงาฟีนิกซ์เพลิงปรากฏขึ้น เสียงร้องของฟีนิกซ์ก็ดังขึ้นทั่วสวรรค์ทั้งเก้า แรงกดดันของมันรุนแรงมากจนทำให้เมฆบนสวรรค์และแผ่นดินเบื้องล่างสั่นสะเทือน ในเวลาเดียวกัน มันก็ยังดึงดูดความสนใจของค่ายกลราชาอัสนีสวรรค์

ในเวลานี้ สายฟ้าสวรรค์สีม่วงจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งเข้าใส่หัวของลู่เสี่ยวหรันอย่างบ้าคลั่ง

การแสดงออกของทุกคนเปลี่ยนไป

ด้วยสายฟ้าสวรรค์ที่ทรงพลังมากขนาดนี้ ลู่เสี่ยวหรันและศิษย์ของเขาอีกสามคนก็สามารถกลายเป็นขี้เถ้าได้โดยทันที

ในขณะนี้ ร่มก็ปรากฎขึ้นในฝ่ามือขวาของลู่เสี่ยวหรัน

มันถูกแกะสลักด้วยลวดลายเมฆและตัวนกฟีนิกซ์ เมื่อลู่เสี่ยวหรันยกมือขึ้น มันก็กางออกพร้อมกับแผ่ออร่าที่ทรงพลังออกมาในทันที ฟินิกซ์ที่อยู่บนนั้นเองก็ดูราวกับจะมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ

บู้มมมมม!

สายฟ้านับร้อยจากค่ายกลราชาอัสนีสวรรค์โจมตีร่มในทันที แต่พวกมันก็เป็นเหมือนก้อนหินที่จมลงไปในมหาสมุทร พวกมันหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในทันที พวกมันไม่แม้แต่จะทำให้เกิดระลอกคลื่นใดๆ

สายฟ้าที่ทรงพลังไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อลู่เสี่ยวหรันเลย!

ในขณะนี้ หัวใจของทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ก็หยุดเต้นไปชั่วขณะ

เพื่อที่จะสามารถต้านทานการโจมตีของค่ายกลขอบเขตราชันยุทธ์และไม่ได้รับบาดเจ็บเลยได้ อาวุธชิ้นนี้ก็จะ… ก็จะต้องอยู่ในขอบเขตราชันยุทธ์?

“อาวุธขอบเขตราชันยุทธ์?!”

ดวงตาของผู้นำนิกายอสูรกระดูกขาวเบิกกว้างและจิตใจของเขาก็หยุดทำงาน

ลู่เสี่ยวหรันยังมีอาวุธขอบเขตราชันยุทธ์อีกด้วย!

นี่มันบ้าเกินไปแล้ว!

ราวกับว่าพวกเขากำลังใช้ระเบิดนิวเคลียร์เพื่อต่อสู้กับผู้ลี้ภัย!

ผู้อาวุโสสองคนกระอักเลือดออกมาโดยทันทีและเกือบจะตายเพราะความโกรธ!

หยุนหลี่เกอและอีกสองคนถึงกับตัวแข็งกลายเป็นหินในทันที

ศิษย์ทั้งสามคนของลู่เสี่ยวหรันเริ่มสงสัยในมุมมองของพวกเขาที่มีต่ออาจารย์ของพวกเขาก่อนหน้านี้

พวกเขาคิดว่าอาจารย์ของพวกเขาได้มอบอาวุธที่ดีที่สุดให้กับพวกเขา แต่ในท้ายที่สุด อาจารย์ของพวกเขาก็ยังคงเก็บอาวุธขอบเขตราชันยุทธ์ไว้ให้กับตัวเขาเองในท้ายที่สุด

ดูเหมือนว่าอาจารย์คนนี้จะมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวมากกว่าที่พวกเขาคิด

ในขณะเดียวกัน ผู้นำนิกายอสูรกระดูกขาวก็หลับตาลงและเริ่มหัวเราะราวกับเป็นคนบ้า

“ชัยชนะในครั้งนี้เป็นของเจ้าแล้ว!”

ด้วยไพ่ตายและการวางแผนอันละเอียดถี่ถ้วน มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เขาจะทำลายล้างนิกายอสูรกระดูกขาว และไม่ต้องพูดถึงแค่นิกายอสูรกระดูกขาวเลย แม้แต่ในอาณาจักรโจวอันยิ่งใหญ่ทั้งหมด มันก็อาจไม่มีใครที่จะสามารถต้านทานลู่เสี่ยวหรันได้

เขาแข็งแกร่ง... แข็งแกร่งมากจริงๆ!

ในเวลาต่อมา สายฟ้าก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง ในครั้งนี้ สายฟ้านับพันสายก็ถล่มฟาดลงมาจากบนฟากฟ้า การทำลายล้างในครั้งนี้ได้ทำให้ทั้งนิกายอสูรกระดูกขาวพังพินาศเป็นเถ้าถ่าน โลกสว่างไสวด้วยแสงสีม่วง และแม้แต่แสงอาทิตย์ยามเช้าที่เพิ่งขึ้นทางทิศตะวันออกก็ยังมิอาจสว่างสู้แสงอัสนีนี้ได้

ข่าวเรื่องการถูกทำลายล้างของนิกายอสูรกระดูกขาวดึงดูดผู้ฝึกตนจำนวนนับไม่ถ้วนจากนิกายอื่นๆ ให้รีบเร่งตรวจสอบข่าว

สองชั่วโมงต่อมา เหตุการณ์นี้ก็กลายมาเป็นข่าวดังในรัศมี 5,000 กิโลเมตร

ในอีกฟาก หยุนหลี่เกอและอีกสองคนก็กำลังนั่งคุกเข่าอยู่หน้าประตูห้องของลู่เสี่ยวหรัน พวกเขากำลังถูกลงโทษอย่างน่าสมเพชโดยแส้ของลู่เสี่ยวหรัน

“พวกเจ้ามันเด็กดื้อรั้นสมองตาย พวกเจ้าลืมคำสอนของข้าไปหมดแล้วรึไง!!!”

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด