ตอนที่แล้วบทที่ 49 การตัดสินใจของจ้าวผาน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 51 การรับมือของจ้าวผาน

(ฟรี) บทที่ 50 อุบัติเหตุครั้งแล้วครั้งเล่า


“นี่ฉันหลับยาวตลอดเช้านี้เลยอย่างนั้นเหรอ?” เขารู้สึกว่าสภาพของตนในตอนนี้นั้นย่ำแย่มาก หัวรู้สึกปวดและหนักอึ้ง คอเองก็เจ็บแสบรู้สึกเหมือนอักเสบ รับรู้ได้ว่าอากาารย่ำแย่ลงกว่าเดิมมาก แต่เขาที่เป็นผู้นำของเผ่าต้องเป็นเสาหลักให้ทุกคน ถ้าเรื่องที่ว่าเขาป่วยแพร่ออกไปล่ะก็ มันจะเกิดอะไรขึ้นกัน?

“เอาล่ะ มีอะไรเกิดขึ้นตอนที่ฉันหลับหรือเปล่า?”

จ้าวผานที่ได้ยินดังนั้นก็กล่าวถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเช้าให้ฟังในทันที หลังจากที่หลัวจี๋ฟังจบ เขาก็พยักหน้า “นายทำดีแล้ว ไข้หวัดไม่ใช่โรคอะไรร้ายแรง รักษาอุณหภูมิในค่ายชั่วคราวให้อุ่นก็พอ ไม่ต้องหวงถ่านและอาหาร ให้น้ำซุปไม่ก็น้ำร้อนคนป่วยพวกนั้นตลอด”

การยืนยันของหลัวจี๋นั้นทำให้จ้าวผานที่ยังรู้สึกเป็นกังวลอยู่ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก และในขณะเดียวกันเขาก็จดคำแนะนำไปด้วย ความมั่นใจของจ้าวผานพุ่งขึ้นมาก

“เอาล่ะ ฉันต้องขอนอนพักอีกหน่อย พวกนายออกไปก่อนเลย” หลังจากมองดูทั้งสองคนเดินออกไป หลัวจี๋ก็นวดขมับ เขามึนหัวมากจนไม่สามารถตั้งสมาธิ เขาคิดขึ้นมา “ระบบ ฉันขอล็อกเอ้าท์…”

คำเตือนจากระบบ: กำลังตรวจสอบสถานะของผู้เล่น 'หลัวจี๋' ในขณะนี้ กรุณารอสักครู่

คำเตือนจากระบบ: ผู้เล่น 'หลัวจี๋' ออกจากระบบไม่สำเร็จ

“บ้าเอ้ย!” คำเตือนจากระบบติดต่อกันแทบจะทำให้หลัวจี๋หัวระเบิด แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่น “ถ้าป่วยแล้วจะออกไปรักษาตัวค่อยกลับเข้ามาก็ไมไ่ด้อย่างนั้นเหรอ?”

ถ้าเป็นแบบนี้ ผู้เล่นที่มีสถานะผิดปกติอะไรก็ตามจะไม่สามารถ “ล็อกเอ้าท์” ได้ หลัวจี๋โดนระบบตอกหน้าเข้ากับความคิดที่จะใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นี้

มือที่กุมหัวอยู่นั้นหนักอึ้งราวกับถือถุงปูนเอาไว้ หลัวจี๋ส่งข้อความไปหาเกาซู่ “ฉันป่วยหนักมาก รู้สึกเหมือนกำลังจะตายเลย”

เขาส่งไปอย่างนั้นหวังว่าเกาซู่จะมีทางออก แต่…

“รักษาตัวให้อบอุ่นเอาไว้ ดื่มน้ำเยอะๆ โชคดี” เห็นได้ชัดว่าในยุคสมัยนี้นั้น ไม่มีใครทำอะไรกับไข้หวัดได้

“บ้าเอ้ย!” เขาสบถออกมาอีกครั้งก่อนจะนอนลงไปอีกครั้ง จะทำอะไรได้อีกนอกจากดื่มน้ำและนอนพักผ่อน? สุดท้ายแล้วไข้หวัดก็คือไข้หวัด เขาไม่คิดว่าไข้หวัดจะฆ่าเขาได้ แต่ถึงอย่างนั้นทำไมเขาถึงส่งข้อความไร้สาระแบบนั้นไปหาเกาซู่กัน? คิดในแง่ร้ายเกินไปรึเปล่า…

เอาเถอะ เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าก็เพื่อทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นนิดหน่อย ถ้าจะบอกว่าเขาไม่รู้สึกร้อนรนก็คงเป็นเรื่องโกหก แต่ว่าเขาต้องวางงานลงเพื่อชีวิตของเขาและพักผ่อนเพื่อที่จะได้รักษาตัวไวๆ

“หลังจากนี้ไปเราต้องพยายามพัฒนาการแพทย์ของเผ่าแล้วสิ จะว่าไปแล้ว เราต้องทำยังไงกันแน่? เฮ้อ ปวดหัวจริงๆ คิดไม่ออกเลยซักนิด เดี๋ยวสิ! เราต้องพักผ่อนไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงคิดถึงเรื่องนี้อีกล่ะ? อ๊าา! น่าหงุดหงิดจริงๆ!”

หลังจากที่เขาทำให้ตัวเองต้องปวดหัวอีกหลายครั้ง หลัวจี๋ก็หลับลงในที่สุด….

ในขณะเดียวกัน อีกฝั่งหนึ่ง ภายในป่าของเผ่าหมิงจิ่ง มีกลุ่มคนที่ไม่ได้รับเชิญบุกเข้ามา ในตอนที่พวกเขากำลังจะเข้าไปลึกกว่านี้นั้นเองก็มีเสียงผิวปากดังมาแต่ไกลก่อนที่บางอย่างจะปลิวเข้ามา!

ไม่มีเวลาจะตอบสนองได้ทันก่อนที่ก้อนหินขนาาดเท้ากำบั้นจะกระแทกเข้ากับต้นไม้ตรงหน้าพวกเขาด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อจนทำให้เกิดรอยบุ๋มที่บนลำต้น!

“ศัตรู! มีศัตรู!” การโจมตีอย่างกะทันหันนี้ทำให้คนเถื่อนที่เดินอยู่หน้าสุดต้องหลั่งเหงื่อเย็นออกมา หากเขาก้าวไปอีกก้าว หินคงจะไม่ได้กระแทกเข้ากับต้นไม้แต่เป็นหัวของเขา! เมื่อรู้สึกตัวเขาก็ตะโกนออกมาทำให้ป่าอันเงียบสงัดนี้มีเสียงดังขึ้นมาบ้าง

“หยุดตะโกนได้แล้ว พวกเจ้าถูกล้อมแล้ว” เสียงอันไร้อารมณ์ดังขึ้นมาก่อนที่จ้าวผานจะเดินออกมาหลังต้นไม้ สลิงในมือของเขายังคงหมุนติ้ว เตรียมพร้อมจะลงมือตลอดเวลา

ในขณะเดียวกัน คนเถื่อนที่บุกเข้ามาในป่าแห่งนี้โดยบังเอิญก็รับรู้จากจ้าวผานว่าพวกเขาถูกล้อมไว้แล้ว!

นักรบของเผ่าเดินออกมาจากทั้งหน้าและหลังพร้อมอาวุธในมือ พื้นที่รอบๆเผ่าหมิงจิ่งนั้นก็เหมือนกับสวนหลังบ้านของพวกเขา แทบจะในทันทีที่คนเถื่อนพวกนี้บุกเข้ามา พวกเขาก็รับรู้และรายงานให้จ้าวผานที่อยู่ในค่าย

จ้าวผานไม่รีบร้อน ในยุคสมัยนี้เขาต้องมีหลักประกัน! หลัวหย่งคอยอยู่ในค่ายเพื่อปกป้องคนในเผ่า ในขณะที่เขาพานักรบคนอื่นๆพร้อมด้วยความเชี่ยวชาญในพื้นที่ป่ารอบๆเพื่อล้อมผู้บุกรุกเหล่านี้

นี่เป็นเพียงการล้อมศัตรูด้วยความได้เปรียบจากความคุ้นชินด้านภูมิประเทศ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังลอบถอนหายใจเมื่อมันสำเร็จ

“วางอาวุธในมือลงแล้วก็ลงไปหมอบลงกับพื้นพร้อมกับเอามือไว้บนหัว ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าได้ตายแน่ ข้าบอกได้เลยว่าพวกเจ้าไม่มีโอกาสชนะ…” จ้าวผานเรียนรู้สิ่งนี้มาจากหลัวจี๋ และน้ำเสียงของเขาทำให้ไม่สามารถขัดขืนได้ และในขณะเดียวกัน นักปาหินที่ยืนอยู่ทั้งสี่มุมก็เริ่มเล็งสลิงในมือพร้อมๆกัน

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่กำลังจ้องมองมา ไม่ว่าจะเป็นภาพลวงตาหรือความกลัว ในตอนนั้นเองพวกเขาก็รู้สึกถึงความต่างชั้นของกำลังได้อย่างชัดเจนและไม่ขัดขืน ไม่มีใครคิดจะตุกติกอะไรโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน พวกเขาค่อยๆโยนแท่งไม้ในมือลงพื้นทีละคนๆ

เมื่อเห็นดังนั้น จ้าวผานก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนจะพยักหน้าให้นักรบคนหนึ่งเตะไม้บนพื้นออกไปก่อนที่เขาจะพูดออกมาด้วยความเย็นชา “ลงมือ!”

เมื่อพูดจบ กระสุนหินหนักอึ้งก็ปลิวออกมาพร้อมๆกัน คนเถื่อนที่ยอมแพ้ไปแล้วก็ไม่มีแม้แต่เวลาจะตอบสนองกับความเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ก่อนจะถูกหินที่ปลิวเข้ามากระแทกเข้าเต็มหัว

มันคือการสังหารหมู่อย่างไร้ปรานี เป้าหมายคือคนเถื่อนที่ยอมแพ้ไปแล้ว นักรบของเผ่าบางส่วนขมวดคิ้วด้วยสีหน้าที่ดูซับซ้อน แต่ไม่มีใครลังเล นั่นก็เพราะคำสั่งของจ้าวผานนั้นชัดเจนตั้งแต่ต้นจนจบ ล้อมและฆ่าให้หมด!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด