ตอนที่แล้วบทที่ 26: ทำไมคนรับกรรมถึงเป็นข้า?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 28: ข้ามันตัวตลก

บทที่ 27: ลูกศิษย์อันดับหนึ่ง


บทที่ 27: ลูกศิษย์อันดับหนึ่ง

“เอ่อ… นั่นไม่จำเป็น ข้าพอใจกับที่มีอยู่แล้ว”

“เจ้าไม่ต้องการภูเขาที่สูงกว่านี้หรอ? ถ้าอย่างนั้นเจ้าต้องการคู่เต๋าหรือไม่? เส้นทางแห่งการฝึกตนนั้นยาวไกล การหาคู่ครองจะสามารถชดเชยความเบื่อหน่ายและความว่างเปล่าได้มาก เจ้ามีผู้อาวุโสหรือศิษย์ในนิกายที่เจ้าต้องการหรือเปล่า? ข้าสามารถเป็นพ่อสื่อให้เจ้าได้นะ”

“เอ่อ… นั่นก็ไม่จำเป็นอีกนั่นแหละ ข้ายังเด็กและไม่ต้องการจะหาคู่ครองในตอนนี้”

“หึๆ ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าจะสามารถบรรลุผลลัพธ์เช่นนี้ได้ เจ้าฝึกฝนอย่างมุ่งมั่นและไม่มีความคิดที่วอกแวก ด้วยทัศนคติของเจ้า ข้าก็ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าจะเก่งกาจได้ถึงขนาดนี้ เอาล่ะ เพื่อเป็นรางวัลแก่เจ้า ข้าได้ตัดสินใจจะเลื่อนขั้นเจ้าและเชิญเจ้าเข้าร่วมสมาคมผู้อาวุโสของนิกายอสูรสวรรค์”

ปากของลู่เสี่ยวหรันกระตุก

ผู้นำนิกายพยายามอย่างมากที่จะให้รางวัลแก่เขา

มันมีผู้อาวุโสมากมายในนิกายอสูรสวรรค์ แต่ทุกคนก็ไม่สามารถเข้าสู่สมาคมผู้อาวุโสได้ สถานะของมันเทียบเท่ากับหอเกียรติยศ มันมีเพียงผู้อาวุโสที่โดดเด่นที่สุดในนิกายเท่านั้นที่มีคุณสมบัติพอจะเข้าสู่สมาคมผู้อาวุโส

หลังจากเข้าสู่สมาคมผู้อาวุโสแล้ว ผลประโยชน์ทุกประเภทรวมทั้งสถานะของตนก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก

และที่สำคัญที่สุด สมาชิกทุกคนในสมาคมผู้อาวุโสจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้อาวุโสสูงสุดโดยตรงหลังจากที่ผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันเสียชีวิตหรือเกษียณอายุ”

จากสิ่งนี้ จะเห็นได้ว่าผู้นำนิกายจงใจมอบรางวัลให้เขามากเพียงใด

“ขอบคุณท่านผู้นำนิกาย”

หลังจากเข้าสู่สมาคมผู้อาวุโส ลู่เสี่ยวหรันก็จะไม่ถือว่าเป็นศิษย์อีกต่อไป

ผู้นำนิกายโบกมือและหัวเราะ

“ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากหรอก ถ้าเจ้าต้องการอะไรในอนาคต เจ้าก็บอกข้ามาได้เลย ตราบใดที่มันอยู่ในความสามารถของนิกาย ข้าก็จะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังแน่นอน”

“ขอบพระคุณท่านผู้นำนิกายอีกครั้ง”

“เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้ก่อน ท่านผู้อาวุโส แยกย้ายกันไปได้”

“ข้าขอตัวลา ท่านผู้นำนิกาย”

ทุกคนโค้งคำนับและผู้นำนิกายก็จากไปพร้อมกับรอยยิ้ม คนอื่นๆ เดินไปข้างหน้าเพื่อแสดงความยินดีกับลู่เสี่ยวหรันในทันที

“ยินดีด้วย ผู้อาวุโสลู่ ยินดีด้วย”

“ขอแสดงความยินดีกับผู้อาวุโสลู่ด้วยสำหรับการเข้าสู่สมาคมผู้อาวุโส”

คำเยินยอทุกชนิดพุ่งเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง ลู่เสี่ยวหรันยิ้มและตอบกลับพวกเขาทีละคน

ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน หากคุณได้เลื่อนตำแหน่งและร่ำรวยขึ้นมา คุณก็จะดึงดูดกลุ่มคนขี้ประจบกลุ่มใหญ่อย่างแน่นอน

ลู่เสี่ยวหรันรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี ในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ดีว่าเหตุใดผู้นำนิกายจึงให้ความสำคัญกับเขามาก

นั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายกลัวว่าเขาจะถูกล่อลวงและลักพาตัวไปโดยนิกายอื่นเพราะพรสวรรค์ของเขาในการจัดตั้งค่ายกล นี่คือเหตุผลที่ผู้นำนิกายต้องการที่จะปฏิบัติต่อเขาให้ดีขึ้น

ท้ายที่สุดแล้ว ทุกคนในโลกนี้ต่างก็ทำสิ่งต่างๆ ด้วยเหตุผลที่เห็นแก่ตัว

โชคดีที่ลู่เสี่ยวหรันได้เปิดเผยความแข็งแกร่งของเขาเพียง 50% เท่านั้น เขายังออมแรงเอาไว้อยู่ 50% ในอนาคต ความแข็งแกร่งที่เหลืออยู่นั้นก็จะช่วยให้เขาคิดแผนสำรองได้

หลังจากกลับมาที่ยอดเขาจื่อฉุ่ยแล้ว ลู่เสี่ยวหรันก็ได้ปิดค่ายกลผนึกสวรรค์แปดทิศทันที

แค่ค่ายกลที่ปกป้องนิกายก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขากลายเป็นผู้ดำรงอยู่ในจุดสูงสุดในนิกายอสูรสวรรค์ ดังนั้นหากเรื่องราวของค่ายกลผนึกสวรรค์แปดทิศนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ใครจะไปรู้ว่ามันจะก่อให้เกิดปัญหามากเพียงใด?

ไม่ว่าจะในกรณีใด ลู่เสี่ยวหรันก็ทำเพียงแค่ปิดและไม่ได้ถอนออก ถ้าเขาต้องการเปิดใช้มัน เขาก็สามารถทำได้ในพริบตา

เมื่อเขากลับไปที่ภูเขา หยุนหลี่เกอซึ่งเพิ่งฝึกฝนเสร็จก็รีบออกมาต้อนรับเขาในทันที

“ทำความเคารพท่านอาจารย์!”

ลู่เสี่ยวหรันพยักหน้าและมองไปที่ลูกศิษย์ของเขา เขาค่อนข้างโล่งใจ

“เจ้าก้าวหน้าอีกแล้วหรอ”

หยุนหลี่เกอตอบกลับด้วยความเคารพ “ท่านอาจารย์ ศิษย์เพิ่งจะเข้าสู่ขอบเขตวิญญาณขั้นสี่เท่านั้น”

“ดีมาก”

ลู่เสี่ยวหรันสามารถสัมผัสได้ว่าการฝึกตนในร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่นั่นก็ยังไม่ถึงกับทำให้เขาเลื่อนขั้นได้ เขายังคงอยู่ที่ขอบเขตสูญสลายขั้นเจ็ด

ศิษย์ทุกคนของเขาคือมังกรและฟีนิกซ์ในหมู่มวลมนุษย์ ตราบใดที่เขาดูแลพวกเขาอย่างดี พวกเขาก็จะไปถึงขอบเขตราชันยุทธ์ได้อย่างแน่นอนในอนาคต

ขณะเดียวกัน เขาก็ไม่รู้ว่าระดับการฝึกตนของเขาจะแข็งแกร่งเพียงใดในเวลานั้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ยิ่งเขามีศิษย์มากเท่าไร ลู่เสี่ยวหรันก็จะยิ่งมีปัญหามากขึ้นเท่านั้น

แม้ว่าหยุนหลี่เกอและคนอื่นๆ จะยังฟังคำสั่งของเขาและไม่ออกไปแก้แค้น แต่มันก็ใช่ว่าพวกตัวปัญหาเหล่านั้นจะปล่อยพวกเขาไป

ลู่เสี่ยวหรันไม่สามารถปล่อยให้พวกตัวปัญหาเหล่านั้นมาฆ่าศิษย์อันล้ำค่าของเขาตามอำเภอใจได้

ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงต้องเตรียมการล่วงหน้าและคิดหาวิธีแก้ไขพวกขี้โกงเหล่านั้น

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ลู่เสี่ยวหรันก็ได้โยนกองยาแก่นพลังให้กับหยุนหลี่เกอ

“นี่คือยาแก่นพลัง 5,000 เม็ด มอบมันให้กับศิษย์น้องหญิงและศิษย์น้องเล็กที่ข้าเพิ่งรับเข้ามาซะ พวกมันจะช่วยเพิ่มความเร็วในการฝึกตนของพวกเจ้าทั้งสามคน”

“ท่านอาจารย์รับลูกศิษย์มาเพิ่มอีกคน?”

ลู่เสี่ยวหรันพยักหน้า

“ใช่แล้ว เขาชื่อฟางเทียนหยวนและเขาก็เป็นศิษย์น้องของเจ้า ข้าจะเข้าสู่สันโดษและวางแผนอะไรบางอย่าง ในช่วงเวลานี้ พวกเจ้าทั้งสามก็ต้องฝึกตนให้ดีและอย่ามารบกวนข้าถ้าไม่จำเป็น”

“ รับทราบ!

ลู่เสี่ยวหรันเดินเข้าไปในบ้านของเขา และดวงตาของหยุนหลี่เกอก็สั่นเทาในขณะที่ความคิดของเขาเริ่มทำงาน

“ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน ท่านอาจารย์ก็ได้คัดเลือกศิษย์เพิ่มขึ้นมาอีกสองคน ด้วยอัตรานี้ สถานะของข้าในดวงใจของท่านอาจารย์ก็จะตกอยู่ในอันตราย”

“ไม่ได้การ ในฐานะศิษย์พี่ใหญ่แห่งยอดเขาจื่อฉุ่ย ข้าจะถูกอาจารย์ทอดทิ้งได้อย่างไร? ข้าต้องกลายเป็นศิษย์ที่ดีที่สุด!”

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หยุนหลี่เกอก็ตั้งสมาธิ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินไปที่บ้านของจื่ออู๋เซีย

เขาได้ตัดสินใจว่าในขณะที่เขาฝึกตนอย่างขยันขันแข็ง เขาก็จะช่วยและดูแลศิษย์น้องหญิงและศิษย์น้องชายของเขาให้ฝึกตนให้ดีและกลายเป็นศิษย์พี่ใหญ่ที่มีคุณสมบัติ

ในเวลานั้น อาจารย์ของเขาก็จะต้องรู้สึกประทับใจอย่างยิ่งที่ได้เห็นเขาช่วยแบ่งปันภาระ

เขาบอกกับตัวเองว่าเขาจะต้องเป็นลูกศิษย์ที่ไว้ใจได้ที่สุดของอาจารย์ตลอดไป ไม่ว่าอาจารย์ของเขาจะรับลูกศิษย์เข้ามาอีกสักกี่คนก็ตาม

ในไม่ช้า เขาก็มาถึงประตูห้องของจื่ออู๋เซียและเคาะ

“ศิษย์น้องหญิงอยู่ไหม?”

วินาทีถัดมา จื่ออู๋เซียเปิดประตูและคำนับเขาทันที

“ศิษย์พี่ ท่านมาที่นี่ทำไม?”

หยุนหลี่เกอเดิมไขว้มืออยู่ข้างหลัง แต่เมื่อเขาเห็นจื่ออู๋เซีย เขาก็ใช้มือข้างหนึ่งหยิบขวดยาที่มียาแก่นพลังออกมา

“อู๋เซี่ย นี่คือยาแก่นพลังที่ข้าได้รับมาจากอาจารย์เพื่อใช้ช่วยเจ้าในการฝึกตน”

“เข้าใจแล้ว ขอบคุณนะพี่ชาย”

จื่ออู๋เซียรับเม็ดยาด้วยความขมขื่น แต่เธอก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจของเธอ

ยาแก่นพลัง 1,500 เม็ด!

ท่านอาจารย์ใจดีกับเธอมากจริงๆ!

หากอยู่ในพระราชวังจักรพรรดิสันติราชา แม้ว่าเธอจะเป็นทายาทโดยชอบธรรม แต่มันก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะได้รับการดูแลเช่นนี้

หลังจากให้ยาแล้ว เขาก็เอามือกลับไปไขว้หลังอีกครั้ง

จากนั้น เขาก็พูดด้วยท่าทางเคร่งขรึมว่า “ศิษย์น้องหญิง อาจารย์ทำงานหนักเพื่อเราจริงๆ… เขาแม้กระทั่งลืมกินลืมนอน เราไม่สามารถตอบแทนน้ำใจของเขาได้ เราทำได้เพียงฝึกตนอย่างหนักเพื่อตอบแทนเขา”

การแสดงออกของจื่ออู๋เซียกลายเป็นจริงจังในขณะที่เธอพูดตอบกลับ “ศิษย์พี่ใหญ่พูดถูก”

หยุนหลี่เกอพยักหน้าอย่างชอบธรรมและพูดต่อทันทีว่า “เจ้าได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาเก้าฟีนิกซ์เปลี่ยนรูปมาเป็นเวลานานแล้วใช่ไหม? การฝึกตนของเจ้าก้าวหน้าไปไกลแค่ไหนแล้ว? ท้ายที่สุดแล้ว ท่านอาจารย์ก็ได้มอบเคล็ดวิชาการฝึกตนขอบเขตราชันยุทธ์ให้กับเจ้าและมอบยาแก่นพลังจำนวนมากให้… ไม่ต้องพูดถึงยาแก่นพลังครั้งนี้ที่เขามอบให้เพิ่มเลย”

ใบหน้าของจื่ออู๋เซียแข็งทื่อ จากนั้นมันก็เผยให้เห็นถึงความละอาย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด