ตอนที่แล้วบทที่ 16: ผ่อนคลาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 18: ค่ายกลเคลื่อนย้าย

บทที่ 17: ความแข็งแกร่งที่มากเกินไป


บทที่ 17: ความแข็งแกร่งที่มากเกินไป

เมื่อได้ยินชื่อนี้ ใบหน้าของลู่เสี่ยวหรันก็กระตุกอย่างรุนแรงในทันที

สถานที่แห่งนั้นมัน...

“เจ้าบ้าไปแล้วหรอ เจ้ากล้าไปที่นั่นได้อย่างไร ถ้าเจ้าติดเชื้อออร่ามารมา ไม่ว่าการฝึกตนของเจ้าจะสูงสักแค่ไหน แต่มันก็จะไร้ประโยชน์”

ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่กลัวว่าจะติดเชื้อออร่ามาร ออร่าอันชั่วร้ายนี้เป็นเหมือนกับยาพิษและปรสิตที่เกาะติดกับกระดูก มันจะค่อยๆ เติบโตในร่างกายของมนุษย์และในที่สุดมันก็จะส่งผลต่อจิตใจ

ไม่ว่าระดับการฝึกตนของคุณจะสูงสักแค่ไหน แต่คุณก็จะค่อยๆ กลายเป็นปีศาจและฆ่าผู้คนรอบข้างอย่างไม่เลือกหน้า

ในอาณาจักรโจวอันยิ่งใหญ่ ผู้ที่ติดเชื้อจากออร่ามารก็จะถูกบังคับให้เข้ารับการบำบัดอย่างเข้มข้นในทันทีและได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ด้วยเคล็ดวิชาการฝึกตน

ในขณะเดียวกัน คนที่ไม่ได้รับการชำระอย่างถูกต้องก็จะต้องถูกฆ่าโดยทันที มันไม่มีที่ว่างให้สำหรับพูดคุย

เหล่าเทพธิดาไม่ใช่เพียงพวกเดียวที่สามารถแพร่เชื้อออร่ามารได้ อย่างไรก็ตาม เหล่าเทพธิดาก็เป็นพวกที่มีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายที่สุด

“จะกลัวอะไร? เจ้าคิดว่ากลุ่มอาคาเซียเป็นนิกายไก่ฟ้าหรอ? พวกเขาเป็นนิกายขนาดใหญ่ที่มีกิ่งก้านสาขามากมายกระจายอยู่ทั่วอาณาจักรโจวอันยิ่งใหญ่ พวกเขามีชื่อเสียงที่ดีมาก เหล่าเทพธิดาภายในนั้นเองก็อยู่มาเป็นร้อยปีแล้วและนิกายของพวกเขาก็ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับต้นๆ ของนิกายสตรีในอาณาจักรโจวอันยิ่งใหญ่ พวกนางทำเพียงแค่นวดเท้าเท่านั้น พวกนางไม่ใช่แบบที่เจ้าคิด”

“แต่ยังไงซะเราก็ยังคงต้องให้ผู้อาวุโสของนิกายตรวจสอบค่ายกลก่อน”

“ข้าจะให้ลูกศิษย์เป็นคนรายงาน เราสองคนทำงานกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยมาเดือนกว่าแล้ว เราควรออกไปสนุกกันได้แล้ว แค่นี้พวกเขาคงจะไม่ว่าอะไรหรอก และยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้ข้าจะเลี้ยงเอง คืนนี้เราจะต้องได้สาวที่ดีที่สุด”

ลู่เสี่ยวหรันกำลังจะปฏิเสธ แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงที่ไพเราะของหวังไฉ่ดังขึ้นในใจของเขา

[ นายท่าน ฉันพบอัจฉริยะระดับ SSS อยู่ใกล้ๆ กับกลุ่มอาคาเซีย ]

“เวรเอ้ย!”

มันเป็นอัจฉริยะระดับ SSS!

ต้องรู้ว่าแม้แต่องค์หญิงแห่งอาณาจักรโจวอันยิ่งใหญ่ จื่ออู๋เซียก็ยังเป็นเพียงอัจฉริยะระดับ SS

บัดสบ สิ่งนี้ทำให้เลือดของลู่เสี่ยวหรันเดือด

“หวังไฉ่ แกสามารถใช้การนำทางวิญญาณและพาอีกฝ่ายมาที่นี่ได้ไหม?”

[ ขณะนี้อีกฝ่ายกำลังถูกไล่ล่าและอาจจะตายก่อนมาถึง ]

“…”

“ผู้อาวุโสลู่เป็นอะไรไป?”

หลี่เต๋าหรันรู้สึกประหลาดใจและงงงวย

เขาคิดว่าลู่เสี่ยวหรันถูกกระตุ้นโดยการสนทนาของพวกเขา

ลู่เสี่ยวหรันส่ายหัวและหยิบเหรียญออกมา

“ชั่งมันเถอะ ให้ศิษย์ของเจ้ามอบเหรียญตราเหล่านี้ให้กับพวกผู้อาวุโส ด้วย หากปราศจากมัน พวกศิษย์ทั้งหมดก็จะไม่สามารถเดินผ่านค่ายกลเข้ามาในนิกายได้”

จากนั้นเขาก็จากไปอย่างรวดเร็ว หลี่เต๋าหรันมองไปที่เหรียญตราในมือของเขาและหัวเราะ

“ผู้อาวุโสลู่ เจ้ายังแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาอยู่อีกหรอ ท้ายที่สุดแล้ว เจ้ากลับเป็นคนที่อยากไปมากกว่าข้าซะอีก”

ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็รีบไล่ตามลู่เสี่ยวหรันไป

เขาไม่ได้สนใจในสิ่งที่ลู่เสี่ยวหรันบอกเขาเลย

พวกเขาทำแค่ซ่อมแซมค่ายกลเท่านั้น แบบนั้นแล้วทำไมมันถึงต้องมีเหรียญตราใหม่ด้วย?

ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในการจัดตั้งค่ายกล แต่มันก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญหลายคนในนิกายและผู้นำนิกายที่อยู่ในขอบเขตสูญสลายเองก็ยังอยุ่ที่นั่น ด้วยเหตุนี้เอง หลี่เต๋าหรันจึงเชื่อว่าถึงแม้มันจะไม่มีเหรียญตรานี้ แต่พวกผู้อาวุโสก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับค่ายกล

เขาแทบรอไม่ไหวที่จะไปยังกลุ่มอาคาเซีย

อีกด้านหนึ่ง ลูกศิษย์ของหลี่เต๋าหรันก็มาถึงห้องโถงของนิกายอสูรสวรรค์แล้วตามคำสั่ง

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ มันก็มีเพียงกลุ่มผู้อาวุโสในห้องโถงเท่านั้นและไม่มีผู้นำนิกาย

“ศิษย์ผู้อาวุโสหลี่เต๋าหรัน เฉินต้าซานมาที่นี่ตามคำสั่งของอาจารย์รายงานผู้นำนิกาย ค่ายกลได้รับการซ่อมแซมอย่างสมบูรณ์แล้ว”

“โอ้! ข้าไม่นึกเลยว่าเสี่ยวหรันและเต๋าหรันจะทำงานได้เร็วขนาดนี้”

“ผู้นำนิกายพูดถูกจริงๆ น่าเสียดายที่ผู้นำนิกายอยู่ในความสันโดษในขณะนี้และยังไม่สามารถไปตรวจสอบได้”

“อันที่จริง มันก็ไม่มีอะไรต้องตรวจสอบหรอก มันก็แค่การซ่อมแซมค่ายกลถูกไหม มันมีพิมพ์เขียวสำหรับค่ายกลก่อนหน้าอยู่แล้ว ดังนั้นตราบใดที่พวกเขาสองคนไม่ใช่คนงี่เง่า มันก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะทำผิดพลาด”

“ถูกต้อง ข้าคิดว่าเราควรรอให้ผู้นำนิกายออกมาจากสันโดษก่อนที่จะตรวจสอบ ด้วยวิธีนี้ เราก็จะไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมาหลายรอบ”

“ถูกต้อง นั่นเป็นแผนการที่ดี”

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาพูดจบ ศิษย์คนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาจากนอกประตู

“ท่านผู้อาวุโส มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว!”

ทุกคนตกใจ

“เกิดอะไรขึ้น?”

ศิษย์คนนั้นเช็ดเหงื่อที่หน้าผากและรีบพูดด้วยความตื่นตระหนก

“ประตูภูเขาถูกปิดผนึกโดยค่ายกล เหล่าศิษย์ไม่สามารถออกไปได้ ผู้อาวุโสฮวงเองก็ติดอยู่ข้างในค่ายกลและไม่สามารถทะลุผ่านออกไปได้ ผู้อาวุโสโปรดช่วยด้วย”

“อะไรนะ?!”

ทุกคนตกใจ ค่ายกลสามารถปิดผนึกประตูภูเขาได้? และยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่ผู้อาวุโสหวังก็ยังไม่สามารถผ่านไปได้ มันเป็นไปได้อย่างไร?

ต้องรู้ว่าการฝึกตนของผู้อาวุโสฮวงนั้นไปถึงขอบเขตวิญญาณขั้นสิบแล้ว ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงไม่เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะติดอยู่นอกค่ายกล

“ไปดูกันเถอะ!”

ทุกคนรีบลุกขึ้นและรีบไปที่ทางเข้า

ทันทีที่พวกเขามาถึง พวกเขาก็เห็นศิษย์หลายคนมารวมตัวกันที่ทางเข้าภูเขา เมื่อมองไปที่ข้างนอก ผู้อาวุโสฮวงที่เตี้ยและอ้วนก็กำลังถูกขังอยู่ในค่ายกล เขาไม่สามารถหลบหนีออกไปได้และมันก็ดูตลกมาก

“เกิดอะไรขึ้น?”

ผู้อาวุโสที่มีระดับการฝึกตนต่ำจำนวนมากไม่สามารถบอกได้ถึงสาเหตุของปัญหา แต่ผู้อาวุโสที่มีระดับการฝึกตนสูงบางคนก็เข้าใจได้ทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น

“โอ้สวรรค์ ค่ายกลนี้มันสมบูรณ์แบบกว่าอันก่อนหน้านี้หลายเท่า!”

“เนื่องจากค่ายกลนั้นสมบูรณ์แบบเกินไป ดังนั้นพลังของค่ายกลจึงเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว ด้วยเหตุนี้เอง เหรียญตราก่อนหน้าจึงใช้ไม่ได้อีกต่อไป นั่นเป็นสาเหตุที่ผู้อาวุโสฮวงติดอยู่ข้างในนั้น”

“บัดซบ นี่เป็นงานของเต๋าหรันหรือของเสี่ยวหรันกัน สิ่งนี้มันไม่ทรงพลังไปหน่อยหรอ?”

ศิษย์ถามด้วยความสงสัย “ผู้อาวุโส ค่ายกลนี้มันทรงพลังขนาดนั้นเชียวหรอ? ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าค่ายกลนี้มันต่างไปจากเดิม!”

ผู้อาวุโสที่พูดส่ายหัว

“เด็กน้อย เจ้ายังเด็ก ดังนั้นเจ้าจึงไม่เข้าใจความลึกซึ้งของเรื่องนี้ พูดตามตรง ในนิกายอสูรสวรรค์ทั้งหมดของเรา นอกจากผู้อาวุโสเต๋าหรันและผู้อาวุโสเสี่ยวหรันแล้ว มันก็มีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถสร้างค่ายกลระดับนี้ได้”

“มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะกล่าวว่าด้วยความสามารถในการสร้างค่ายกลระดับนี้ พวกเขาทั้งสองก็มีคุณสมบัติพอที่จะได้ตำแหน่งผู้นำนิกายโดยตรง”

ห้ะ!

ทุกคนอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างพร้อมๆ กัน พวกเขารู้สึกว่าหนังศีรษะของพวกเขากำลังชา

อีกฝ่ายได้รับคำชมจากเหล่าผู้อาวุโสจริงๆ นี่เป็นเรื่องที่ยากจะจินตนาการ

ต้องรู้ว่าไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสหลี่หรือผู้อาวุโสลู่ พวกเขาทั้งสองต่างก็ยังเด็กมาก และในบรรดาผู้อาวุโสทั้งหมด ระดับการฝึกตนของพวกเขาก็ไม่ได้สูงมากนัก

ขณะที่ทุกคนพูด ผู้อาวุโสหนึ่งก็ค่อยๆ เดินไปข้างหน้าผู้อาวุโสฮวง

“ศิษย์น้องฮวง ทำไมเจ้าถึงหมกมุ่นอยู่กับการออกไปจากนิกายนัก?”

ผู้อาวุโสฮวงพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ข้าก็ไม่ได้อยากทำเช่นกัน วันนี้ข้าได้นัดดูตัวกับนิกายพันธมิตรที่อยู่ถัดไป ตอนแรกข้าก็คิดว่าค่ายกลนี้ไม่น่าจะมีอะไรพิเศษ และข้าก็น่าจะสามารถผ่านมันไปได้อย่างง่ายดาย แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าค่ายกลนี่กลับแข็งแกร่งมาก แม้แต่ข้าเองก็ยังติดอยู่ข้างในและไม่สามารถออกไปไหนได้!”

ใบหน้าของผู้อาวุโสหนึ่งกระตุกอย่างดุเดือด

“เจ้าอยากจะไปนัดดูตัวขนาดนั้นเลยหรอ? ข้านึกว่านั่นเป็นเพียงข้ออ้างสำหรับการปฎิเสธผู้นำนิกายสักอีก”

“ช้าไม่ได้พยายามจะปฏิเสธผู้นำนิกาย ข้ามีนัดดูตัวจริงๆ ผู้อาวุโสหนึ่ง ท่านช่วยข้าออกไปทีจะได้ไหม มันใกล้จะถึงเวลานัดดูตัวแล้ว”

“ศิษย์น้องหวัง ไม่ต้องกังวล ข้าจะช่วยเจ้าเดี๋ยวนี้แหละ”

“ขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่”

ผู้อาวุโสหนึ่งสูดหายใจเข้าลึกๆ และหมุนเวียนพลังวิญญาณในร่างกายของเขา เขาก้าวไปข้างหน้าและเผชิญหน้ากับค่ายกล

หลังจากที่เขาก้าวเข้าเผชิญหน้ากับค่ายกล การแสดงออกทั้งหมดของเขาก็กลายเป็นเคร่งขรึมในทันที แรงกดดันกดลงบนร่างกายของเขาและทำให้เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

เหล่าศิษย์ที่อยู่ข้างหลังอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าวิตกกังวล

“เกิดอะไรขึ้นกับผู้อาวุโสหนึ่ง?”

“ข้าก็ไม่รู้ แต่ดูจากท่าทางแล้ว สถานการณ์นี้ก็ดูค่อนข้างผิดปกติ!”

เหล่าศิษย์หัวเราะคิกคัก

“เจ้าพวกไม่รู้ที่ต่ำที่สูง ผู้อาวุโสหนึ่งเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตสรรค์สร้างนะ! มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะติดอยู่ในค่ายกลนี้!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด