ตอนที่แล้ววันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0043
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0045

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0044


บทที่ 17 แก่นแท้ของภูตธาตุ (2)

* * *

คำพูดของสปริกแกนไม่ใช่ภาษารูน ฉันกับลิลี่จึงฟังออก

แต่เสียงที่ได้ยินก่อนหน้านี้เป็นภาษารูนไม่ผิดแน่

ภาษารูนมีพลังในตัวเอง

ไม่เว้นแม้แต่ในเสียงเพลง

ฉันสัมผัสถึงความรู้สึกของสปริกแกน

เป็นความรู้สึกเดียวกับเมื่อครั้งเชื่อมวิญญาณกับลิลี่ วินาทีที่วิญญาณสองดวงรวมเป็นหนึ่ง

แสงสีฟ้าอ่อนซึ่งมีรูปร่างคล้ายเมฆในห้องมืด

ลำพังสิ่งนี้สิ่งเดียว ฉากตรงหน้าดูไม่ต่างอะไรกับเวทมนตร์

ขณะฉันใช้ความคิด สปริกแกนมิได้เร่งเร้า เพียงกอดมือไว้แนบแน่น

ไตร่ตรองสักพัก ฉันลืมตาและพูด

“ต้องเรียกนายว่าอะไร”

「เซลฟี อินเดลานี-อาร์เมซิลล่า」

“นั่นคือชื่อของนาย?”

「เป็นนามที่ราชาทองคำมอบให้ภูเขาเมื่อนานมาแล้ว ในภาษาของยุคปัจจุบันมีความหมายว่า ดินแดนแห่งการเริ่มต้นอันเงียบสงบ ชื่อของภูเขาได้กลายมาเป็นชื่อของเราในภายหลัง」

“น่าสนใจมาก”

นี่คือชื่อที่มอบให้ภูเขาเมื่อนานมาแล้ว

หมายความว่า สปริกแกนรู้จักที่นี่?

「ได้โปรดอนุญาตให้พวกเราทำตัวมีประโยชน์กับท่านด้วย」

“พวกเขาอยากให้เจ้าออกคำสั่ง”

ลิลี่ที่ยืนฟังอยู่ข้างๆ พูดเสริม

ฉันหันกลับไปมองเมฆสีฟ้าที่ลอยอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง

คำสั่งสินะ

“…มาคุยกันเถอะ”

「สุดแล้วแต่ท่าน」

เมฆสปริกแกนมารวมตัวกันในจุดเดียวและพุ่งขึ้นไปเหมือนลำแสง จากนั้นก็ค่อยๆ ลอยลงมาในลักษณะกลุ่มหมอกที่ปกคลุมโพรงถ้ำ

เกิดเป็นฉากนามธรรมที่ปราศจากรูปร่าง แต่ด้วยเหตุผลประการ ฉันกลับรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังนั่งบนเก้าอี้ มีถ้วยกาแฟร้อนวางอยู่ข้างๆ

ฉันหย่อนก้นนั่งลงกับพื้น ลิลี่ก็ทำแบบเดียวกัน

ด้วยความสัตย์จริง ฉันไม่เคยจินตนาการภาพนี้มาก่อน

คิดมาเสมอว่าภูตธาตุคือสิ่งมีชีวิตที่ลึกลับและไม่เป็นมิตร

แต่ในความเป็นจริง แม้จะยังคงลึกลับ แต่กลับเป็นกันเองอย่างมาก

“เซลฟี… ขอเรียกแบบนี้ได้ไหม”

「สุดแล้วแต่ท่าน」

เราอาจเคยชินกับการทำสัญญาแบบชาวโลกมากเกินไป

จึงอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจกับพิธีกรรมพันธสัญญาของชาวต่างโลก

“ตอนนี้รู้แล้วว่านายรับใช้ฉัน แต่มีสิ่งใดที่ฉันต้องทำให้นายบ้าง”

「แค่อยู่เป็นที่พึ่งพิงให้พวกเราก็พอ」

“จนถึงเมื่อไร มีเส้นตายไหม”

「จนว่าราชาที่แท้จริงของเราจะกลับมาปกครอง」

“อีกนานแค่ไหน”

「เมื่อเจ้าของบัลลังก์ทองคำถูกกำหนด หรือไม่ก็เมื่อท่านขึ้นไปนั่ง」

เป็นอีกครั้งที่ฉันได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับอาณาจักรทองคำและราชา

ลิลี่เองก็เคยพูดว่า จะนำทางฉันไปที่นั่น

ดูเหมือนว่าราชาที่ภูตธาตุรับใช้ จะหมายถึงตำแหน่งเดียวกัน

“ราชาสำคัญกับภูตธาตุมากเลยหรือ”

「เป็นความหมายเดียวในการดำรงอยู่ของพวกเรา」

ภูตธาตุหมกมุ่นอยู่กับการรับใช้ใครบางคน หากตำแหน่งนั้นว่าง พวกมันจะเกิดความกระสับกระส่าย

ควรจะตรงกันข้ามไม่ใช่หรือ การถูกใครบางคนคอยปกครอง ไม่น่าจะมีความสุขสักเท่าไรนะ

ฉันคิดแบบนั้น

“สำหรับพวกเจ้า ราชาคืออะไร”

「การดำรงอยู่ที่พวกเรายอมอุทิศตัวให้ สิ่งมีชีวิตที่คู่ควรแก่การฝากชีวิตไว้ ตัวตนที่สามารถตายแทนได้โดยไม่นึกเสียใจภายหลัง เป็นแสงสว่างในชีวิตของพวกเรา นั่นคือราชา」

“…พูดตามตรง ฉันไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกนั้น”

「ผิดแล้ว ท่านเข้าใจ เพราะท่านเองก็มีราชา」

ฉันสบตากับลิลี่

ลิลี่ก็ไม่ต่างกัน เป็นสีหน้าของคนที่ตามเรื่องราวไม่ทัน

“ฉันมีราชา?”

「แววตาของท่าน ไม่ว่าจะเป็นในยามจ้องมองพลังงานแห่งชีวิต หรือขณะเฝ้ามองเราถือกำเนิด… ในช่วงเวลานั้น สีหน้าของท่านช่างงดงามเหนือคำบรรยาย อารมณ์ในแววตาเหมือนกับเรายามจ้องมองราชา 」

หมอกสีฟ้าที่ลดระดับลงต่ำ สั่นไหวเล็กน้อย

จากพฤติกรรมดังกล่าว ฉันสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายกำลังมีความสุข

「ท่านเองก็มีเช่นกัน แสงสว่างอันร้อนแรงที่พร้อมจะสละชีวิตของตัวเอง」

แสงสว่างที่แม้แต่ชีวิตตัวเองก็สละให้ได้

“…ไม่เคยรู้มาก่อน”

「ถึงท่านจะจำไม่ได้ แต่ก็รับรู้ได้ ขั้นตอนการเรียกคืนความทรงจำคือหนึ่งในความสุขของท่าน」

ลิลี่ที่ฟังอย่างเงียบงันมาสักพัก ตัดสินใจเปิดปาก

“เซลฟี อินเดลานี-อาร์เมซิลล่า ข้าเองก็เป็นผู้ปกครอง ย่อมมีสิทธิ์สนทนากับเจ้า”

「เราจะสนทนากับท่าน ไม่ใช่ในฐานะผู้ปกครอง แต่ในฐานะสหายของนายท่าน แล้วก็… เราชอบชื่อเซลฟี」

“…เซลฟี ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้จักอาณาจักรทองคำ ได้โปรดเล่าในเรื่องที่รู้ให้ฟังด้วย พวกเราต้องหาที่นั่นให้พบ”

แม้แต่ในเวลาเช่นนี้ ลิลี่ยังพยายามเติมเต็มหน้าที่ผู้นำทาง

「หากนายท่านของเราต้องการเดินไปบนวิถีแห่งผู้ปกครอง เราก็จะอุทิศตัวช่วยเหลือจากก้นบึ้ง แต่เราไม่มีสิ่งใดจะเล่าเกี่ยวกับราชา เรื่องเล่าเหล่านั้นสาบสูญไปนานแล้ว」

“…”

「แต่ดูเหมือนว่า นายท่านจะชอบให้เป็นแบบนี้มากกว่า」

ลิลี่จ้องหน้าฉัน และเห็นว่าฉันกำลังยิ้ม

เซลฟีพูดถูก

การได้ค้นหาสิ่งที่เป็นปริศนา น่าตื่นเต้นมากว่าการไล่ตามสิ่งที่รู้อยู่ก่อนแล้ว

ช่างน่าขัน เรากลับชอบวิธีการตอบของเซลฟี

การสนทนาจบลงแค่ตรงนี้

ฉันลุกขึ้นยืน ถึงเวลากลับไปทำงานแล้ว

ก่อนหน้านั้น ฉันหยิบหญ้าออกจากกระเป๋าเสื้อหนึ่งกำ

หญ้ากระเป๋า

ในอาณาจักรของลิลี่ มันคือพืชที่ใช้บรรจุพลังธรรมชาติ

เดิมที ฉันมีแผนจะโอนถ่ายพลังธรรมชาติเข้าไปในอวัยวะของฟาร์มมิ่งเวิร์ม แม้จะไม่ถาวร แต่ก็น่าจะช่วยป้องกันการเน่าสลายได้ชั่วคราว

แต่ตอนนี้ ฉันสามารถคาดหวังผลลัพธ์ที่สูงขึ้น

“เซลฟี นายเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากพลังธรรมชาติสินะ เข้าไปอยู่ในหญ้าได้ไหม”

เซลฟีไม่ตอบ แต่ลงมือทำ

ปุยเมฆคล้ายสายไหมกลุ่มหนึ่งลอยออกจากหมอกหนา จากนั้น ปุยสายไหมลอยเข้าไปในหญ้ากระเป๋าราวกับฝูงผึ้งบินกลับรัง

“…ถ้าอย่างนั้น”

ลองดูสักตั้งก็ไม่เสียหายไม่ใช่หรือ

ไม่ใช่แค่พลังธรรมชาติ แต่เป็นถึงสิ่งมีชีวิตที่มีความคิดของตัวเอง

ก้มมองหญ้ากระเป๋าที่ส่องแสงสักพัก ฉันสอดมันกลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อด้านใน

“เซลฟี ขอวานอะไรอีกสักเรื่อง”

「ด้วยความยินดี」

“ได้ยินว่านายสามารถเดินทางไปมาระหว่างรากภูเขาได้อย่างอิสระ ถ้าเป็นความจริง ช่วยสร้างแผนที่ในละแวกใกล้เคียงทั้งหมดได้ไหม”

ทันทีที่สิ้นเสียง หมอกสีฟ้าที่กระจายอยู่รอบโพรงถ้ำ ทยอยมารวมตัวกันในจุดเดียว

ทุกสิ่งเกิดขึ้นเร็วมากจนฉันตกใจ

แสงที่รวมตัวกันในจุดเดียว กำลังส่องสว่างอย่างที่ไม่เคยเป็น

แสงเปลี่ยนเป็นลำแสง จากนั้นก็กลายเป็นต้นไม้ที่มีหลายกิ่งก้าน

ฉันกับลิลี่ทำได้เพียงเฝ้ามองฉากสุดอัศจรรย์ที่ภูตธาตุสร้างขึ้น

「เราจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง」

ต้นไม้แห่งแสงกลายเป็นผีเสื้อนับพันตัว

สิ่งที่น่าทึ่งก็คือ แม้ผีเสื้อจำนวนมากจะกระพือปีกพร้อมกัน แต่กลับไม่มีเสียงใดดังขึ้น

พวกเราไม่ขยับเขยื้อนจนกระทั่งผีเสื้อทยอยบินออกไปนอกภูเขาจนหมด

เมื่อเวลาผ่านไป ดวงอาทิตย์เริ่มส่องแสงจากเส้นขอบฟ้า

ดูเหมือนว่าเราจะใช้เวลาในถ้ำนานพอสมควร

สปริกแกนนามเซลฟีผู้ถือกำเนิดจากภูเขา บัดนี้กำลังแยกย้ายออกไปสร้างแผนที่

ต้องใช้เวลานานแค่ไหน

ฉันไม่รีบ ตอนนี้ไม่เหมือนกับช่วงเวลาที่ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอด

ฉันมีบ้านให้กลับ

ระหว่างทาง ลิลี่กับฉันไม่ได้คุยกันเป็นเวลานาน

หัวใจของเรากำลังล่องลอย

“…ด้วยความสัตย์จริง ฉันประเมินภูตธาตุต่ำเกินไป”

“ข้าก็ด้วย”

ขณะลิลี่ขานรับ ฉันก้มมองหลังมือ

เป็นตำแหน่งของรอยสักรูปเขี้ยว ภาษารูนบางประโยคช่วยยืนยันการมีตัวตนของมัน

รอยสักที่ไม่รู้ว่าได้มาตั้งแต่ตอนไหน

ลิลี่จ้องฉันพลางยิ้ม

“เริ่มจะตระหนักถึงความสำคัญของตัวเองขึ้นมาบ้างหรือยัง”

“…ไม่เลย”

“หา?”

“ประสบการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น มันยอดเยี่ยมมาก ฉันสนใจแค่เรื่องนั้น… และการจะเข้าไปในสถานที่ที่ได้รับประสบการณ์ดังกล่าว ดูเหมือนว่าต้องใช้รอยสักนี้เป็นบัตรผ่านทาง”

“มันสำคัญกับเจ้าขนาดนั้นเชียว… ผิดคาดมาก”

แล้วยังจะมีอะไรสำคัญกว่านี้อีกล่ะ

ฉันลดมือลงและมองตรง

เริ่มเห็นกระท่อมข้างหน้าไกลๆ

“…ราชา”

ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ถ้าจะลองครุ่นคิดเกี่ยวกับราชาที่ภูตธาตุกล่าวถึง

แต่เรื่องนั้นยังไม่สำคัญ ตอนนี้ฉันมีงานต้องทำ

หลังจากนั้นค่อยมาดูกันว่า พวกเราจะหาคำตอบพบหรือไม่

ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน

ขณะฉันกับลิลี่เดินเข้าใกล้กระท่อม ภาพที่เกิดขึ้นทำเอาลิลี่ตัวสั่น

นักวิจัยของ OWIC กลุ่มใหญ่กำลังยืนรวมตัว

“…คนจากหมู่บ้านของเจ้า”

“กลัวหรือ”

“ไม่ได้กลัว! แต่ว่า…”

ลิลี่กลัวการเผยตัวให้คนในหมู่บ้านเห็น

แต่ฉันมักจะคิดแบบนี้ทุกครั้งที่เห็นเธอไปซ่อน

‘กลัวทำไม’

หมู่บ้านมีกฎที่ชัดเจนอยู่แล้ว ขอแค่ไม่ละเมิดก็จะไม่ถูกลงโทษ

โลกที่คนชั่วถูกละเลยเพราะกฎหมายไม่เข้มงวดมากพอ

ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะสนใจลิลี่สักเท่าไร

ท่าทีของหัวหน้ารปภ.เมื่อคราวก่อนก็บอกทุกอย่างแล้ว

“ไม่เป็นไรหรอก”

ลิลี่ไม่สามารถซ่อนตัวได้ตลอดไป และอันที่จริง ไม่มีอะไรให้เธอต้องกลัว

หลังจากโน้มน้าว ลิลี่เลือกที่จะเชื่อใจฉัน

แม้จะไม่แสดงออก แต่ดูเหมือนว่าประสบการณ์การถูกขับออกจากหมู่บ้าน จะสร้างแผลใจเธอให้ไม่น้อย

พวกเราเดินตรงไปทางกระท่อมทันที

ในสภาพหันหลังให้ดวงอาทิตย์ เงาของเราสองคนทอดยาวจนคนหน้ากระท่อมสังเกตเห็นได้เร็ว

“ไม่สิ นี่คือ…”

“เป็นครั้งแรกที่เห็นศพฟาร์มมิ่งเวิร์มเสียหายน้อยขนาดนี้”

“ไม่อยากปล่อยให้หลุดมือไปจริงๆ”

“อ๊ะ! เขามาแล้ว!”

นักวิจัยที่กำลังเอะอะรีบถอยห่าง

ขอเพียงไม่ไปแตะต้องศพ จะยืนมองนานแค่ไหนก็ได้ ฉันไม่ใช่คนขี้งกอะไร

อย่างที่คิด มนุษย์ไม่ได้สนใจลิลี่เลยด้วยซ้ำ ราวกับคนกลุ่มนี้มองชาวต่างโลกเป็นเรื่องปรกติ

ฉันเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย

“คุณซอนฮู!”

“อย่าตะโกนสิ ตกใจหมด”

“หือ? ตกใจหรือ ขอโทษค่ะ”

“นึกว่าฟาร์มมิ่งเวิร์มกลับมามีชีวิต”

“แบบนั้นก็ยิ่งดีเลยสิ!”

ไม่ใช่ใครนอกจากจินซอยอน

ถ้าใส่กาวน์นักวิจัยออกมาแบบนี้ แปลว่าเธอคงรีบมาก

ฉันเดาเหตุผลการมาเยือนได้ไม่ยาก

“น…ในเหตุการณ์ปรสิต พวกเรายังไม่ค่อยสนิทกันนัก… บริษัทจึงทำผิดต่อคุณซอนฮู…”

“…”

“แต่ตอนนี้พวกเราสนิทกันมากขึ้นแล้ว… ใช่ไหมคะ”

ปรกติเป็นคนแบบนี้หรือ

ฉันเริ่มไม่รู้แล้วว่า นิสัยที่แท้จริงของเธอคือบุคลิกไหนกันแน่

“ต้องการอะไรล่ะ รีบเข้าประเด็นเถอะ”

“ขายให้เราเถอะนะ!”

“ไม่เอา”

“อ๊า! คิดไว้แล้วว่าจะต้องตอบแบบนี้! ฮึก…”

ฉันหันไปมองฟาร์มมิ่งเวิร์ม

มีความเสียหายเล็กน้อยเพราะตกจากที่สูง แต่ส่วนอื่นค่อนข้างสมบูรณ์

สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็คือ อวัยวะภายในแทบไม่เสียหาย

นั่นคือจุดที่ทำให้จินซอยอนน้ำลายไหล

“ไม่ว่ายังไงก็ไม่ขายจริงๆ หรือ… จากรายงานที่ฉันต้องเขียนคราวนี้… ถ้าจำไม่ผิด… ใช่แล้ว! โปรเจกต์ 32! ฉันต้องการข้อมูลจากฟาร์มมิ่งเวิร์มตัวนี้ไปทำโปรเจกต์สำคัญ…”

“ต้องขอโทษด้วย ผมมีความจำเป็นต้องใช้มันเหมือนกัน”

“โธ่…”

ฉันเดินเข้าไปในกระท่อมและวางสัมภาระ จากนั้นก็หยิบตะเกียงพกพาและโคลด์ฟรอสต์

ชำเลืองชาโซฮีที่หลับอยู่บนเตียงสักพัก

ไม่มีความจำเป็นต้องปลุก ฉันจึงบอกให้ลิลี่รออยู่ในกระท่อมและเดินออกมาคนเดียว

“จะเริ่มล่ะนะ”

สำหรับอุปกรณ์บางส่วนที่ยังขาด จองจีฮุนจะนำมาส่งในช่วงเย็น

แต่ก่อนหน้านั้น ฉันจำเป็นต้องจัดการ ‘เครื่องยนต์’ กำเนิดไฟฟ้าให้เรียบร้อย

“หืม”

จ้องศพฟาร์มมิ่งเวิร์มสักพัก ฉันครุ่นคิดบางสิ่ง

ขนาดของเครื่องยนต์น่าจะใส่ท้ายรถ SUV ได้พอดี

สมัยยังดิ้นรนในต่างโลก สิ่งนี้เป็นได้เพียงวิมานในอากาศ เพราะฉันพบฟาร์มมิ่งเวิร์มไม่บ่อยนัก และถึงจะนำเครื่องยนต์ออกมาได้ก็คงเปล่าประโยชน์อยู่ดี เพราะฉันไม่รู้วิธีรับมือกับการเน่าเปื่อย

แต่สำหรับปัจจุบัน ทุกสิ่งมีพร้อมสรรพ

ก่อนจะลงมีดแรก ฉันหันกลับไปมองด้านหลังและพบว่า กลุ่มนักวิจัยที่มารวมตัว กำลังมองมาด้วยสายตาห่อเหี่ยว ทำเอาฉันเกิดความสงสาร

“…คุณซอยอน”

“ค…คะ? ค่ะ! ว่ายังไงคะ”

“ผมอนุญาตให้พวกคุณสังเกตการณ์ได้ รวมถึงการบันทึกภาพ”

“…ทุกคนได้ยินแล้วใช่ไหม!”

ฉันไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำสักหน่อย

* * *

นักวิจัยสามคน กล้องแอคชั่นหนึ่งตัว และกล้องขาตั้งอีกสามตัว ถูกวางระบบสำหรับการถ่ายทำสารคดีชำแหละฟาร์มมิ่งเวิร์ม

ในเวลาเดียวกัน คมมีดเริ่มกรีดเข้าไปในตัวฟาร์มมิ่งเวิร์มเป็นครั้งแรก

“ไม่ใช่แนวตั้ง แต่เป็นแนวนอน…”

“ไส้เดือนชนิดนี้จะมีเยื่อหุ้มอยู่ตามรอยพับด้านใน ถ้ากรีดไม่ระวัง ลำไส้จะหลุดออกมาและทำให้ทำทุกสิ่งเสียหาย”

คังซอนฮูไม่เพียงอนุญาตให้บันทึกภาพ แต่ยังคอยแบ่งปันความรู้เป็นระยะ

บางเรื่องก็เป็นสิ่งที่จินซอยอนรู้อยู่แล้ว แต่เรื่องที่ไม่รู้และไม่เคยคิดถึงมีมากกว่า

ความรู้ของคังซอนฮูค่อนข้างดิบ เนื่องจากชายหนุ่มไม่ใช่นักวิจัย แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญการเอาตัวรอด ประเด็นที่อธิบายจึงเป็นประเภท ส่วนใดบ้างที่อันตราย อวัยวะใดที่สามารถนำมาใช้งานได้ และส่วนใดควรโยนทิ้ง

จินซอยอนจนบันทึกอย่างละเอียดโดยไม่สนใจว่าตนจะได้นำความรู้เหล่านี้ไปใช้หรือไม่

“ตรงนี้ต้องจับอย่างระมัดระวัง”

“…นี่คืออวัยวะแปลงไฟฟ้า?”

“ถูกต้อง บริเวณนี้อาจมีการชักกระตุก ในฟาร์มมิ่งเวิร์มเด็กอาจไม่รู้สึก แต่กับตัวโตเต็มวัยแล้วไม่ใช่ ถ้าสัมผัสไม่ระวังอาจถูกไฟช็อต”

“ชักกระตุกจากอะไร”

“กล้ามเนื้อ เห็นเส้นใยตรงนี้ใช่ไหม”

“สัมผัสโดนเส้นประสาทสินะ… กลไกด้านในเป็นแบบไหนกันแน่”

“คุณจะเอากลับไปก็ได้นะ”

“จ…จริงหรือ! เฮ้! รีบนำถุงเก็บตัวอย่างมาเร็ว! ใบใหญ่สุด! ลังน้ำแข็งด้วย!”

คังซอนฮูรู้สึกเหมือนได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของทีมนักวิจัย

สีหน้าร้อนรนของจินซอยอนเปี่ยมไปด้วยความจริงจัง

ในช่วงที่ผ่านมา คังซอนฮูใช้ชีวิตในต่างโลกมายังไงกันแน่ จินซอยอนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมความรู้เชิงลึกของอีกฝ่าย

เพียงพริบตาเดียว อวัยวะของฟาร์มมิ่งเวิร์มถูกชำแหละออกมาทีละชิ้น

จนถึงตำแหน่งกึ่งกลางลำตัวค่อนไปทางหาง

คังซอนฮูขยับมือด้วยความระมัดระวังมากกว่าปรกติ

ชายหนุ่มดึงอวัยวะแข็งๆ สีขาวซึ่งส่องแสงจางๆ ออกมา

“…ทุกคนถอยออกไปก่อน เจ้านี่อันตราย”

กลุ่มนักวิจัยทยอยถอยห่าง

อวัยวะคล้ายลูกบอลสีขาวที่สูงถึงหน้าอก

ผิวขรุขระเล็กน้อย ลักษณะคล้ายเส้นใยกล้ามเนื้อที่พันกันอย่างซับซ้อน

“นี่มัน…”

“อวัยวะกำเนิดไฟฟ้า”

“เพิ่งเคยเห็นสภาพสมบูรณ์ขนาดนี้”

เธอรู้อยู่แล้วว่าคังซอนฮูต้องการสร้างเครื่องกำเนิดไฟฟ้าด้วยสิ่งนี้

ทว่า มันไม่ต่างอะไรกับพลังงานชีวภาพอื่นๆ

แนวคิดนี้ไม่ได้ใหม่แม้แต่บนโลก มีการค้นคว้ามากว่าสิบปีก่อนที่ประตูมิติจะเปิดออก

แต่ในท้ายที่สุด ทุกคนก็หันกลับไปใช้เชื้อเพลิงนิวเคลียร์หรือฟอสซิลตามเดิม

เหตุผลไม่ซับซ้อน

“มันดูไม่มีประสิทธิภาพเท่าไร”

นักวิจัยคนหนึ่งพูดขึ้น และจินซอยอนก็เห็นด้วย

นี่คืออวัยวะของสิ่งมีชีวิต หรือกล่าวได้ว่า หากถูกนำออกจากสิ่งมีชีวิตมันจะค่อยๆ ตายลง

“…หรือต่อให้ยังมีชีวิตอยู่”

พลังงานก็ไม่ได้ถูกสร้างจากความว่างเปล่า แต่เป็นการหมุนเวียน

จำเป็นต้องใช้สารอาหารเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงาน

เห็นได้ชัดว่าขาดประสิทธิภาพ โดยเฉพาะด้านการจัดหาแหล่งพลังงาน

จริงอยู่ OWIC มีเทคโนโลยีที่จะทำให้มันเป็นจริงได้ แต่ก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องทำ เพราะเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานน้ำมันสะดวกกว่าในทุกด้าน

ขณะคิดเช่นนั้น คังซอนฮูหยิบหญ้าที่ทุกคนเพิ่งเคยเห็นออกมา

เป็นพืชที่มีหน้าตาคล้ายดอกระฆัง แสงสีฟ้าที่ส่องจากแต่ละดอกช่างงดงาม

คังซอนฮูบรรจงนำดอกไม้วางลงบนเครื่องกำเนิดไฟฟ้า

ผงละอองสีฟ้าที่ไหลออกจากดอก ทยอยแทรกซึมเข้าไปในเครื่องยนต์

ทันใดนั้น

“…ทุกคนถอยออกไปอีก”

วิ้ง—!

เสียงเดินเครื่องดังก้องจากภายใน

และ

เปรี้ยะ! เปรี้ยะ!

“อะ…”

ไฟฟ้าสถิตสว่างจากด้านใน

แสงสีฟ้าจากหญ้าขนาดเล็กกว่ากำปั้น กลับเพียงพอต่อการเดินเครื่องยนต์ขนาดใหญ่

ลำพังเรื่องนี้เดียว จินซอยอนตกตะลึงเป็นเวลานาน

มีพืชในต่างโลกที่ให้พลังงานระดับนี้ด้วยหรือ

หากนำมาปลูกอย่างกว้างขวาง เท่ากับว่าโลกจะหมดปัญหาด้านพลังงานทันที

แต่ยังไม่จบแค่นั้น คังซอนฮูฉีกยิ้มกว้างขณะมองไปทางเครื่องกำเนิดไฟฟ้า

“สวัสดี”

“หา? เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไร…”

เธอได้ยินไม่ชัด

คล้ายกับคังซอนฮูพูดภาษาที่เธอไม่เข้าใจ แต่บางทีอาจหูฝาดไปเอง

ทว่า

「สวัสดี นายท่าน」

ทันทีที่ได้ยินเสียงพูดจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้า จินซอยอนทำปากกาหลุดมือ

“นี่มัน… อะไร?”

“หืม?”

“เมื่อสักครู่… เป็นเสียงพูดแน่นอน… ช่วยอธิบายได้ไหมว่าใส่อะไรเข้าไป”

เมื่อพบเจอสิ่งที่ไม่รู้จัก ดวงตาจินซอยอนเปี่ยมไปด้วยความกระหาย

คังซอนฮูครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้ม

“A.I. น่ะ”

“…หา?”

“A.I. ไง ตกใจอะไร”

จินซอยอนยังคงไม่เข้าใจว่าคังซอนฮูพูดถึงอะไร

______________________

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (1/4)

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด