ตอนที่แล้ววันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0037
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0039

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0038


บทที่ 15 ภูตภูเขา (1)

* * *

ในคืนนั้น OWIC ช่วยเก็บกวาดศพฮาวนด์ทั้งหมด

บริษัทต้องมีอิทธิพลมากแค่ไหนกัน?

เป็นแค่บริษัทในเกาหลีจริงหรือ?

วันนั้นฉันไม่พร้อมในหลายๆ ด้าน จึงไม่สามารถทดสอบได้เท่าที่ต้องการ และต้องหยุดไปกลางคันเพราะความล้า

จริงอยู่ โคลด์ฟรอสต์สามารถเยียวยาอาการล้าทางกาย แต่จิตใจยังคงต้องการพักผ่อนอยู่ดี

วันถัดมา ฉันเดินทางกลับกรุงโซลทันที จุดหมายคือร้านหนังสือสาขาใหญ่ในย่านชงโน

“หักกับส่วนลด… ทั้งหมด 64,000 วอนค่ะ มีพอยต์การ์ด*ไหมคะ?” (Point Card)

“พอยต์การ์ด? ไม่มีครับ ไม่เป็นไร”

ขณะย้อนถาม ฉันฉุกคิดบางสิ่ง

น่าแปลกที่ฉันปรับตัวเข้ากับกรุงโซลได้ดีทั้งที่อยู่ในต่างโลกมานาน ถึงบางครั้งจะสับสนในรายละเอียดเล็กๆ ไปบ้างก็ตาม

คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะได้ตระเวนไปตามร้านหนังสือมากขนาดนี้

คู่มือการอ่านแผนที่, คู่มือการปฐมพยาบาลในสภาพแวดล้อมจำกัด, ไปจนถึงเอกลักษณ์ทางระบบนิเวศน์ของต่างโลก

มีสิ่งที่ต้องศึกษาเพิ่มเติมมากกว่าที่คิด

สมัยยังดิ้นรนในต่างโลก ย่อมไม่มีร้านหนังสือให้เข้า ฉันต้องเผชิญหน้ากับทุกสิ่งด้วยร่างกาย และค่อยๆ แก้ไขปัญหาด้วยสัญชาตญาณ

แต่ปัจจุบันไม่ต้องทำแบบนั้นอีกแล้ว

เมื่อเสร็จธุระ ฉันข้ามประตูมิติกลับต่างโลก

“อ๊ะ! คุณหัวหน้ากิลด์! อรุณสวัสดิ์ค่า~”

“ที่โซลเที่ยงแล้วนะ”

ยุนมินจี พนักงานสาวของโรงแรมที่เคยถูกฮาวนด์สองคนตามตื๊อ กำลังหาวอย่างเกียจคร้านในชุดผ้ากันเปื้อน

“ต่างโลกเพิ่งจะเช้าเอง พระอาทิตย์เพิ่งขึ้น ฉันยังง่วงอยู่เลย”

“ว่าแต่ อะไรคือคุณหัวหน้ากิลด์?”

“ก็คุณเป็นหัวหน้ากิลด์นี่นา กิลด์นักสำรวจน่ะ”

ใช่ที่ไหนกัน ฉันแค่ตั้งเอาฮา ไม่ได้คิดจะตั้งกิลด์จริงจังสักหน่อย

“กิลด์ที่มีแค่หัวหน้ากิลด์ ไม่ฟังดูแปลกไปหน่อยหรือ”

“หมายความว่าคุณสามารถจัดการปัญหาได้ด้วยตัวคนเดียวไงคะ นั่นคือคุณซอนฮูที่ฉันรู้จัก… ไอ้ประธานเวรนั่นถูกตัดสิทธิ์การเป็นเจ้าของโรงแรมก็เพราะคุณ”

กลุ่มคนงานในเบสแคมป์รู้จักฉันเป็นวงกว้าง

คล้ายกับตลาดหรือห้างเล็กๆ ในย่านเงียบสงบ ซึ่งมักจะรู้จักหน้าตากันหมด เมื่อมีร้านเปิดใหม่ ทุกคนก็จะให้ความสนใจ

“มินจีอยู่ในต่างโลกได้นานเหมือนกันนะ”

“ถ้าสุขภาพดีก็อยู่ได้เป็นเดือนค่ะ และถ้าเริ่มเวียนหัวก็แค่กลับไปนอนที่โซลสักคืน ทำไงได้ ยุคนี้ถ้าอยากรวยก็ต้องขยันเข้าไว้”

มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถทนพิษได้นาน ส่วนหนึ่งเพราะผู้คนในวงการต่างโลกก็มีไม่มากอยู่แล้ว จากบรรดาประชากรหลายสิบล้าน เหลือเพียงหยิบมือเดียวที่ผ่านการคัดกรองและสามารถทนพิษ

เมื่อลองมาคิดดู ชาโซฮีก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน

“นั่นหนังสืออะไรคะ? เล่มหนามาก”

ยุนมินจีชี้ไปยังหนังสือสามเล่มที่ฉันกอดอยู่

<ประวัติศาสตร์คันธนูสมัยใหม่>

<นิยามของนักธนู>

<ประวัติศาสตร์อาวุธ – ยุคกลาง, ตีพิมพ์ฉบับใหม่>

มีเหตุผลไม่ซับซ้อนที่ซื้อพวกมันมา

สมบัติทองคำชิ้นแรกที่ฉันหาพบคือคันธนู

“คุณอ่านหมดนี่เลยหรือ? งานอดิเรกของผู้ชายสินะคะ”

“ผมซื้อมาทำงานครับ ทำงาน”

ยุนมินจีปิดปากหัวเราะ

“แวะมากินข้าวเที่ยงบ้างนะคะ พักนี้ไม่ค่อยเห็นหน้าเลย”

“ถ้ามีเวลาล่ะนะ”

หลังจากทักทายพอเป็นพิธี ฉันเดินออกจากรั้วหมู่บ้านและตรงไปยังกระท่อม

กระท่อมของฉันอยู่ท่ามกลางต้นไม้กลุ่มใหญ่ แต่ถ้าจะเรียกแถบนี้ว่าป่าก็คงเขินตัวเองพอสมควร

อย่างไรดี บรรยากาศรอบๆ ทั้งสดชื่นและผ่อนคลาย

“มาแล้วหรือ”

ลิลี่ที่กำลังทำสวน กล่าวทักทายฉัน

พูดตามตรง แบบนี้ก็ไม่เลว การออกสำรวจตามลำพังมักเกิดปัญหาด้านความโดดเดี่ยว ยากจะที่จะรักษาสภาพจิตใจไว้ได้หากไม่สนทนาโต้ตอบกับใครสักคนอย่างต่อเนื่อง

กล่าวคือ เธอเป็นประโยชน์กับฉันมากในเรื่องนี้

“สวนเป็นยังไงบ้าง? ราบรื่นไหม”

ลิลี่พยักหน้าและมองไปทางสวนที่เต็มไปด้วยเมล็ดพันธุ์

พวกมันถูกนำมาจากหมู่บ้านทางใต้

เมื่อกลับมาถึง สิ่งแรกที่ฉันทำคือการหว่านเมล็ดและเกลี่ยหน้าดิน

แทนที่จะออกไปรวบรวมทุกครั้งที่อยากได้ การปลูกเองจะเปลืองแรงน้อยกว่า

ลิลี่บอกว่าเธอชอบทำสวนเป็นงานอดิเรก

เมื่อลองย้อนนึกดู นี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพียงแต่เป็นภาพลักษณ์ที่ค่อนข้างเหนือความคาดหมาย

เพราะก่อนหน้านี้ ภาพจำของลิลี่คือแวมไพร์ที่ชอบใช้ความรุนแรง

“ดูนี่สิ”

ในทิศทางปลายนิ้วลิลี่ มีหน่อของต้นหนึ่งผุดขึ้นจากกองดิน ใบหน้าหญิงสาวเผยรอยยิ้มเจือจาง

การที่ลิลี่รักงานทำสวน หมายความว่าฉันสามารถฝากให้เธอดูแลแทนได้

และเมื่อภาระของฉันลดลงไปหนึ่งเรื่อง เวลาว่างก็จะมากขึ้น

“แต่เห็ดเรืองแสงที่เจ้านำกลับมาด้วย อันนั้นน่าจะต้องเพาะในห้องใต้ดิน”

หรือกล่าวได้ว่า ถ้าจะเพาะเห็ดที่โตในป่าชุ่มน้ำ ก็ควรสร้างสภาพแวดล้อมให้มืดและชื้น

เธอเคยนำสปอร์มาทดลองหลายครั้ง แต่ก็ล้มเหลวทั้งหมด

ห้องใต้ดินสินะ

ฉันพอจะรู้วิธีทำอยู่

แต่คงต้องเอาไว้ก่อน เพราะตอนนี้มีสิ่งที่สำคัญกว่า

ฉันแงะอัญมณีสีเขียวออกจากเข็มชี้สีทองและถือไว้ในมือ

จากนั้นก็เพ่งสมาธิ

ซู่ว!

แสงสว่างเล็ดลอดจากช่องว่างนิ้วมือ กลายเป็นคันธนูที่งดงาม

ลิลี่ลุกขึ้นยืนและมองมาทางฉัน

“ลิลี่ เธอรู้อะไรเกี่ยวกับสมบัติชิ้นนี้บ้าง”

“สมบัติทองคำ… หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ‘หลักฐานของผู้ปกครอง’ เป็นสัญลักษณ์ของผู้ปกครองทั้งสิบสอง”

“ถ้าอย่างนั้น ฉันก็ต้องมีสมบัติของคำของตัวเองด้วยใช่ไหม? เธอเคยบอกว่าฉันคือนักล่า”

“มีแน่นอน ข้ากับเจ้าต้องช่วยกันหาให้พบ”

กลับมามองคันธนู ฉันสำรวจอย่างตั้งใจพร้อมกะเกณฑ์น้ำหนัก

สีทองแต่ไม่เจิดจ้า เป็นสีทองมันวาวอันงดงาม

เมื่อลองนำกึ่งกลางคันธนูมาตั้งบนนิ้ว มันไม่โงนเงนแม้แต่น้อย เรียกได้ว่าจุดศูนย์ถ่วงสมบูรณ์แบบมาก

จินตนาการไม่ออกเลยว่า ใครจะสร้างของแบบนี้ขึ้นมาได้

หรือในต่างโลกจะมีพระเจ้าอยู่จริง?

ปริศนาดังกล่าวกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของฉัน

“ถ้าอย่างนั้น ธนูคันนี้เป็นหลักฐานของผู้ปกครองคนใด”

“ข้าก็ไม่ได้รู้เกี่ยวกับผู้ปกครองทั้งหมด แต่เคยได้ยินว่ารูปทรงคันธนู คือหลักฐานของนักพเนจร”

“…ถ้าได้ใช้งานสมบัติของตัวเองก็จะดีที่สุดใช่ไหม?”

ลิลี่พยักหน้า

“บันทึกทุกฉบับเขียนตรงกันว่า มีเพียงผู้ปกครองที่ถูกต้องเท่านั้นจึงจะดึงพลังของสมบัติออกมาได้เต็มประสิทธิภาพ ข้าก็ไม่แน่ใจว่าจริงเท็จมากน้อยแค่ไหน”

ลิลี่เคยบอกว่าฉันมี ‘โฉมนักล่า’

ถ้าได้ครอบครองหลักฐานของนักล่า ก็จะดึงพลังทั้งหมดออกมาใช้ได้

กลับมาสนใจธนูอีกครั้ง ลิลี่บอกว่าสมบัติชิ้นนี้คือหลักฐานของนักพเนจร

“โฉมนักพเนจรสินะ”

ซอจีอารู้คุณค่าของสิ่งนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าเธอจะเคยใช้งานมัน

“…หืม”

แต่พูดตามตรง ฉันไม่ค่อยสนใจเรื่องของผู้ปกครองสักเท่าไร

สิ่งสำคัญในตอนนี้ก็คือ ในเมื่อได้ครอบครองสมบัติ ก็ต้องคิดหาวิธีใช้งานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ฉันเปิดหนังสือและกวาดตาไปตามภาพลูกศรชนิดต่างๆ

จากนั้นจินตนาการในหัว

วาบ!

กลุ่มแสงมารวมตัวกันที่มือซ้ายและยืดออกจนกลายเป็นลูกศร ฉันคว้าไว้ก่อนที่มันจะตกพื้น

อาจเสียเวลาสร้างลูกธนูอยู่บ้าง แต่ระยะเวลาที่ใช้ก็น้อยมากจนแทบไม่รู้สึก

อันดับแรกฉัน เล็งส่งๆ ไปยังต้นไม้ต้นหนึ่ง

ซู่ว! ซู่ว! ซู่ว! ซู่ว! ซู่ว!

ฉันรัวมือดึงสายธนูด้วยความเร็วสูงโดยไม่สนใจความแม่นยำ ลูกศรจำนวนมากถูกสร้างขึ้นตามจังหวะของมือที่ดึงสาย

ลูกศรที่ยิงออกไปจะสลายตัวภายในหนึ่งถึงสองนาที

กล่าวคือ ไม่สามารถสร้างลูกศรเพื่อเก็บไว้ใช้วันหลัง

ยืนยันได้แล้วว่า คุณสมบัติข้อแรกคือการเสกลูกธนูได้ไม่จำกัด

“สะดวกดี”

ลิลี่แสดงความเห็น และฉันก็คิดตรงกัน

แต่นั่นยังไม่ใช่พลังที่แท้จริงของคันธนู

ฉันลองจินตนาการลูกธนูไฟตามมาตรฐานที่เห็นจากในหนังสือ

ทันใดนั้น

ฉึบ!

มันถูกสร้างในทันที ลูกธนูที่ส่วนปลายพันผ้าชุ่มน้ำมัน

เหมือนกับที่เห็นในหนังสือทุกประการ

แล้วถ้าเป็นแบบนี้ล่ะ…

ฉันจินตนาการถึงอาวุธที่เคยเห็นในหนังสือการ์ตูน

“…จงส่องแสง…!!”

ไม่มีการตอบสนองจากคันธนู

การตอบสนองเดียวคือสายตาเหยียดหยันจากลิลี่

“เจ้ากำลังทำอะไร?”

“ไม่มีอะไร”

ไม่ได้สินะ

(*จงส่องแสง — เป็นคำที่ตัวเอกในการ์ตูนเรื่อง Slayers ตะโกนก่อนเรียกดาบแสง)

หลังจากนั้น ฉันทดลองอีกหลายครั้งจนมั่นใจ

สามารถสร้างได้แค่ลูกธนูที่มีอยู่จริง และต้องเป็นรูปทรงที่ถูกจำแนกว่าเป็นลูกธนู

“ดูเหมือนจะสร้างได้ไม่เกินขอบเขตคำนิยามของลูกธนู”

ลิลี่กล่าวพลางจ้องลูกธนูหัวสามง่ามที่ฉันเพิ่งสร้าง

ไม่ได้บอกลิลี่ไปว่า ฉันพยายามจินตนาการถึงลูกธนูยักษ์ขนาดเท่าหอกลองกินุส หอกเกโบลก์ในตำนานไอริช หรือขีปนาวุธ ICBM ที่เคยเห็นขณะสำรวจอินเดีย

“แค่นี้ก็พอแล้ว”

มันจะมีประโยชน์อย่างมากในอนาคต ลำพังการลดปริมาณสัมภาระก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว แถมศักยภาพก็ยังสูง

กล่าวอีกนัยหนึ่ง สมบัติชิ้นนี้ยังมีช่องว่างให้พัฒนาได้อีก

“จะลองยิงแบบตั้งใจ”

คราวนี้ฉันเล็งไปทางเป้าที่เตรียมไว้ล่วงหน้า

ไม่ใช่การรัวยิงส่งเดช

ปึก!

ไม่ได้กลางเป้า แต่ก็ใกล้เคียง

ลิลี่เดินเข้ามาใกล้

“เจ้ายิงธนูไม่เป็นใช่ไหม”

“ไม่เคยเรียน”

“ลองนี่”

ลิลี่จับแขนและไหล่ของฉันเพื่อแก้ไขท่าทาง

“อย่าหมุนตัวมากเกินไป ไหล่ขนานกัน เหยียดหลังตรง”

ลิลี่ใช้ฝ่ามือกดกลางกระดูกสะบัก ฉันไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังยืนหลังคด

“อย่าดึงสายด้วยแขน ให้ดึงจากแผ่นหลัง ลูกศรวางตรงในระดับสายตา… ถูกต้อง! ยิงได้”

ฟุ่บ!

ลูกศรปักกลางเป้า

“ฝีมือดีกว่าที่ข้าคิด”

“ก็เคยยิงมาบ้าง”

ฉันอาจไม่เคยเรียน แต่เคยใช้ธนูมาไม่น้อยสมัยดิ้นรนในต่างโลก แม้ในระยะหลังจากหันไปพึ่งพากับดักมากกว่าก็ตาม

ฉันนึกทบทวนประสบการณ์เก่าๆ

จากนั้นก็ลองยิงอีกสองสามนัดในท่านั่งและท่าเอี้ยวตัว

“อ้อ… วิถีของพรานป่าสินะ”

“หือ?”

“ข้าไม่น่าไปก้าวก่าย… ไม่มีพรานป่าที่ไหนยืนยิงธนูหลังตรงอยู่แล้ว”

ฉันแค่ยิงในท่าถนัด แต่ดูเหมือนลิลี่กำลังเข้าใจบางสิ่งอยู่คนเดียว

เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ความรู้สึกขณะยิงยอดเยี่ยมมาก ต่อให้ไม่มีพลังพิเศษเพิ่มเติม แต่ก็ถือเป็นคันธนูที่เหมาะแก่การใช้งาน

ขณะฉันตัดสินใจจะพักผ่อนหลังจากเว้นว่างมานาน

“เอ่อ… ยุ่งอยู่ไหมครับ”

ชายวัยกลางคนที่ค่อนข้างเจ้าเนื้อกำลังยืนรอด้านนอกสำนักงาน พิจารณาจากเสื้อผ้า เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ลูกค้าทั่วไป

“สวัสดีครับคุณคังซอนฮู ผมได้ยินเรื่องราวของคุณมามาก”

ชายคนดังกล่าวยื่นนามบัตรพลางชำเลืองมองคันธนูในมือฉัน

“จากที่ได้ยินในข่าวลือ… ผลงานของคุณน่าทึ่งจริงๆ”

ฉันไม่ตอบโต้ เพียงจ้องข้อความบนนามบัตร

「OW รีซอร์ซ จำกัด มหาชน」

「ผู้ช่วยผู้จัดการ: พัคควังซอก」

“บริษัทเกี่ยวกับอะไรครับ”

“พวกเราดำเนินธุรกิจเหมืองแร่ในต่างโลก ผมได้ยินมาว่า เมื่อไม่นานมานี้ คุณคังซอนฮูเคยแวะไปที่เหมืองร้างทางตะวันตก”

“ใช่ครับ”

“สถานที่ดังกล่าวถูกสัตว์ต่างโลกยึดครองจนต้องปิดตัวลง แต่คุณคังซอนฮูสามารถผ่านเข้าออกได้อย่างอิสระ…”

ฉันแค่ไปเอาหัวเมดูซ่ามาสร้างดีบุกผสาน

“ผมมาเพื่อว่าจ้างให้สำรวจและสืบสวนที่นั่น”

คำว่าจ้างมีดังนี้

อันที่จริง เหตุผลในการปิดเมืองตะวันตกมิใช่เพียงเพราะเมดูซ่า

พอมาคิดดูก็จริง แม้เมดูซ่าจะเป็นภัยคุกคาม แต่ถ้ามนุษย์คิดจะขับไล่ ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้สักหน่อย

ปัญหาหลักคือเรื่องเงิน

การใช้กำลังทหารขับไล่เมดูซ่าจะคุ้มกับกำไรจากเหมืองหรือไม่?

ดูเหมือนว่าบริษัทจะประเมินว่าไม่

ตัวปัญหาไม่ได้อยู่ที่เมดูซ่าเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงเขาวงกตขนาดมหึมาด้านใน

“เราเคยจ้างบริษัทตรวจสอบหลายแห่งให้ช่วยยืนยันว่า ด้านในมีแร่ธาตุแปลกใหม่ที่มนุษย์ไม่รู้จักจริงหรือไม่ และมีการส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบสองสามครั้ง…”

“เจอเขาวงกตสินะ”

ผู้ช่วยผู้จัดการทำตาลุกวาว

“ใช่ครับ เป็นเขาวงกตขยับได้ การสำรวจครั้งแรกและครั้งที่สองมีภูมิประเทศไม่เหมือนกัน”

ก็คงงั้น

คำอธิบายของผู้ช่วยผู้จัดการยังไม่จบ

“และนั่นไม่ใช่แค่ปัญหาเดียว”

“เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทุกคนกลับมาพร้อมกับอาการทางจิตแปลกๆ?”

“…ใช่ครับ”

“ทุกคนถูกบังคับให้ลาออก… นอกจากนั้นพวกคุณยังได้รู้ว่า วงกตนั่นคือต้นตอของเมดูซ่า?”

“ใช่ครับ ตรงตามข่าวลือทุกประการ”

ผู้ช่วยผู้จัดการถูฝ่ามือคล้ายกับมองเห็นทางออกของปัญหา

“ทางเราฝากให้คุณช่วยสืบสวนได้ไหมครับ? แค่ตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในกันแน่… และเนื่องจากที่นั่นอันตรายมาก พวกเราจะบอกทุกเรื่องที่รู้ให้คุณคังซอนฮูทราบ และจะคอยอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่”

ตามปรกติแล้ว นี่คือชุดคำพูดที่ฉันอยากได้ยิน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉันกลับยังไม่พอใจ

ฉันพยักหน้าและเสริม

“ผมขอเพิ่มเงื่อนไข”

“พวกเราจะปรับค่าใช้จ่ายให้สมเหตุสมผลมากที่สุด… ค่าจ้างก้อนแรกเป็นเงินสองพัน ส่วนที่เหลือจะขึ้นอยู่กับระดับความยากของงาน หรือบางทีทางเราอาจมีข้อเรียกร้องเพิ่มเติม”

ฉันส่ายหน้า

“เงินก็สำคัญ แต่นั่นไม่ใช่เงื่อนไขของผม”

ฉันหยิบสมุนไพรบางชนิดออกจากกระเป๋าเป้ใบที่พกเดินทางลงใต้

“รับมันไป… ต้มให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทุกคนกิน”

“ครับ?”

“พวกเขากำลังจะตายในอีกไม่กี่เดือน”

ถ้าตายคนเดียวก็ว่าไปอย่าง

“คนเหล่านั้นอาจเพ้อคลั่งและฆ่าคนรอบตัวด้วย”

“…”

“ผ่านมาสักพักแล้วนี่ คุณควรเร่งมือหน่อย… ถ้ารักษาสัญญาข้อนี้ได้ก็เป็นอันตกลง”

“…จะรีบติดต่อสำนักงานใหญ่ทันทีครับ”

หงึก

ในภูเขามีโพรงขนาดใหญ่ เส้นทางคดเคี้ยวเหมือนเขาวงกต ทุกคนที่เข้าไปจะกลับออกมาในสภาพกึ่งเสียสติ

ฟังแค่นี้ก็เข้าใจสถานการณ์อย่างทะลุปรุโปร่ง

“…ภูตภูเขา”

สายพันธุ์ท้องถิ่นที่ดำรงชีวิตร่วมกับรากภูเขา

ในบางครั้ง พวกมันจะขึ้นมาบนดินและทำตัวก้าวร้าว ในป่าที่ฉันเคยอาศัยก็มีอยู่ตัวหนึ่ง เราปะทะกันอย่างดุเดือดในช่วงแรก แต่จู่ๆ อีกฝ่ายก็สงบศึกและเหลือเพียงความทรงจำระหว่างกัน

อันที่จริงฉันไม่เคยเห็นตัวเป็นๆ มาก่อน แต่หลักฐานแวดล้อมจำนวนมากยืนยันการมีตัวตนของมัน

ฉันเคยเรียกสิ่งมีชีวิตลึกลับชนิดนี้ว่า ‘ผู้อัญเชิญ’ เพราะมันสามารถสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมาจากดิน

ก้มมองคันธนู

นี่คือโอกาสอันดีที่จะได้ทดสอบประโยชน์

* * *

“ภูตภูเขา?”

ฉันเล่าทุกสิ่งให้ลิลี่ฟังโดยไม่ปกปิด

ภูตภูเขาเป็นชื่อที่ฉันตั้งเอง ไม่รู้ว่าลิลี่เรียกอย่างไร

สิ่งมีชีวิตที่อาศัยในภูเขา, สื่อสารกับภูเขา, อยู่ร่วมกับราก, และสร้างสิ่งมีชีวิตประหลาด

นั้นคือข้อมูลทั้งหมดที่ฉันมี

ขณะยกมีดล่าสัตว์ขึ้นมาถือ

“หืม…”

อากัปกิริยาของลิลี่ด้านหลัง ค่อนข้างไม่ปรกติ

“เจ้าน่าจะหมายถึง ‘สปริกแกน*’ หนึ่งในภูตธาตุ” (Spriggan)

“รู้จักก็ดีแล้ว งานของเราจะได้ง่ายขึ้น”

“เจ้าคิดจะสู้กับมัน?”

“ทำไม?”

“อาจไม่ต้องทำแบบนั้น”

ขณะกำลังเตรียมตัว ฉันหยุดมือและหันหลังกลับไปมอง

ลิลี่กำลังทำหน้าขรึม

“มันอาจอยู่ข้างเจ้า”

“…?”

“สปริกแกนจะรับใช้ผู้ปกครอง ไม่ใช่แค่สปริกแกน แต่เป็นภูตธาตุทั้งหมด อาณาจักรของข้าก็มีภูตธาตุเป็นพันธมิตร ตระกูลของข้าคือตระกูลผู้นำทาง และผู้นำทางคือหนึ่งในสิบสองผู้ปกครอง”

“…?”

เจ้านั่นรับใช้โฉมผู้ปกครอง?

“ถ้าภูตธาตุตนใดไม่ได้รับใช้ผู้ปกครอง หมายความว่ามันกำลังต้องการบางสิ่ง”

“มันทำอะไรได้บ้าง”

“หืม… เก่งที่สุดคือการสอดแนม รากของภูเขาล้วนเชื่อมต่อกัน และสปริกแกนสามารถเคลื่อนที่ไปมาระหว่างราก”

โชคดีจริงๆ ที่มีลิลี่

เห็นทีคงต้องเปลี่ยนแผน

______________________

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด