ตอนที่แล้วบทที่ 28: ข้ามันตัวตลก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 30: นิกายอสูรกระดูกขาว  

บทที่ 29: อเวนเจอร์ส รวมพล


บทที่ 29: อเวนเจอร์ส รวมพล

หยุนหลี่เกอ: "…"

เขารู้สึกเหมือนเขากำลังโดนเยาะเย้ย แต่การแสดงออกของศิษย์น้องของเขานั้นก็ดูจริงจังมาก เขาไม่สามารถบอกได้เลยว่าจริงๆ แล้วอีกฝ่ายกำลังเยาะเย้ยเขาอยู่หรือพูดจริง

ในท้ายที่สุด หยุนหลี่เกอก็กลืนเลือดที่กระอักออกมากลับเข้าไปลำคอของตน

นี่เป็นเพราะเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางเทียนหยวนเลย

เนื่องจากเขาไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ ดังนั้นเขาจึงได้แต่คิดว่าอีกฝ่ายคงจะพูดจริงและไม่ได้คิดจะเยาะเย้ยเขา

“แบบนั้นแหละ เจ้าคู่ควรกับการเลี้ยงดูของท่านอาจารย์อย่างแท้จริง”

“ขอบพระคุณสำหรับคำชมของท่าน ศิษย์พี่ใหญ่ อย่างไรก็ตาม ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านมาที่ยอดเขาจื่อฉุ่ยเร็วกว่าข้าและติดตามท่านอาจารย์มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ แบบนี้แล้วระดับการฝึกตนของท่านก็จะต้องสูงมากแน่นอน ท่านพอจะช่วยแนะนำข้าสักหน่อยจะได้ไหม?”

หยุนหลี่เกอไอเบาๆ

“อันที่จริง ข้าเองก็กำลังเผชิญปัญหาคอขวดและประสบกับปัญหาบางอย่างอยู่ในช่วงนี้ ดังนั้นเพื่อที่จะไม่ไปขัดขวางการฝึกตนของเจ้า มันก็เป็นการดีที่สุดถ้าเจ้าจะทิ้งคำถามของเจ้าเอาไว้ให้ท่านอาจารย์หลังจากที่เขาออกมาจากสันโดษแล้ว”

ฟางเทียนหยวนกล่าวอย่างกังวลว่า “ข้าเพิ่งจะเริ่มฝึกฝน ถ้าข้ารีบไปหาท่านอาจารย์เพื่อขอคำแนะนำเลยแบบนี้ เขาจะไม่โกรธและคิดว่าพรสวรรค์ของข้านั้นย่ำแย่เกินไปหรอ? ศิษย์พี่ใหญ่ โปรดให้คำแนะนำแก่ข้าด้วย โปรดเมตตาเทียนหยวนด้วย!”

หยุนหลี่เกอรู้สึกว่าเขากำลังถูกกดดันอีกครั้ง แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็มีความต้องการที่จะเอาชนะอีกฝ่ายอย่างอธิบายไม่ถูก

หยุนหลี่เกอสูดหายใจเข้าลึกๆ และพยายามสงบติอารมณ์อย่างเต็มที่

ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็มีแต่จะแพ้หากทั้งสองต่อสู้กัน และหากเป็นเช่นนี้ เขาก็มีแต่จะสร้างความอับอายให้แก่ตนเองเท่านั้น

“ไหนลองบอกปัญหามาก่อน”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฟางเทียนหยวนก็มีความสุข

“ข้าเพิ่งเรียนรู้แค่ขั้นแรกของกายาทองไร้เทียมทาน แต่ข้าก็ไม่สามารถไปถึงขั้นที่สองและควบรวบร่างกายของข้าได้ ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านพอจะช่วยข้าได้ไหม?”

หยุนหลี่เกอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและท่องข้อความจากคัมภีร์จักรพรรดิโกลาหลบรรพกาลของเขา

“ตามคำกล่าวที่ว่า เต๋าอันยิ่งใหญ่ทั้งสามพันรวมกันเป็นหนึ่ง หากเจ้าไร้ซึ่งความคิดที่ทำให้เสียสมาธิ เจ้าก็จะสามารถหลอมรวมสิ่งต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันได้ เจ้าจะสามารถแม้แต่หลอมรวมสรรพสิ่งในโลกเพื่อเปลี่ยนพวกมันให้เป็นหนึ่งเดียวได้…”

ไม่ว่าจะในกรณีใด ฟางเทียนหยวนก็ไม่เคยฝึกฝนคัมภีร์จักรพรรดิโกลาหลบรรพกาลมาก่อน ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่ฟางเทียนหยวนจะรู้ว่าเขาเพียงแค่ท่องข้อความจากเคล็ดวิชาการฝึกตนของเขาออกมาแบบส่งๆ

มันสมบูรณ์แบบสำหรับเขาที่จะใช้มันเพื่อหลอกฟางเทียนหยวน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาพูดจบ ฟางเทียนหยวนก็พึมพำและพูดมันซ้ำไปซ้ำมา เขาเริ่มหลับตาลงอย่างช้าๆ และออร่าในร่างกายของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในไม่ช้า ออร่าพลังสีทองแบบเดียวกันกับก่อนหน้านี้ก็ได้พุ่งออกมาจากร่างกายของเขา

อย่างไรก็ตาม คราวนี้ ออร่าของเขาก็ไม่ได้ติดอยู่แค่กับพื้นผิวร่างกายของฟางเทียนหยวนเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป มันกลับควบแน่นและก่อตัวเป็นร่างยักษ์สีทองที่อยู่ด้านหลังซึ่งสูงกว่าสองเมตร มันปกป้องเขาไว้อย่างมิดชิดและดูทรงพลังอย่างไร้เทียนทาน

หยุนหลี่เกอตกตะลึง ดวงตาของเขาเบิกกว้างและกรามของเขาก็เกือบจะหลุดลงมาจากความกลัว

“เขา… เขาทะลวงสำเร็จแล้ว? ข้าแค่พูดไปเรื่อยเปื่อย แต่เจ้าเด็กเหลือขอคนนี้ก็กลับบุกทะลวงได้จริงๆ หรอเนี่ย เขาไม่ใช่คนปกติแน่ๆ ข้าควรจะรายงานท่านอาจารย์ดีไหมว่าเขาน่าจะเป็นพวกขี้โกง!”

เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไป!

อย่างไรก็ตาม ร่างยักษ์สีทองก็ได้ปรากฏตัวต่อหน้าเขาแล้วจริงๆ

ในขณะนี้ หยุนหลี่เกอก็รู้สึกว่าความเป็นจริงนั้นไร้สาระเกินไป เขายังรู้สึกว่าเขาน่าสงสารมาก

ปรากฎว่าน้องสาวและน้องชายของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าเขาทั้งคู่

และสิ่งที่น่าหัวเราะไปกว่านั้นก็คือ เขากลับต้องการจะชี้แนะและดูแลการฝึกตนของพวกเขา

อันที่จริง เขาต่างหากที่ควรจะเป็นคนขอความช่วยเหลือไม่ใช่หรอ?

หยุนหลี่เกอรู้สึกเหมือนเป็นตัวตลก

ฟางเทียนหยวนค่อยๆ ลืมตาขึ้นด้วยท่าทางมีความสุขและขอบคุณหยุนหลี่เกอในทันที

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของท่าน ศิษย์พี่ใหญ่!”

ใบหน้าของหยุนหลี่เกอกระตุกอย่างรุนแรงก่อนที่เขาจะกระแอมเบาๆ และกล่าวว่า “อะแฮ่ม… ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณความเข้าใจของเจ้าเอง ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าก็จะกลับไปก่อนล่ะ ข้ายังต้องกลับไปฝึกตนอีก ลาก่อน”

“ลา…”

ฟางเทียนหยวนยกมือขวาขึ้นและต้องการจะโบกมือลา อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะเอ่ยคำว่า "ลาก่อน" พี่ชายของเขาก็ได้หันหลังและจากไปเสียแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ความเร็วของเขานั้นก็เร็วมาก เพียงไม่กี่ลมหายใจ เขาก็หายตัวไปจากสายตาของเขาแล้ว

สิ่งนี้ทำให้ฟางเทียนหยวนถอนหายใจออกมา

“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านช่างคู่ควรกับการเป็นศิษย์พี่ใหญ่แห่งยอดเขาจื่อฉุ่ยแห่งนี้จริงๆ ท่านสามารถช่วยข้าฝ่าฟันไปได้ด้วยถ้อยคำเพียงไม่กี่คำ ความแข็งแกร่งดังกล่าวเป็นสิ่งที่ท้าทายสวรรค์จริงๆ!”

“ดูเหมือนว่านิกายอสูรสวรรค์จะเต็มไปด้วยเสือหมอบและมังกรที่ซ่อนอยู่ ข้าไม่สามารถออกจากยอดเขาจื่อฉุ่ยไปได้อย่างง่ายดาย ไม่เช่นนั้นชีวิตของข้าก็จะตกอยู่ในอันตรายได้”

หยุนหลี่เกอที่จากไปแสนไกลเริ่มเดินเซและเกือบจะสะดุดล้ม

เขาทนแบกรับความเจ็บปวดไว้ในใจและรีบวิ่งไปที่บ้านของเขา

คราวนี้ถ้าเขาไม่ฝึกฝนให้อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจได้ เขาก็จะไม่ยอมออกนอกบ้านแน่

อันดับแรก เขาตั้งเป้าหมายเล็กๆ ก่อน เขาจะฝึกจนไปถึงขอบเขตวิญญาณขั้นห้าในหนึ่งเดือนและไปถึงขอบเขตภูผาสมุทรในหนึ่งปี จากนั้นเขาก็จะแซงหย้าศิษย์น้องทั้งสองของเขาในห้าปี

ในอีกด้านหนึ่ง ลู่เสี่ยวหรันก็กำลังแยกแยะสถานการณ์และข้อมูลในปัจจุบัน

“ขณะนี้ ฉันก็ได้รับลูกศิษย์มาแล้วทั้งหมดสามคน และทั้งสามคนก็ต่างมีปมปัญหาที่รุนแรง การปรองดองและสงบศึกนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เราทำได้แค่สู้เท่านั้น”

นี่เป็นเพราะว่าต่อให้เขาจะสามารถเกลี้ยกล่อมให้หยุนหลี่เกอและคนอื่นๆ สงบลงได้ แต่พวกศัตรูของพวกเขาก็จะไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปอย่างง่ายดายแน่นอน

ท้ายที่สุดแล้ว พวกขี้โกงเหล่านี้ก็ยังเป็นตัวปัญหาอยู่ดี!

สิ่งที่ทรงพลังที่สุดเกี่ยวกับพวกขี้โกงเหล่านี้ก็คือโชคของพวกเขา มันเกือบจะเป็นชะตากรรมที่ไม่สามารถหาถ้อยคำมาอธิบายได้ หากคนธรรมดาไม่มีโชคเพียงพอและเผลอไปยั่วยุพวกเขาเข้าโดยไม่เจตนา ไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่พวกเขาก็จะต้องถูกฆ่าในท้ายที่สุด

นอกจากนั้น มันก็ยังมีปัญหาอื่นๆ อีก แน่นอนว่าพวกขี้โกงเหล่านี้มันจะต้องมีเพื่อนพ่อแม่พี่น้องคอยหนุนหลังอยู่แน่นอน

เพราะฉะนั้นแล้ว หากจะกำจัดพวกขี้โกงเหล่านี้ให้สิ้นซาก เขาก็จะต้องจัดการกับพวกคนที่เกี่ยวข้องที่เหลือด้วย

และนอกจากนี้ มันก็ยังเป็นไปได้ด้วยซ้ำว่าพวกขี้โกงเหล่านี้อาจจะได้รับการสนับสนุนจากจักรพรรดิในตำนานที่ยังไม่ตายสนิทและกลับชาติมาเกิดใหม่

สัตว์ประหลาดโบราณเหล่านี้อาจยังไม่ได้ฟื้นคืนการฝึกตนที่จุดสูงสุดของพวกมัน แต่พวกมันก็ยังมีเคล็ดวิชาลับบางอย่างที่จะช่วยให้พวกมันสามารถฟื้นคืนการฝึกตนที่จุดสูงสุดได้ในเวลาอันสั้น

ในทางกลับกัน ศิษย์โง่ๆ ทั้งสามคนนี้ก็มีเพียงลู่เสี่ยวหรันที่เป็นอาจารย์เท่านั้น นอกจากเขาแล้ว พวกเขาก็ไม่มีผู้สนับสนุนอื่นอีกเลย!

นอกจากนี้ แม้ว่าศิษย์ทั้งสามคนนี้จะมีพรสวรรค์ในการไปถึงขอบเขตราชันยุทธ์ได้ แต่โดยพื้นฐานแล้ว พวกขี้โกงที่เป็นศัตรูของพวกเขาเองก็มีพรสวรรค์ถึงขั้นนั้นเช่นเดียวกัน!

เนื่องจากทั้งสามคนมีเคล็ดวิชาการฝึกตนขอบเขตราชันยุทธ์ชั้นยอด ดังนั้นพวกขี้โกงเหล่านั้นเองก็อาจจะมีเคล็ดวิชาการฝึกตนขอบเขตราชันยุทธ์ชั้นยอดด้วยเช่นกัน

ทั้งสามคนอาจจะฝึกตนเร็วมาก แต่พวกขี้โกงก็ยังอาจจะฝึกตนเร็วกว่า

พวกขี้โกงสามารถเก็บสมบัติธรรมชั้นยอดที่หายากหรือแม้แต่สมบัติธรรมชาติจากบนถนนได้อย่างสบายๆ มันเป็นไปได้สำหรับพวกเขาที่จะก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในทันที สิ่งนี้มันง่ายพอๆ กับการดื่มน้ำ

และโดยพื้นฐานแล้ว พวกเขาก็สามารถได้รับอาวุธขอบเขตราชายุทธ์ได้โดยใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อยหรืออาจไม่ใช้เลย

พวกเขายังสามารถต่อสู้กับผู้ฝึกตนคนอื่นๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่ว่าจะในกรณีใด พวกเขาก็จะแข็งแกร่งกว่าตัวร้ายเสมอ

ลู่เสี่ยวหรันกุมขมับของเขาอย่างเป็นกังวล

“เวร!”

เขาแทบจะพูดได้เลยว่าเขากำลังสู้เสือมือเปล่า โดยพื้นฐานแล้ว มันก็ไม่ต่างอะไรไปจากการใช้หนังสติ๊กเพื่อต่อสู้กับคนที่ถือ AK47

ใครมันจะไปชนะได้?

อย่างไรก็ตาม ลู่เสี่ยวหรันก็จะไม่ยอมนั่งอยู่เฉยๆ แน่

มันไม่มีคำว่า "รอความตาย" ในพจนานุกรมของเขา

ด้วยเหตุนี้เอง ลู่เสี่ยวหรันจึงหายใจเข้าลึกๆ และเริ่มเขียนบนกระดาษข้างหน้าเขา

กลยุทธ์หลักในการจัดการกับพวกขี้โกงก็คือ รหัส: อเวนเจอร์ส รวมพล!

5 1 โหวต
Article Rating
2 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด