ตอนที่แล้วผมอะตัวร้ายในโนเวล ตอนที่ 6
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปผมอะตัวร้ายในโนเวล ตอนที่ 8

ผมอะตัวร้ายในโนเวล ตอนที่ 7


ผมอะตัวร้ายในโนเวล ตอนที่ 7

เขาประคองซูเสี่ยวคุนไม่ให้อีกฝ่ายล้มลงกับพื้น

ตอนนี้ซูเสี่ยวคุนยังคงมีสติอยู่ หากแต่สีหน้าของเขาค่อนข้างซีดเซียว ริมฝีปากของเขาสั่นเบาๆและลมหายใจก็หนักหน่วงขึ้นเนื่องจากสภาพร่างกายอันอ่อนแอของเขา

ซูชิงจู้วิตกกังวล แต่เธอก็รีบสงบสติและบอกกับสาวใช้ว่า "รีบไปเชิญหมอหวงมาเร็ว!"

หมอหวงก็คือแพทย์ประจำตัวของซูเสี่ยวคุน เขาเป็นหมอที่มีชื่อเสียงของเหยียนจิง

เพราะซูเสี่ยวคุนมีสุขภาพอ่อนแอมาแต่ไหนแต่ไร ดังนั้นเขาจึงได้จ้างหมอฝีมือดีมาคอยดูแลเป็นการส่วนตัว

แต่กว่าหมอหวงจะมาถึง นั่นก็ต้องใช้เวลาสักพัก หมอหวงพักอาศัยอยู่ห่างจากที่นี่ประมาณสิบนาทีหากเดินทางด้วยรถยนต์

หากเป็นสถานการณ์ปกติ เพียงสิบนาทีนั้นก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่เผชิญกับช่วงเวลาวิกฤตของชีวิต เพียงสิบนาทีก็อาจจะพรากชีวิตหนึ่งไป

เย่เฟยรีบพูดขึ้นว่า "นั่นช้าเกินไป พาคุณปู่ไปนอนบนโซฟาก่อน ผมจะดูอาการเขาเอง!"

ขณะพูด เย่เฟยก็คว้าข้อมือของซูเสี่ยวคุนมาตรวจชีพจร

ทักษะการแพทย์ของเย่เฟยเวลานี้อยู่ในระดับสูงตามการจัดอันดับของระบบ นั่นหมายความว่าเขามีทักษะแพทย์ไม่ด้อยไปกว่าเฉินหลัวซึ่งเป็นตัวเอก

ในตอนนี้ แม้แต่หมอที่เลื่องชื่อของเหยียนจิงก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาด้วยซ้ำ!

"ห้ะ? นาย!?" ซูชิงจู้ไม่อาจทำใจเชื่อ

เย่เฟยต้องการจะรักษาคุณปู่ของเธอ?

เขาจะรักษาปู่ของเธอได้เหรอ?

ซูชิงจู้ไม่เคยได้ยินว่าเย่เฟยมีความสามารถในด้านการแพทย์มาก่อน ดังนั้นในใจจึงเกิดความลังเล

เย่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย ปากก็พูดว่า "นี่เป็นเรื่องความเป็นความตาย ทำตามที่ผมบอก"

เย่เฟยไม่ใช่คนใจจืดใจดำ อีกทั้งซูเสี่ยวคุนก็ปฏิบัติต่อเขาด้วยดี ไม่ว่าในทางส่วนตัวหรือส่วนรวม เขาจะต้องทุ่มเทความสามารถเพื่อช่วยปู่ซูไว้ให้ได้

เขาค่อยๆกดหน้าอกบริเวณหัวใจของซูเสี่ยวคุนเบาๆก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น 'ชีพจรอ่อน หายใจลำบาก แขนขาเย็นเฉียบ เป็นภาวะหัวใจล้มเหลว'

เย่เฟยรีบประเมินอาการ "จะต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน ไม่อย่างนั้นจะเป็นอันตรายถึงชีวิต"

ซูชิงจู้ใจเต้นแรงด้วยความตกใจ

พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเด็ก คงเหลือแค่ปู่ที่สนิทสนมกับเธอที่สุด หากมีอะไรเกิดขึ้นกับปู่ของเธอ นี่จะเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างแน่นอน

ตอนนี้ซูชิงจู้ไม่สนใจอะไรอีก เธอทำได้แค่เชื่อฟังคำพูดของเย่เฟย

เย่เฟยวางซู่เสี่ยวคุนไว้บนโซฟา จากนั้นจึงหยิบกล่องไม้เล็กๆออกมาจากแขนเสื้อ

ภายในกล่องไม้มีเข็มเงินสำหรับการฝังเข็มอยู่หนึ่งชุด

นี่เป็นสิง่ที่เย่เฟยได้ทำการจัดเตรียมไว้ล่วงหน้า

"คัมภีร์เน่ยจิง" มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า "ตำราฝังเข็ม" ซึ่งเน้นไปที่การศึกษาการฝังเข็มตามเส้นชีพจรต่างๆของมร่างกาย

ดังนั้นเย่เฟยจึงพกพากล่องเข็มเงินไว้กับตัว ซึ่งมันก็สะดวกมาก

"ฝังเข็ม?" ซูชิงจู้ตกตะลึงเมื่อเห็นเข็มเงินในกล่องไม้ที่เย่เฟยนำออกมา

ธุรกิจหลักของตระกูลซูก็คือ ยาและเครื่องสำอาง ซูชิงจู้เองก็คุ้นเคยกับการฝังเข็ม ดังนั้นเธอจึงรู้สึกตกใจเมื่อพบว่าเย่เฟยนั้นพกพาเข็มเงินไว้กับตัวด้วย

เขารู้วิธีฝังเข็มด้วย?

เย่เฟยไม่ได้สนใจซูชิงจู้ขณะที่ความสนใจทั้งหมดของเขาทุ่มเทไปที่ปู่ซู เขาค่อยๆหยิบเข็มเงินออกมาเข็มหนึ่ง

เข็มเงินนี้ได้รับการฆ่าเชื้อมาก่อนแล้ว นิ้วเรียวยาวของเย่เฟยบีบปลายเข็มด้านหนึ่งไว้ นิ้วของเขาบิดเล็กน้อยขณะที่จิ้มเข็มเงินไปยังตำแหน่งเน่ยกวนของซูเสี่ยวคุนเป็นลำดับแรก

จุดเน่ยกวนจะอยู่ห่างจากเส้นข้อมือตรงตำแหน่งระหว่างเอ็นทั้งสอง โดยห่างจากเส้นข้อมือประมาณสองนิ้ว

จุดเน่ยกวนเป็นจุดสำคัญทางการแพทย์เพื่อขยายหน้าอก ระงับอาการคลื่นไส้อาเจียน ทำให้โลหิตไหลเวียนไปยังหัวใจได้ดีขึ้น กล่าวได้ว่ามันก็คือยาคลายกล้ามเนื้อหัวใจที่ติดมาพร้อมกับร่างกาย

ไม่เพียงแต่จุดเน่ยกวนเท่านั้น แต่เย่เฟยยังใช้เข็มอย่างรวดเร็ว แม่นยำ ปักลงด้วยที่ความลึกแตกต่างกันอย่างมั่นคงที่จุดฝังเข็มอื่นๆ

จุดหลาวกง!

จุดจื้อหยาง!

จากจุดฝังเข็มทั้งสองจุดนี้ จุดหนึ่งเพื่อบรรเทาความดันโลหิตสูง และอีกจุดหนึ่งเพื่อบรรเทาการหายใจลำบาก

จุดเหอกู่ จุดกวนหยวน......

เย่เฟยใช้เข็มเงินไปทั้งหมด 16 เข็ม หลังจากปักเข็มแล้ว เขาก็ค่อยๆหมุนเข็มเบาๆเพื่อทำให้อุณหภูมิในร่างกายของซูเสี่ยวคุนสูงขึ้น เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น

เทคนนิคการฝังเข็มของเย่เฟยนั้นบรรยายได้เพียงรวบรัดหมดจด น่าทึ่งราวกับกำลังร่ายมนต์

นี่คือการฝังเข็มที่สืบทอดมาจาก "คัมภีร์เน่ยจิง" เรียกว่า "อี้มู่ เซินเจิ้น"

เย่เฟยมุ่งมั่นอยู่กับการรักษาโดยไม่ปล่อยให้มีสิ่งใดมารบกวนจิตใจ

หลังจากเย่เฟยปักเข็มได้ครู่หนึ่ง สีหน้าของซูเสี่ยวคุนที่เคยซีดเซียวก็เริ่มมีเลือดฝาด การหายใจอันอ่อนแรงก่อนหน้าก็ค่อยๆมั่นคงขึ้น

"เสี่ยวเฟย นี่เธอ....." แม้ว่าเมื่อครู่ซูเสี่ยวคุนจะหน้ามืดไป แต่เขาก็ยังคงมีสติ ดังนั้นจึงรู้ว่าเย่เฟยได้ช่วยเขาเอาไว้

เย่เฟยเอ่ยเตือนซูเสี่ยวคุน "คุณปู่ซู อย่าเพิ่งครับ ตอนนี้ให้ความร่วมมือกับการรักษาก่อน"

ซูเสี่ยวคุนพยักหน้า เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาค่อยๆดีขึ้น

แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ซูเสี่ยวคุนก็กำลังอ่อนแอ ยากจะพูดอะไรได้มาก

ซูชิงจู้ที่ยืนดูอยู่ด้านข้างสูดหายใจจนหน้าอกของเธอยกขึ้นเมื่อเห็นว่าปู่ของเธอได้สติกลับมาแล้ว ถึงอย่างนั้นในใจของเธอก็ยังคงกังวลอยู่

พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตก่อนวัยอันควร และญาติที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวของเธอก็คือปู่ซู

หากปู่ของเธอเกิดเป็นอะไรขึ้นมา นั่นจะต้องเป็นหายนะสำหรับเธออย่างแน่นอน

ต้องขอบคุณเย่เฟย เธอคิดไม่ถึงว่าเขาจะมีความสามารถในการรักษาผู้คนด้วย ไม่เพียงแต่สามารถรักษาเท่านั้น แต่ฝีมือของเขายังเก่งมากอีกด้วย

เทคนิคการฝังเข็มของเขาลื่นไหลและแม่นยำ แม้แต่หมอหวงก็อาจจะสู้เขาไม่ได้ด้วยซ้ำ

ซูชิงจู้เม้มริมฝีปากก่อนจะพูดออกมาด้วยความจริงใจ "เย่เฟย โปรดช่วยคุณปู่ด้วย ฉันขอร้อง!"

ท่าทางเย็นชาในยามปกติของเธอพังทลายลง นี่นับเป็นครั้งแรกที่เธอพูดกับเย่เฟยด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนเช่นนี้

เย่เฟยไม่ได้ตอบอะไร

เขากำลังง่วนอยู่กับการฝังเข็มโดยตัดขาดจากสภาพแวดล้อมภาพนอกโดยสิ้นเชิง

ประมาณสิบนาทีต่อมา การฝังเข็มก็เสร็จสิ้น ในที่สุดเย่เฟยก็สามารถผ่อนคลายได้แล้ว เขาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาใช้ "คัมภีร์เน่ยจิง" เพื่อรักษาคน แต่แม้จะเป็นครั้งแรก แต่เย่เฟยก็ยังสงบนิ่งและไม่ได้ทำให้เกิดข้อผิดพลาดแต่อย่างใด

ในการรักษาคนนั้น ความสงบและมั่นคงนับเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก

ซึ่งการรักษาในครั้งนี้ เย่เฟยก็สามารถทำได้ดีทีเดียว

สีหน้าของซูเสี่ยวคุนค่อยๆกลับมาเป็นปกติ ในที่สุดลมหายใจของเขาก็กลับมามั่นคงตามเดิม

"คุณปู่ซู ตอนนี้คุณปู่พ้นขีดอันตรายแล้วครับ แต่ดูเหมือนว่าคุณปู่จะเป็นโรคนี้มาสักระยะหนึ่งแล้ว นี่เป็นอาการของภาวะหัวใจล้มเหลว" เย่เฟยอธิบาย

ซูเสี่ยวคุนพยักหน้าช้าๆ เขาเหลือบมองเย่เฟยก่อนจะตอบว่า "เสี่ยวเฟย ครั้งนี้ต้องขอบคุณเธอที่ช่วยชีวิตชายชราคนนี้ไว้ ไม่อย่างนั้นเกรงว่าฉันคงแย่แน่"

"ด้วยความยินดีครับ ไม่ใช่เรื่องลำบากอะไร" เย่เฟยตอบ

ภาวะหัวใจล้มเหลวไม่ใช่อาการเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆ แต่เป็นโรคอันตรายร้ายแรง

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง สาวใช้ก็นำยามาให้ซูเสี่ยวคุน ซึ่งหลังจากเขากินเข้าไป ท่าทางของเขาก็ดูดีขึ้นมาก

เมื่อเห็นว่าปู่ของเธอกลับมาเป็นปกติแล้ว ในที่สุดเธอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นเธอจึงหันมาพูดกับเย่เฟย "เย่เฟย ขอบคุณนะ"