ตอนที่แล้วอาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 65 ธุรกิจใหม่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปอาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 67 ไม่อยากเป็น

อาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 66 ความร่วมมือ


ตอนที่ 66 ความร่วมมือ

บิลสงสัยว่าเครื่องเกมเหล่านี้ทำเงินตรงไหน

แต่ฮาร์ดี้มั่นใจมากเพราะมันจะเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้แน่นอน

“ตอนนี้นายให้คนไปนับจำนวนร้านในพื้นที่ของเราที่สามารถวางเครื่องสล็อตแมชชีนและเครื่องพินบอลได้มาก่อน”

“ไนต์คลับ บาร์ ร้านอาหาร ห้องโถงโรงแรม ร้านตัดผม ร้านค้าเล็กๆ ร้านขายของชำ ร้านไหนก็ได้ตราบใดที่มีแขกเข้าร้านให้นับมาให้หมด” ฮาร์ดี้กล่าว

บิลตกลงทันที

สองวันต่อมา

จากการนับบนพื้นที่ของแก๊งสเปน มีร้านค้ามากกว่า 380 แห่งที่เหมาะสำหรับการวางเครื่องสล็อตแมชชีนและเครื่องพินบอล

“ฉันถามเจ้าของร้านทั้งหมดมาแล้ว พวกเขาเต็มใจที่จะให้เอาเครื่องเกมพวกนี้วางในร้าน” เมื่อมีหนทางที่ทำให้ไม่ต้องจ่ายค่าคุ้มครอง และยังได้ส่วนแบ่งกำไรเจ้าของร้านทุกคนล้วนเต็มใจรับข้อเสนอนี้

“ปัญหาใหญ่ที่สุดในตอนนี้คือมันสามารถทำเงินได้หรือเปล่า และเครื่องพวกนี้น่าจะถูกตรวจสอบโดยตำรวจ” บิลกล่าว

ซึ่งเวลานี้มีแค่รัฐเดียวในอเมริกาที่เปิดให้เล่นการพนันก็คือ รัฐเนวาดา ซึ่งเป็นรัฐที่ลาสเวกัสตั้งอยู่ ส่วนในรัฐอื่นการพนันเป็นเรื่องต้องห้าม

แน่นอนว่าเครื่องสล็อตแมชชีนและเครื่องพินบอลถือเป็นการพนัน

อย่างไรก็ตามการพนันประเภทนี้มีโทษน้อยมาก เมื่อตำรวจพบเห็นพวกเขาจะไม่จับนักพนันและไม่เอาเรื่องกับร้านค้า พวกเขามักจะใช้วิธียึดเครื่องสล็อตแมชชีนและเครื่องพินบอลแทน

“ถ้างั้นก็ใช้วิธีนี้ นายสั่งซื้อเครื่องเกมมา 50 เครื่องก่อนแล้วค่อยดูรายได้หลังผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ จากนั้นเราค่อยหารือกันว่าจะทำยังไงต่อไป” ฮาร์ดี้กล่าว

บิลพยักหน้าและจากไป

ซึ่งมีโรงงานในซานฟรานซิสโกที่ผลิตเครื่องเกมเหล่านี้

บิลซื้อเครื่องสล็อตแมชชีน 20 เครื่องและเครื่องพินบอล 30 เครื่อง เครื่องสล็อตราคาเครื่องละ 95 ดอลลาร์ และเครื่องพินบอลราคาเครื่องละ 30 ดอลลาร์ ซึ่งราคาทั้งสองเป็นราคาขายส่งแล้ว

เครื่องเกมเหล่านี้ถูกส่งไปยังลอสแองเจลิส กระจัดกระจายไปยังที่ต่างๆ ทั้งในบาร์ ร้านทำผม และร้านสะดวกซื้อ

แถมนี่เป็นงานที่ฮาร์ดี้มอบหมายให้บิล เขาต้องระวังตัวให้มากและลงพื้นที่สังเกตสถานการณ์ในร้านค้าเหล่านั้นทุกวัน

ในบาร์

หลายคนแปลกใจที่เห็นเครื่องสล็อตแมชชีน “ที่นี่มีสล็อตแมชชีนด้วย? ดีจริงๆ แต่พวกตำรวจไม่สนใจเหรอ?”

“นายจะสนใจเรื่องนั้นไปทำไม พวกเรามาสนุกกันดีกว่า” ชายคนนั้นพูดพร้อมกับเอาเงิน 10 เซ็นต์ใส่เข้าไปในเครื่อง

ดึงคันโยก

เครื่องหมุน

ผลเชอร์รี ผลเลมอน ผลพลัม แท่งหมากฝรั่งหมุนไปเรื่อยๆ

และตัวเครื่องก็ส่งเสียงดังออกมา

ในที่สุดก็หยุดที่ผลเชอร์รีสามช่อง

เหรียญหลายสิบเหรียญไหลออกมาจากเครื่อง

“ว้าว!”

หลังจากได้รางวัลในครั้งเดียว ชายหนุ่มก็ตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น เสียงตะโกนของเขาดึงดูดผู้คนจำนวนมากให้เข้ามาดูในทันที

ซึ่งการพนันสามารถกระตุ้นความต้องการเงินของผู้คนได้มากที่สุด หลายคนรีบต่อแถวเพื่อจะเล่นต่อ ทำให้บรรยากาศภายในบาร์มีชีวิตชีวามากกว่าปกติ

ในร้านตัดผมแห่งหนึ่ง

มีเครื่องพินบอลสองเครื่องถูกวางในร้าน

เมื่อแขกมาตัดผม บางครั้งก็ต้องรอให้แขกที่มาก่อนตัดเสร็จ แขกหลายคนรู้สึกเบื่อจึงเล่นเครื่องพินบอลฆ่าเวลา บางคนลูกบอลตกหลุม บางคนลูกบอลตกลงไปในพื้นที่ได้รางวัล แล้วลูกปัดเหล็กก็ไหลออกมาจากเครื่อง

มีคนหยิบลูกปัดเหล็กแล้วถามเจ้าของร้านว่า ‘ลูกปัดเหล่านี้ทำอะไรได้?’

“คุณสามารถนำลูกปัดเหล็กมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้ เราจะรับซื้อลูกปัดที่คุณได้ในราคา 50 เซ็นต์” เจ้าของร้านกล่าว

ดวงตาของแขกในร้านเป็นประกาย

นี่มันการพนันแฝงใช่ไหม?

หลายคนรีบเล่นเครื่องพินบอลอย่างตั้งใจมากขึ้นในทันที

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

บิลนำพนักงานมาเก็บเงินและตรวจสอบรายได้ของแต่ละร้าน แล้วเมื่อผลออกมาบิลก็ตกใจ

เขารีบไปบอกฮาร์ดี้อย่างตื่นเต้น

“บอส! ดูสิเรากำลังจะรวยแล้ว!”

เครื่องสล็อตแมชชีน 20 เครื่อง ทุกเครื่องมีกำไรเฉลี่ยมากกว่า 100 ดอลลาร์ แสดงว่า การลงทุนทั้งหมดจะได้รับการคืนทุนในหนึ่งสัปดาห์ หลังจากนี้ในอนาคตจะเป็นกำไรอย่างแท้จริง

เครื่องพินบอล 30 เครื่อง ทุกเครื่องมีกำไรเฉลี่ยมากกว่า 30 ดอลลาร์

บิลพูดอย่างตื่นเต้น “บอส ฉันให้ไซมอนทำการคำนวณรายได้ในอนาคตแล้ว เราสามารถวางเครื่องสล็อตแมชชีน 200 เครื่องและเครื่องพินบอล 400 เครื่องในร้านค้าทั้งหมดได้!”

“เครื่องสล็อตแมชชีน 200 เครื่องราคา 19,000 ดอลลาร์ เครื่องพินบอล 400 เครื่องราคา 12,000 ดอลลาร์ รวมเป็นเงิน 31,000 ดอลลาร์”

“ตามอัตรากำไรในปัจจุบัน ที่เครื่องสล็อตแมชชีน 200 เครื่องหากมีกำไร 100 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ จะเท่ากับ 1.04 ล้านดอลลาร์ในหนึ่งปี”

“ส่วนเครื่องพินบอล 400 เครื่อง แต่ละเครื่องมีกำไร 30 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ ทำให้กำไรสำหรับหนึ่งปีคือ 624,000 ดอลลาร์”

“ธุรกิจนี้มีกำไรมากกว่าการขายยาด้วยซ้ำ” บิลพูดรัวจนหน้าแดง

“ยังไงก็ตามในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการตรวจสอบบาร์และร้านสะดวกซื้อหลายแห่ง ตำรวจได้ยึดเครื่องไปสองสามเครื่อง ซึ่งธุรกิจนี้ทำกำไรได้แน่นอน แต่ปัญหาต่อมาคือเราจะโดนตำรวจเพ่งเล็ง” บิลกล่าว

ฮาร์ดี้มองไปที่บิล

“บิลนายกล้าไปเจอผู้บัญชาการตำรวจลอสแองเจลิสไหม” ฮาร์ดี้ถามบิลด้วยรอยยิ้ม

บิลตกตะลึง

แน่นอนว่าเขาเป็นสมาชิกของแก๊ง ในใจลึกๆ ของเขาย่อมมีความกลัวและต่อต้านตำรวจเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว

แล้วตอนนี้ฮาร์ดี้จะให้เขาไปพบผู้บัญชาการตำรวจ

บิลกะพริบตา

“จะให้ฉันติดสินบนเขาเหรอ”

“ใช่! ก็ทำนองนั้น แก้ปัญหาล่วงหน้าแล้วทำให้ธุรกิจนี้สามารถดำเนินต่อไปได้ยาวๆ” ฮาร์ดี้กล่าว

บิลกัดฟันของเขา

“แน่นอนฉันกล้า!”

ฮาร์ดี้ยิ้มและตบไหล่บิล

เขาคิดไม่ผิดเกี่ยวกับตัวบิล

ชายคนนี้ไม่เคยกลัวเมื่อเขาต้องต่อสู้

“ฉันจะสอนวิธีจัดการผู้บัญชาการตำรวจให้” ทั้งสองคุยกันในสำนักงานนานกว่าสองชั่วโมง

เพราะยังไงไม่ช้าก็เร็วฉันก็ต้องติดต่อกับคนเหล่านี้

ตัวอย่างเช่นซีเกลที่รู้จักขาใหญ่มากมายในลอสแองเจลิส รวมถึงนายกเทศมนตรีคนปัจจุบันและสมาชิกรัฐสภาบางคน

แล้วแดนี่แห่งแก๊งสเปนก็ไม่ต่างกัน

และแลนสเตอร์ที่พบภาพถ่ายส่วนตัวของแดนี่ ซึ่งตอนนี้เขาได้ตรวจสอบตัวตนของคนเหล่านี้แล้ว

แก๊งไอริชก็น่าจะเป็นแบบนี้เช่นกัน

...

เอ็ดอายุ 46 ปีในปีนี้

สองปีแล้วที่เขาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจลอสแองเจลิส

เขาทำงานในกรมตำรวจมานานกว่า 20 ปี มีประสบการณ์การทำงานมากมาย

เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับนายกเทศมนตรีคนปัจจุบันมาก่อน ดังนั้นหลังจากที่นายกเทศมนตรีเข้ารับตำแหน่ง เขาก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการตำรวจคนใหม่ในทันที

ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เอ็ดมีความกระตือรือร้นอย่างมาก

หัวหน้าใหญ่นับไม่ถ้วนเริ่มที่จะผูกมิตรกับเขา พวกในโลกใต้ดินพยายามทุกวิถีทางเพื่อส่งเงินและผู้หญิงให้เขา

ซึ่งรีล่าผู้เป็นชู้รักคนปัจจุบันของเขา ก็ได้รับการแนะนำให้รู้จักโดยเศรษฐีคนหนึ่ง เธอเป็นคนที่ถ้าใครได้เห็นก็ต้องหลงใหล มันทำให้เขารู้สึกห่วงใยเธอเป็นที่สุด และถ้าไม่ใช่เพราะชื่อเสียงเขาคงหย่ากับภรรยาไปนานแล้ว

เขาใส่เสื้อผ้าแล้วบอกลารีล่า

ผู้บัญชาการเอ็ดลดปีกหมวกลง เปิดประตูแล้วเดินออกไป

ในตอนนี้ท้องฟ้ามืดสนิท ไม่มีใครสามารถมองเห็นรูปร่างหน้าตาของเขาได้

รถของเขาจอดอยู่อีกฟากหนึ่งของถนน เอ็ดเดินไปเปิดประตู

ทันใดนั้นมีชายหนุ่มในชุดสูทเดินมายืนอยู่ข้างเขา

พร้อมกับที่ใบหน้าของชายคนนั้นมีรอยยิ้ม

“สวัสดีผู้บัญชาการเอ็ด ผมบิล พิตต์”

เอ็ดรู้สึกประหลาดใจ

ชายคนนี้รอเขาที่นี่ดังนั้นชายคนนี้ต้องรู้อะไรบางอย่าง

แต่เอ็ดไม่กระโตกกระตาก เขามองไปที่บิลอย่างเย็นชาและถามด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “คุณเป็นใคร นักข่าวเหรอ? จะให้ผมช่วยอะไร”

“ผู้บัญชาการเอ็ด ผมแค่มีเรื่องจะคุยด้วย”

“ผมคิดว่าคุณกำลังสร้างปัญหาให้ตัวเองอยู่นะ” เอ็ดหรี่ตาลง

บิลยิ้มบางๆ

“ไม่ต้องห่วง ผมแค่จะแก้ปัญหาบางอย่าง”

ทั้งสองเข้าไปในรถของผู้บัญชาการเอ็ด บิลหยิบซองจดหมายออกมาแล้ววางลงบนหน้าพวงมาลัยรถ ผู้บัญชาการเอ็ดมองไปที่บิล เขาหยิบซองจดหมายขึ้นมาดู ซึ่งภายในเต็มไปด้วยเงินหนึ่งร้อยดอลลาร์หลายใบ

น่าจะประมาณหมื่นดอลลาร์

ผู้บัญชาการเอ็ดโยนเงินกลับ “คุณกำลังติดสินบนผู้บัญชาการกรมตำรวจลอสแองเจลิส นี่เป็นความผิดทางอาญา แถมคุณจะถูกตัดสินจำคุกมากกว่า 10 ปี”

“แล้วคุณเป็นใคร” ผู้บัญชาการเอ็ดกล่าว

บิลไม่สนใจสิ่งที่เอ็ดพูด “ผมเพิ่งบอกคุณไปเอง ผมชื่อบิล พิตต์ เป็นหลานของลุงแดนี่ เมื่อไม่นานมานี้ลุงแดนี่ได้ย้ายไปอยู่ที่อื่น เขาได้มอบหมายให้ผมเข้ามาดูแลแก๊งสเปนแทน”

เอ็ดเกิดความประหลาดใจ

เขาเปลี่ยนท่าทีและพูด “ไม่แปลกใจเลยที่ช่วงนี้ มีข่าวรายงานว่าการเคลื่อนไหวของแก๊งสเปนแปลกไปมาก แถมผู้นำหลายคนในแก๊งก็หายตัวไป”

บิลยิ้ม “นี่เป็นแค่การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ภายในแก๊ง คุณไม่ต้องใส่ใจหรอก”

“ตอนที่ลุงแดนี่จากไป เขาบอกผมว่ามีเพื่อนบางคนที่สามารถขอความช่วยเหลือได้ ผมเลยมาเยี่ยมผู้บัญชาการเอ็ดเฉยๆ และเงินก้อนนี้ก็ไม่ใช่สินบน มันเป็นแค่ตัวเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนเท่านั้น” บิลกล่าว

เอ็ดมองไปที่บิล เขารู้ว่ามันไม่ง่ายอย่างที่บิลพูดอย่างแน่นอน

เขารู้ว่าแดนี่เป็นคนเจ้าเล่ห์และโหดเหี้ยม เมื่อไม่นานมานี้แดนี่ได้เข้ามาหาเขาเพราะเรื่องแก๊งยิวกับแก๊งไอริช

เพื่อที่แดนี่จะได้ตักตวงผลประโยชน์จากการต่อสู้ระหว่างสองแก๊ง

ชายที่มีความทะเยอทะยานแบบนี้จะยอมสละตำแหน่งปัจจุบันได้ยังไง?

แถมชายหนุ่มที่อยู่ข้างเขาบอกว่าแดนี่ย้ายไปอยู่ที่อื่น เขาเดาว่าแดนี่อาจจะโดนชายหนุ่มคนนี้ฆ่าไปแล้ว

‘บิล’ ชายหนุ่มคนนี้ไม่น่าไว้วางใจ

“ผมไม่สนใจเรื่องที่แดนี่บอกคุณ ลงจากรถไปซะ” เอ็ดออกคำสั่งไล่

เขาได้ตัดสินใจไปแล้ว

เขาจะส่งคนไปตรวจสอบชายคนนี้ในวันพรุ่งนี้ เขาจะไม่ยอมให้ใครก็ตามมาวิ่งเล่นในสนามหญ้าของเขา กล้ามาดักรอเขาอยู่ที่นี่ มันเป็นการข้ามเส้นอย่างเห็นได้ชัด

บิลรู้ว่าการเจรจาตอนนี้ล้มเหลวแล้ว

แต่ฮาร์ดี้ได้คาดการณ์ถึงสิ่งเหล่านี้ไว้แล้ว ก่อนที่เขาจะมาฮาร์ดี้บอกว่าไม่ว่ายังไงก็ตามเอ็ดจะไม่รับสินบนของเขา

ตำรวจพวกนี้เป็นส่วนผสมของความรุนแรง ความโลภ และความขี้ขลาด

บิลล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูท หยิบรูปถ่ายสามรูปออกมาแล้วยื่นให้ผู้บัญชาการเอ็ด “คุณรู้จักคนในภาพนี้ไหม”

เมื่อเอ็ดเห็นถ่ายภาพ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก

ในภาพถ่าย

เห็นได้ชัดว่าเป็นเขากับผู้หญิงคนหนึ่ง ทั้งสองกำลังมีความสัมพันธ์กันอย่างดุเดือด เขายังจำหญิงสาวคนนี้ได้ วันนั้นแดนี่ได้เชิญให้เขาไปที่บ้านส่วนตัวในเขตชานเมือง หญิงสาวที่เขาพบมีอายุเพียง 16 หรือ 17 ปีเท่านั้น และแดนี่บอกว่าเธอเป็นนางแบบ

แต่ละรูปมีผู้หญิงต่างกัน แต่ผู้ชายทั้งหมดในภาพเป็นเขา

เอ็ดเข้าใจในทันทีว่าเขาตกหลุมพรางของแดนี่เข้าแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่มีรูปถ่ายของเขาหลุดออกมาแบบนี้ได้

เอ็ดเริ่มมีใบหน้าซีดเซียวเขาค่อยๆ ขยับมือเข้าไปในชุดสูทอย่างช้าๆ

บิลที่เฝ้าสังเกตอยู่พูดในทันที “ผู้บัญชาการเอ็ด ผมรู้ว่าคุณมีปืน แต่ผมไม่ได้มาที่นี่คนเดียวลองดูดีๆ สิ มีพี่น้องของผมอีกสี่คนอยู่ในรถข้างหลังคุณ ถ้าคุณกล้าทำพวกเขาจะยิงคุณจนพรุนเลยล่ะ”

เอ็ดหยุดนิ่ง

เขามองเข้าไปที่กระจกมองหลัง เห็นคนอยู่ในรถด้านหลัง เขาก็รู้ได้ว่าว่าชายที่ชื่อบิลข้างๆ เขาไม่ได้โกหก

“คุณต้องการอะไรล่ะ?” เอ็ดถามพลางกัดฟัน

บิลยิ้มอีกครั้ง

เขารู้ว่าเมื่อถามประโยคนี้ หมายความว่าอีกฝ่ายยอมจำนนแล้ว

คำพูดของฮาร์ดี้ผุดขึ้นมาในทันที

ตำรวจพวกนี้

กลัวมากที่สุดว่าจะถูกเปิดเผยเรื่องอื้อฉาว เพราะทันทีที่เรื่องเหล่านี้ประกาศออกไปชีวิตพวกเขาจะถูกทำลาย

“ง่ายมาก ความร่วมมือ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด