ตอนที่แล้วEp.168 - พาเสี่ยวไป๋ออกสู้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.170 - นี่มันง่ายเกินไป

Ep.169 - เด็กสาวทึ่ม


2/3

Ep.169 - เด็กสาวทึ่ม

เสี่ยวไป๋ไม่กล้าปฏิเสธ

ในความคิดของเธอ คำสั่งจากผู้บังคับบัญชาถือเป็นคำขาด

ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องเชื่อฟังคำสั่งทั้งหมดของผู้บังคับบัญชาอย่างไม่มีเงื่อนไข

เสี่ยวไป๋คิดว่า เนื่องจากเธอจำเป็นต้องพึ่งพาฮังอวี่ ดังนั้นเธอต้องทำตัวเองให้มีค่าเหมาะสมกับฮังอวี่

เฉกเช่นเดียวกับผู้น้อยที่อาศัยอยู่ในดินแดนของผู้ใหญ่ เธอต้องจ่ายส่วยให้เจ้านายใหญ่และเชื่อฟังคำสั่งเขา มิฉะนั้นอาจถูกขับไล่ เนรเทศออกจากดินแดนได้

เธอจำเป็นต้องพิสูจน์คุณค่าของตัวเอง!

เด็กสาวไม่ต้องการถูกฮังอวี่ทอดทิ้ง!

โลกใบนี้แปลกประหลาดเกินไปสำหรับเธอ

เสี่ยวไป๋สื่อสารกับผู้คนไม่เก่ง ไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่เธอยังไม่รู้ภาษา การได้รับความคุ้มครองและอยู่ในคฤหาสน์เก่าของฮังอวี่ถือเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับเธอ

เมื่อได้ยินแผนการ

หมาหวังเอ๋อแข้งขาอ่อนแรงทันที

ในทางกลับกัน เสี่ยวไป๋เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้

ฮังอวี่อดรู้สึกตลกไม่ได้ ท่าทีของทั้งสองช่างแตกต่างกันเหลือเกิน

ปัจจุบันยังไม่ทราบว่าเสี่ยวไป๋มาจากดินแดนแห่งใด

ภูมิภาคต่างๆในโลกวิญญาณมีอารยธรรมแตกต่างกัน

นอกจากนี้ยังรวมไปถึงลักษณะทางเชื้อชาติ ที่ทำให้มีบุคลิกต่างกันไป

ฮังอวี่พบว่าเสี่ยวไป๋เป็นเหมือนกระดาษขาวที่ยังไม่ถูกแต่งแต้มสี นี่แสดงว่าเธอพึ่งปลุกภูมิปัญญาได้ไม่นาน และสถานะในภูมิภาคของเธอไม่น่าสูงส่ง ทักษะทางสังคมของเธอจึงอ่อนแอ และมีอาการขาดกลัวบางอย่างจากจิตใต้สำนึก ทำให้เมื่อยอมจำนนแล้วจะยอมทุกอย่าง ยินดีรับงานหนักโดยไม่ปริปากบ่น

แม้ในใจเขาคิดว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆเช่นเธอไม่ควรเก็บตัว

แต่ด้วยบุคลิกที่อ่อนแอของเสี่ยวไป๋กลับช่วยให้ฮังอวี่ลำบากน้อยลง

เพราะหากเสี่ยวไป๋เป็นเจ้านายใหญ่จากโลกวิญญาณ บุคลิกเธอคงดุร้ายและวางอำนาจ หากเป็นเช่นนั้น ฮังอวี่คงไม่กล้าพาเธอกลับบ้านแน่นอน

หากลักษณะนิสัยของเสี่ยวไป๋เป็นประเภทอยู่ไม่นิ่ง ตื่นตัวตลอดเวลาเหมือนหวังเอ๋อ ชีวิตต่อไปในอนาคตของฮังอวี่คงปราศจากคืนวันอันสงบสุข

“พวกเรามาถึงแล้ว”

“เนินเขามดสมควรอยู่ข้างหน้า”

เนินเขามดในอดีตเป็นเพียงภูเขาเตี้ยธรรมดาๆ

แต่ตอนนี้มันขยายตัว เหมือนลูกโป่งที่ถูกเป่าลม พืชบนภูเขาเกือบทั้งหมดเหี่ยวเฉา มองไกลๆคล้ายเส้นผมบางๆของอาจารย์สอนคณิตศาสตร์ในโรงเรียนมัธยมบางแห่ง

และตอนนี้บนเนินเขาปกคลุมไปด้วยโพรงมด และรอบๆสามารถมองเห็นมดจำนวนมากกำลังเคลื่อนไหว

“ก็แค่มอนสเตอร์เลเวลต่ำ”

เสี่ยวไป๋ตั้งท่าจะลงมือ

ฮังอวี่คว้าแขนเด็กสาวจากโลกวิญญาณเอาไว้ เมื่อเห็นว่าศัตรูอ่อนแอกว่าก็จะลงมือทันที โดยไม่สนสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป ทำไมเธอถึงได้ทึ่มแบบนี้?

“เสี่ยวไป๋อย่าใจร้อน รู้รึเปล่าว่ามีมดยักษ์อยู่ข้างในนั้นกี่ตัว เธอจะรับมือกับพวกมันทั้งหมดได้หรอ? พวกเราไม่ได้มาที่นี่เพื่อกำจัดศัตรูทั้งหมด เป้าหมายของพวกเรามีแค่หัวหน้าใหญ่ของพวกมัน”

เสี่ยวไป๋ชะงักไปครู่หนึ่ง

ถึงจุดนี้ เธอพึ่งนึกขึ้นได้ว่าตนสูญเสียพลังรบส่วนใหญ่ไป

ฮังอวี่ปวดหัวไปพักหนึ่งเมื่อต้องเผชิญกันพฤติกรรมและสีหน้าที่ดูเหลอหลาของเสี่ยวไป๋

ในตอนที่ข้ามโลกวิญญาณ สมองของเธอใช่หล่นหายอยู่ในรอยแยกมิติหรือไม่?

ดูเหมือนว่าสิ่งที่เธอสูญเสียจากการข้ามโลกจะไม่ใช่แค่ความแข็งแกร่ง แต่รวมไปถึงสติเช่นกัน

ตรงกันข้าม หมาหวังเอ๋อที่แสนขี้ขลาดมีไหวพริบมาก

มันไม่จำเป็นต้องได้รับคำสั่งจากฮังอวี่

ขณะนี้ยืดคอและเริ่มตรวจสอบทันที

“ฮ่ง! รายงายเจ้านาย เปิ่นหวังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายทรงพลังเล็ดลอดออกมาจากส่วนลึกของเนินเขา แต่ต้องเข้าไปใกล้ๆเพื่อระบุตำแหน่งที่แน่ชัด”

ฮังอวี่พยักหน้า “เสี่ยวไป๋ เปิดใช้ฝุ่นลวงตา พวกเราจะบุกเข้าไปในเนินเขา”

เสี่ยวไป๋นิ่งค้างเป็นเวลาสองวินาที

จากนั้นถึงค่อยตอบสนองว่าฮังอวี่พึ่งพูดกับตัวเอง

เธอรีบเปิดใช้งานสกิลขั้น 3 ‘ฝุ่นลวงตา’ สยายปีกผีเสื้อที่บางและโปร่งแสงราวภาพฝัน ทั้งร่างเริ่มสาดแสงเรืองรอง แพร่กระจายออกไปทุกทิศทาง ฝุ่นที่เหมือนภาพเซ็นเซอร์ปกคลุมรัศมีกว่าสองร้อยเมตร

เสี่ยวไป๋ดูเก้ๆกังๆ

ฮังอวี่กังวลว่าเธอจะทำผิดพลาด จึงคอยสั่งเป็นระยะๆ ย้ำเสี่ยวไป๋ว่าทำให้พวกมดยักษ์สับสนก็พอ แต่อย่าโจมตี

จากนั้น เขาเริ่มเดินออกไปพร้อมกับสองผู้ใต้บังคับบัญชา เมื่อเข้าใกล้เนินเขา พบว่ามีมดยักษ์อยู่ทุกหนแห่ง หนาแน่นเป็นหลักร้อยหลักพันตัว และแต่ละตัวมองใกล้ๆน่าสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง

หมาหวังเอ๋อประสาทตึงเครียด ขนบางส่วนเริ่มหลุดร่วง

เสี่ยวไป๋ยังคงรักษาท่าทีทึ่มๆ ดูน่ารักตามแบบฉบับของเธอ

อย่างน้อยเธอก็เป็นถึงเจ้านายจากโลกวิญญาณ ดังนั้นพวกมดยักษ์ไม่อยู่ในสายตา

ไม่ช้าหวังเอ๋อก็พบว่ามดพวกนี้ไม่สนใจมันเลย ดูเหมือนสิ่งที่ตนกังวลจะไม่จำเป็น

แม้เสี่ยวไป๋จะดูทึ่ม แต่ภายใต้คำสั่งของเจ้านายที่ชาญฉลาด เธอสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดี สะกดความก้าวร้าวของฝูงมด ช่วยให้พวกเขาไม่ถูกปิดล้อม

สองคนหนึ่งหมาเดินลึกเข้ามาในอาณานิคมมด

มดยักษ์ที่อยู่ในรัศมีถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นลวงตา ไม่ตอบสนองต่อการมาเยือนของพวกเขาเลย

“ฮ่ง เจ้านาย นี่มันวิเศษจริงๆ มอนสเตอร์พวกนี้เหมือนกลายเป็นหูหนวกตาบอดเลย!”

เมื่อเห็นว่ามดยักษ์ไม่โจมตี หวังเอ๋อก็เริ่มฮึกเหิม ระหว่างเดินผ่านหน้ามดดำยักษ์ มันยื่นจมูกไปใกล้ๆ และยกอุ้งเท้าหมาขึ้นจะเขี่ยหนวดมดยักษ์

ส่วนเสี่ยวไป๋ยังคงมุ่งไปข้างหน้า ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

ฮังอวี่รีบหยุดไม่ให้สุนัขทำตัวโง่เขลา

“ต้องให้อธิบายอีกกี่ครั้งเจ้าหมาโง่อย่างนายถึงจะเข้าใจ อย่าทำในสิ่งที่ไม่ได้บอกให้ทำ!” เขาดึงหูหวังเอ๋อ “มดยักษ์พวกนี้ไม่ได้ถูกสะกดจิต พวกมันแค่สับสนชั่วคราว ถ้าถูกกระตุ้นหรือโดนโจมตี พวกมันจะได้สติกลับมา”

หมาหวังเอ๋อรีบพูด “ฮ่ง เปิ่นหวังเข้าใจแล้ว แต่ตอนนี้เจ้านายโปรดเมตตา!”

ฮังอวี่ปล่อยหูฮัสกี้แล้วเอ่ยถามเสี่ยวไป๋ที่อยู่ข้างๆ “ฝุ่งลวงตาของเธอยังอยู่ได้อีกนานแค่ไหน?”

เสี่ยวไป๋นิ่งงันอีกครั้ง คล้ายไม่ได้ยินคำถาม

ฮังอวี่ดีดหน้าผากเธอ

เสี่ยวไป๋ตื่นจากอาการมึนงง

ฮังอวี่เกิดความสงสัยว่าทำไมเด็กสาวคนนี้ถึงดูเหมือนเครื่องจักรอย่างไรอย่างนั้น

เธอไม่ขยับซักพัก ยืนนิ่งโดยอัตโนมัติ  หรือว่าจะมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับเธอกัน?

เสี่ยวไป๋ดูงงๆ แต่ไม่กี่วินาทีต่อมาเธอก็นึกได้ว่าถูกถาม ตอบทันที “ถ้าอิงตามอัตราสิ้นเปลืองในในตอนนี้ คิดว่าอาจอยู่ได้อีก 10 นาที”

เด็กสาวตัวน้อยจากโลกวิญญาณพูดอย่างไม่รีบร้อน แต่คำตอบของเธอกลับทำให้ ฮังอวี่และหวังเอ๋อต้องตกใจ

นั่นมันอยู่ได้อีกแค่ไม่นานไม่ใช่หรอ?

หากจู่ๆหมดลงอย่างกะทันหัน สองคนหนึ่งสุนัขไม่ถูกฝูงมดรุมทึ้งจนตายหรือ?

ฮังอวี่เอ่ยถาม “แล้วทำไมเธอไม่บอกแต่แรก?”

เสี่ยวไป๋กระพริบตาที่ดูไร้เดียงสาของเธอ “ก็เจ้าไม่ได้ถาม”

ฮังอวี่รู้สึกปวดสมองอีกครั้ง เรื่องแบบนี้ยังต้องถามอีกหรอ? พวกเราอยู่กลางอาณานิคมมด แล้วถ้าจู่ๆสกิลหมด พวกเราจะหนียังไง!

หมาหวังเอ๋อขี้ขลาด บางครั้งก็กวนโมโห

เสี่ยวไป๋ดูทึ่ม และเหมือนสติไม่อยู่กับตัว

ฮังอวี่เกิดความรู้สึกว่าถ้าไม่มีทั้งสอง โลกอาจอยู่ง่ายขึ้นเยอะ

อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่ไม่คิดตำหนิเสี่ยวไป๋ ตลอดมา เด็กสาวใช้ชีวิตอยู่ลำพังในโลกวิญญาณ ไม่มีสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาอยู่รอบตัวเธอ จะมีก็แต่พวกคนรับใช้ที่พูดคุยไม่ได้ ดังนั้นทักษะทางสังคมจึงไม่ค่อยดีนัก การมีอุปสรรคทางการสื่อสารจึงเป็นเรื่องเข้าใจได้

ด้วยการที่เวลาเหลือน้อย นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องรีบแล้ว

ไม่งั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้คงน่าสยองจนไม่กล้าจินตนาการ!

หวังเอ๋อเองก็ตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ มันไม่รอช้าเร่งนำทางทั้งสองลึกเข้าไปในรังมด

มดดำยักษ์มีขนาดใหญ่กว่าแกะโตเต็มวัย

ราชามดทองคำมีขนาดใกล้เคียงกับวัวควาย

เนื่องจากมดมีขนาดใหญ่ ดังนั้นโพรงมดที่ขุดจึงมีขนาดใหญ่เช่นกัน

แสงที่แผ่ออกมาจากร่างของเสี่ยวไป๋เพียงพอที่จะส่องสว่างท่ามกลางสภาพแวดล้อมอันมืดมิด

ระหว่างทางฮังอวี่มองสำรวจรังมด

และพบว่าขนาดของมันไม่เล็กเลย!

โพรงมดหลายสายเชื่อมต่อกัน โครงสร้างของพวกมันดูซับซ้อน และมีมดยักษ์อยู่ทุกหนแห่ง!

ฮังอวี่เปิดใช้งานสกิลล่องหนในตอนเคลื่อนผ่านพื้นที่ที่มีมดยักษ์รวมตัวกันหนาแน่น  ฮัสกี้กลับเข้ามิติสัตว์วิญญาณชั่วคราว ส่วนเสี่ยวไป๋ใช้ความสามารถเปลี่ยนร่างย่อส่วนตัวเองให้กลายเป็นผีเสื้อขนาดเท่าฝ่ามือ กระพือปีกไล่ตามฮังอวี่ไป

ยิ่งเข้าไปลึก ฮังอวี่ก็ยิ่งรู้สึกว่าทางยิ่งแคบ เขาเอ่ยถามหวังเอ๋อว่ายังไม่ถึงอีกหรอ?

หวังเอ๋อรีบตอบ “ใกล้แล้วเจ้านาย อยู่ข้างหน้านี่เอง”

เมื่อฮังอวี่เดินผ่านโพรงถ้ำที่เป็นทางยาวและแคบ ในที่สุดเขาก็มาถึงใจกลางรังมด และข้างในนั้น มีมดยักษ์สีทองสามตัวยืนอยู่คนละมุม

สามราชามดยักษ์ทองคำ!

มอนสเตอร์ชั้นยอดขั้นโกลด์สามตัว!

แต่ราชามดยักษ์ทั้งสามตัวไม่ใช่ประเด็น

สิ่งที่ดึงดูดสายตาของฮังอวี่คือก้อนเนื้อยักษ์ที่อยู่ท่ามกลางราชามดยักษ์ทั้งสาม ...